เรื่องของแม่ ตอนเด็กฉันไม่กล้านอนกับแม่

เรื่องของแม่
เรื่องของแม่

สวัสดีคะ เรามีเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวในตอนที่เราอายุได้11ปี ตอนนั้นก็ประมาณ ป.5 ครอบครัวอยู่ในชนบท แต่ก็ไม่ถึงกับหลังเขา บ้านเราข้างล่างเป็นปูนข้างบนเป็นไม้ บ้านตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ไม่รู้ว่ากี่ปีแต่ข้างบนเป็นไม้อย่างดี พ่อรับราชการ ส่วนแม่เป็นครูสอนเด็กก่อนอนุบาล สมัยนั้นเรียกเด็กก่อนเกณฑ์และโรงเรียนจะอยู่ในวัด ย้ำอยู่ในวัด ซึ่งเราก็เคยเรียนที่นั้นมาก่อน 

เข้าเรื่องแม่ของเราเลยละกัน แม่เป็นคุณครูใจดี ที่ไม่ค่อยเจ็บป่วยหรือลา แต่ตอนที่แม่คลอดเรา หมอตรวจพบว่าแม่เป็นโรคคอพอก จะมีอาการเชื่องซึมในเคสของแม่ เหนื่อยง่าย อารมณ์ไม่คงที่ บางทีแม่ก็จะโมโหใส่เราโดยไม่มีเหตุผล พ่อก็จะเป็นคนมาปลอบเสมอ ด้วยที่แม่เริ่มป่วยเลยลาไปพบหมอบ่อยๆ และสุขภาพร่างกายอ่อนแอ บวกกับอารมณ์หงุดหงิดง่าย เหนื่อยเร็ว ที่ทำงานแม่ก็เริ่มนินทา เพราะช่วงนั้นหยุดบ่อยมาก พ่อเลยตัดสินใจให้แม่ออกจากงาน ในตอนนั้น

จากนั้น ช่วงแรกๆที่ออกมาแม่ทำอาหาร ทำงานบ้าน ตามปกติ แต่ผ่านไปสักพักแม่เริ่มขี้เกียจ มีแต่นอน ตั้งแต่เช้ายันเย็น บางทีก็ทั้งวันทั้งคืน ตื่นมากินข้าวแล้วก็นอนต่อ บางทีเราเข้าไปคุยด้วยหรือทำอะไรไม่ถูกใจแม่ก็จะตวาด แม่จะไล่ให้เราไปล้างจาน เพราะชอบทิ้งไว้เป็น วันๆ

แต่อยู่มาวันหนึ่ง พ่อบอกแม่ตื่นเช้ามาก ตื่นขึ้นมาทำกับข้าว พ่อก็แอบดีใจว่าแม่อาการดีขึ้น แต่ที่ตื่นมาทำกับข้าวเนี่ยไม่ได้ทำให้ที่บ้านนะคะ พ่อบอกแม่ทำไปทำบุญที่วัด เช้านั้นเราก็ได้กินกับข้าวฝีมือแม่นิดหน่อย พ่อแอบแบ่งไว้ให้ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นเด็กก็ไปเรียนตามปกติ แม่อาจจะอยากทำบุญ ฟังธรรม จิตใจสงบจะได้ไม่คิดเรื่องโรคภัยก็ได้ วันนั้เราก็ไปเรียนตามปกติ พอกลับมา เจอแม่นอนอยู่ที่เปล เรียกก็ไม่คุยด้วย แต่ยังหายใจนะคะ เราก็ไม่สนใจตามเคย

และทุกๆวันตกดึกแม่จะตื่นขึ้นมาตอนตีสองไปจ่ายตลาด ทำกับข้าว ไปทำบุญทึ่วัด และจะเจาะจงทำบุญให้กับคนๆหนึ่งตลอด ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แม่ไม่สนใจจะพูดคุยกับครอบครัว เหมือนเป็นคนอื่นไปเลยอะคะ พ่อก็เริ่มกังวล ว่าแม่จะเป็นอะไร ตอนนั้นพ่อกู้เงินมาประมานสี่แสนได้ เตรียมจะไปซื้อที่ดิน แม่เอ่ยปากขอ จะเอาเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญ สร้างเจดีย์ แต่พ่อไม่ยอม พ่อกับแม่ทะเลาะกันในวันนั้น แม่เลยขับรถออกจากบ้าน บอกจะไปหาเงินมาทำบุญ ก่อนหน้านั้นแม่เอาเงินจากพ่อไปทำโรงทานที่วัดประมานสองสามหมื่นได้ และบริจาคให้แก่ทางวัดเป็นกูศลให้ป้าคนหนึ่ง ที่แกตายไปแล้วในหมู่บ้าน พ่อเคยถามว่าทำไมถึงทำให้เขา แม่บอกว่าเขาเคยช่วยเหลือแม่มาก่อน พอเขาตายก็ได้แต่ทำบุญให้ อยากตอบแทนบุญคุณ

เช้าวันต่อมาหลังจากพ่อกับแม่ทะเลาะกัน พ่อได้ข่าวว่าแม่ไปขอเป็นลูกบุญธรรมของย่าคนหนึ่งที่มีเชื่อสายแขก ซึ่งเขาเป็นคนรวยนะคะ ในตอนนั้น เป็นแม่ค้าขายเนื้อวัว เป็นอิสลามอะคะ แม่ไม่ยอมกลับบ้าน ไปอยู่กับย่าคนนั้น และยังคงทำบุญอยู่ตลอด วัดไหนมีงานบุญมีแม่เราไปแน่นอน เป็นเจ้าภาพเกือบทุกงาน ชาวบ้านก็เริ่มทักว่าแม่เราเป็นบ้าทำบุญ บ้างก็บอกเป็นคนใจใสสะอาด เข้าทางธรรมมะ

ตอนนั้นสภาพที่บ้านก็มีแต่พ่อเราที่ดูแลเราและพี่ชายของเรา ซึ่งพ่อก็หาวิธีแก้ไขด้วยการไปดูดวงให้แม่ ว่าแม่ดวงตกหรืออะไรหรือป่าว เพราะแปลกไปมาก เราก็คิดนะ แต่ไม่น่าดวงตกเพราะแม่ ทำบุญชะขนาดนั้น

ที่บ้านเราเชื่อเรื่องผีและบรรพบุรุษมาก พ่อเลยเชื่อในเรื่องของการดูดวง อีกอย่างปู่ของเราเป็นหมอธรรม สมัยนั้นก็ประมานว่าเป็นหมอผีประจำหมู่บ้าน ที่แบบช่วยเหลือคน เป่ามนต์คาถาให้หายป่วย ดูดวงชะตาได้ ไรประมานนี้คะ พ่อเลยเดินทางไปหาปู่ในอีกหมู่บ้านหนึ่ง เรากับพี่อยู่บ้านกับสองคน ปรากฎว่าแม่กลับมาบ้านในวันที่พ่อไม่อยู่ กลับมาก็บ่นหิวข้าว ร่างกายอ่อนแอ เราเลยทำพวกไข่เจียวให้แม่กินกับข้าวเหนียว แม่ทานเสร็จก็บอกกับเราว่าเหนื่อย ไม่มีแรง เลยนอนหลับไป

ตื่นเช้ามาแม่ก็ยังไม่ตื่น วันนั้นเป็นวันเสาร์ เรามีงานที่โรงเรียน แต่ไม่ได้ไปกลัวแม่อาการไม่ดี  ตกเย็นแม่ก็ยังไม่ตื่น พ่อกลับจากบ้านปู่ แต่ไม่ได้มาคนเดียวปู่ก็มาด้วย รถของพ่อกับปู่ขับยังไม่ถึงหน้าบ้านแม่สะดุ้งตื่นขึ้นมา และวิ่งลงจากบันได*****

พอแม่ตื่นขึ้นวิ่งลงบันได ตอนนั้นเราก็วิ่งตามคิดว่าแม่น่าจะวิ่งหนี แต่ไม่ใช่แม่ลงมารอต้อนรับปู่ของเรา ที่ตอนนี้ถึงหน้าบ้านแล้ว แม่ดูแข็งแรงขึ้นทันตาเห็นเลยอะ บอกให้เราเตรียมน้ำดื่มไว้ให้ปู่ รวมถึงบอกว่าให้เราเตรียมดอกไม้มาไหว้ปู่

ปกติแม่กับปู่ไม่ค่อยจะคุยกันสักเท่าไร เพราะปู่เป็นคนถือศีล ไม่ค่อยพูดกับสตรีหรือโดนตัว ขนาดกับเรานะ ตอนนั้นยังเด็กเวลาเจอปู่จะเข้าไปกอดกับหอมแก้ม แต่ไม่เคยจะได้ทำเลย เพราะพ่อห้ามไว้ดึงแขนไว้บ้างละ ร้องเรียกบ้าง พอดีที่บ้านเราจะแสดงความรักอย่างนั้น แรกๆเราไม่รุ้จะวิ่งเข้ากอดปู่อย่างเดียว แต่หลังๆเข้าไป สวัสดีแกก็ดีใจแล้ว ละปู่จะลูบหัว เบาๆ อ้าววกเข้าเรื่องตัวเองเฉยเลย อย่างที่บอกปู่เราถือศีลผู้หญิงเข้าใกล้ได้แต่ต้องสำรวมนิดหนึ่ง 

เรื่องนี้แม่รู้ก่อนเรา แต่มาวันนี้พอปู่ลงจากรถแม่รีบเข้าหาปู่ เหมือนจะเข้าไปกอด แค่เหมือนจะนะ แล้วแม่ก็ไหว้ปู่ คุยถามเรื่องการเดินทาง ไม่เจอกันนาน ไรประมานนี้ ปู่เราเงียบไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องแม่ ปกติแม่ไม่พูดมากกับปู่แต่ตอนนี้พูดไม่หยุดเลย และก็ถามด้วยว่ารู้จักป้าคนนี้ไหมที่แกตายไปแล้ว แกมาเข้าฝันบอกให้แม่ไปทำบุญให้แกเยอะๆ เรามารู้ทีหลังว่าป้าคนนี้คือป้าที่ได้สามีฝรั่ง ที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเรา ทุกวันก่อนจะถึงบ้านเราจะผ่านบ้านของแกที่เป็นเหมือนวังตลอด เขาว่ากันว่าเมื่อก่อนแกลำบากมากเผาถ่านขายในหมู่บ้านนี้ละ ตอนหลังได้สามีฝรั่งก็ยังเผาถ่านอยู่เหมือนเดิม จนต่อมาแกเสีย คนก็ลือว่ามีผู้หญิงมาติดพันสามีฝรั่งของแก แล้วสั่งฆ่าแกทิ้งเพื่อที่จะเอาสามีแกมาเป็นของตัวเอง อันนี้เราไม่รุ้จิงไหม ตอนนี้เล่ายังขนลุกเลย จะกลับบ้านตอนปีใหม่ด้วยสิ จะเป็นไรไหมเนี่ย

ตัดมาที่แม่เรากับปู่ต่อ หลังจากสวัสดีกันเสร็จ เราก็เริ่มกลัวแม่ เพราะเปลี่ยนไปจากที่เคยคุยเคยรู้จัก แม่เชิญปู่ขึ้นบ้าน ปู่เดินตามไปและยังจ้องแม่อยู่ ยังไม่พูดอะไร พี่เรากับพ่อบอกให้อยู่กับแม่อย่าให้แม่เข้าใกล้ปู่เกินไป แม่คุยกับปู่ไม่หยุด เกี่ยวกับเรื่องการทำบุญ ทีนี้ปู่เริ่มพูด บอกว่าจะมาบอกบุญกับแม่ ปู่พูดถึงเรื่องบ้านที่เราอยู่ว่า มียายทวดอยู่ในบ้าน แกเฝ้าดูแลบ้านของเราไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้าบ้าน แต่ตอนนี้บ้านเหมือนกับมีอะไรบางอย่างอยากเข้ามาอยู่ด้วย พูดแล้วขนลุกเลย เราตั้งใจฟังมาก

อยู่ดีๆ แม่ร้องเสียงดัง โวยวายบอกว่าอยู่มาตั้งแต่เกิดจนจะตายไม่เห็นจะเคยเห็นยายทวดสักที แถมบ้านก็อยู่ดีมีความสุข ขึ้นเสียงกับปู่ยกใหญ่ ปู่เราใจเย็นมาก บอกว่ามันไม่มีอะไรหรอก แค่อยากทำบุญบ้าน จัดทิศทางของชั้นวางพระใหม่ ทำความสะอาดบ้านตั้งทิศทางของมุมบ้านให้ถูกต้อง เพราะบางทีอาจจะมีช่องว่างให้สิ่งที่เราไม่รู้เข้ามาในบ้านได้

พอปู่พูดจบ แม่ก็อ่อนลง อาจจะเป็นเพราะแม่อยากทำบุญ เลยไม่คัดค้านเหมือนตอนแรก แม่บอกจะเชิญแม่บุญธรรมมา แต่ไม่พูดถึงยายกับตาเราเลยด้วยซ้ำ เราเลยถามแม่ว่าแล้วยายละ แม่บอกแล้วแต่อยากชวนมาก็มาได้ทั้งหมด รับบุญไปด้วยกัน ตอนนั้นพอคุยกันเสร็จแม่ขอตัวไปอาบน้ำนอน จะได้ตื่นไปซื้อของทำบุญ ปู่ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้แม่ไปนอน

วันนั้นกว่าจะคุยกันเสร็จก็น่าจะดึกแล้ว เราจำไม่ค่อยได้ ปู่ไม่เคยนอนค้างที่อื่นนอกจากบ้านตัวเอง แต่ครั้งนี้ปู่บอกมาช่วยแม่ แต่ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร เพราะจากที่คุยแม่ดูไม่ค่อยกลัวปู่เราแปลว่า แม่ยังเป็นแม่ของเรา เพียงแต่นิสัยเปลี่ยนไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง ฟังอย่างนั้นก็ชื่นใจนอนหลับได้ คืนนั้นปู่ไม่ได้นอนที่บ้านเรา ปู่ไปนอนที่วัด เพราะอะไรไม่รู้แต่ปู่บอกนอนบ้านเราไม่ได้ เรากลัวมาก ไม่ยอมห่างจากพี่กับพ่อเลย ไม่กล้าเข้าใกล้แม่ บางทีแม่ก็เหมือนปกติ บางทีแม่ก็พูดเหมือนเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักเรา

วันรุ่งขึ้น พ่อตื่นแต่เช้าไปนิมนต์ พระมาสวดทำบุญเลี้ยงภัตตาหารเช้า จากที่เราคิดว่าแม่จะตื่นมาทำกับข้าว แต่แม่นอนหลับสนิท ปลุกก็ไม่ตื่น เหมือนคนกำลังฝันแต่ไม่ยอมตื่น

ปู่มาพร้อมกับพ่อและพระสงฆ์ ญาติๆเราก็มาทำบุญเต็มบ้านไปหมด ทุกคนเป็นห่วงแม่ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นอนไม่ยอมตื่น ส่วนเราก็ทั้งกลัวทั้งเป็นห่วง อยู่ข้างแม่ตลอด เมื่อพระมาถึงอาสนะ ก็สวดมนต์ให้พร ถวายภัตตาหารตามศาสนา แต่ที่ทุกคนต้องตกใจคือ ถึงบทสวดที่จะต้องกรวดน้ำ บอกชื่อผู้รับผลบุญ แม่ตื่นขึ้นมาพนมมือพูดชื่อ ผู้ที่จะได้บุญ ทุกคนในบ้านตกใจ แต่ก็กรวดน้ำต่อจนจบ ทีนี้แม่เริ่มการสนทนาเลยจ้า บอกว่านี้คือการทำบุญใหญ่ของบ้านเรา ทุกคนที่มาจะได้บุญมาก รวมถึงพูดถึงความดีที่ป้าคนที่ตายได้ทำไว้ด้วย ทุกคนงงกันมาก

มีพระรูปหนึ่ง ได้พูดกับแม่ว่า เจ้ามาจากไหน ทำไมมาอยู่ที่นี้ แม่ตอบ ก็เป็นแม่อินี่ไง หมายถึงเราเอง แม่ขยับเข้าใกล้พระรูปนั้น แบบใกล้มาก จนพระท่านเตือนให้อยู่ห่างและสำรวม แต่แม่ไม่ฟัง จะเข้าใกล้ให้ได้ และพูดถึงความลำบากที่อยู่ในครอบครัวของเรา ว่าจนไม่รวย อยู่ลำบาก การทำบุญนี้ละเป็นทางออก พระท่านได้ฟัง เลยถามต่อแล้วทำไมโยมถึงทำบุญให้เพียง คนๆนี้ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวโยมไม่ใช่เหรอ แม่เถียงดังมาก ว่าเกี่ยว เมื่อก่อนป้าคนนี้เคยช่วยแม่ เป็นพี่ที่เคยเล่นด้วยกันตอนเด็ก มีบุญคุนต่อแม่มาก แต่แกโชคร้ายเสียไปชะก่อน ไม่ค่อยได้ทำบุญ แม่เลยจะทำแทน

พอแม่บอกพระท่านว่าจะทำบุญแทนป้าคนนั้น พระท่านได้เสวนาธรรมว่า การทำบุญเป็นเรื่องดีนะแต่ว่า โยมไม่สมควรจะมาดึงแม่ของเด็กคนนี้เข้าไปเกี่ยวด้วย เขาไม่เคยทำร้ายใคร เลี้ยงดูลูกและดูแลสามีอย่างดี การทำบุญนั้น ใครทำคนนั้นได้ การที่โยมทำแบบนี้ไม่ไช่บุญแต่เป็นบาป แยกลูกแยกสามีออกจากกัน ครอบครัวไม่ใช่ครอบครัว ตอนพระพูด เรามองแม่ไปด้วย ตอนนี้แม่กำลังโกรธ ปนกับร้องไห้ ตาแดง แวบหนึ่งแม่หันมาหาเรา ตอนนั้นเราเชื่อว่าเป็นแม่ สีหน้าแม่ดูเหนื่อยและอยากให้ช่วย เวลาไม่นาน อยู่ดีๆแม่หัวเราะ และบอกว่า

แม่อินี่มันจิตอ่อน แม่ชี้หน้าเราและหัวเราะ บอกเลยตอนนั้นเรากลัวกอดแขนพ่อไว้แน่น แม่พูดต่อ มันยอมให้กูเข้ามาได้ ก็แปลว่ามันอยากให้กูอยู่ด้วย บ้านหลังนี้ก็เป็นทางของพวกกู มีตั้งหลายตัวที่อยากจะมาอยู่ด้วย ดีแล้วที่เปนกธ พามันไปทำบุญ เพิ่มบารมี มันลำบาก มันเหนื่อย กูทำไห้มันแข็งแรงได้

ตอนนั้นเราเริ่มร้องไห้และเรียกหาแม่ แม่ แม่ มาหาหนู แม่อยู่ไหน แม่หันมาบอก กูไม่ใช่แม่ เราร้องไห้หนักกว่าเดิม ปู่เริ่มนำสายสิญ กับอะไรบางอย่างออกมาแล้วสวดมนต์ พร้อมกับถามแม่ว่าจะไปมั้ย จะปล่อยให้ครอบครัวเขาเป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ

แม่หันมาด้วยความโมโห กูไม่ได้ทำร้ายใคร ครอบครัวมันก็ยังอยู่ แม่อินี่ก็ยังอยู่ กูอิจฉามันที่มีความสุข แต่กูต้องมาตาย ทั้งๆที่กูมีทุกอย่างแล้ว

เราตัวสั่น พี่เราเข้ามาปลอบ บอกตรงๆตอนนี้เราเล่ายังรู้สึกใจเต้น ใจสั่นเหมือนตอนนั้นจริงๆเลย เราทั้งกลัวทั้งเป็นห่วงแม่ กลัวเขาเอาแม่เราไป

ปู่ถามว่าต้องการอะไร ขอลูกสะใภ้ คืนได้มั้ย เด็กๆยังอยากได้แม่คืน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปชีวิตจะมีความสุขได้ยังไง ให้แม่เด็กไปทำบุญให้เป็นหนี้เขาไปทั่ว มันไม่ใช่บุญนะ สร้างบาปแกครอบครัวคนอื่น

แม่เราร้องไห้และบอกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา ลำบากมาตลอด ดิ้นร้นมามาก พอจะมีความสุขก็มีคนอิจฉา ลูกหลานก็ทะเลาะกันเอาทรัพย์สมบัติ คิดรสมหัวกันมาฆ่ากู กูอยากอยู่ในโลกนี้อย่างหมดทุกข์ ข้าวกูก็ไม่ได้กิน กินของเขาก็ไม่ได้ มีแต่แม่อินี่ละที่ช่วยกูได้  พอมาเจอแม่เด็กนี้ กูมองเห็นทางที่จะเข้าหามันได้ ทำบุญให้กูได้ไปเกิด

พระท่านฟังเหตุการณ์อยู่บอกให้เราเงียบ และเลิกร้องไห้ ท่านจะเอาแม่เรากลับมา ปู่เราก็สัญญาอย่างนั้น ตอนนั้นเราเด็กสุดในเหตุการณ์ รู้เรื่องบ้างไม่รุเรื้องบ้าง ยังคงคิดอยู่ว่าคนนี้คือแม่ และแม่ป่วย แม่เป็นแบบนี้เพราะโรคที่แม่เป็น

จากนั้นปู่เอาสายสิญจน์ที่สวดมนต์เสร็จแล้ว วางลงบนหัวของแม่ แม่กระวนกระวาย ขอให้เราช่วย บอกช่วยแม่ด้วย ปู่ทำร้ายแม่ แต่เสียงนั้นสลับกับเสียงของคนอื่น แม่เราบอกว่าช่วยแม่ด้วย แม่หิวข้าว แม่เหนื่อย แม่อยากออกไปจากตรงนี้ แม่ออกไปไม่ได้ และอีกเสียงด่าปู่ของเราว่าเป็นหมอเลว ทำร้ายคน สาปแช่งปู่เรา

สายสิญจน์หล่นลงด้วยแรงสะบัดแม่ของเรา แล้วพูดขึ้นว่า กูจะปล่อยมันไปก็ได้ จะต้องบอกให้ลูกกูทำบุญใหญ่ให้กู ถ้าไม้ได้กูจะเอาแม่มันไปด้วย พ่อเราเข้ามาจับตัวแม่ไว้ กอดแม่ไว้ บอกว่าอย่าเอาไปเลย แม่บอกกูจะไป แต่เมิง ต้องไปส่งกูที่วัดไปสองคนกับกู คนอื่นห้ามไป ตอนนั้นทุกคนเริ่มใจชื่นขึ้นมาแล้ว จากนั้นพ่อเลยตามแม่ไปที่รถ ขับรถออกไปกับแม่สองคน

เหตุการณ์ต่อจากนี้ พ่อเล่าให้เราฟัง อาจจะไม่เหมือนกันที่พ่อเล่าตรงๆนะ เพราะเพิ่งจะมาถามแก ก่อนที่จะมาพิมพ์ให้อ่านกัน พ่อก็จำไม่ค่อยได้ พ่อบอกระหว่างทาง แม่ตัวนิ่งและพูดว่า กูอยากได้อินี่ แต่พวกเมิงไม่ยอม กูเลยอยู่กับมันไม่ได้ มันเคยบอกว่าจะให้กูมาอยู่ด้วย แต่พวกเมิงไม่ยอมให้อยู่ ลูกๆมันทำให้มันเปลี่ยนใจ กูแค่อยากทำบุญเยอะๆ

จากนั้นพ่อเล่าต่อว่า ถ้าจำไม่ผิด พอถึงวัด แม่บอกจะเดินไปที่ธาตุใส่กระดูกของตัวเอง แถวบ้านเรียกที่ใส่กระดูกว่าธาตุ กูจะไปแล้วนะ พ่อพูดติดตลกว่า แม่ก็อ้วนเกือบร้อยกิโล ถ้าพ่อจะแบกกลับก็กลัวจะไม่ไหว พ่อเลยบอกแม่ว่า ไปจากตรงนี้ได้มั้ย เพราะผมคงแบกเมียกลับมาไม่ไหว พอพ่อพูดจบ แม่ก็หลับไป

ตัดภาพมาที่บ้านของเรา ตอนที่พ่อไปส่งแม่ ปู่และพระรูปนั้นก็ทำพิธี สวดบ้าน อัญเชิญพระวางให้ถูกต้องตามหลัก รวมถึงเปลี่ยนมุมห้องนอนให้กับแม่ของเรา แต่ตอนเก็บบ้าน ปู่เจอกับ เครื่องปั่นด้ายแบบโบราณ1อัน อาจจะเรียกสรรพนามผิดนะคะ มันตั้งอยู่ในห้องใต้เตียงของแม่ เราล่วงมือเข้าไปจับออกมาให้ปู่ดู ปู่บอกว่ามันเป็นเครื่องปั่นด้ายของยายทวด ที่ใช้มาแล้วนานมาก ซึ่งในสมัยก่อน เขาจะกลัวมาก ถ้ามีเครื่องปั่นด้ายในบ้าน เราก็ไม่รู้ทำไมกลัว

ปู่เห็นอย่างนั้นเลยบอกเราว่า แม่เมิงวันนี้จะเหนื่อยมาก ยังมีอีกตนที่อยากจะมาอยู่ด้วย ครั้งนี้เขาเรียกผีไท้ โดยตามความเชื่อแล้ว ผีพวกนี้จะหาส่องดูตามบ้าน ว่ามีใครที่สามารถเข้าหาได้ แล้วจะมุ่งมาที่บ้านนั้น จะพบเครื่องปั่นด้ายของคนในครอบครัว ถ้าเราตกลงให้เขามาอยู่ด้วย เครื่องปั่นด้ายนี้เราจะต้องรักษาไว้อย่างดีเหมือนกับดูแลผีตนนั้น เครื่องปันด้ายเหมือนเหมือนผีตนนั้น และทุกๆวันสำคัญจะต้องเซ่นไหว้ ด้วยไก่ดิบ หรือพวกของทำบุญถวาย อะไรประมานนี้อะคะ ปู่บอกว่า ไม่ใช่สิ่งไม่ดีหรือชั่วร้ายอะไร เขามาอยู่ด้วยจะช่วยดูแลบ้านเรา แต่ว่าถ้าเรารักษาของไม่ได้ แม่จะเป็นบ้า

ปู่นั่งยานถามถึงจุดประสงค์ของผีตนนั้น เราถามปู่ก็ไม่ยอมบอกว่าคืออะไร เราไม่ค่อยเข้าใจหรอกมันคืออะไร แต่ก็กลัวผี ไม่เอาผีมาอยู่บ้าน ปู่บอกแค่ว่า แม่เราอ่อนแอ มีช่องให้พวกสิ่งลี้ลับพวกนี้บอกเห็นเข้าถึงได้ง่าย พอหมดอีกตนก็มีอีกตน แต่ก่อนหน้านี้ก็มีมา ดีที่มีย่าทวดของเราช่วย ย่าทวดเราเสียที่บ้านหลังที่เราอยู่ แกเป็นคนปากจัดนะ และเดินไม่ได้ ตอนแกยังอยู่แม่เราเป็นคนดูแลและอยู่กับแกจนแกตาย แกน่าจะรักแม่เรามากที่สุด มีบางครั้งเดินผ่านห้องย่าทวดจะได้ยินเสียงเหมือนคนคลาน แต่เราไม่คิดอะไร บ้านไม้มันมีเสียงไม้อยู่แล้ว

ปู่พูดจบ นิ่งเงียบ คิดอะไรสักอย่าง แล้วก็บอกให้เราไปดักรอพ่อที่ปากทางเข้าบ้าน ให้พ่อพาแม่ไปบ้านญาติหลังอื่น อย่าเพิ่งพากลับมาที่บ้าน มันยังไม่เรียบร้อย ปู่จะจัดการทางนี้ก่อน แต่ว่าด้วยที่ปู่ไม่คิดว่าจะมีอะไรมาอยู่กับแม่อีก เลยไม่ได้เตรียมของมา ฝั่งพี่เราอยู่ข้างๆเราไม่ห่าง พี่ถามปู่ว่าอยากได้อะไรบ้าง ปู่บอกให้แต่งขันธ์ขอขมาอะไรสักอย่าง เราจำไม่ได้ เหมือนกับว่าขอให้เขาไปอยู่ที่อื่นบ้านอื่น จริงๆแล้วผีไท้นี้ก็ไม่ได้จะมาอยู่กับแม่หรอก แต่มีคนในครอบครัวเราสืบเชื่อสายนี้มา คือรักษาผีไท้มาก่อน นั้นคือพี่สาวของตาเรา ตอนนี้แกเริ่มแกแล้ว ผีตนนี้จะต้องหาผู้ดูแลต่อไป เครื่องปั่นด้ายเครื่องนี้ก็เป็นเครื่องปั่นด้ายอันเดียวกันที่พี่สาวตาเรารักษาไว้

ปู่รู้อย่างนั้น เลยให้พี่เราปั่นจักรยานไปเรียกยายพี่สาวตาเรามาที่บ้าน เพื่อที่จะทำพิธีถอดการรักษาของผีไท้อะไรสักอย่าง เราไม่แน่ใจว่าถอดหรือทำพิธีบอกว่าไม่รับเข้าบ้าน ไรประมานนี้อะ พูดแล้วเราขนลุก

ผีไท้เป็นผีในภาคอีสานที่เขาร็จักกันนี้ คล้ายๆกับผีบ้านผีเรือน ถ้าเราดูแลเขาดีเขาจะทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข เจริญรุ่งเรือง แต่ปู่เราบอกว่ามันไม่ได้ดีเสมอไป ซึ่งมันจะทำให้เราไปไหนมาไหนลำบาก ออกไปไหนไกลๆหลายวันไม่ได้ จะต้องถวายของกิน ห้ามโน้นนี้ มันยุ่งยากมาก อีกอย่างแม่เราไม่สบาย ป่วยบ่อยมีโรคประจำตัว รักษาเขาไม่ได้แน่ๆ เราก็คิดแบบนั้น ใครจะไปอยู่กับผีเนอะ บ้าหรือป่าว ถึงจะมาดีเราก็ไม่เอาอะ แค่เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็จะไม่ไหวแล้ว ยังจะมีผีตัวอื่นมาเพิ่มอีก ตอนนั้นเราเลิกร้องไห้ แต่กลัวแทน กอดปู่ก็ไม่ได้ เลยรอพ่อกลับมา

ปู่เราทำพิธีถอดยานตัวเอง เพื่อจะคุยต่อรองกับผีไท้ตนนี้ แต่ด้วยที่ว่าปู่เราเป็นหมอผีที่มีข้อห้ามหลายอย่าง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกผีเร่ร่อน ถ้าปู่ไล่โดยตรงจะของเสื่อมหรืออะไรนี้ละ ไม่ได้เรียนสายผีไท้มาโดยตรง แต่แกก็พยายามได้แค่ต่อรอง ถอดยานไปคุยเท่านั้น แต่ไล่ไม่ได้ จะต้องเป็นคนที่มีวิชาด้านนี้โดยเฉพาะถึงจะรู้กรรมวิธี พวกมนต์ไล่ต่างๆ พี่เรากะพี่สาวตาเราก็มาถึง ยายรู้สึกได้ถึงเขาคนนี้ที่จะมาขออยู่กับแม่เรา ว่าอยู่ตรงนี้ รอแม่เราอยู่ที่บ้าน ยายคือคนที่รู้จักกรรมวิธีเกี่ยวกับผีไท้ ซึ่งแกนับถือมานานตั้งแต่สมัยยังสาวๆ

ยายรู้อย่างนั้นเลย ให้เรายก เครื่องปั่นด้ายมาวางไว้ตรงหน้าแก จากนั้นยายก็สวดอะไรสักอย่าง สวดๆๆๆ และก็สวด และยายก็พูดขึ้นมาว่า อยู่กับกูต่อเถอะอย่าไปยุ่งอะไรกับลูกหลานกูเลย มันรักษาเมิงไว้ไม่ได้หรอก รักษาไปเดี๋ยวมันก็จะเป็นบ้า ยายพูดจบ อยู่ๆวงล้อปั่นด้ายก็หมุนเอง เรางงมากได้แต่มองตามแรงหมุน ยายบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ ยายรู้จักมันดี มันไม่ทำร้ายใครหรอก เพียงแต่อยากหาที่อยู่ใหม่เท่านั้นเอง จากนั้นยายก็สวดมนอีกรอบ พร้อมกับจับด้ามของเครื่องปั่นด้าย แล้วเอาสายสิญจน์ที่แกเตรียมมาสอดเข้าไปในเครื่องแล้วหมุนๆ แกหมุนให้สายสินเข้าไปจนหมด แล้วหมุนกลับจนสายสินหลุดออกมา แกจับเครื่องปั่นด้ายต่อ ยังไม่หยุดสวด ยายแยกชิ้นส่วนของเครื่องปั่นด้ายออกจากกัน และเอาแต่ละชิ้นไปไว้ที่ป่าช้า วางไว้ไม่ซ้ำที่ 

ยายเหลือส่วนฐานไว้ เก็บไว้รักษาเหมือนเดิม เราก็งงต่อไป เลยถามยาย ทำอย่างนี้จะได้ผลจริงๆเหรอ เพราะยายยังคงเก็บฐานของเครื่องปั่นไว้ เดี๋ยวเขาก็กลับมาอีก ยายบอกว่าอีกนานกว่าจะกลับมา เพราะยายแยกส่วนของเครื่องปั่นออก มันจะไปไหนไม่ได้ ถ้าเครื่องปั่นด้ายอยู่ไม่ครบชิ้น ที่ยายเอาฐานไว้กับยายเพราะเป็นชิ้นที่ใหญ่ที่สุด มันจะยังคงอยู่กับยาย ไปขออยู่กับคนอื่นไม่ได้แล้ว 

เราถามยายต่อ แล้วทำไมยายไม่เลิกนับถือละ ยายบอกนับถือมานานแล้ว รู้จักกันมานาน ถ้าเราเลิกนับถือมันจะเปลี่ยนเจ้านาย สมัยนี้คนเราจิตใจไม่นิ่ง รักษาของไม่ได้หรอก ถ้าออกไปจากยาย คนๆนั้นอาจจะเป็นบ้าหรือกลายเป็นอย่างอื่น อยู่กับยายนี้ละดีแล้ว เดี๋ยวนี้เรื่องพวกนี้คนเขาไม่ค่อยจะเชื่อกัน เรื่องผีๆมันลึกลับ แต่ก็อย่าคิดมากละ มันไม่น่ากลัวหรอก เขาก็อยู่โลกของเขา เราก็อยู่ส่วนของเรา ปกติกูไม่ทำร้ายเขาแบบนี้หรอก แต่แม่จิตอ่อนมาก เข้าถึงง่าย ร่างกายอ่อนแอ ถ้ากูเป็นผีกูก็เข้า ยายพูดจบก็ขำ

หลังจากที่ยายทำพิธีเสร็จเรียบร้อย พี่เรากับยายแยกชิ้นเครื่องปั่นเรียบร้อย พ่อก็พาแม่กลับมาบ้าน ทุกอย่างในบ้านจัดให้ชิดมุมห้องทั้งหมดเหลือห้องโถงกลางบ้าน ที่เปิดโล่ง มีเครื่องพระอยู่มุมด้านหนึ่งของห้อง ตอนนั้นเป็นเวลา 2 ทุ่มได้ พ่อพาแม่กลับมาแต่เอาขึ้นมาบนบ้านไม่ได้ เพราะว่าแม่ไม่ยอมตื่น นอนหลับบนรถอย่างเดียว ปลุกก็ไม่ตื่น บอกง่วงนอนเหนื่อยมาก ข้าวก็หิวแต่ลุกขึ้นมากินไม่ไหว พ่อจึงเรียกให้พี่เรามาช่วยพยุงแม่ขึ้นไปนอนบนบ้าน ที่ห้องโถง 

คืนนั้นทุกคนจะต้องไม่แยกกันนอน ต้องนอนรวมที่ห้องโถงนี้ทั้งหมด ปู่เรานอนใกล้กับเครื่องพระ ถัดมาคือพี่ชายเรา พ่อ แม่เราและเรา ซึ่งตอนนั้นเราไม่โอเคเลย ไม่กล้าอาบน้ำ ห้องน้ำที่บ้านจะอยู่ชั้นล่างของบ้าน และต้องเดินออกไปจากตัวบ้านประมาณ 50 เมตรได้ เราเลยขอให้พี่ชายพาไปและเฝ้าห้องน้ำไว้ พี่เราก็กลัวเหมือนกัน แต่มันก็ยอมพาไป เรากลัวถึงขั้นอาบน้ำไม่ปิดประตูห้องน้ำอะ ระหว่างอาบก็เรียกชื่อพี่ตลอดว่าอยู่มั้ย อย่าไปไหนนะ พอเราอาบเสร็จพี่ชายเราก็อาบต่อ มันบอกว่าไม่ต้องรอ แต่ว่าเราก็กลัวยืนรอพี่ต่อ กลัวพี่เจออะไร ยืนอยู่ก็มืดสนิท สมัยนั้นไฟบ้านไม่ค่อยจะมีเยอะหรอก บ้างก็จุดเทียน มีน้อยมาที่จะมีไฟบ้านเป็นของตัวเอง 

พอพี่กับเราเข้าห้องน้ำเสร็จ ปู่พาทุกคนสวดมนก่อนนอน แล้วเอาน้ำมนต์ พรมตัวแม่ และแผ่เมตตา อย่างที่เราบอกเรานอนข้างแม่ ปกติเราจะนอนกับพ่อ แต่ปู่นอนกับผู้หญิงใกล้ๆไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าพี่เรากับพ่อนอนใกล้ๆปู่แต่เราต้องมานอนกับแม่ เราไม่ได้รังเกียจหรือโกรธแม่นะ แต่เรากลัว ไม่กล้านอนด้วย กลัวกลางดึกตื่นมาเป็นผี หักคอ ตาแดงใส่เรา อาจจะเป็นเพราะเป็นเด็ก 

เราร้องไห้หลังจากสวดมนต์เสร็จ บอกกับพ่อว่าไม่อยากนอนที่นี้ หนูกลัว ขอหนูนอนข้างปู่ได้มั้ย พ่อบอกไม่ได้ ต้องนอนที่นี้และเราต้องนอนข้างแม่เพราะปู่ใกล้แม่กับเรามากไม่ได้ และก็นอนตรงที่พี่ชายเราไม่ได้ด้วย เราไม่ยอมร้องไห้หนักขึ้น พ่อเข้ามาบอก นี้แม่หนูนะลูก แม่ไม่เป็นไรแล้ว นี้แม่ตัวจริง พ่อเอามือเราไปจับตัวแม่ แม่ขยับตัว เราสะดุ้งเล็กน้อยและไม่ยอมจับ กลัวจนไม่คิดอะไรอะคะ ร้องไห้อย่างเดียว พอโตมาพ่อยังเล่าไปด้วยขำไปด้วย ว่าเรากลัวแม่ตัวเอง 

ปู่เห็นเราเป็นแบบนั้นแกเลยเอาสายสินมาผูกที่ข้อมือเรา และหลอกเราว่านี้จะทำให้เราปลอดภัย ผีไม่เข้าใกล้ แม่หายแล้วแต่ตอนนี้แม่เหนื่อย ป้าเขาไม่มาอีกแล้วละ ถ้ามาปู่จะไล่ออกไปเอง ไม่รู้เพราะอะไร ทำให้เราเชื่อคำพูดของปู่ คืนนั้น แม้จะรู้ว่าสายสิญจน์ปกป้องเราได้ แต่ว่าเราก็ไม่ยอมนอน มันนอนไม่หลับ แม่ขยับตัวไปทางไหนเราจะมองตาม สังเกตดูตลอดคืน กลัวก็กลัว แต่ก็กลัวผีออกจากร่างแม่แล้วมาเข้าตัวเอง นึกแล้วก็ขำ รู้ตัวอีกทีเราหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นสายกว่าคนอื่นในบ้าน จนพ่อต้องมาปลุกให้ไปกินข้าว  เช้าวันนั้นแม่ตื่นแล้ว กินข้าวได้แล้ว ดูสดชื่นขึ้น ส่วนเราก็เหมือนเดิมไม่คุยกับแม่ไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่กินข้าวด้วย ตักกับข้าวใส่จานไปนั่งกินคนเดียว

และสาเหตุที่เค้ามาเเข้าแม่เรา เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่แม่จิตตก ก่อนหน้านี้แม่มีความสุขกับการทำงานมากๆ แต่พอป่วยก็อ่อนแอ แม่อยากมีลูกสามคน แต่ต้องมาป่วยตอนที่คลอดเรา ต้องทำการกลืนรังสีเพื่อรักษาตัว หมอให้ทำหมันทันทีที่คลอดเสร็จ ตอนนั้นพ่อบอกแม่เศร้ามาก มีครั้งหนึ่งแม่หงุดหงิดจนพูดว่าเราทำให้แม่ป่วยจนไม่มีน้องอีก เรายังเด็กก็ไม่ได้สนใจ ตามประสาอะเนอะ 

พอแม่ออกจากงานก็ซึมๆ อ่อเราลืมเล่าให้ฟังเรื่องแม่กับป้าคนที่เข้าร่างแม่ให้ฟัง ป้าแกก็เป็นคนใจดีนะ แต่แกขี้เหนียว ครอบครัวลำบาก แม่เราจะชอบช่วยเหลือแกบ่อยๆ เลยรู้จักกัน พอแกได้สามีฝรั่งก็ดูจะห่างๆกันไปบ้าง จนป้าแกตาย แม่รู้เรื่องน่าจะเสียใจไม่น้อยหรอก วันที่แกเสียได้เกือบเดือนมั้ง แม่ขับรถไปรับเราที่โรงเรียน ช่วงเวลาที่กำลังขับผ่านบ้านของป้าคนนี้ แม่ก็ชะลอรถ และก็บอกว่า ถ้าไม่มีที่ไปไปอยู่บ้านด้วยกันก็ได้นะ เราก็งงแม่พูดกับใคร แม่บอกชวนป้าไปอยู่ด้วย ตอนนั้นสามีแกมีเมียใหม่ ส่วนลูกแกสองคนก็ทะเลาะแย่งสมบัติกัน เรามารู้ตอนหลังที่มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เราถามแม่ทำไมตอนนั้นชวนป้าเขาไปอยู่ด้วย แม่บอกว่าลูกทั้งสองคนของแกทะเลาะกันเรื่องสมบัติ แล้วคนน้องจ้างคนมาฆ่าแม่ตัวเอง แม่บอกตอนนั้นไม่ค่อยมีใครรู้ เพราะปิดข่าวลือ รู้แต่ว่าไหลตาย ไหลตายคนที่บ้านเขาหมายถึง นอนตายไปเฉยๆอะคะ นี้อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ป้ามาเข้าร่างแม่ ประกอบกับแม่เปิดทางให้เขาเข้ามาได้ง่ายด้วย

หลังจากแม่ตื่นขึ้นมาในวันนั้น ที่บ้านเราทำพิธีเอิ่นขวัญด้วยนะ เป็นประเพณี ถ้าไปไหนไกลๆหรือกลับจากต่างประเทศ เขาจะทำพิธี เรียกขวัญกลับมาให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว พร้อมด้วยทำพิธีปิดกระหม่อมของแม่ด้วย จะได้ไม่มีรูหรือช่องให้สิ่งที่มองไม่เห็นเข้ามาอีก 

ผ่านมาหลายปีต่อมาจนตอนนี้เราอายุ23ปี ในช่วงมัธยม เรารู้สึกว่าเคยเห็นยายทวดด้วยนะ จากมุมหน้าต่างของบ้านที่เราอยู่ บ้านเราตอนกลางคืนจะเปิดหน้าต่างนอนด้านนอกจะมีลมพัดเข้ามา ปกติเราจะหลับสนิท แต่คืนที่เห็นยายทวดอะ เราแอบลุกมากินขนม ใกล้ๆกับหน้าต่าง เราเห็นเป็นผ้าซิ่นของคนสมัยก่อนลอยปลิวใกล้ๆหน้าต่างและเสียงลมแรงตีกับผ้า พับๆๆๆ ตอนนั้นชิวมาก กินขนม อยู่ๆก็มีเสียงเหมือนตะคอกว่า ไปนอน ผ่านลมจากหน้าต่างออกมา แว๊บหนึ่งเราเห็นเป็นรูปร่างคน ลอยเกาะที่ของหน้าต่าง แต่ก็คิดว่าตาฟาดนะ ตื่นเช้ามา ก็รีบไปดูที่หน้าต่าง บอกแม่ว่าเมื่อคืนเห็นซิ่นยายติดอยู่หน้าต่าง ปลิวไปมา ตอนดึก แม่ว่าเราเพ้อ อาจจะฝัน แต่เชื่อเราเถอะเราเห็นจริงๆ จนโตปัจจุบันนี้ ถามว่ากลัวมั้ยก็ยังกลัวอยู่นะแต่นิ่งขึ้น ไตร่ตรองมากขึ้น 

นี้ละคะเรื่องทั้งหมด เหตุผลที่เราไม่นอนกับแม่ตัวเอง ตอนอายุ 11 หลังจากเหตุการณ์นั้น แม่เราใจดีมากขึ้น ไม่หงุดหงิดเหมือนแต่ก่อน เราดีใจมากที่แม่ของเรากลับมาดีขึ้น และนั้นคือเหตุการณ์ที่เราเจอกับตัวเองจริงๆ แทบจะไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดกับครอบครัวเรา ได้ยินแต่คนอื่นเขาพูดเขาเล่ากัน 

เรานึกถึงเรื่องนี้ที่เราเจอมาเลยอยากจะเอามาเล่าให้ฟังบ้าง เพราะความรู้สึกในตอนนั้น มันทั้งกลัว ทั้งห่วงแม่ตัวเอง ถ้าแม่เราหายไปจริงๆเราคงทำใจไม่ได้ จริงๆมีเรื่องแปลกๆพวกนี้ในครอบครัวเราบ่อยอยู่เหมือนกัน ในตอนเด็กๆ พอโตขึ้นก็เจอน้อยลง เพราะเราไม่ค่อยได้อยู่บ้าน โตขึ้นมา เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ความเชื่อเยอะมากเลย ว่างๆเราจะมาเล่าเรื่องที่เจอมาให้ฟังอีกนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน

ขอบคุณที่มาสมาชิกหมายเลข 3345343 

ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน

Previous articleแดนพิศวง กระสุนธรรมดาทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก
Next articleห้องของปู่ เราชวนกันเข้าไปในห้องนั้น ห้องที่ปู่บอกห้ามเข้าเด็ดขาด