
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับต่อและนนท์ ต่อเป็นเด็กหนุ่มที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุดรธานี หลังเกณฑ์ทหารต่อก็บวชเรียน 1 พรรษาและสึกออกมา ต่อไม่ได้มีอาชีพอะไร เป็นเด็กต่างจังหวัดธรรมดา ทำงานรับจ้างทั่วไป ช่วยเหลือพ่อแม่
ต่ออยากเข้ามาทำงานในกรุงเทพ พยายามหางานที่รับวุฒิ ม.6 ซึ่งค่อนข้างจะหายาก จะมีก็แค่งานพนักงานทั่วไป เช่น พนักงานเซเว่น รับจ้างทั่วไป ซึ่งงานที่รับสมัครนั้นไม่ใช่งานที่ต่อใฝ่ฝัน ต่อเปิดหางานในเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอเพื่อนคนนึงอยู่คนละอำเภอแต่เคยเรียนมาด้วยกันตอนมัธยม เพื่อนคนนี้ชื่อว่า นนท์ ต่อจึงทักไปหานนท์
ต่อ : นนท์กูเห็นมึงแต่งตัวดี ถ่ายรูปคู่กับรถอยู่ประจำ มึงมีงานอะไรให้กูทำบ้างมั้ย
นนท์ : ถ้ามึงอยากทำงานก็นั่งรถทัวร์มาหากูสิ เดี๋ยวกูไปรับที่หมอชิต
ต่อ เริ่มคิดยังไงถ้าเดินทางไปก็ต้องได้งานแน่ๆ จึงตัดสินใจไปหานนท์ที่กรุงเทพ
หลังจากที่ทั้งสองพบกับ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องงาน นนท์บอกต่อว่า กูทำงานเป็นเซลล์ขายรถยนต์ ถ้ามึงสนใจมึงมาทำงานกับกูก็ได้นะ
หลังจากพูดคุยกันไปได้สักพัก ต่อเริ่มคิดว่าถ้าจะสมัครงานก็ต้องหาที่อยู่ให้ได้ก่อน จึงขออนุญาตพักอยู่กับนนท์ด้วยก่อนได้ไหม เพราะเห็นว่านนท์ก็ไม่มีแฟน น่าจะไม่มีปัญหา นนท์ก็ตอบตกลงเพราะด้วยความเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมมาด้วยกันจึงไม่ได้ติดขัดอะไร
หลังจากตกลงพักอยู่ด้วยกัน ต่อ มีนิสัยก่อนนอนต้องสวดมนต์ก่อนทุกครั้ง เนื่องจากต่อบวชเรียนมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้ติดนิสัยต้องทำวัตรเย็น ทำวัตรเช้า จึงมักจะสวดมนต์ก่อนนอนอยู่เป็นประจำ
เมื่อนนท์เห็นเข้าจึงทักต่อว่า “เอ้ย สวดมนต์ทำไม มึงไม่ต้องไปสวดหรอก มันไม่ได้ช่วยให้มึงมีเงินมีทองเพิ่มขึ้นมาเลย ถ้ามึงอยากมีเงินอยากทำอาชีพนี้ มึงต้องเอาอย่างกู..”
ต่อ : “เอาอย่างกูนี่คืออะไร?”
นนท์หันไปหยิบตลับ ๆ นึงออกมาพร้อมกับบอกต่อว่า “ถ้ามึงทำงานนี้ มึงต้องทาไอ้เจ้านี่ ถ้ามึงทากูรับรองได้เลยว่ามึงขายรถปังมากแน่นอน กูทำมาสองปีเต็มๆ กูขายไปแล้วเกือบร้อยคัน”
ต่อได้แต่ตกใจกับสิ่งที่นนท์พูดพร้อมกับถามว่า “ไอ้ตลับนี้ มันคืออะไร”
นนท์ : “ตลับนี้เค้าเรียกว่า สีผึ้งมหาเสน่ห์ ถ้าทาแล้วมึงไปพูดกับใคร คนนั้นจะรัก จะหลงมึงและเชื่อมึงทุกอย่าง”
ต่อตอบกลับนนท์ว่า “แต่ตามหลักพระพุทธศาสนาที่ได้บวชเรียนมา มันไม่มีแบบนี้นะ ถ้ามึงจะทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่ามึงไปเอาอะไรบางสิ่งบางอย่างมาทำใส่ลูกค้า มันไม่ดีนะ”
สักพักทั้งสองคนก็เริ่มโต้แย้งกัน ระหว่างคนธรรมะธรรมโม บวชพึ่งจะสึกกับคนทำงานทำมาหากินมีรถขับในวัย 22 เถียงกันไปเถียงกันมา ด้วยความที่ต่อนั้นมาอาศัยนนท์อยู่และก็อาศัยเรื่องทำงานด้วยจึงยอมกับการไม่สวดมนต์ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ต่อสวดมนต์ นนท์ก็จะทักท้วงขึ้นมาทันที ว่าจะสวดไปทำไมไร้สาระ…
วันรุ่งขึ้นนนท์พาต่อไปสมัครงาน พร้อมกับให้ต่อทาสีผึ้งและท่องคาถาตามที่บอกรับรองว่าได้งานแน่ ๆ ต่อที่ไม่อยากทำแต่ต้องอาศัยอยู่ที่นี่ จึงจำเป็นต้องทำตามที่เพื่อนบอก เพราะกลัวว่าเพื่อนจะไม่ให้อยู่ด้วย และไล่กลับบ้านนอก
นนท์เริ่มสอนต่อให้พูด “อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ให้บอกเค้า เค้าจะจัดให้มึงตามที่ต้องการ”
ต่อก็ไม่เชื่อว่ากับการที่แค่ทาสีผึ้ง จะทำให้เกิดปาฎิหาร์อะไร
หลังจากที่ไปสมัครงาน ฝ่ายบุคคลที่สัมภาษณ์ก็ตอบรับต่อให้เข้าทำงานทันที ซึ่งถ้าดูจากประวัติต่อจบแค่ ม.6 ความรู้เรื่องรถ การศึกษาเรื่องรถ ยังไม่มากพอที่จะเป็นเซล์ขายรถ เพราะการเป็นเซลล์ต้องสามารถตอบคำถามลูกค้าเกี่ยวกับเรื่องรถ หรือข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้
แต่ทางฝ่ายบุคคลบอกว่าจะให้เงินเดือนต่อเดือนละ 15,000 บาท และให้มาศึกษาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรถก่อนที่จะขาย พร้อมกับหัดขับรถให้เป็นด้วย
ต่อเริ่มรู้สึกได้ทันทีว่า ตัวเองนั้นโชคดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่ได้คิดว่า มันเป็นผลมาจากการที่ทาสีผึ้ง
เย็นวันนั้นทั้งสองคนกลับมาเจอกันที่ห้อง นนท์จึงถามไถ่ต่อก็ปรากฏว่าได้งานดั่งที่ใจหวัง ซึ่งต่อดีใจมาก และคิดไปว่าการที่เราบวชเรียนมาและการที่ตั้งจิตอธิฐานอยู่ในใจ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอให้ได้งานมันจะเกิดผล
แต่ในทางของนนท์ก็คิดว่า “เป็นไงละมึงเพราะสีผึ้งกูมันดี ถ้าสีผึ้งกูไม่ดีจริง มึงไม่มีทางได้งานนี้หรอก จบแค่ ม.6 ไม่รู้เรื่องรถเลย พูดก็ไม่เก่ง มึงไม่มีทางได้งานนี้แน่นอน” ต่างคนต่างความคิดเห็น…
คืนนั้นก่อนนอน ต่ออยากสวดมนต์แต่สวดไม่ได้ จึงตัดสินใจสวดอยู่ในใจ ท่อง ๆ ๆ จนหลับไป
หลังจากที่อาศัยอยู่ด้วยกันมาได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ต่อเริ่มสังเกตได้ว่านนท์มักจะมีสาว ๆ โทรมาหาเกือบทุกคืน และช่วงประมาณสี่ห้าทุ่ม นนท์ก็จะออกจากห้องหายไปและกลับมาอีกที ตอนประมาณตีสองตีสามเป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน
นนท์ : “เป็นไงละ ถ้ามึงใช้สีผึ้งตลับนี้ มึงก็จะได้ดีแบบกู”
ต่อ : “กูไม่ได้อยากได้ดีแบบมึง กูแค่อยากมีเงินส่งให้พ่อกับแม่ เพราะที่บ้านยากจนไม่ได้ร่ำรวย”
ต่างคนต่างคิดแตกต่างกันออกไป
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ได้ศึกษามาแล้ว ต่อเริ่มได้เป็นเซลล์ขายรถ บริษัทให้ต่อกับนนท์อยู่คนละสาขากัน นั่นหมายความว่าต้องแยกบ้านกันอยู่ เนื่องจากอยู่คนละโชว์รูม ซึ่งโชว์รูมอยู่ไกลกันการเดินทางเริ่มจะไม่ค่อยสะดวก
ต่อเริ่มหาห้องเช่าราคาถูก พร้อมบอกลาและขอบคุณนนท์ที่คอยช่วยเหลือมาโดยตลอด จนกระทั่งได้งาน สุดท้ายต่อกับนนท์ก็แยกย้ายกันไป แต่ยังมีพูดคุยไลน์ติดต่อกันอยู่ตลอด หลังจากนั้น 2 เดือนผ่านไป นนท์ส่งไลน์มาหาต่อว่า
“ตอนนี้กูไม่สบาย มึงมาดูกูหน่อย กูไม่มีใครดูเลย”
ต่อรีบเดินทางกลับมาดูนนท์ พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ๆ เดิมที่นนท์เคยอยู่ ปรากฎว่ากลิ่นเน่าโชยลอยมาแตะจมูก ทั้งเหม็นเน่าและห้องอับมาก เหมือนกับว่าห้องนี้ไม่เคยทำความสะอาดมานานแรมปี ที่สำคัญหน้าต่างประตูที่เคยเปิดอยู่ตลอดกับมีผ้าม่านสีดำปิดทึบไปหมด
ต่อ : “ทำไมมึงอยู่มืด ๆ วะ นี่มันบ่ายสองเอง ในห้องมืดมากเลย” ต่อบ่น ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ ซึ่งในขณะที่บ่นก็ยังไม่เห็นตัวนนท์ ซึ่งนนท์นั้นนอนอยู่บนเตียง
แต่หลังจากที่ ต่อ เปิดไฟ เปิดม่าน เปิดทุกอย่าง หันมาเห็นนนท์ เชื่อไหมจากคนที่น้ำหนักประมาณ 70 กิโล ตอนนี้นนท์เหลือน้ำหนักไม่ถึง 50 กิโล ที่สำคัญสิ่งที่เกิดขึ้น ปาก ที่นนท์เคยทาสีผึ้งอยู่เป็นประจำ ๆ มันดำคล้ำ ดำปี๊และมีเลือดแดง ๆ ตามร่องปาก คล้ายกับคนปากแห้งแล้วแตกๆ ต่อตกใจสุดขีด
ต่อ : “เห้ย… นนท์ มึงเป็นอะไรว่ะ
ทำไมมึงผอมอย่างนี้
มึงป่วยหรือเปล่า
มึงไปโรงพยาบาลมั้ย?”
ต่อได้แต่เป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาจากใจ นนท์ไม่ตอบอะไร บอกแค่ว่า ให้ช่วยพากลับไปที่บ้านหน่อยได้มั้ย กูอยากไปเล่าอาการให้คนที่บ้านฟัง เพราะว่าที่บ้านมีหมอธรรม ที่แก้เรื่องพวกนี้ได้
ต่อ : “ถ้า..กูพากลับไป ทำไมมึงต้องไปหาหมอธรรม มันเกิดอะไรขึ้น มึงเป็นอะไร”
นนท์เล่าให้ต่อฟังว่า ไปเอาสีผึ้งอันนี้มาทา หลังจากที่ทาชีวิตปังมาก ขายรถยอดดีทะลุเป้าจนได้ทอง มีผู้หญิงมานอนด้วย ทุกวัน ทุกคืน ตอนที่กูออกไป ตี 2 ตี 3 กูไม่ได้ไปหาผู้หญิงนะ กูแค่ออกไปนอกบริเวณนี้ เพราะว่าเค้าเข้ามาบริเวณนี้ไม่ได้มันมีศาลเจ้าที่ และถ้ากูไม่ออกไป กูจะปวดท้องมาก กูต้องออกไป…
ต่อ : “มึงออกไปทำอะไรว่ะ ออกไปมีอะไรกับผีเนี่ยนะ!!! มึงบ้าหรือเปล่า..”
นนท์ก็บอกว่า ตอนนั้นกูไม่อยากเล่าอะไรให้มึงฟังเพราะกูกลัวว่ามึงจะกลัว สิ่งที่กูได้มาทุกอย่าง กูแลกกับสิ่งนี้มา กูไปที่ตำหนัก ตำหนักเค้าบอกว่า ให้เอาขี้ผึ้งนี้ไปทาปาก แล้วเวลาพูดกับใครคนนั้นจะรักจะหลง จนโงหัวไม่ขึ้น แต่นานวันเข้าสิ่งนั้นก็เหมือนย้อนกลับมาเข้าตัว
ทุกวันนนท์จะต้องเจาะเลือดตัวเองหยดลงไปในสีผึ้งตลับนี้ แล้วก็เอานิ้วที่เจาะเลือดวน ๆ สีผึ้งมาทาปากทุกครั้ง หลังจากที่ทาไปเรื่อย ๆ ปากก็เริ่มดำ ดำมากขึ้นจนคนทักว่า ปากเป็นอะไร ไปทำอะไรมา ทำไมมันแตกเลือดซิบ ๆ แบบนี้
จนสุดท้ายนนท์เริ่มทนกับกระแสที่คนทักไม่ไหว ก็เลยเอาแต่เก็บตัวนอนซมอยู่ที่ห้อง ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอก็วินิจฉัยว่า ปากไปโดนอะไรกัดมา แพ้หรือโดนน้ำกรดอะไรหรือเปล่า ให้ยามากิน มาทามารักษา แต่รักษาเท่าไหร่อาการก็ไม่ดีขึ้น ไม่หาย ไม่เห็นผล
นนท์ เริ่มกินไม่ได้ นอนไม่หลับ น้ำหนักตัวก็เริ่มลดลง และที่สำคัญเรื่องที่เคยเอาไปพูดหรือหลอกใครไว้เกี่ยวกับเงินเกี่ยวกับทอง มันเริ่มตีกลับมา จนกลายเป็นเห็นภาพหลอน ตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา จนสุดท้ายนนท์เริ่มทนไม่ไหว ทำร้ายตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ก็เหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่มาหยุดไว้ เหมือนยังไม่อยากให้นนท์ตาย นนท์จะต้องอยู่แบบนี้ไปตลอด
นนท์บอกว่า บางครั้งก็ได้ยินเสียงเหมือนคนตะโกนบังคับให้นนท์เอาสีผึ้งมาทาปาก นนท์ก็เดินไปหยิบสีผึ้งมาทาวนรอบปากตลอด ทั้งวัน ทั้งคืน วน ๆ จนปากเน่า
ซึ่งกลิ่นที่ต่อได้กลิ่นในตอนแรกที่เปิดประตู ก็คือกลิ่นเน่าจากปากของนนท์ จากปากที่เคยปกติ เล็ก ๆ ธรรมดา กลายเป็นว่า ทา ๆ ถู ๆ จน ปากถลอก เนื้อแตก ปากบวมใหญ่ขึ้น จนเริ่มเน่า
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้นนนท์ก็ยังไม่หยุด เอาสีผึ้งทาวนที่ปากอยู่ตลอด
สุดท้ายต่อทนไม่ไหวจึงโทรศัพท์ให้ที่บ้านช่วยไปตามหาครอบครัวของนนท์ เพราะตอนที่เรียนมัธยมด้วยกันนั้นไปเรียนในตัวเมือง เรียนจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป
สุดท้ายหลังจากที่ตามพ่อกับแม่ของนนท์เจอ พวกท่านก็ได้เดินทางมารับนนท์กลับบ้าน ตอนที่พ่อกับแม่ของนนท์มาเห็นสภาพ แม่ก็เอาแต่ร้องห่ม ร้องไห้ สงสัยว่าลูกไปทำอะไรมา หลังพากลับมาบ้านก็พาไปรักษาทั้งทางวิทยาศาสตร์และไสยศาตร์ แต่รักษามาหมดแล้ว
สุดท้าย ณ ปัจจุบันนี้คือ นนท์ก็ยังไม่หายเป็นปกติ และที่สำคัญอาการที่เกิดขึ้นหลังช่วงกลางปีตอนที่ต่อกลับไปบ้านและได้มีโอกาสไปเยี่ยมนนท์ คือ นนท์จำต่อไม่ได้ และยังคงใช้นิ้ววนถูอยู่รอบปากไม่หยุด
พ่อกับแม่ของนนท์ก็ได้แต่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและถามต่อว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ต่อจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พ่อกับแม่ของนนท์ฟัง
ทุกวันนี้ก็ยังแก้ไม่ได้…นนท์อาการหนักกว่าเดิม เหมือนตอนเป็นเซลล์ไปทำพิธีลงอักขระ นะหน้าทอง ทำทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เซลล์คนนึงต้องการจะขายให้ได้ยอดเยอะๆ เพื่อเป็นที่หนึ่ง จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง แต่สุดท้ายนนท์ก็กลับมาป่วยเสียก่อน อนาคตดับ
และนี่ก็คือทางลัดที่มีอยู่จริงในสังคม ต่อบอกว่าถึงยังไง ผม ก็ยังเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ดี ซึ่งทุกวันนี้ต่อก็เป็นผู้จัดการอยู่ที่โชว์รูมแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่ายอดขายจะไม่ปังเพราะเป็นรถยี่ห้อใหม่ที่พึ่งเข้ามาเมื่อประมาณ 7-8 ปี ที่ผ่านมา แต่ต่อก็มีความสุขดี
สุดท้ายแอดมินอยากฝากเรื่องนี้ให้เป็นบทเรียนว่า ทางลัดที่มีอยู่นั้นบางทีมันอาจจะไม่จีรังยั่งยืนจนถึงขนาดทำลายอนาคตของเราไปเลยก็ได้… สวัสดีครับ
ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเนตร ธนัชพงศ์ ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง สีผึ้งมหาเสน่ห์
บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือเล่าลงพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด