เรื่องนี้เล่าย้อนไปไม่นานมาก ราวสิบกว่าปีเศษๆ เรียกว่ายังอยู่ในยุคปัจจุบัน แต่ไม่ใหม่มาก นพ เป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อชาวเหนือ ผิวขาวจัด ในวัยยี่สิบเกือบปลายแล้ว สะอาด สำอางค์เอี่ยมตั้งแต่หัวจรดเท้า มีเสน่ห์ทั้งคำพูด หน้าตาและวาจาอ่อนหวานขี้เล่น ชอบเย้าหยอก เป็นที่รักของทั้งชายและหญิง ใครอยู่ใกล้พลอยแช่มชื่น
ใช่แร้วว นพเป็นเพศชายเมโทร ที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง ความหน้าตาดีทำให้เขาเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น จากเหนือจรดใต้
เรารู้จักกันโดยบังเอิญจากการประสานงานครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาทำ NGO. เรื่องส่วนตัวไม่มีใครยุ่งใคร แต่นพเคารพเราเป็นพี่ชายที่คอยปรึกษาปัญหาเสมอ หลายครั้งก็ไปกินเหล้าด้วยกันแล้วต่างแยกย้าย
แน่ละเรื่องราวที่เขาพูดด้วยบ่อยๆ ก็คงเป็นเรื่องของความรัก และการทำงาน ที่เจ้าตัวทนกับอะไรไม่ค่อยได้จึงเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น แล้วนพก็ย้ายกลับเชียงใหม่ ไม่ได้ข่าวคราวเลยว่าไปทำอะไร? ที่ไหนต่อ
เงียบหายไปนาน ฤดูร้อนของปีนึง นพก็ส่งข่าวมาว่าจะมาเที่ยวเล่น บ้านเราก็ต้อนรับขับสู้อย่างดี จัดห้องให้หลับนอน เราไปทำงานเขาก็นั่งเล่นที่บ้านคุยกับแม่ไปสัพเพเหระ อ่านหนังสืออ่านเล่น ทำกับข้าว อาทิตย์เดียวก็ไปต่อ
สรุปมาคราวนี้บอกอกหัก เที่ยวตระเวนหาเพื่อนทุกภาค จากเหนือ มาอีสาน ล่องไปใต้ เคยพาไปนั่งฟังเพลงร้านเหล้าเล็กๆ เห็นนักดนตรีเล่นเพลงแล้วเขาจุ๊ปาก
“ถ้าพี่ไปเชียงใหม่นะ น้องจะพาไปฟังเพลงอย่างเพาะกว่านี้มาก” ละอ่อนเหนือชอบใช้คำแทนตัวว่า”น้อง” ว่าแล้วเขาก็ขอเพลง “คำสัญญาที่หาดใหญ่”
“แหม ย้อนไปไกลอยู่นะ 5555” เราล้อที่เขาขอเพลงย้อนไปอีก
ขากลับเขาบอกว่าไปคราวนี้คงไม่ได้มาอีก
” ไปลับแล้วนะพี่ “เจ้าตัวยังยิ้มแย้ม ไม่มีท่าทีโศรกเศร้า หรือถ้ามี เขาก็ไม่แสดงให้เห็น
” เฮ่ย มึงก็พูดไป ไว้เจอกันใหม่ โชคดีๆ มีไรก็โทรมา ส่งข่าว”
” เด่วน้องจะให้เบอร์ที่ทำงานไว้นะ ” นพไม่มีมือถือใช้ สิบกว่าปีก่อนไม่แปลกอะไร ไม่เหมือนตอนนี้ ที่คนไทย 90% ติดเป็นปัจจัยที่ 5 เสียแล้ว (แซงปัจจัย 6 ที่น่าจะเป็นรถยนต์) ส่วนเบอร์โทร.บ้านเรามีไว้แล้ว
หลายเดือนต่อมา แม่มาปลุกแต่เช้า
“ได้ยินเสียงน้อง(นพ)มาหา ไปไหนเสียแล้ว บอกว่ามากราบแม่”
” ไม่ได้มาเด้ แม่หูฝาดไหม”
” ไม่นะ เหมือนเข้ามาในห้องนี่ล่ะ”
สรุปว่าแม่คงฝัน หรือละเมอ เราก็ไม่ได้สนใจ ลืมๆที่จะโทรถามข่าวด้วยซ้ำ
ช่วงนั้นก็แปลกใจจัง ไปไหนมาไหน กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยวูบมาเป็นระยะเหมือนเราฉีดเองจนเพื่อนร่วมงานทัก
” แหม ตัวหอมจังเลยอะวันนี้”
เราก็ยิ้ม ๆ แต่ที่แน่นอน เราไม่ได้ฉีดน้ำหอมใดๆ ใช้แต่โรลออนกลิ่นเดิมคุ้นชินทุกวัน บางวันมาเป็นกลิ่นธูป หอมจางๆ แตะจมูกวูบวาบแล้วก็ไป เดินทางไปไหนก็ตาม ทันทีที่ขึ้นรถ กลิ่นธูปนี่มาล่ะ ติดจมูก ก็ยังซื่อบื้อไม่คิดอะไร ความรู้สึกช้า ว่างั้น สักเดือนนึงได้แหละ ที่กลิ่นและเสียงตามติดอยู่รอบกาย แผ่วเบาพอให้สัมผัสได้ว่ามี”อะไร”อยู่ข้างๆ
วันนึงไม่รู้เป็นไง เกิดอยากโทรหาขึ้นมาดื้อๆ เลยค้นเบอร์โทร.โทรหา
“ขอสายนพคับ”
” นพ เหรอคะ !! ” ปลายสายเป็นสตรี น้ำเสียงตกใจปิดไม่มิด “โทรมาจากไหน?”
พอเราบอก เสียงก็คลายลงคล้ายโล่งใจ
“เอ่อ…พี่เป็นพี่สาวนพค่ะ น้องเสียแล้วนะคะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอก เขาสั่งไว้ว่าห้ามโทรหาคุณ เขาบอกสักวันคุณจะโทรมาเอง พี่รอหลายเดือนเหมือนกันนะคะนี่ “
หูอื้อ ตาลาย ใจหายวาบขนลุกซู่ เราค่อยๆวางสายอย่างไร้เรี่ยวแรง พี่สาวไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมาก นอกจากบอกว่าหลังกลับจากเยี่ยมเพื่อนที่ภาคใต้ไม่นานนัก…เหมือนเขารู้ตัวและวางแผนไว้แล้ว….เลยตระเวนสั่งลาคนรู้จักไปหลายคน
ค่ำนั้น เราก้าวเท้าเข้าไปในร้านอาหารเปิดโล่งกับเพื่อนสาวอายุเยอะกว่าเรานิดหน่อย ฉลองการถูกหวย อารมณ์ดีอยากฟังเพลง อินโทรเพลงทำนองคุ้นหู..ทักทายดอกแรก!!!
“ก่อนจากกันไป เหลือไว้เพียงคำสัญญา… ที่ชานชาลา ส่งเธอขึ้นบนรถไฟ”
พนักงานเสริ์ฟวางชุดจาน – ส้อม ลงเบื้องหน้า 3 ชุด เพื่อนสาวเหล่ตาทันที
“มาสองคนค่ะลูกกก”
“มีน้องผู้ชายอีกคนนี่คะ คนผิวขาวๆหล่อๆ ขาวคัก (ขาวมาก) เดินคู่กับพี่ผู้ชาย ตะกี้ยังเห็นอยู่ค่ะ” ทักทายดอกที่สอง
“อ๋ออออออ ไปห้องน้ำ วางไว้เลยคับ”
เราพูดเบาๆกับจานเปล่า
“มาก็ไม่บอกนะนพ”
ขนบนต้นคอลุกวาบ ลมเย็นโชยผ่านเป็นดอกที่สาม กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยกรุ่นมาแล้วจางหายไปกับสายลมยามค่ำ.
ขอบคุณที่มา pongchotiwong
ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน