มารับหนูที ผู้หญิงคนนั้น เค้ารอแกกลับมาห้องอยู่ #จบ

มารับหนูที2

เฮ้ย…..โรงแรมทำไมใช้ผ้าปูสีแดงอ่ะ ปกติต้องสีขาวไม่ใช่เหรอ

“น่ากลัวว่ะ” จูสบถกับตัวเองในใจ แต่ก็ยังถ่ายรูปต่อไป แล้วส่งไลน์ให้แม่และเพื่อนสนิท 1 คน

แม่: ห้องเล็กนะ ไม่มีหน้าต่างเหรอ?

จู: อืม ไม่มีหน้าต่างแบบให้ดูวิวเหมือนที่อื่นเลย มีแต่ไอ้บานเล็กๆสองบานตรงทางเดิน

แม่: ให้ป้าไปรับมั๊ย?

จู: ไม่เป็นไรจะ นอนแล้วนะ ฝันดีจะแม่

แม่: มีอะไรก็โทรมานะ 

หลังจากคุยกับแม่เสร็จเราก็ทักไลน์ไปคุยกับแอนต่อ…

แอน: เอ้ยแก….นอนคนเดียวเหรอ? 

จู: อืมดิ ก็มาคนเดียวนี่หว่า จะได้หา ผช ที่ไหนมานอนด้วย

แอน: อ้าวเหรอ นึกว่ามากับเพื่อน

จู: เหอะ มาคนเดียวจริงๆ แต่ว่าแก…ช่วยดูให้หน่อยสิ ว่าห้องนี้มีอะไรแปลกๆมั๊ย?

แอน: แกจะต้องนอนกี่คืน?

จู: คืนนี้กับคืนพรุ่งนี้

แอน: พรุ่งนี้คอนเสิร์ตจบกี่โมง

จู: ห้าทุ่มโน่นแหล่ะมั้ง

แอน: งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่เซนทรัลเวิร์ลนะ บ่ายโมง

จู: โอเค ฝันดี

จูปิดไฟ ล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่ใจก็ยังคิดว่าประหลาดอยู่ นอนหงายอยู่บนเตียง ความรู้สึกเหมือนกับว่ายังมีใครอยู่ในห้องทำกิจวัตรยังไม่เสร็จ แล้ว เสียง แกร๊ก ฟรืด แกร๊ด ฟรืด ก็ดังจากข้างนอกอีกครั้ง ” คุณพระคุณเจ้า ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย มันมีอะไร ทำไมเราต้องรู้สึกแปลกขนาดนี้” จูขยับตัวนอนตะแคงไปทางขวา ด้วยความเคยชิน แต่ทันใดนั้น…

ฟรึ่บบบบบบบบบบบบ…… มันมีลมวูบมาที่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกเย็น และที่แย่ไปกว่านั้นคือเตียงยุบตัวลงไป จูกระโดดขึ้นมา เปิดไฟ แล้วมองไปที่เตียงด้วยความตกใจ 

ลมอะไร ตรงนั้นไม่มีแอร์ เพราะแอร์ตั้งอยู่ที่ปลายเตียง เหนือทีวี เตียงยุบทำไม? ความคิดมีร้อยล้านแปดผุดขึ้นมาในหัว สติหลุด ขวัญกระเจิง ไปหมดแล้ว ความรู้สึกที่สัมผัสได้ (แต่ตาไม่ได้เห็นนะคะ) คือมีผู้หญิง คนนั้นแหล่ะคนเดิมที่เห็นตอนไฟกระพริบ นอนยิ้มให้จากบนเตียงจูรีบโทรหาแม่ทันที

จู: แม่หนูนอนไม่หลับ มันรู้สึกแปลก หนูกลัว

แม่: ให้ป้าไปรับมั๊ย?

จู: มันดึกแล้วแม่ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่แม่ได้เอาอะไรใส่กระเป๋าหนูมาบ้างไหม?

ที่ถามแม่ออกไปอย่างนั้นเพราะแม่มักจะแอบเอาของที่แม่คิดว่าสำคัญใส่กระเป๋าให้ทุกครั้งที่เดินทาง โดยที่เราก็มักจะไม่รู้ว่าแม่เตรียมไว้ให้

แม่: เปิดซิปช่องข้างๆด้านขวานะลูก มียาคลายเครียดอยู่ กินซะ

จูไม่ใช่คนทานยานอนหลับค่ะ แต่ว่าที่บ้านจะมียาคลายเครียดติดไว้เสมอ เพราะแม่เป็นคนค่อนข้างเครียดกับปัญหา บางทีแม่จะต้องใช้ยาเพื่อให้นอนหลับ (แต่ก็ไม่บ่อยค่ะ)

แม่: แม่ก็ไม่รู้ทำไมเอายานี้ใส่กระเป๋าให้เหมือนกัน

จู: โอเคค่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูจะกินดู

หลังจากวางหู ก็รีบกินยาหนึ่งเม็ดตามที่แม่บอก แล้วก็นอนทั้งๆที่เปิดไฟหมดทุกดวงนั่นแหล่ะค่ะ

เราไม่สามารถหลับตาลงได้เพราะความกลัวที่มี แต่สุดท้ายก็เผลอหลับไป

เช้าวันใหม่เริ่มขึ้น วันนี้คือวันที่จะมีคอนเสิร์ต แต่ความรู้สึกของเราคือ อย่าได้อยู่ห้องไปนานกว่านี้เลย

จึงตัดสินใจรีบอาบน้ำแต่งตัว คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกมาจากโรงแรมทันที ความรู้สึกที่ได้เดินอยู่ข้างนอก หรือแม้กระทั่งแค่หน้าโรงแรม มันช่างแตกต่างจากอยู่ในห้องมาก เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่ายโมง จูนัดเจอแอนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างเซนทรัลเวิร์ล

แอน: เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม

จู: โหย อย่าให้เล่า กว่าจะหลับต้องกินยานอนหลับอ่ะ ทั้งกลัว ทั้งเครียด อึดอัด

แอน: แต่เค้ามาดีใช่ปะ?

จู: ใคร?…….. เอ้ย แกหมายความว่ายังไง?

แอน: อย่าโกรธเราเลยนะ อันที่จริงที่เราพูดไปเมื่อคืน เราก็แอบหวังว่าแกจะเข้าใจแล้ว แต่แกดันไม่ได้สนใจ

จู: แกอย่าบอกนะว่าแกเห็น

แอน: ให้ชั้นพูดก่อนมั๊ยว่าชั้นเห็นอะไร? ชั้นเห็นผู้หญิง ใส่ชุดขาว ผมยาวสีดำ อยู่ในทุกๆรูปที่แกถ่าย เค้าอยู่ที่นั่นแหล่ะแก

ได้ฟังแล้วจูก็หน้าเสียทันที เพราะใช่ไง ผู้หญิงที่เพื่อนพูด กับสิ่งที่เห็นตอนไฟกระพริบเมื่อวาน คือคนเดียวกัน แอนพูดไปพลางเปิดรูป แล้วชี้ไปยังจุดต่างๆที่เธอเห็นว่ามีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในรูป

แอน: แล้วเค้าก็ยังรอแกกลับห้องอยู่

จู: “………………………………………………..”

จูน้ำตาไหล นึ่ง อี้ง พูดไม่ออก ภาพผุดขึ้นมาในหัวทันที ภาพที่เธอนั่งอยู่ที่ปลายเตียง ยิ้มรอเรากลับห้อง……..ภาพชัดเหลือเกิน

ภาพจากคำพูดของแอนที่ว่า ผู้หญิงคนนั้นนั่งรอเรากลับห้องอยู่ที่ปลายเตียง ภาพนั้นติดอยู่ในหัวตลอดระยะเวลาที่รอดูคอนเสิร์ต ในขณะที่นั่งรออยู่นั้น จู่ๆก็มีสายเรียกเข้า ซึ่งเบอร์ที่โทรเข้ามาคือ ….แม่

จู: จะแม่….มีอะไรเหรอ?

แม่: หนูต้องอยู่ทำอะไรที่กรุงเทพต่ออีกหรือเปล่า พรุ่งนี้อ่ะ

จู: ไม่จะ ไม่มีอะไรแล้ว ทำไมเหรอ?

แม่: ถ้ามีอะไรต้องทำพรุ่งนี้ แล้วยังต้องค้างที่กรุงเทพ แม่จะให้ป้าไปรับ คืนนี้ก็ไปค้างบ้านป้า

จู: อ๋อ ไม่มีอะไรจะ แค่คอนเสิร์ตมันเลิกดึกอ่ะ เลยต้องค้าง เพราะมันดึก คงไม่มีรถกลับ ว่าแต่ว่า ทำไมหนูคืนนี้หนูต้องไปนอนบ้านป้าเหรอ?

แม่: ไม่มีอะไรหรอก แค่ป้าเค้าเห็นรูปแล้วเค้าก็นึกออกว่าโรงแรมอะไร ป้าเค้าบอกว่าถ้ารู้ตั้งแต่เมื่อคืนว่านอนที่นั่น ป้าเค้าจะไปรับตั้งแต่เมื่อคืนเลย

จู: ขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมอ่ะ โรงแรมมีอะไรเหรอ?

