เชื่อเรื่องนางเงือกกันไหมครับ ? จะบอกว่าเงือกเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดนึงก็พูดได้ไม่เต็มปาก หรือจะบอกว่าเป็นพวกภูตผี ก็ไม่รู้จะจัดอยู่ในประเภทใดเหมือนกัน แต่เท่าที่ฟังมาเงือกของจริงมันไม่ได้หน้าตาสวยแบบในหนังฝรั่งหรือการ์ตูนที่เราเคยดูมาแต่เด็กหรอกนะครับ เพราะจากคำบอกเล่าของคนที่เคยเห็นเขาว่า เงือกตามแม่น้ำในบ้านเราจะมีรูปร่างแบบคน หากแต่ตัวจะเล็กกว่านิดหน่อย ท่อนล่างเป็นปลาแบบเขาว่าจริง ที่สำคัญคือเขาว่ากลิ่นคาวมันแรงมากเพราะตามตัวจะเต็มไปด้วยเมือก ราวกับสัตว์น้ำชนิดนึงเลยทีเดียว
ที่แน่ๆนางเงือกจากที่เขาเล่ากันไม่ทำร้ายใคร หากออกจะกลัวคนซะอีก แต่เงือกกลับเป็นเรื่องเล่าที่ดูน่ากลัวและหวาดเสียวของบรรดาเด็กๆที่บ้านอยู่ริมแม่น้ำไป แม้ไม่เคยเจอด้วยตาตัวเองแต่ก็จะถูกผู้ใหญ่เล่ากรอกหู จนพาหลอนและไม่กล้าลงไปเล่นน้ำถ้าหากไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย
สำหรับสถานที่ๆเคยมีผู้เล่าลือว่า พบเห็นนางเงือกเมื่อในอดีตนั้น หลักๆก็แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงแถวนนทบุรีนั่นแหละครับ ขยับเข้ามาหน่อยก็ย่านฝั่งธนตรงแถววัดสุวรรณาราม หรือถ้าเอาแถวพระราม 2 ครั้งนึงก็เคยมีคนเล่าว่า เคยมีชาวประมงจับเงือกได้เนื่องจากติดอวนมา แล้วเอามาฝากไว้ที่วัดแห่งนึง ก็ยังเคยมีผู้พูดถึง
แต่ประสบการณ์ที่จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกัน เกิดขึ้นที่คลองบางกอกน้อย และเป็นเรื่องที่เคยตกเป็นข่าวด้วย หากแต่ว่าในยุคสมัยนั้นมันไม่มีโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปกันง่ายๆ รวมถึงกล้องก็หายาก ไม่เหมือนแบบทุกวันนี้ ก็เลยไม่มีใครสามารถถ่ายภาพเอามาเป็นหลักฐานหรือรูปประกอบให้ผู้คนเชื่อถือได้
ตำนาน “นางเงือกในคลองบางกอกน้อย” ที่มีการเล่าถึง จุดที่พบกันบ่อยคือตรงท่าเรือสถานีรถไฟบางกอกน้อย และบางช่วงของลำคลอง นอกนั้นยังเป็นตรงคลองตามท่าน้ำวัด หรือกระทั่งตามแพที่ชาวบ้านทำไว้
โดยเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของผม เกิดขึ้นนานมากแล้วตั้งแต่สมัยที่ยังเด็กๆ โดยได้ฟังจากผู้ใหญ่เล่าให้ฟังมาอีกต่อนึง
แม่และยายเล่าว่าที่แพ “ยายหนอมสุวรรณเตมีย์” ซึ่งขายยาไทยประจำคลองบางกอกน้อย ตัวแพลูกบวบทำจากไม้กระบอกลำไผ่ผึ่งแห้ง บนแพยังทำเป็นคล้ายบ้านเรือนไทยทรงจั่วหลังเล็กๆ ไว้ขายยาไทย รับกวาดคอเด็กเล็ก เป็นต้น
ข้างๆ แพก็จะมีแพลูกบวบเป็นมัดๆ ไว้กันคลื่นตลอดแนวแพ โดยแพที่ว่านี้ตั้งอยู่ฝั่งเดียวกับบ้านผม และอยู่เยื้องๆกับวัดสุวรรณคีรี ห่างจากบ้านคุณยายชมที่เป็นข้ารับใช้ใน ร.๖ และก็เป็นญาติทางแม่และยายผมเล็กน้อยด้วย
ยายเล่าว่าในบางคืนจะมีสิ่งแปลกๆ มาปรากฏอยู่หน้าแพยายหนอม เช่น มักจะมีเสียงหัวเราะหรือไม่ก็เสียงพูดคุยเสียงเล็กๆ ไม่คุ้นหู พูดคุยเล่นกันเป็นที่สนุกสนาน!!
จนกระทั่งคืนนึง ซึ่งเป็นคืนเดือนหงาย แสงพระจันทร์ส่องอร่ามไปทั่วท้องน้ำ ยายหนอมเจ้าของแพก็ตื่นลืมตาขึ้นมาเดินดู ด้วยความสงสัยว่าไอ้เสียงที่ได้ยินนั้นคือใครกัน ดึกดื่นป่านนี้ไม่รู้จักหลับจักนอน
แล้วสิ่งที่ยายหนอมเห็น ก็ทำเอาแกตกใจแทบช็อค เพราะแกเล่าว่าเห็นเป็นผู้หญิงที่ท่อนบนเป็นคนแต่ท่อนล่างเป็นเหมือนปลา ซึ่งก็คือนางเงือกนั่นแหละ!!
แกว่าเท่าที่ดูเป็นหญิงสาวสวย ผมยาว กำลังใช้มือยันแพขึ้นจากน้ำมาคว้ากระจกส่องหน้า แล้วนั่งส่องตัวเองอยู่!!
ถัดไปข้างๆนั้นก็ยังมีเงือกอีกสองตัว ที่กำลังขึ้นจากน้ำเช่นกัน เป็นเงือกตัวพ่อกับแม่ ขึ้นมานั่งบนแพ หางที่เป็นปลาก็พัดโบกน้ำทำให้มีเสียงดังเป็นจังหวะ เสียงเหมือนปลาตัวใหญ่ๆว่ายฮุบเหยื่อบนผิวน้ำยังไงยังงั้น
ภาพที่เห็นเล่นเอายายหนอมกลัวจนแทบสิ้นสติ ปากก็ร้องไม่ออก ตกตะลึงว่าเงือกมาอยู่บนแพนี้ได้ยังไง..แต่พอรวบรวมความกล้าได้ก็ลุกขึ้นยืน ปากตะโกนถามด้วยความตกใจว่า…”ใคร..มาเล่นน้ำหน้าบ้านฉันน่ะ” เมื่อเงือกได้ยิน ก็ต่างหันหน้ามาทางเสียงยายหนอมด้วยท่าทีตกใจเช่นกัน
ยายหนอมเล่าต่อว่า..ตาเงือกเป็นสีแดงประกาย ตัวเป็นมัน สักพักมันก็กระโดดจากแพลูกบวบลงไป เสียงดังน้ำกระจาย เปียกขึ้นมาบนแพไปทั่ว..!! ก่อนที่อีกสองตัวจะว่ายหนีออกตามๆกันไป และเห็นหัวเงือกทั้งสามไปผลุบๆโผล่ๆอีกทีที่ตรงทางไปท่าน้ำวัดขี้เหล็ก สุวรรณคีรี ตรงปากแม่น้ำสามแพร่ง..
เหตุการณ์วันนั้นเล่นเอายายหนอมทั้งกลัวและก็ตกใจ จนถึงขั้นนอนไม่หลับเลยทั้งคืน..พอเช้าก็รีบตื่นมาดูที่แพหน้าบ้าน ตรงที่เห็นเงือกมาเล่นน้ำอยู่เมือคืนนี้..ซึ่งก็พบว่ามีกระจกที่นางเงือกลืมทิ้งไว้หล่นอยู่ จึงได้เก็บเข้าบ้านมา
พอวันต่อไปยายหนอมก็เอากระจกไปวางคืนไว้ที่เดิม แต่เที่ยวนี้นางเงือกไม่กลับมาอีกแล้ว หายจากที่นั่นไปเลยและไม่มีใครเคยพบเห็นอีกต่อไป
เหตุการณ์ผ่านไปหลายปี…ส่วนกระจกนั้น ยายหนอมยังเอามาให้แม่และยายของผมดูเลย แม่ว่าทำมาจากทองเหลือง สวยงามมากๆ มีด้ามจับ มีลวดลายที่งดงาม เป็นสมบัติที่เงือกคงทิ้งไว้ให้ยายหนอมไว้ดูต่างหน้ากะมัง คิดแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ว่าถ้าหากยังอยู่ คงได้ถ่ายรูปเอามาให้ดูกันแล้วล่ะ
เมื่อผมโตก็ยังจำเรื่องที่ยายเล่าให้ฟังได้ดี เวลาที่มีโอกาสนั่งเรือโดยสารก็มักจะรู้สึกหลอนๆอยู่ตลอด ผมจะไม่ยอมลงจากเรือตรงแถววัดขี้เหล็กเลย หากจะลงก็ต้องเลยไปลงแถววัดไก่เตี้ย หรือไม่ก็ที่ท่าก่อนหน้านั้น
ส่วนแพยายหนอมที่เคยเป็นร้านขายยาสุวรรณเตมีย์ ตรงริมคลองบางกอกน้อย เยื้องวัดขี้เหล็ก นั้น..ต่อมาแกได้ย้ายไปเปิดร้านใหม่ที่วัดสามปลื้ม ซึ่งวัดนี้สมัยก่อนนั้นเลี้ยงจระเข้ไว้ตัวใหญ่มากๆ เลี้ยงมานานจนได้ตายจากไป เด็กๆยุคก่อนหากจะมาที่วัดนี้ก็มีอย่างเดียวคือ อยากไปดูจระเข้ให้ได้นั่นเองครับ
และนี่คือเรื่องเล่าเก่าๆที่แอดมินเก็บมาเรียบเรียงให้ฟังกันใหม่ เกี่ยวกับการพบเห็น “เงือก” ในบ้านเรา..ซึ่งเอาจริงๆ บางคนอาจฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหลหรือว่านิทานหลอกเด็ก แต่ก็มีหลายครั้งที่คนเคยเจอ ต่างยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้นั้นมีอยู่จริงๆ..
ขอบคุณที่มาพันทิป
ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน