
เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ พึ่งเกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนมิย. 63 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ คือจะบอกก่อนนะคะว่าตั้งแต่ก่อนมีลูกและหลังมีลูก เราพักโรงแรมที่อื่นๆ มาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้เลย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกเลยที่เจอประสบการณ์ขนลุกแบบนี้ เข้าเรื่องเลยนะคะ ดิฉันกับครอบครัวมีแพลนเที่ยวที่พัทยากัน 4 วัน 3 คืน มีดิฉัน สามีและลูกชายอายุ 1 ขวบ 8 เดือน ทั้ง 3 คืนเราพักโรงแรมคนล่ะที่หมด
โรงแรมแรกเข้าพักไม่มีปัญหาอะไร ลูกมีความสุข สนุกสนาน นอนหลับสบาย เป็น โรงแรมเดียวตั้งแต่พักมา ที่ดิฉันกล้าที่จะเปิดไฟแค่ดวงเดียว นอกนั้นปิดหมด รวมทั้งห้องน้ำ บรรยากาศห้องเค้าทำให้เรารู้สึกเหมือนเรานอนอยู่บ้านแบบนั้นเลค่ะ
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นที่ โรงแรม ที่ 2 นี้แหละค่ะ โรงแรมนี้เป็น โรงแรมใหญ่ระดับห้าดาว และเป็น โรงแรม เดียวในพัทยาที่อยู่ฝั่งเดียวกับชายหาด เดินผ่านสระของโรงแรมก็เดินชายหาดต่อได้เลย เราเข้าเช็คอินที่โรงแรมตอนบ่ายสามรอ โรงแรมเคลียร์ห้องประมาณ 20 นาที ได้ห้อง 739 เป็นห้องดีลักส์ ติดสวน เปิดประตูปุ๊บ ภายในห้องฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ เตียง กระจกบานใหญ่ติดกับตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงานสีดำ ผนังติดกระจกบานขนาดกลางอีก 1 บาน มองตรงไปเจอชั้นวางทีวี เก้าอี้ลักษณะแบบโซฟาเบดแบ่งเป็น 2 ชิ้น คือที่นั่งและที่วางเท้าสีดำ ด้านนอกระเบียงมีเก้าอี้สีดำเข้าชุดกับโต๊ะ 2 ตัว
ดิฉันก็ถ่ายรูปห้องตามปกติ ลูกก็เดินเล่นรอบๆ แบบนิ่งๆ ยังไม่มีอะไร ดิฉันก็จัดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าที่จะใช้มาแขวน (พึ่งมานึกขึ้นได้ว่าเป็นที่เดียวที่เอาของออกจากกระเป๋าน้อยที่สุด คือแค่เสื้อผ้าที่จะใส่กลับเท่านั้น) แล้วก็พากันออกไปข้างนอก หลังออกห้องไปแปบเดียว ดิฉันลืมแมสเลยเอาคีย์ที่สามีมา (นี่ก็เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องที่พึ่งนึกขึ้นมาได้ ตอนสามีเปิดห้อง ดิฉันไม่ได้ดูเลขห้อง ทุกครั้งดูตลอด ตอนหน้าฟรอน์แจ้งห้องก็ได้ยินไม่ถนัด) พอได้ปุ๊บก็รีบเดินกลับห้อง สักพักฉุกคิดขึ้นมาว่า อ้าวเฮ้ย..เลขห้องไรว้า ลืมถามสามีจะโทรไปถามก็กลัวโดนบ่น เลยดูจากคีย์การ์ด ซึ่งบอกเลยตอนแรกหาเลขห้องไม่เจอจริงๆ พลิกอยู่ซักพัก ตรงมุมขวาด้านหน้ามีปากกาเขียนเลขห้องไว้ พยายามดูอยู่นานว่าเลขอะไร เพราะเลขตัวสุดท้ายเขียนแบบซ้ำ ทับๆ กันมองยากมาก มันเหมือนเลข 8 ผสมเลข 9 สุดท้ายเลยลองหาดูจากบัตรทานอาหาร เจอเลขห้องตัวเล็กๆ ก็เปิดเข้าไปเอาปกติ
จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นที่ชายหาดและรอบๆ โรงแรม สามีเริ่มเมื่อยบวกเหนื่อย เลยขอขึ้นไปกับลูกชายก่อน ส่วนตัวดิฉันยังไม่ขึ้น สักพักสามีโทรมาบอกให้ขึ้นมาดูลูกหน่อย ลูกเป็นอะไรไม่รู้ ยังไม่ทันได้ถามอะไรได้ยินสามีหันไปเรียกลูกถามว่าเป็นอะไร แล้วก็วางหูไป ดิฉันนี่รีบขึ้นห้องเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ ห่วงลูก พอเข้าห้องไปดิฉันเข้าไปอุ้มลูกก่อนเลยแล้วก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น สามีก็เล่าให้ฟังว่าตอนที่ขึ้นมาสามีนอนพักอยู่ที่เตียง ส่วนลูกนั่งเล่นอยู่ระหว่างตู้กับกระจก แกก็เคาะๆ เล่น ตามประสาแปบเดียวก็ร้องว๊ากขึ้นมา แล้วก็วิ่งมาหาสามี พอถามว่าอะไรแกก็ชี้ไปที่กระจก บอกอื้อๆ แล้วก็ร้องไห้
ดิฉันก็พูดปลอบลูก (ที่จริงปลอบตัวเอง) ว่าลูกตกใจตัวเองในกระจกรึเปล่า ลูกง่วงรึเปล่า แต่ดิฉันสังเกตุเห็นสายตาของลูกจ้องอยู่ตรงจุดเดิมเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะหันหมุนไปทางอื่น แกก็จะหันกลับไปมองที่จุดเดิม คือด้านมุมล่างขวาของกระจก เลยถามลูกว่าหนูเห็นอะไรครับ ชี้ให้แม่ดูหน่อยสิ แกก็ชี้ที่เดิมตามสายตาที่ดิฉันเห็นเลยค่ะ ด้วยความอยากลองว่าลูกไม่ได้ร้องเพราะง่วงเลยอุ้มลูกเดินไปที่กระจก ยังไม่ทันก้าวเดินเลยค่ะ แค่ยกขาจะเดิน ลูกก็ร้องแบบไม่มีสาเหตุแล้วก็มอง ให้ยืนก็ไม่ลงเกาะดิฉันเป็นลูกลิงแน่นเลย ดิฉันร้องหาพระเลยค่ะงานนี้ให้พ่อเค้าถอดมาจากคอใส่ให้ลูกเดียวนั้นเลย
ทีนี้หนักเลยไม่ว่าจะพาไปตรงไหนแกไม่ยอมลงแล้ว แต่จะเงียบถ้ายืนอยู่ตรงระเบียง สายตายังอยู่ที่เดิมเหมือนเดิม เริ่มปรึกษากันว่าเอาไงดี ดิฉันบอกเช็คเอ้าท์เลยพ่อ หลังโทรบอกโรงแรม ดิฉันก็ให้สามีอุ้มลูก ตัวเองก็รีบเก็บเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
ระหว่างรอเบลบอยมายกกระเป๋า ซึ่งใช้เวลานานมากน่าจะสักครึ่งชม. สายตาลูกเริ่มเปลี่ยนทิศทางจากมุมกระจก แกก็ไล่สายตามามองบนเพดานตรงปลายเตียงแล้วก็ค้างอยู่แบบนั้น แต่ไม่ร้องนะคะ สงสัยน่าจะอยู่ห่างจากจุดนั้นพอสมควร แต่พอก้าวจะไปแกก็ร้องอีก ช่วงนี้อิแม่เริ่มกลัวแล้วล่ะคะ ขนลุกไปหมด มีพ่อเค้าคนเดียวที่เฉยๆ เพราะเค้าจิตแข็ง
สักพักโทรศัพท์ดัง โรงแรมโทรมาสอบถามว่าพึ่งเช็คอิน ทำไมรีบเช็คเอ้าท์ออก เราก็เล่าให้เค้าฟัง เค้าบอกเดียวจะพยายามหาห้องให้ใหม่ แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไหม เพราะวันนี้แขกเยอะ ห้องเต็มหมด เราก็บอกไปว่าถ้าไม่ได้เราก็จะเช็คเอ้าท์ (ในใจบอก เฮ้ย..ฉันอยากพาลูกออกจากห้องนี้แล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว) รอกันต่อไป ระหว่างรอนั้นไม่ทราบว่าหูแว่วรึยังไง ได้ยินเสียงผู้ชาย เสียงทุ้มๆ พูดมาคำนึง 2 ครั้ง เหมือนเรียกชื่อ แต่ฟังแล้วไม่ใช่ชื่อเรา มันฟังไม่ค่อยชัดอ่ะค่ะ แต่อาจจะเป็นเสียงข้างนอกก็ได้เน๊อะ
สุดท้าย โรงแรมโทรมาแจ้งว่าหาห้องให้ได้แล้ว จะให้รีเซฟชั่นพาไปดูว่าโอเคไหม ตอนที่น้องรีเซฟชั่นเข้ามา ดิฉันก็เล่าให้เค้าฟัง แล้วทำให้เค้าดูด้วยนะคะ กลัวเค้าจะว่าเราหาเรื่องย้ายห้อง รวมๆ แล้วต้องทนทรมานอยู่ในห้องหลอนนี้ราวๆ ชม.ครึ่ง สุดท้ายก็ได้ห้องใหม่ แบบซีวิว ตอนแรกลูกขืนตัวไม่เข้าห้อง ดิฉันต้องพูดจนเค้าคลายกังวล พอเดินๆ สักพัก ลูกก็วิ่งสนุกสนานเหมือนเดิม นอนหลับสบายดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่ดิฉันหลอนค่ะเปิดไฟซะเกือบจะทุกดวง
ส่วน โรงแรมที่ 3 เหตุการณ์ปกติ หลับสบาย แต่ดิฉันก็ยังหลอนเบาๆ ค่ะ ให้ลูกใส่พระนอน เปิดไฟเกือบทุกดวงเหมือนเดิม
จบแล้วนะคะ เรื่องหลอนห้อง 739 (ที่จริงมีรูปตรงกระจกที่ถ่ายไว้ด้วยนะคะ แต่ไม่กล้าเอาลงกลัวมีปัญหา) ซึ่งตอนนี้ดิฉันก็ยังไม่ทราบว่าในห้องมีอะไร แล้วสิ่งที่ลูกเห็นคืออะไร ถามรีเซฟชั่นที่พาย้ายห้องก็บอกไม่มีอะไร
พอกลับมาถึงบ้านเปิดไปเจอช่องที่เกี่ยวกับผี แล้วเค้าปิดไฟถ่ายกัน หน้าแต่ล่ะคนก็จะขาวๆ ใช่ไหมคะ ลูกยืนเล่นอยู่หน้าทีวี พอหันไปเห็น แกรีบวิ่งเข้ามาหาดิฉันเลยค่ะ แล้วก็มองนิ่งๆ สายตาดูกลัวๆ
ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจบจนค่ะ ถ้าเนื้อเรื่องอ่านแล้วไม่สมูท ติดๆ ขัด ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ขอบคุณที่มาสมาชิกหมายเลข 3542757
ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน