เค้าอยู่ที่นั่น

เค้าอยู่ที่นั่น
เค้าอยู่ที่นั่น

เราชื่อนิด เรื่องราวนี้ผ่านมาประมาณสัก 3 ปีแล้ว ปัจจุบันเราอายุ 30 ปี เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในตลาดแถวๆตลาดศรีย่าน จากเหตุการณ์ครั้งนั้น จนถึงปัจจุบันนี้ เราก็ยังอยู่ในบ้านหลังนี้ 

ช่วงนั้น เรากำลังมองมาหาบ้านเช่าสักหลัง แล้วอะไรที่ค่อนข้างที่จะหายากมาก จนได้มาเจอบ้านหลังนี่ ถ้าคนที่ไม่รู้จะหายากมาก เพราะต้องเข้าซอย แล้วก็เลี้ยวไปมาหลายเลี้ยวกว่าจะถึงบ้านหลังนี้ เข้ามาอยู่วันแรก ก็ย้ายมาอยู่กันเป็นครอบครัว มีนิด มีแฟน แล้วก็มีลูกสาวอายุ 5 เดือน 

มาถึงวันแรกก็ไม่มีอะไร แต่พอวันที่ 2  รู้สึกว่ามันเงียบแปลก ๆ ห้องที่เราอยู่ เป็นห้องพัก ไม่ใช่บ้านเช่า มีประมาณยี่สิบห้อง แต่ตอนพาลูกออกมาเดินเล่นถึงได้รู้ว่า ทั้ง 20 ห้อง มีเราเช่าอยู่ห้องเดียว แต่ตอนนั้นก็คิดว่ามันคงอยู่ลึกมาก เลยไม่ค่อยมีใครรู้จัก 

อยู่ไปอยู่มาวันที่ 3 มีแม่บ้านมาเคาะประตูเรียก พอเราเปิดประตูออกไป ก็เห็นว่าในมือของแม่บ้านนั้นกำลังถือกระจาดใส่เครื่องเซ่น  ธูป เทียน ดอกไม้ แล้วก็พลู หมาก ซึ่งแม่บ้านได้จัดมาให้เราโดยเฉพาะ แล้วก็บอกเราว่า เค้าเป็นคนรับใช้บ้านใน เจ้าของบ้าน เค้าเป็นตำรวจ เค้าให้เชิญคุณไปไหว้ศาลส่วนใน

เราก็ตกใจ งง ๆ เงียบไปพักนึงแล้วบอกว่า อ๋อ ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวนิดไปไหว้เองละกัน อยู่ตรงไหน ตอนแรกแม่บ้านจะพาไปเลย แต่เราเลี้ยงลูกอยู่ จึงไม่สะดวก แถมแฟนก็ออกไปทำงาน แล้วแม่บ้านก็บอกว่า ของที่เตรียมมี 2 ชุด และต้องไปไหว้ 2 สถานที่ด้วยกัน ชุดแรกคือเจ้าที่ ชุดที่สองคือต้นไม้ที่พันผ้าสี แต่ไม่รู้ว่าต้นอะไร เราก็ตกปากรับคำแม่บ้านไป แต่ว่าไม่ได้นำเครื่องเซ่นไปไหว้เจ้าที่ตามที่แม่บ้านบอกจริง ๆ หรอก ธูปยังเก็บไว้อยู่ แต่ดอกไม้ทิ้งไปหมดเลย ส่วนถาดเคครื่องเซ่นก็วางไว้หน้าบ้านเฉย ๆ ที่ทำแบบนี้ไม่ได้ลบหลู่ แต่แค่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ คิดว่ามันอยู่ที่ใจ 

ผ่านไปประมาณสองอาทิตย์ วันนั้นประมาณโพล้เพล้ หกโมงเย็น แฟนไปทำงาน เราก็อยู่ห้องกะลูกสองคน สักพักนิดได้ยินเสียงคนเคาะประตู ดังมากอะ ปั้งๆๆๆๆ แล้วเราก็กำลังกล่อมลูก ซึ่งลูกหลับไปแล้ว เราก็ตกใจ คิดว่าเค้าตั้งใจเคาะห้องเราหรือเคาะห้องผิด แต่คิดได้ว่าตัวเองอยู่คนเดียวนี่หว่า แล้วด้วยความที่อยู่มาตั้งสองอาทิตย์แล้วไม่เคยมีใครมาเคาะหรือมายุ่งอะไรด้วยเลย เราจึงเปิดประตูออกไป สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ตกใจเล็กน้อย คือผู้หญิงตัวใหญ่ ใหญ่จนคับประตู สีผิวเค้าซีดเหมือนไม่มีเลือดหล่อเลี้ยง ใส่ชุดคอกระเช้า พอเราเปิดประตูปุ๊บเค้าก็บอกว่า “ได้ยินเสียงเด็กร้อง ขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม” ด้วยความที่ตกใจและอะไรดนใจก็ไม่รู้ทำให้เราตอบไปว่า “ได้ค่ะ เชิญเข้ามาเลย” 

ก่อนที่เค้าจะเข้าห้อง เราต้องหลบออกไปข้างนอกก่อนเพื่อที่จะให้เค้าเข้ามา แล้วช่วงที่ออกไป เราก็มองหาเจ้าของบ้านที่ตัวเองเช่าอยู่ด้วย แต่ก็ไม่เห็น และรู้สึกว่าทำไมวันนี้มันเงียบแปลก ๆ บรรยากาศอึมครึมเหมือนอีกโลกนึงไปเลย พอเค้าเข้าไปปุ๊บ เชื่อไหม เราขนลุกไปทั้งตัว ลักษณะการเดินของเค้าไม่เหมือนเรา เหมือนขาเค้าจะไม่ติดพื้น แล้วห้องที่เราอยู่มันไม่มีเตียง เป็นที่นอนปูพื้น 

พอเค้าเข้าไปได้ปุ๊บ เค้าก็ลงไปนอนที่นอนเข้างๆลูกเรา พอสักพักนึง เค้าเริ่มเหมือนอ้าปาก ภาพยังจำติดตาเราจนถึงทุกวันนี้อยู่เลย สักพักนึงลูกเราก็ตื่น และร้องตลอด เราก็เลยเข้าไปอุ้มลูก แล้วก็ไปอยู่อีกมุมนึงของห้องห่างจากเค้า 

สักพักนึง เค้ามองหน้าเรา แล้วคำแรกที่เค้าคุยกับเราคือ “กลัวผีไหม” เราก็เงียบไปพักนึงแล้วก็ตั้งสติ แล้วเราก็บอกว่า “พี่ หนูไม่กลัว เพราะว่าหนูเชื่อหนูเป็นคนดี หนูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมหนูจะต้องกลัว หนูเชื่อว่าคนดี ผีคุ้ม” เราก็พูดกับเค้าไปอย่างนี้ สักพักนึงเค้ายิ้ม แล้วช่วงที่เค้ายิ้ม ในปากเค้าไปมีฟันแม้แต่ซี่เดียว เราเห็นแล้วก็ขนลุกเลยค่ะ ขณะที่เค้าพูดไปน้ำลายเค้าเริ่มไหลออกมา พี่ ที่นอน 5 ฟุตของเราเล็กไปเลยสำหรับเค้า เราก็เริ่มคิด เฮ้ยมันไม่ใช่และ ทำไมเค้าอยู่นานจัง แล้วลูกเราก็ร้องไม่หยุดเลย แล้วสักพักนึงเค้าบอกว่า “มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไม่รู้เหรอที่นี่ว่าที่นี่อะผีดุ”

เราก็เลยบอกว่า นิดไม่ทราบค่ะ เราพูดกับเค้าเพราะมากเลย เค้าเลยบอกว่า เค้าอยู่ที่นี่นะ เค้าอยู่ที่นี่มานานแล้ว(เสียงแหบๆ แบบช้าๆ ) แล้วเค้าก็บอกเราว่า ชอบเล่นหวยไหม ซึ่งเราเป็นคนที่ไม่เล่นหวยไม่เล่นการพนันทุกชนิดนิดอยู่แล้ว ก็เลยบอกไปว่า นิดไม่เล่นค่ะ  เค้าก็บอกว่า เค้าอายุ 32 นะ สักพักเค้าบอกก็ว่า เค้าดีใจจังเลยที่เค้ามาเจอเรา ไม่มีใครอยากคุยกะเค้า ไม่มีใครแบบว่ามายุ่งกับเค้าเลยเค้าเหงามาก แถวนี้มีแต่คนเกลียดเค้า 

พอสักพักเราก็คิดว่า เราจะต้องออกแล้วจากห้องนี้ ถ้าเค้าไม่ออกเราต้องออกไปเอง เพราะมันนานเกินไปแล้วที่เค้าอยู่ในห้อง แล้วนี่มันก็หกโมงครึ่งแล้วด้วย เราก็เลยบอกว่า เอ่อ ขอโทษนะคะ นิดจะต้องพาลูกออกไปอาบน้ำแล้ว พอเราจะอุ้มลูกออกลูกเราก็ร้องตลอด แล้วเราก็เริ่มกลัวแล้วด้วย ตอนนั้นเราไม่ได้นึกถึงผีหรือว่าอะไร แต่เราคิดว่าเค้าจะมาทำอันตรายเรารึเปล่า แล้วท่าทางเค้าแปลก ๆ ด้วย เวลาเค้านั่งตัวเค้าจะโยกไปตลอด แล้วปากก็จะขยับไปมาตลอดเช่นกัน มันเริ่มทำให้เราคิดว่าเค้าไม่ใช่คน  แต่เรายังไม่ค่อยเชื่อนะ 

พอเราจะออกจากห้อง เค้าก็เรียกเราว่า พี่อย่าเพิ่งไป หนูมาขอน้ำกินหร่อย เราก็เลยบอกว่า อ๋อ ได้ค่ะ พอเราเอาน้ำให้เค้ากินแล้ว เค้าก็ยิ้มแล้วบอกว่า “หนูชอบพี่จังเลย วันหลังหนูมาอีกได้ไหม” เค้าพูดแบบนี้ นิดก็พูดว่า “พี่มาที่นี่ได้ตลอดเลยนะคะ”  คือเราสงสารเค้ามากอะ เค้าบอกว่าเค้าไม่มีเพื่อน เค้าเหงา ใครๆก็รังเกียจเค้า พอเค้าพูดแบบนี้ปุ๊บเราก็อุ้มลูกออกดีกว่า ต้องบอกก่อนว่าห้องของเรา โชคดีที่อยู่ห้องริม หน้าต่างมีสี่บาน รอบข้าง ช่วงที่เราเดินออกไป ปิดประตู ประตูมันจะต้องดัง เราก็เปิดประตูแล้วเราก็ปิดให้เค้าด้วย ปั้ง แล้วก็เดินออกมา

ที่เราออกจากห้องมาเพราะเค้าไม่ยอมออก เค้าจะคุยกับ เค้ามีความสุขมาก เค้าบอกว่าเราเป็นคนดี เค้าอยากคุยกับทุกวันได้ไหม มีแต่คนเกลียดเค้า มีแต่คนกลัวเค้า แล้วก็พูดแต่เรื่องผี เราก็ไม่เข้าใจ พอเดินออกมาจากหน้าประตู เราแอบมองเค้าผ่านหน้าต่างบานแรกแล้วอุ้มลูกไปด้วย ค้าก็กระดกน้ำกิน บานที่สองเดินผ่านไป เค้าเริ่มจะลุก พอบานที่สามหันมาปุ๊บเค้าหายไปเลย เค้าไม่อยู่ในห้องแล้ว เราช็อค จนขนหัวลูก

แล้วอย่างนึงที่จะบอกว่า ตอนเราปิดประตู มันเป็นประตูเหล็ก เวลาปิดมันจะต้องดังปั้ง แล้วทำไมตอนเค้าออกมาเสียงประตูมันไม่ดังเลย แล้วการเดินของเค้าอะ ด้วยความที่ตัวเค้าใหญ่ ก็จะเดินแล้วโยกตัวไปมา  เดินช้าเหมือนตอนเข้ามา  พอแฟนเรากลับมาเราก็เล่าให้แฟนฟัง แฟนก็บอกว่า เจอดีเข้าให้แล้ว ทำคืนนั้นทังคืนเรานอนไม่หลับเลย ตอนเช้ามาเราตัดสินใจไปหาเจ้าของบ้านที่เป็นตำรวจ แล้วเล่าให้เค้าฟัง เจ้าของบ้านเช่าบอกว่า นั่น!! เจอแล้วใช่ไหม แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ที่นี่อะ “คนไม่ได้เลือกที่อยู่ แต่เค้าเลือกคนมาอยู่ที่นี่”

ซึ่งหอพักแถวนี้ปกติมันแพงมาก แต่ที่ที่เราพักอยู่นี่ราคาถูกมาก เรามารู้ประวัติตอนที่ไปร้านทำผม เค้าถามว่าเห็นออกไปทำงานทุกวันเลยนิดอยู่แถวไหนเหรอ เราตอบว่า อ๋ออยู่บ้านข้างในค่ะที่เป็นตำรวจ เค้าถามว่าตรงไหนอะพี่ไม่เคยเห็นเลย พอนิดบอกเค้าบอกอ้อ แค่นั้นแหละ บ้านผีสิงใช่ไหม เราก็นิ่งไปพักนึง แล้วพี่คนทำผมเค้าก็เล่าว่า บ้านนี้ ผู้ชายเสียชีวิตไปแล้ว เหลือแต่ผู้หญิงอยู่คนเดียว ก็คือเจ้าของบ้านที่เป็นตำรวจนั้นแหละ พี่คนทำผมเค้าก็บอกว่า จ้างห้าร้อยให้พี่เดินผ่านบ้านนี้พี่ยังไม่ไปเลย เค้าว่าบ้านนี้ พี่ชายคนกลางอะ ผูกคอตาย ซึ่งเค้าเป็นพี่น้องกับแฟนเจ้าของบ้าน แล้ววันดีคืนดีเค้าก็ออกมาหลอกคนอื่น โดยเอาขาผูกไว้ด้านบนแล้วเอาหัวห้อยลง

ช่วงเวลาที่เราคุยกับเค้าอยู่ในห้อง เราถามว่าเค้าเป็นใคร แต่เค้าบอกว่าเค้าจำชื่อตัวเองไม่ได้ แต่เค้าอายุ 32  อยู่ที่นี่มานานแล้ว เค้าเหงามาก แล้วเค้าบอกว่าทุกที่ในบ้านหลังนี่ มีแต่ผีเต็มไปหมด ไม่กลัวเหรอ ความรู้สึกตอนนั้น สิ่งที่เรารับรู้ได้คือ เค้าน่าสงสารมากๆ เค้าเหงา เค้าไม่มีใคร มีแต่คนรังเกียจ เราคิดว่าด้วยลักษณะที่เค้าตัวใหญ่ เค้าคงเป็นที่รังเกียจของคนอื่น แล้วเวลาเค้าพูด ปากเค้าจะขยับ หวาบๆ แล้วน้ำลายก็ยืด เพราะเค้าเป็นอย่างงี้มั้งคนก็เลยรังเกียจ 

ณ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ จาก 20 ห้อง ก็เช่าอยู่แค่ 2 ห้อง เราอยู่แค่ห้องเดียวตลอดเกือบสองปีกว่า แต่ตอนนี้มีคนมาเช่าอยู่เพิ่มอีกห้องล่ะ ทำให้เรามีเพื่อนบ้านเพิ่มมาอีก 1 ห้อง …เรื่องราวก็จบเพียงเท่านี้

ที่มารายการเดอะช็อก คุณนิด

ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน

Previous articleบ้านโรมันผีสิง ย่านวัชรพล กรุงเทพ
Next articleกลิ่นซ่อน