Home คลังหลอน เชือกแดง คืนหลอน2+1ศw

เชือกแดง คืนหลอน2+1ศw

เชือกแดง คืนหลอน2+1ศw
อาฆาตุ เชือกรัดคอ

เกิ่นนำก่อนว่า เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาและถ้อยคำที่sุนแsง จึงมาความจำเป็นที่ต้องแทรกตัวอักษรภาษาอังกฤษหรืออีกษรพิเศษเข้าไปในบางคำนะครับ

ต้องบอกก่อนนะครับ เรื่องที่จะเล่านี้ หดหู่สะเทือนอารมณ์พอตัวเลยนะครับ ยังไงก็เตรียมใจกันไว้ให้ดีนะครับ

เรื่องราวเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ ผมยังไม่เกิดเลย ราวๆปี 2533-2534 ช่วงนั้นดังมากนะถ้าใครเกิดทันและเป็นคนในพื้นที่ คือดังทั้งอำเภอ บ้านนาสารเลย แต่ด้วยความที่ อยู่ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไม่ได้เข้าถึงง่ายอย่างปัจจุบัน + ตัวละคร ผัวพันธ์ กับผู้มีอิทธิพล ทำให้ข่าวเงียบ เพราะโดนจำกัดวง

เกริ่นก่อนนะครับ เรื่องทั้งหมดเกิดจากความไคร่และสเน่ห์หา มักมากในกามอารมณ์ ส่วนตัวละครหลักๆเลยในเรื่องนี้มีอยู่ 3+1 คนนะครับ ออน / อาร์ม / พงศ์ (ที่ใช้ชื่อปลอมเพื่อเป็นการณ์ให้เกรียรติเธอและเขาคนนั้นด้วยครับ)

คือ ออน กับ อาร์ม เนี่ยเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ เด็กๆแล้ว คือโตมาด้วยกันเรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาล ยันจบ ม.6 เอาง่ายๆ คือทั้งสองชอบพลอกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วก็ ออน ถือเป็นผู้หญิงสวยมากๆคนนึงเลยนะ เป็นคนเรียบร้อย ไม่เกเร สมัยนี้คงเป็นเด็กเรียนประมาณนั้น บ้านฐานะปลานกลาง… ส่วน อาร์ม แถบไม่มีอะไรดีเลย บ้านก็จนหน้าตาก็ไม่ดี ถึงจะแบบนั้นก็เป็นผู้ชายบ้านๆทั่วไป คือขยันทำงานตัดยางแค่นั้นแหละ  

และแน่นอนทั้งคู่เป็นแฟนกัน คือเห็นแบบนี้แล้ว เหมือนทั้งสองคน อาร์ม/ออน ในวัย 21 ปี ดูเหมือนจะมีชีวิตที่อยู่ดีมีสุขใช่ไหม ? คำตอบคือ ไม่!!! ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น อย่างที่เรารู้กัน อิทธิพลของเงินไม่ว่าจะยุคสมัยใด มันก็มีอำนาจมากมายจนจะบรรยายได้จริงๆ

พงศ์ หนุ่มวัย 24 รูปหล่อ พ่อรวย เป็นข้าราชการยศใหญ่พอตัว คือ มีพร้อมทุกอย่าง แต่เรื่องนิสัยนี้ โคตรตรงข้ามกับ หน้าตาและฐานะจริงๆ ทุเรศสุด ๆ พัด ศักดิ์เป็นหลานของพงศ์  ซึ่งเรื่องของพงศ์ จะถูกเล่าโดยพัดนะครับ…บอกก่อน

เข้าเรื่องนะครับ ช่วงปลายเดือน พฤษจิกายน ปี2533 ตอนนั้นมันมีงานบวชใหญ่มาก คือญาติของพงศ์บวช ออนกับแม่ เขาขายป๊อปคอร์น (บ้านๆเรียกข้าวตอก) อยู่ในงานบวชนั้นแหละ คือ ทำมาหากินกันปรกติ แต่อย่างที่ผมบอกไว้ข้างต้น ออน เป็นผู้หญิงที่สวยและขาวมาก สาวใต้ขาวๆหายากสมัยก่อน จึงไม่แปลกถ้าขนมในร้านจะขายดี หนุ่มๆทั้งนั้นที่มาซื้อ

แล้วก็ถือเป็นครั้งแรก ที่ ไอ่พงศ์ กับ ออน พบเจอกันครั้งแรก และก็แน่นอน ไอพงศ์ชอบ ออน เข้าให้แล้ว ตั้งแต่นั้นก็ตามจีบพี่ออน เรื่อยมา จีบเป็นเดือนๆ ออนก็ไม่เล่นด้วย ได้แต่บอกว่า หนูมีแฟนแล้วนะพี่พงศ์

ก็นะ…ตามประสาคนพาล พอผู้หญิงไม่เล่นด้วยก็ใช้วิธีสกปรก มีทั้งลาก อาร์มมากระทืบ กดดันทุกวิธี ให้เลิกกับ ออน แต่ทำยังไง อาร์มก็ไม่เลิก (คือเขาก็รักของเขาอยู่ดีๆปะวะ) และนี้อาจเป็น จุดเริ่มของจุดจบ ของเรื่องสุดของสุดจะบรรยาย

กลางดึกคืนนั้น เสียงปืนดังสนั่นสวนยาง ร่างของอาร์มนอนตายจมกองเลือด คาสวนยางเลยครับ คือยิงเข้าเบ้าตาเต็มๆเลย ตอนนั้น ไม่มีใครถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์นี้เลย สรุปตายฟรีงั้นหรอ ? เอาจริงๆเขารู้กันทั้งนั้นว่าใครยิงอาร์ม ไอพงศ์นั้นแหละแต่ไม่มีใครกลา้พูด

หลังจากนั้นที่บ้านของอาร์มก็ จัดงานศพแบบบ้านๆ ไว้ 2 คืน แล้วเผาเลย ส่วน ออน ก็มาช่วยบ้านอาร์มทุกวันทุกคืน แต่ในคืนสุดท้ายของงานศพ ก่อนวันเผาศพของอาร์ม ไอพงศ์ มันดักรอ ออน อยู่ในซอยป่ายางก่อนถึงบ้านออน คงเหมือนเดิมตามตื้อออน แต่ ออน ไม่เล่นด้วยเหมือนทุกๆครั้ง แต่คราวนี้ มันไม่ปล่อยไปนะสิ มันมัดออนขึ้นรถยนต์ พาออนไปที่ไหนสักแห่ง แล้วมันก็มัด ออน ข่มขืนย่ำยีสำเร็จความไคร่บนรถ ในคืนนั้นเลย

จนเช้าของอีกวันมันถึงจะไปส่งออนที่บ้าน ที่บ้านออนก็เข้าใจว่าออนนอนที่บ้านงานศพเพราะบ้านอยู่เยื่องๆกัน ออน คงรู้สึกย่ำแย่สุดๆ วันเผาศพอาร์ม ก็ไม่ได้ไป แถมยังเจอคืนนรกมาทั้งคืนอีก คือมันเกินไปสำหรับชีวิตผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ คงเกินจะรับไหวแล้วแหละ และตกดึกของคืนนั้น ออนหยิบเชือกไนล่อนขดนึง (สีแดงเหลืองจำไว้ให้ดีๆนะ) เดินไปหลังบ้าน เดินเข้าไปในป่ายางที่มืดสนิท ออน เธอเลือกจบชีวิตของเธอ โดยการ ใช้เชือกผูกคอตัวกับคานขนำ ในป่ายาง 

งานศพออนที่บ้านเขาไว้ 5 คืน จนถึงวัน เผาศพก็เหมือนจะไม่มีอะไร คือตอนนั้นฮือฮามาก ต่องานกันติดๆเลย ศพชาย ศพหญิง ตายโหงทั้งคู่ ถึงขั้นต้องทำบุญใหญ่กันเลยทั้งหมู่บ้าน เพราะกลัวผีเฮี้ยน ในเวลานั้นทุกคนไม่ตระหงิดใจเลยสักนิดว่าออนฆ่าตัวตายทำไม คือทุกคนเข้าใจว่าทำใจไม่ได้เรื่องอาร์มถูกยิงตาย

เดือนครึ่งต่อมาหลังจากงานศพ ช่วงต้นปี ราวๆ เมษา ปี2534  ช่วงนั้นชาวบ้านที่ตัดยาง,หรือขับรถผ่าน ในระแวกบ้านของ ออน/อาร์ม บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นผู้หญิง ถือเชือกเดินไปเดินมาอยู่ในซอย บางคนก็บอกเห็นเงาผู้ชายดำๆ ไม่มีหัวคลานไปมาอยู่บนพื้น คงเป็น อาร์ม/ออน ตายโหงทั้งคู่

ณ ตอนนั้นตัวการของเรื่องยังอยู่ดีครับ ไอพงศ์ หลังจากทำเรื่อง อัปรีย์ไว้ก็ลอยหน้าลอยตาต่อไป ไม่มีใครทำไรได้ พ่อรวย พ่อใหญ่ขับฟ้าสะอย่าง และหลังจากที่มันมีส่วนทำให้ทั้งสองคนนั้นตายไป ความชิuหายของพงศ์ มันเพิ่งจะเริ่ม 

ศพที่ 3 ศพสุดท้าย (รายละเอียดจะถูกเล่าผ่านพัดหลานของพงศ์) พงศ์ เล่าให้พัดฟังว่า… คืนนั้นมันนั่งกินเหล้ากับเพื่อนจนดึก พอขากลับดันลืมตัวขับรถยนต์กลับทางซอยป่ายาง (คือตั้งแต่มันทำเรื่องไว้ มันไม่เคยมาเหยียบซอย บ้านอาร์ม/บ้านออน เลย) พงศ์ บอกว่า ตอนขับผ่านป่ายาง มันรู้สึกเหมือนอะไรหล่นใส่ท้ายกระบะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรสงสัย ลูกยางมั้ง จนสักพักอยู่ๆก็ได้ยินเสียง ดัง แกว๊ด… เสียงเหมือนรถเกี่ยวกับถุงปุ๋ยหรือกิ่งไม้ คือเสียงลากยาวครูดกับถนนลุกรังได้ยินชัดทั้งสองหูเลยเพราะลงกระจกรถขับรับลม

แต่พอมองกระจกข้างซ้าย เห็นจังๆเลย ไม่รู้ตัวอะไรหรือใคร ดำๆ ไม่มีหัว เอามือเกาะกับ กันชนท้ายของรถ ตอนนั้นตกใจสุดขีด ไม่เชื่อสายตาตัวเองคงนึกว่าเมามาก แต่ที่ไหนได้ เหมือนมันพยามจะปีนขึ้นมาที่กระบะท้าย เท่านั้นแหละ เหยียบเร็วกว่าเดิมอีก จนขับพ้นซอยป่ายาง มาออกถนนเอเชีย (สมัยนั้นยังเป็นเลนสวน) ค่อยยังชั่ว พอมีแสงไฟจากรถคันอื่นอยู่บ้าง แล้ว ค่อยยังชั่ว เงานั้นก็หายไปแล้วด้วย คืนนั้นอาจเป็นเพราะความกลัว และไม่กล้านอนคนเดียว พงศ์เลยขับรถไปหาพัดที่บ้าน บอกพี่ขอนอนด้วยนะ พี่เมากลับบ้านไม่รอด พัดก็ไม่ได้ว่าอะไร

จนสักพักราวๆ ตี1 พงศ์ เล่าให้พัดฟังว่า… ตอนขากลับจากบ้านเพื่อน พี่ขับผ่านซอยป่ายาง แล้วพี่ก็ไม่รู้เห็นตัวอะไร ดำๆเหมือนเกาะท้ายรถพี่ พี่ตกใจอย่างแรง รีบเหยียบจนมาถึงบ้านน้องนี้แหละ พี่กลัวมากตอนนี้ 

พัดบอกคืนนั้นเหมือนจะไม่มีอะไร จนราวๆ ตี 3 พี่พงศ์บอก พี่หายเมาแล้ว พี่กลับบ้านก่อนนะ ขอบใจมากนะน้อง… เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พาไปเที่ยว… พัดก็ได้แต่พยักหน้าแล้วบอกกับพงศ์ว่า ขับรถดีๆนะพี่ (และพัดก็เป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยกับพงศ์)

พอตอนราวๆ ช่วงตี 4-5 ลุงคนนึงเขาไปโกยน้ำยางที่สวนเป็นปรกติทุกเช้า แต่แกเห็นรถยนต์ของใครไม่รู้จอดอยู่ หน้าสวนแกพอดี พอเดินไปดูที่รถ ชะโงกหน้ามองไปในกระจก ก็ไม่เห็นมีใคร แต่พอแกเดินไปท้ายรถเท่านั้นแหละ แสงไฟจะตะเกียงที่หัวแก ส่องไปท้ายกระบะ บอกเลยว่า เต็มสองตา แกกระโดดร้องโหวงเลย  ศw ผู้ชาย นอนตัวหงิกตัวหงออยู่ท้ายกระบะ

หลังจากตำรวจมาที่เกิดเหตุ ชาวบ้านพากันมาดูตอนตำรวจ ทำแผน สภาพศw ที่ทุกคนเห็นคือ ตัวหงิกตัวหงอ ลิ้นจุกปาก แถมนิ้วมือทั้ง 8 นิ้ว ยังสอดอยู่ในห่วงของเชือกในล่อน อยู่เลย เหมือนพยามดิ้นพยามใช้มือดึงเชือกออก จากการสันณิฐาน นายพงศ์ โดนเชือกไนล่อน “สีแดงเหลือง” ขนาด1เมตร รัดคอจน ขาดอากาศหายใจ ตาย เป็นคดี ฆาตnรรม

ขอสรุป ไทม์ไลน์ ให้ฟังเป็น ฉากๆนะครับ

จำช่วงที่พงศ์ ขับรถเข้าซอยป่ายาง บ้านอาร์ม/ออน ได้ไหม คือตอนนั้นผัวเมียคู่นึงเขาตัดยางอยู่พอดี.. แล้วก็ได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามาในซอย ทั้งคู่ก็หันมองเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่สองคนนั้นเห็นเหมือนกัน คือ มีผู้หญิงนั่งอยู่บนหลังคารถ แล้วท้ายรถก็ไม่รู้ตัวอะไรเกาะรถติดไปด้วย สองคนนั้นบอกว่า คืนนั้นกลับบ้านนอนเลยไม่ตัดแล้วยาง จนรุ่งเช้านี้แหละ ถึงได้ทราบข่าวคนโดนรัดคอตาย อาจเป็นจังหวะเดียวกันที่พงศ์เล่าให้พัดฟังว่าได้ยินเสียงอะไรหล่นใส่กระบะรถ กับ เห็นเงาดำๆเกาะกันนท้าย นี้อาจเป็นผู้หญิง กับ เงาดำๆ ที่คนตัดยางเห็นก็ได้ 

เป็นเวลานานมากเกือบ 5-6 เดือน กว่าทุกคนจะรับรู้ว่า ออนฆ่าตัวตายเพราะอะไร ออนเขียนเรื่องราวปัญหาทุกอย่างพร้อมคำสั่งเสียไว้ในสมุด ม.ปลาย 3 หน้ากระดาษ ใจความว่า… ต้นเรื่องมาจากใคร ใครทำอะไรกับเธอยังไงไว้บ้าง เธอบรรยายทุกอย่างที่เธอเจอมาทั้งหมด ในคืนนั้นด้วย รวมถึง การตายของอาร์ม ประโยคสุดท้ายเขียนว่า “หนุ้ยขอโทษนะแม่ หนุ้ยรักแม่มากนะ” ออนเขียนไว้3หน้ากระดาษ ในกระดาษหน้ากลาง ดึงออกแล้วเอาใส่ไว้ในปลอกหมอน หลังจากออนตาย ผ่านไปหลายเดือน จนแม่ของออนถอดปลอกหมอนนั้นแหละถึงได้รู้ว่าทำไมออนถึงฆ่าตัวตาย

เรื่องราวของพงศ์ ถูกเล่าโดยพัด ที่เป็นหลานของ พงศ์ ซึ่งผมก็ได้เกริ่นไว้ข้างต้นแล้ว หลังจากเรื่องผ่านไปเกือบปี พ่อของพงศ์ จ่ายเงินให้ครอบครัวของ อาร์ม กับ ออน ครอบครัวละ 2 แสน เพื่อปิดข่าวไม่ให้รื้อคดี ส่วนครอบครัวพงศ์ จนปัจจุบันก็ยังหาคนฆ่าลูกชายตัวเองไม่ได้ (ชาตินี้ก็หาไม่เจอหรอก)

คือถ้านำเรื่องจดหมายของออน มา + กับ เรื่องราวของพัด มันก็จะประติดประต่อได้พอดี ว่าใครทำอะไรยังไงที่ไหน เกิดอะไรกับใครยังไงบ้าง…

ต้องบอกว่า ตายโหงทั้ง 3 ศwเลย เรื่องนี้ คดีนี้ เรื่องจริงแท้แน่นอน แค่มันดังเฉพาะคนในพื้นที่ เรื่องเกิดขึ้นเกือบ 30 ปีได้แล้วครับ

สุดท้ายนี้ขอให้พวกคุณทั้งสองคน ไปสู่สุขตินะครับ ถ้าพวกคุณยังอยู่คง มีลูกรุ่นๆผมนี้แหละ ขอโทษที่ยกเรื่องนี้มาเล่าให้คนอื่นนอกพื้นที่ฟังนะครับ มีโอกาสผมจะทำบุญไปให้นะครับ

ขอบคุณที่มา pohihi188

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here