เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณกรที่ได้มาเล่าให้ฟังในรายการเดอะช็อค คุณกรเล่าว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา คุณพ่อของผมมีอาชีพทำงานโรงงาน เกี่ยวกับการทำแบบ ทำอยู่มาหลายปี ก็แยกตัวออกมารับงานจากโรงงานมาทำเอง และพอได้งานมาจากโรงงาน พ่อก็ต้องหาตึกเพื่อที่จะเอางานเข้าไปทำ จึงตระเวนหาแถวๆฝั่งธน จนไปได้ตึกอยู่ตึกนึง เป็นตึกติดๆกันหมด ตึกแถวๆนั้นเขาจะทำเป็นงานเย็บผ้ากันหมด จะเหลือก็แต่ตึก 3 ชั้นตึกนี่เพียงตึกเดียวที่ว่างอยู่ พ่อก็เลยตกลงที่จะเช่าตึกนี้
หลังจากติดต่อเจ้าของตึกได้ พ่อก็ตกลงทำสัญญาเช่ารายปีทันที เสร็จแล้วก็ขนของเข้าตึกกันเลย ตึกนี้เป็นตึก 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องโล่งๆ ชั้นสองจะเป็นชั้นลอย ชั้นลอยที่แบบว่าคนชะโงกหน้าออกมาได้
ในระหว่างที่ย้ายของเข้าไปในตึก เนื่องจากฝุ่นเยอะมาก จึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปทำความสะอาด ผมก็ทำความสะอาดขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงที่ชั้น 3 ซึ่งชั้น 3 จะถูกแบ่งด้วยไม้อัดทำเป็นห้องๆไว้ พอเปิดเข้าไปดู ในห้องก็จะมีพวกที่นอนเก่าๆ ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ฝุ่นเกาะหนักมาก เหมือนไม่มีคนใช้มานานมากแล้ว แต่ชั้นล่างๆนี่ยังสะอาดเหมือนปกติ ผมก็คุยกับพ่อว่า “ชั้น 3 นี่จะเอาไว้ทำอะไร” พ่อก็บอกว่า “ไม่ต้องเก็บอะไรหรอก ปล่อยมันไว้อย่างงั้นแหละ ไม่ต้องใช้ เราจะทำงานข้างล่าง”
ตอนแรกที่คุยกันไว้กะว่าจะเช่าเอาไว้แค่ใช้ทำงานเฉยๆ แล้วเดินทางไป-กลับบ้านเอา เลยไม่ทำความสะอาดชั้น 3 แล้วก็เอาไม้อัดไปขวางระหว่างบันไดที่จะขึ้นไปชั้น 3 ไว้ เพื่อที่จะกันพวกแมวขึ้นไป พอย้ายของเสร็จเรียบร้อยก็มาทำงานกัน ผมก็ทำงานอยู่กับพ่อ 2 คน
ในทุกๆวันเราจะเลิกทำงานกันประมาณ 5 ทุ่มเที่ยงคืน แล้วที่แปลกมากคือ ถ้าวันไหนผมทำงานกับพ่อเกินเที่ยงคืน พอเที่ยงคืนปุ๊บ มันจะมีเสียงเหมือนคนเดินลากเท้า ครืด..ครืด..ครืด… ดังมาจากบนชั้น 3 ได้ยินเสียงแบบนี้ทุกวัน ครั้งแรกที่ผมได้ยิน พอผมขึ้นไปดูปรากฏว่าก็ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิต มีแต่ความมืด ตอนนั้นก็คิดว่าหูฝาด หูแว่วรึป่าว เพราะว่าตอนทำงานก็ได้ยินแต่เสียงเลื่อยเสียงดังทั้งวัน จึงไม่ได้คิดอะไร กลับลงมาทำงานต่อ พอเสร็จงานก็กลับบ้าน
วันต่อมาผมก็มาทำงานเหมือนทุกวัน คือว่าถ้าวันไหนทำงานเกินเที่ยงคืน ผมเคยนั่งดูนาฬิกา หลังเที่ยงคืนไม่เกิน 2 นาที จะมีเสียงลากเท้า ครืดๆๆ เหมือนเดิมเป็นประจำ และมันจะดึงขึ้นทุกวันๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าไม่ได้นอนอยู่ที่นี่อยู่แล้ว พ่อก็บอกว่าอย่าไปสนใจเลย ทำงานของเราไป แล้วมาในช่วงที่งานของพ่อเข้ามาเยอะมากจนงานล้นมือ จึงจำเป็นที่จะต้องหาผู้ช่วย พ่อก็เลยไปติดต่อพี่ชายพ่อ ก็คือลุงผมนั่นแหละ ให้มาช่วยงาน
ลุงคนนี้เขาเป็นคนที่ไม่กลัวไม่อะไรเลย และเขาก็เล่นของด้วย เขาก็เลยตกลงมาช่วยทำงาน ลุงจะนอนที่ชั้นลอยชั้นที่ 2 ตอนกลางคืนพอทำงานเสร็จผมก็จะกลับบ้าน พอวันรุ่งขึ้นมาที่ตึกนี้ ลุงก็จะมีเรื่องมาเล่าให้ทุกวันว่าได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูห้องลุงมั่ง เดินมาสะกิดขาลุงบ้าง แต่ลุงเขาเป็นคนไม่กลัว จึงพูดกับผมว่า เราไม่ไปทำอะไรเขา เขาก็ไม่ทำอะไรเราหรอก ผมก็ถามลุงอีกว่า แล้วลุงไม่เคยเจอมากกว่านี้หรอ ลุงบอกก็ไม่เคย เต็มที่ก็มีแค่มาสะกิดขา พอลืมตาขึ้นมาก็ไม่เห็นอะไร แล้วก็มีเรื่องแปลกอีกอย่างนึง เวลาที่ผมมาทำงาน แล้วเดินขึ้นไปที่ห้องลุง ห้องลุงเขาจะนอนติดอยู่กับบันไดทางขึ้นชั้น 3 แล้วผมสังเกตุว่าไม้อัดที่เคยเอากั้นไว้ มันจะเปิดออกเองทุกวัน วันที่ผมเห็นแรกๆ ผมก็ถามลุง ว่าลุงเปิดไว้หรอ ลุงก็บอกว่า “เปล่าๆ ไม่ได้เปิด” แต่มันจะเปิดแบบนี้ทุกวันเลย
มีอยู่วันหนึ่ง ลุงเกิดไม่สบายจำเป็นต้องกลับบ้านไปเอายา แล้วมันก็จำเป็นที่ต้องมีคนมาเฝ้าเพราะว่างานมันเยอะ พ่อก็เลยให้ผมมานอนเฝ้าที่ตึก ผมจึงจำเป็นที่จะต้องมานอน แต่ก่อนที่ลุงจะไปลุงได้บอกกับผมไว้อย่างนึงว่า “ยังไงก็นอนให้มันเร็วๆนะลูก นอนก่อน 5 ทุ่มก็จะดีมาก ถ้ามีอะไรก็เปิดไฟไว้ ไม่ต้องปิดไฟหรอก ชั้น 2 อ่ะเปิดไฟไว้แล้วก็นอนซะ”
คืนนั้น พอลุงและพ่อกลับไปแล้ว เหลือผมอยู่คนเดียว จึงรีบอาบน้ำตั้งแต่ 4 ทุ่มกว่า เพื่อที่จะขึ้นไปนอน พอขึ้นไปนอนก็เปิดไฟตามที่ลุงบอกเลย เปิดไฟเสร็จก็ไหว้พระ ไหว้พระเสร็จก็ขึ้นเตียงนอน พอหัวถึงหมอนได้ก็หลับไปเลย นอนไปได้สักพักผมก็สะดุ้งตื่น ตอนนั้นไม่รู้ว่าเวลาเท่าไร แต่ผมเหมือนจะได้ยินเสียงแมวร้องดังมาก (ประมาณคล้ายๆ เวลาแมวมันมาหาคนแล้วขออาหาร ประมาณนั้นเลย)
ผมพยายามสอดส่ายสายตามองหาที่มาของเสียนั้น แล้วไฟที่ผมเปิดไว้ก่อนนอนนั้น อยู่ ๆ มันก็ดับหมดเลย พอมองหาแมวไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอแมวอยู่ที่ขอบประตูตรงหน้าห้องพอดีเลย ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ก็เลยลุกไปไล่มัน ผมเตะมันไป 1 ที เจ้าแมวมันก็วิ่งๆแล้วก็หันกลับมามองผม แล้วมันก็วิ่งหนีลงไป ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรจึงกลับมานอนต่อ พอกำลังจะเริ่มเคลิ้มๆหลับ ก็ได้ยินเหมือนจะมีเสียงเดินเท้าเปล่าเดินลากไปกับพื้นปูนที่อยู่หน้าห้อง ครืดๆๆ
ผมก็พยายามมองไปที่เสียงนั้น แต่ก็มองไม่เห็นอะไร ได้ยินเพียงแต่เสียง พอนอนนิ่งๆ ฟังไปซักพักนึง ก็สังเกตุเห็นเงาของคน ที่สะท้อนจากแสงสว่างจากด้านนอก กำลังยืนจ้องมาที่ผมอยู่ที่หน้าประตูห้อง เป็นเงาของคนที่ผมยาวๆ แต่ผมไม่เห็นหน้า เขายืนจ้องผมอยู่ซักพักนึง และก็ค่อยเดินเข้ามาๆ จังหวะนั้นผมเริ่มกลัวละ ทำได้เพียงแต่นอนนิ่งๆ เงานั้นก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ พอเงานั้นห่างจากเตียงของผมประมาณซักเมตรนึง ผมเห็นชัดเลยว่า เธอเป็นผู้หญิง แล้ว อยู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็กระโดดขึ้นมาเหยียบที่ตัวผม เหยียบตรงช่วงหน้าอกพอดี แต่ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันไม่มีความหนักของคน แต่เป็นความแน่นหน้าอกเฉยๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ก้มหัวลงมา เอามือทั้งสองข้างลงมาแตะที่หมอนของผมที่นอนอยู่ และค่อย ๆ เอาหน้าก้มเข้ามาใกล้ๆ หน้าผม เส้นผมของเธอ ก็ค่อยไชๆและก็พันๆที่คอของผม
ณ ตอนนั้น ผมกลัวจนช็อค ฉี่แทบจะแตก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มันแน่นหน้าอกไปหมด ผมได้แต่คิดถึงพระ พยายามท่องบทสวดต่าง ๆ แต่ก็ท่องไม่ได้ เพราะความกลัวสุดขีดจนทำอะไรไม่ถูก ผู้หญิงคนนั้นก็ยังอยู่แบบนั้นเป็นเวลาเกือบ 10 นาทีได้ ผมเลยพูดในใจว่า คุณต้องการอะไร ต้องการให้ผมช่วยอะไร หรือผมไปทำอะไรผิด ให้คุณพูดก็ได้ หลังจากที่ผมนึกซักแปปนึง ก็มีเสียงพูดกลับมาว่า ออกไปจากที่ของกู (เป็นเสียงผู้หญิงแหลมๆ) ที่นี่ของกู กูไม่ให้อยู่ พอผู้หญิงคนนั้นพูดประโยคนี้จบ ผมก็พูดในใจว่า ครับๆ ผมต้องมาทำงาน เดี๋ยวผมทำบุญไปให้ละกันแต่อย่ามากวนผมแบบนี้อีกเลย ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาทันทีเลยว่า กูไม่เอา ไอ้แก่นั่นก็พูดมาคนนึงแล้ว กูจะอยู่ของกูแบบนี้ และผู้หญิงคนนั้นก็พูดเป็นภาษาเขมรที่ผมจับใจความไม่ได้ และไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร
ผู้หญิงคนนั้นพูดยาวๆ เป็นภาษาเขมรและตบท้ายด้วยคำว่า ให้ออกไป และผู้หญิงคนนี้ก็ค่อยๆลุกขึ้น แล้วค่อยๆจางหายไป ผมพยายามรวบรวมสติ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ แต่พอคลำไปเจอสวิตไฟ ปรากฏว่าสวิตช์ไฟนั้นเปิดอยู่แล้ว หรือว่าไฟมันดับ ผมก็ตัดสินใจลงมาจากชั้น 2 มาที่ชั้นล่างแล้วก็เปิดประตูออกมายืนข้างนอกแล้วก็โทรหาพ่อ พ่อก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอกๆ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือ เวลา ณ ตอนนั้นเป็นเวลาตี 4 แสดงว่า ผมอยู่กับวิญญาณตนนั้นเกือบ 3-4 ชั่วโมงได้
พอรุ่งเช้าผมก็นั่งรออยู่ด้านนอกตรงนั้น เดินไปนู่นไปนี่บ้าง ไม่เข้าข้างในเลย จนพ่อมาถึง จึงเล่าเรื่องที่เจอเมื่อคืนให้พ่อฟัง พ่อก็เลยพาไปทำบุญ ทำบุญเสร็จ พ่อก็โทรไปถามเจ้าของตึกว่า ตึกนี้มันมีอะไรไหม แล้วก็เล่าเรื่องที่ผมเจอให้ฟัง เจ้าของตึกก็บอกว่าไม่มีอะไรนะ ผมจึงไปถามร้านค้าข้างๆ แรกๆเขาก็บอกไม่มีอะไรม๊างง คิดไปเองรึป่าว
ผมก็บอกว่า ไม่หรอก ผมก็อายุประมาณนี้แล้วไม่ใช่ 12-13 ลุงที่ร้านค้าก็ถามว่า แล้วเอ็งเจอแบบไหน ผมก็เล่าให้เขาฟังว่าเจออะไรมาบ้าง แล้วเขาก็บอกว่า หรอๆ แล้วมีประโยคนึงที่ผมพูดให้เขาฟังว่า ผู้หญิงคนนี้พูดเป็นภาษาเขมรด้วย ลุงเขาก็ทำท่าเหมือนตกใจ แล้วลุงเขาก็บอกว่า แต่จริงๆแล้วมันก็มีอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นคนๆเดียวกันรึป่าว คือในตึกนี้ เคยเปิดเป็นตึกเย็บผ้าโหล คนงานมีทั้งพวก พม่า เขมร ลาว มันมีอยู่วันหนึ่งหญิงสาวชาวเขมรทะเลาะกับเจ้าของบริษัท ทะเลาะกันรุนแรง และก็อยากจะกลับบ้าน
แล้วเคยมาบ่นให้ลุงฟังว่าจะกลับบ้านแต่เจ้าของบริษัท แถมเขายังยึดพาสปอร์ตไว้ จึงกลับไม่ได้ ตังเงินเดือนก็ไม่ให้ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง ทำงานไปก็โดนด่า เขาก็เลยตัดสินใจที่จะผูกคอตายกับตู้เสื้อผ้าในห้องชั้น 3 ท่าตายคือนั่งตาย พอขึ้นไปดูศพ สภาพศพคือใช้เสื้อในของตัวเองผูกคอแล้วก็ผูกกับหูตู้เสื้อผ้า แล้วก็นั่งขาเหยียดตาย
พอฟังที่ลุงร้านขายของเล่าให้ฟังแล้ว ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเสียงที่ได้ยินทุกเที่ยงคืน อาจจะเป็นเสียงขาของเขาดิ้นทุรนทุรายตอนที่ฆ่าตัวตาย แล้วคนที่ฆ่าตัวตายก็ต้องทำซ้ำๆไปจนก่ว่าจะหมดอายุขัย
ที่นี้พอลุงกลับมา ผมก็เล่าเรื่องให้ลุงฟัง ลุงก็บอกกับผมว่า บอกแล้วใช่ไหมให้นอนเร็วๆ แล้วก็เปิดไฟไว้ ผมก็บอกว่าผมทำแล้ว แต่ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วจะให้ผมทำยังไง แล้วลุงก็บอกกับผมว่า ไม่เป็นไรหรอก เอ็งไม่ได้นอนทุกวัน แต่ลุงนี่สินอนทุกวัน เจอหนักกว่าเอ็งอีก แต่ที่ลุงบอกตอนแรกบอกว่าเต็มที่ก็แค่สะกิด แต่ไหนๆก็เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
ลุงบอกว่า วันแรกที่เข้ามานอน ตอนนั้นผมยังไม่ได้เอาไม้อัดไปตีขวางตรงบันได ระหว่างที่เขานอนอยู่เวลาเกือบเที่ยงคืนละ ลุงก็ได้ยินเสียงเหมือนที่ผมได้ยินทุกวัน แต่ลุงไม่ขึ้นไปดู ลุงคิดว่าใครจะทำอะไรก็ช่างแต่อย่ามายุ่งกับเรา แต่พอหลับไปสักพัก อยู่ ๆ ก็มีมือเย็นๆ มาจับที่ข้อขาแล้วก็บีบ แล้วพยายามกระชาก กระตุกๆ ลุงออกไปจากที่นี่ แต่พอลุงลืมตาขึ้นมา เงานั้นไม่มีหัว มีแต่ช่วงหัวไหล่ลงมาถึงเอว ตอนระหว่างที่โดนจับขาอยู่นั้น ลุงก็รู้ตัวแล้วว่าโดนแล้วแหละ จึงพยายามควานหามีดหมอที่พกมาด้วย พอคว้ามีดได้แล้วเงื้อขึ้นมา เงานั้นก็หายไป แต่มาโผล่อีกทีคือมายืนค่อมลุงอยุ่บนหัวนอนของลุง แล้วก็ก้าวขากระทืบที่หน้าอกของลุง ลุงบอกว่ามันแน่นไปหมดจนกำมีดที่อยู่ในมือไว้ไม่ไหว ต้องยอมให้เขากระทืบเป็นสิบๆที แล้วผู้หญิงคนนี้ก็พูดเป็นภาษาเขมร และก็ตบท้ายด้วยคำว่า จะลองดีกับกูหรอๆ ลุงก็ท่องคาถาชินบัญชรไป 2-3 รอบจนถึงประมาณตี 4 กว่าจะหลุดจากผู้หญิงคนนี้ได้ เวลาประมาณเดียวกันที่ผมหลุดจากผู้หญิงคนนี้เช่นเดียวกัน
ที่มาเดอะช็อค คุณกร
ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน