ห้องของปู่ เราชวนกันเข้าไปในห้องนั้น ห้องที่ปู่บอกห้ามเข้าเด็ดขาด

ห้องของปู่
ห้องของปู่

เรื่องของปู่เรา เกริ่นไว้ก่อนนะคะ ครอบครัวฝั่งพ่อเรา ส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีวิชาด้านไสยศาสตร์ แต่ไม่ใช่มีไว้ทำร้ายคนนะคะ มีไว้ช่วยเหลือคนคะ บ้านพ่อเรามีพี่น้องทั้งหมด 14คน แต่เหลือ13คน เพราะน้องคนสุดท้องตายไปตอนยังเด็ก พ่อเราเป็นลูกคนที่5 บ้านพ่อเราเป็นชาวนาทั้งปู่และย่า ปู่สืบทอดวิชาจากคนในครอบครัว และมีห้องพระอยู่ชั้นสองของบ้าน คือเวลานอน ปู่ย่าพ่อและน้องๆพี่ๆพ่อจะนอนข้างล่างกันหมด ชั้นสองของบ้านคือห้องพระทั้งหมดเลย

ด้วยที่ปู่เรามีลูกหลายคนและเป็นชาวนา ในตอนนั้นถือว่ามีความเป็นอยู่ที่ลำบากเลยละคะ ไม่รวยเงินแต่รวยที่ดินคะ ปู่เราเลี้ยงวัว20ตัว ลูกๆทุกคนจะต้องรับผิดชอบวัวคนละตัวสองตัว เวลามันหิวต้องตัดหญ้า หรือพามันไปกินน้ำตามบึงต่างๆ ในสมัยพ่อยังเด็ก ตามรั้วบ้าน ต้นไม้ เสาบ้าน แม้กระทั่งบึงจะมี สิ่งทึ่มองไม่เห็นซ่อนอยุ่ ปู่เราท่าเป็นคนไม่ค่อยพูด มีอะไรเกิดขึ้นหริอผิดสังเกตแกจะไม่บอกใคร แต่แกจะจัดการเอง เหมือนเป็นปกติไม่เกิดอะไร จนคนในครอบครัวรวมพ่อเรา ไม่มึใครรู้เลยว่าปู่เป็นหมอธรรม มีแต่ย่าที่รู้  รู้แต่ว่าปู่บูชาพระ ชอบเก็บสะสม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และนี้ละเป็นเหตุให้เราสงสัยตอนเด็ก ทุกๆคนในครอบครัวปู่ น้อยคนที่จะได้เข้าไปในห้องพระของปู่ เพราะแกจะล็อคกูญแจไว้อย่างดี

เราน่าจะอายุประมาณเก้าขวบได้ตอนนั้น ส่วนพี่เรา 11 ขวบ ไปร่วมงานบุญที่บ้านปู่ บ้านจะเปิดต้อนรับคนมาร่วมทำบุญ มีงานบวชของลูกพี่ลูกน้องเรา คือจำไม้ได้ว่าพี่เขาชื่ออะไรคนที่บวชอะ ด้วยปู่มีลูกหลายคน หลานก็ต้องหลายคน เราไม่สามารถไล่ชื่อเรียงตามลำดับได้เลย จำได้แค่ 5 อันดับแรกเท่านั้น เพราะพ่อเป็นคนที่5 และส่วนใหญ่ ลูกๆปู่ไม่ได้อยู่ด้วยทุกคน มีหนีออกจากบ้านและหาไม่เจอด้วย แต่ปู่เรานิ่งนะ แกบอกถ้ามีบุญต่อกันเดี๋ยวก็กลับมา

งานบุญวันนั้นทุกคนวุ่นวายกับงานกันหมด ของกินเยอะมาก แซ่บนัวกันไป กินไม่อั๋น หลายคนอาจสงสัยเป็นชาวนาทำไมจัดงานแบบนี้ได้ อย่าลืมนะปู่เรามีลูกหลายคน และมีหลายคนที่ได้ดี พอมีเงิน อาจพ่อเราเนี่ยก็รับราชการ ไหนๆขอเล่าเรื่องพ่อนิดหนึ่ง พ่อเป็นน้องคนที่5 ก่อนหน้าพ่อเป็นผู้หญิงหมดเลย จนทุกคนหาว่าพ่อเป็นกะเทย อยู่แต่กับพี่เป็นคนเรียบร้อย ตอนพ่อยังเด็ก เหมือนกับเป็นพี่คนโตอะ ทุกอย่างพ่อจะเสียสละให้น้อง 

จนอายุถึงเกณฑ์เป็นทหาร พ่อสมัครไปเกณฑ์ทหารเลยเพื่อจะให้น้องๆเรียน ส่วนพ่อไปเป็นทหาร สมัยนั้นที่พ่อเป็นอยู่ในช่วงคอมมิวนิสหนีเข้าไปอยู่แถวๆเขาค้ออะ ถึงวันที่พ่อจะไป แถบอีสานจะไปไหนไกลๆเสี่ยงตาย เขาจะทำการสู่ขวัญ ผูกข้อมือต่อแขน แน่นอนปู่เราเป็นคนทำพิธี และสวดปลุกเสกตะกรุด ให้พ่อเราเอาไปด้วย  

วันที่พ่อไป พ่อบอกว่าปู่ไปเลี้ยงวัวแต่เช้าตามปกติ ไม่ได้มาลาพ่อเลย พ่อรู้สึกเหมือนมีปู่มาส่งตอนขึ้นรถนะ แต่ตัวไม่มา เงินที่นำเป็นค่าเดินทาง ญาติๆพ่อก็เก็บรวบรวมมาให้ เงินพอแค่เดินทางไปถึงขนส่งและกินข้าวหนึ่งมื้อเท่านั้น นอกนั้นพ่อบอกไปอยู่วัด รอวันรายงานตัว ไม่ใช่ว่าปู่ไม่รักลูกนะ แต่แกไม่แสดงออกอะ จนถึงตอนที่พ่อทำหน้าที่ พ่อสอบเป็นทหารพยาบาลได้ ลากเพื่อนที่โดนยิงเมื่อมีการปะทะกลับฐาน 

พ่อบอกทุกๆครั้งที่เกิดการปะทะ พ่อจะสวดบทบูชาตะกรุดไปด้วย ไม่รู้ว่ามีของดีหรืออะไร พ่อเราถึงรอดมาได้ ทุกอย่างสงบลง เพื่อนพ่อบางคน ขาขาด หรือหนักก็เสียชีวิต พ่อกลับมาที่กรมตามเดิม สถานการณ์เหมือนทหารเกณฑ์ทุกวันนี้คะ ไม่มีอะไรมาก ไปขับรถรับใช้นายบางที ฝึกยิงปืนโน้นนี้ อยู่สักพัก พ่อได้เป็นนายสิบ แกไม่ชอบเป็นทหาร แกเลยแอบกรมไปสอบรับราชการครู กลับมาโดนที่กรมทำโทษ ระหว่างฝึกพ่ออ่านหนังสือรับราชการตลอด เรียนก็ไม่ค่อยได้เรียนหรแก พ่ออาศัยขยันมากว่า จากนั้นพ่อเลยรับราชการจนถึงทุกวันนี้

กลับมาที่งานบุญบ้านปู่เราต่อกันเถอะ ออกทะเลไปไกลเลย ทุกคนวุ่นวายกับงาน ปู่นั่งรับแขกที่ชั้นล่างของบ้าน เรากับพี่จะรู้ว่าถ้ามีงานมงคล ทำบุญ ปู่เราจะเปิดห้องพระเพื่อรับลม ให้อากาศถ่ายเท หรืออะไรสักอย่าง ด้วยความซน ถามว่าอยู่ข้างล่างบ้านมั้ย ก็อยู่ แต่พอกินอิ่มแล้วก็หาของเล่นสิรออะไร พี่เราตัวดีเลย มากระซิบข้างหูชวนขึ้นไปบนบ้าน เรากล้าๆกลัวๆอะ เพราะครอบครัวปู่เราเขาจะซีเรียลมากเรื่องห้องพระ กำชับอย่างดีว่าห้ามเข้าไปเล่นในห้องพระ เดี๋ยวของวางไม่เป็นที่

พี่นี้ก็ชวนจัง มันบอกว่าไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าปู่ไม่ให้ใครเข้าไปปู่จะเปิดห้องพระไว้ทำไม เราคิดแปปนึง เหมือนจะกลัว แต่ก็เดินตามหลังพี่ขึ้นบันไดเฉยเลย ก็มันอยากรู้อยากเห็นนิ โอกาสมาขนาดนี้

พี่และเราขึ้นบันได แบบเงียบๆ ในขณะที่ข้างล่างกำลังวุ่นวาย แขกเริ่มมากันเต็มไปหมด เสียงเพลงทำให้ทุกคนไม่ได้ยินเสียงเรากับพี่เดินบนบ้าน บ้านมันเวลาเดินจะเสียงดัง พอเดินถึงบันไดขั้นสุดท้ายที่จะก้าวขึ้นชั้นสอง บนนี้สะอาดสะอ้านมาก แผ่นไม้เงาวับ ทันใดนั้นเราสองคนสะดุดกับอะไรบางอย่าง ล้มลงดัง ตึ้งๆ ใช่ดังตึ้งๆ สองครั้ง แอบงงว่าทำไมดังสองครั้งเพราะเรากับพี่ล้มลงพร้อมกัน เราเกาะแขนพี่แน่น จนพี่ดุ

ตอนนั้นหลับตาไปเลยอะ อยากจะวิ่งลงไปข้างล่าง อยากกรี้ด แต่กลัวปู่รู้แล้วโดนตี ได้แต่เงียบผสมกับจะร้องไห้ โคตรขี้แงเลยว่ามั้ย พูดแล้วก็ขำ พี่บอกให้ลืมตา ตอนแรกไม่กล้า แต่พี่บอกว่าเราสะดุด ลูกมะพร้าวแห้ง เฮ้อโล่งออก ยอมลืมตาก็ได้

ไม่รู้พวกคุณจะเคยรู้จักมั้ยนะคะ สมัยก่อนไม่มีน้ำยาขัดเงาพื้นไม้เหมือนทุกวันนี้หรอกคะ คนโบราณเขาใช้ลูกมะพร้าวแห้งผ่าครึ่ง เอาน้ำออกแล้วเอาไปตากให้แห้ง จากนั้นคว่ำด้านเรียบลงพื้น ใช้มือหรือเท้าลากลูกมะพร้าวไปตามพื้น ขัดจนเงาก็ถือว่าเสร็จงาน นี้ก็เป็นของเล่นของเราตอนเด็กชิ้นหนึ่งเหมือนกัน ชอบขัดพื้นแข่งกัน

พอเห็นเป็นมะพร้าวก็เดินต่อ เราเอามือออกจากแขนพี่แล้ว เดินตาม ด้านบนเหมือนบ้านเรือนไทยอะคะ มีห้องหนึ่งห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตู้ทางเข้า 3 ทาง ตอนนั้นประตูเปิดไว้ทุกบาน อากาศข้างบน เย็นยะเยือกนิดๆ คิดไปเองหรือป่าวไม่รู้แต่เย็นจนขนลุก

กลิ่นธูปลองออกมาจากด้านในของห้อง เงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงคนด้านล่างต้อนรับแขก พี่เดินนำทางเข้าไปที่ประตูที่ใกล้บันไดมากสุด ขณะที่ค่อยๆเดินเข้าไป ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดมาข้างบน เรากับพี่ รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที แต่ตอนเข้าไปได้ยินเสียประตูบานถัดไปปิดดัง ปั๊ง ปู่หันหน้าไปตามเสียง แล้วพูดว่า เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ยุ่งอยู่ อย่าเพิ่งมากวน

เรากับพี่กลัวมาก กลัวว่าปู่จะเข้ามาเจอ จนลืมคิดไปว่าปู่คุยกับใคร คิดแต่ว่าถ้าประตูไม่เปิด ปู่น่าจะมาเปิดเอง พี่เลยเดินวนเพื่อจะไปเปิดประตูบานนั้น แต่เดินได้แค่สามก้าว ประตู มันเปิดเอง

เห้ย พี่กับเรามองหน้ากันไปมา เกิดอะไรขึ้น พี่พูดแบบไม่มีเสียว่า ลมมันพัด ไม่ต้องกลัว เราสองคนหยุดนิ่ง ฟังเสียงเดินของปู่ ตอนนี้ปู่เดินลงไปข้างล่างแล้ว แกขึ้นมาเอาหมอน ที่วางไว้มุมหนึ่งของลานบ้านไปให้แขก

เราถอดหายใจพร้อมกัน รอดละตู  เข้ามาห้องพระเรียบร้อย รีบเข้ามาจนลืมสังเกตว่าห้องพระปู่ เรียบร้อยมาก สะอาดกว่าด้านนอกสองเท่าเลย ผิดคาด เพราะเราคิดว่าน่าจะออกแนวชลัง มีหยากไย่เยอะๆงี่ เหมือนหนังหมอผีที่เห็น แต่ไม่ไช่เลย

ถึงแล้วใช่ไหมไม่รอช้า สำรวจห้องต่อ ที่หิ้งพระปู่ มีพระดังหลายองค์เลย จากที่พี่เราบอกนะ มันออกแนวเด็กบ้าพระอ่ะ เป็นเด็กปั้นของปู่ แต่ก็โดนห้ามไม่ให้ขึ้นมาเหมือนกัน

พี่เราพยายามจะหาของเล่นที่วางอยุ่ด้านข้างของเครื่องพระ เป็นเหมือนตุ๊กตา เด็กสองตัว เรากลัวไม่กล้าจับอะไรเลย ปู่เคยบอกไว้ใครที่จับของๆคนอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาต เดี๋ยวโดนคำสาป ไอ้เราก็เชื่ออีกนะ

ไม่ทันจะได้พูดกับพี่ว่าปู่เคยบอกไว้ พี่เราจับเอาตุ๊กตาสองตัวรั้นมาเล่นเรียบร้อย อยู่ในมือทั้งสองข้าง อยู่ดีๆเรารุ้สึกเหมือนมีคนมองคนอยู่อีกมุมของห้องกำลังจ้องมองเราสองคนอยุ่ แต่พอหันไปก็ไม่เจอ ขนลุกซู่ ขนหัวรุ้สึกเหมือนมีไฟฟ้าสถิต จากนั้นตามด้วยเสียงคนวิ่ง และเสียงหัวเราะ ในห้องพระของปู่ เราและพี่หันไปตามเสียงมุมห้อง แต่สักพักเสียงนั้นก็หายไป 

เราสองคนเริ่มมองหน้ากัน กลัวกันทั้งคู่ แต่ในมือพี่เราก็ยังไม่วางตุ๊กตาสองตัวนั้นนะคะ ตอนเด็กเราไม่รู้จักกุมารหรือรักยมอะไรนั้นหรอกนะคะ รู้จักแต่พี่ ถ้าไม่ใช่คนก็น่าจะเป็นพี่ ระหว่างที่พี่และเราสบตากัน เสียงหายไปจากมุมห้อง มันดังขึ้นอีกรอบ เป็นเสียงขู่และหัวเราะปนกัน ที่นี่ไม่ต้องหาตามเสียงเลยคะ เพราะสิ่งที่ดังอยู่ มันอยู่ในมือของพี่เราเอง ย้ำพี่เราถือมันอยู่ ไม่รอช้าพี่เราสะบัดตุ๊กตาสองตัวนั้นออกจากมือ สะบัดยังไงก็ไม่หลุด เสียงหัวเราะเสียงขู่ดังขึ้นเรื่อย ฮิๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ แฮ่ๆ ๆ ๆ ค่อยๆดังขึ้นๆ ช้าๆ พร้อมกับบอกว่า จะบอกพ่อๆ หนูมีเพื่อนมาเล่นด้วยสองคน

คุณเอย พี่เราตัวสั่น ลุกขึ้น สะบัดๆๆ ตุ๊กตาสองตัวเกาะมือพี่เราแน่น อาจจะสงสัยจะเกาะได้ไง เกาะได้สิ มันขยับได้ เสียงหัวเราะยังดังต่อไป ภาพที่เห็นตุ๊กตาตอนนี้คือ มันค่อยๆยิ้มให้เราสองคน บอกมาเล่นกันเราเถอะ ตามด้วยกระโดดลงจากมือพี่ชายเรา แล้ววิ่งไปตามผนังของบ้านชั้นบน มันวิ่งไปปิดประตูทุกบานดัง ปัง ๆ ๆ จนครบ ทีนี่ย้ายมาเล่นที่หัวของเรา ดึงผมไปมา สลับกับปล่อยและวิ่งมาดึงใหม่ พี่เราโดนตุ๊กตาอีกตัวดีดหู ดึงเสื้อ เรายืนนิ่งแล้วเอามืออุดหู อยากจะหลุดออกมาจากตรงนี้ 

พี่ชายกุมมือเราแล้วร้องไห้ เราก็ร้องไห้ ปากสั่นพูดไม่ออก หลับตา ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป ตุ๊กตาสองตัวนั้นเล่นแรงขึ้น จากวิ่งอ้อมพระเครื่องโต้ะหมู่บูชา เปลี่ยนเป็นวิ่งชน ดังโครม ถาดธูปตกลงบนพื้นบ้าน พยายามโยนของใส่เรากับพี่ พี่เรารวบรวมความกล้า รีบพาเราไปที่ประตูบานที่ใกล้ที่สุด คนทึ่อยู่ข้างล่างน่าจะได้ยินเสียงบนบ้านเแล้วแน่ๆ ตอนแรกมันเปิดไม่ได้ เรานึกถึงปู่ อธิษฐานบอกปู่ ช่วยด้วยๆๆๆ หนูยอมทุกอย่าง ทั้งร้องไห้ทั้งทุบประตู ตุ๊กตาสองตัวเห็นเรากับพี่พยายามจะออกไปจากห้อง มันไต่เกาะตามผนังแล้วมาหยุดที่ประตูบานที่เราอยู่ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ 

เสียงหัวเราะหวีดแหลม แสบแก้วหู ทำไมเจ้าไม่เล่นกับพวกข้า… ไม่สนุกเหรอๆ อยู่นี้มีเพื่อนเยอะนะ เดี๋ยวชวนมาเล่นด้วยกัน เราหลับตาไม่มองตุ๊กตาที่อยู่ตรงหน้า แล้วตะโกนว่า ไม่เล่น ขอโทษที่มากวน เราอยากหาพ่อ เราอยากออกไปข้างนอก พร้อมกับร้องไห้หนักกว่าเดิม ร้องไห้จนลิ้นแห้ง คอแห้ง เพิ่งรู้จักก็วันนี้ละ ร้องไห้จนไม่มีเสียง

ทำยังไงประตูก็เปิดไม่ได้ พี่เราเลยบอกให้สวดมนต์ รวมถึงแผ่เมตตา ทุบประตู้ให้เสียงดังมากที่สุด เพื่อคนข้างนอกจะได้ยิน

ตอนนี้ทุกอย่างในห้องดูเหมือนจะเงียบลง เราลืมตาขึ้น มองไปรอบๆห้องอย่างหวั่นๆ ตัวสั่น มือสั่น หัวใจเต้นแรง พี่เลยลองเปิดประตู ที่นี่เปิดได้

แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนเปิดออกได้นั้น คือปู่ของเรา ที่ยืนกอดอกแน่น หน้าโกรธมาก ไม่พูดไม่ด่าพี่ชายกับเราสักคำ บอกแต่ว่าให้ลงไปข้างล่าง อย่าขึ้นมาที่นี้ ถ้าปู่ไม่ลงไป แน่นอนสิใครจะอยู่ พี่และเรารีบวิ่งลงมาข้างล่างทันที ทุกอย่างดูปกติ ทุกคนเหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงหรือรับรู้ว่าพี่กะเราแอบขึ้นไปบนห้องพระของปู่ มีปู่คนเดียวที่รู้ จากนั้นเรากะพี่ตามหาพ่อ

เมื่อเห็นพ่อเราสองคนรีบเข้าไปกอดทันที ร้องไห้ ไม่หยุด เราจำได้ว่าเราพูดไม่เป็นคำเลย คุยไม่รู้เรื่อง พี่เราเอาแต่พูดคำว่าตุ๊กตาสองตัวเดินได้ พ่อพยายามถามว่าไปเล่นอะไรมา เราสองคนไม่กล้าบอก เพราะพ่อเคยบอกแล้วว่าอย่าขึ้นไปบนห้องพระของปู้เดี๋ยวขาด

พ่อเห็นเราสองคนร้องไห้หนักคงจะคุยไม่รู้เรื่องแกเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ เรากะพี่เหงื่อแตก ที่น่าตกใจคือเราฉี่แตกใส่กางเกง ใช่ฟังไม่ผิด เราฉี่แตก พ่อเห็นท่าไม่ดี แกคงคิดว่าไปเจออะไรมา คือเคยถามพ่อว่าตอนนั้นทำไมพ่อรู้ว่าหนูเป็นอะไร พ่อบอกทำไมจะไม่รู้ เพราะตอนเด็กพ่อก็เคยเป็น ลูกเข้าไปในห้องพระปู่ใช่มั้ย ทีนี่ละน่ากลัวของจริง

พอพ่อรู้ ไม้เรียวลอยมาตรงหน้าเลย ให้เลือกเอาว่าจะบอกความจริงหรือไม่พูดและโดนทำโทษ สมัยนั่นที่เขาบอกหวายแช่เยี้ยวอะ มันมีจริงนะจะบอก ตีทีนี้แสบยันอาทิตย์หน้า เราเป็นน้องไม่รู้ประสา ตอบพ่อว่าใช่ เราสองคนแอบขึ้นไปห้องพระของปู่ เท่านั้นละ พ่อกระหน่ำหวายใส่เรากับพี่คนละสิบครั้ง โคตรแสบ โคตรเจ็บ…เรื่องของปู่เราก็จบเพียงเท่านี้

ที่มาสมาชิกหมายเลข 3345343 

ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน

Previous articleเรื่องของแม่ ตอนเด็กฉันไม่กล้านอนกับแม่
Next articleเดลิเวอรี่ ทุก 3 ทุ่ม พนง.คนนี้จะมากดกริ่งที่หน้าห้อง