แม่: แม่ก็ไม่รู้หรอกว่ามีอะไร ป้าเค้าแค่บอกว่ามันอันตราย แต่แม่ดูแล้วก็อึดอัดเหมือนกันนะ ที่ที่มันอึดอัดก็นะ มันก็ต้องมีบ้างแหล่ะลูก

จู: แม่รู้อะไรมา เล่ามาซะดีๆ

แม่: ไม่หรอก ป้าเค้าแค่บอกว่ามันอันตราย  แต่ตอนแม่ดูรูปที่หนูถ่ายจากตรงประตู เข้าไปในห้อง แว๊บแรกที่แม่ดู แม่เห็นเหมือนปลายเท้าคนนอนอยู่บนเตียง แต่พอมองดีๆอีกทีก็ไม่มีนะ สงสัยจะตาฝาด แต่เมื่อคืนแม่ก็ฝันไม่ดีเลย

จู: โอ๊ยแม่พอแล้ว..แม่จ๋าาาา คือคอนเสิร์ตมันเลิกดึกนะ แต่แม่ให้ป้ามารับหนูเถอะนะ คืนนี้หนูคงนอนที่นั่นไม่ได้แล้ว

แม่: อืมถึงหนูไม่บอก แม่ก็ให้ป้าไปรับอยู่แล้วล่ะ เพราะแม่รู้สึกไม่ค่อยดี แม่ขึ้นรถเข้ากรุงเทพไปรอหนูที่บ้านป้านะ

จู: โอเคจะ งั้นคอนเสิร์ตจบแล้วเจอกันที่บ้านป้าจะ

เริ่มมีความสบายใจเกิดขึ้นในใจเล็กน้อย ว่าคืนนี้ไม่ต้องทนนอนที่โรงแรมที่สุดแสนจะน่ากลัวอีกต่อไป

แต่อีกเกินครึ่งใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่โรงแรมหลังจากคอนเสิร์ตจบตอนห้าทุ่ม…..กลัวมากๆ

ตลอดเวลาที่ดูคอนเสิร์ต ก็มีเสียงดังลอยมาตามลมว่า “กลับเร็วๆสิ….กลับมาได้แล้ว” จูมองไปรอบๆ ก็ไม่มีใครมีท่าทางว่าคุยกันหรือลุกๆนั่งๆเหมือนจะออกจากคอนเสิร์ตแต่อย่างไร เอาแล้วไง หลอนอีกแล้ว……….

หลังจากคอนเสิร์ตจบ….จูรีบเรียกพี่วินตรงดิ่งไปยังโรงแรม บริเวณปากซอยของโรงแรมมีแท็กซี่จอดอยู่สองคัน  เอาล่ะ เรามีรถไปบางนาแล้ว

จู: พี่คะ…ไปเซนทรัลบางนาไหมคะ

คนหนุ่ม: โอ้ย ไม่ไปหรอก มันไม่มีคน วิ่งเสียเที่ยว

จู: แล้วพี่จอดอยู่เฉยๆพี่จะได้ตังเหรอ เท่าไหร่ก็จ่าย เพราะต้องรีบไปธุระจริงๆ เนี่ยก็รีบมาเช็คเอ้าท์ต้องรีบกลับจริงๆพี่

คนหนุ่ม: ลุง……ไปมั๊ยบางนา

ลุง: เหมานะ ไม่กดมิเตอร์

จู: เอาแค่ลุงไป จะเหมาหรือจะกดมิเตอร์หนูก็ไปทั้งนั้นแหล่ะค่ะ

ลุง: สี่ร้อย

จู: ไปค่ะ ลุงรออยู่นี่นะ ห้านาทีหนูออกมาแล้วรีบออกรถไปเลยนะคะ

ลุงพยักหน้าตอบรับ จูรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังโรงแรม แล้วตรงดิ่งไปยังห้องทันที

“เข้ามาสิ ชั้นรอเธออยู่” …. ใช่ค่ะ จูอาจจะโดนเพื่อนปั่นหัว สร้างภาพหลอนในหัว แต่ภาพนั้นอาจจะมีจริงๆได้ แค่ตาของจูมองไม่เห็นแค่นั้นเอง ทันทีที่เปิดประตู ขนก็ลุกซู่ขึ้นมาทันที จูผลักประตูให้เปิดออกค้างไว้ เปิดไฟ รีบเก็บทุกอย่างยัดใส่กระเป๋าเป้ โดยที่ไม่หันไปมองรอบๆข้างแต่อย่างใด

“จะไปไหน….อยู่ด้วยกันก่อน” มีเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู

สติหลุดอีกครั้ง ไม่เอาแล้วโว้ย ของเขิงในตู้เย็นในห้องน้ำ ซื้อใหม่ก็ได้วะ จูรีบหยิบสะพายเป้ไปที่ไหล่ รีบปิดประตู ดึงกุญแจที่คาอยู่ที่ประตูออก แล้ววิ่งลงไปที่ล็อบบี้ทันที

จู: เช็คเอ้าท์ค่ะ

พนักงานหยิบกุญแจไปดูหมายเลขห้อง แล้วหันมายิ้มให้ 1 ครั้ง..ไม่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมีเรื่องดีๆแฝงอยู่เลย

พนักงาน: พักสองคืน…… (เงยหน้ามายิ้มอีกครั้ง) ไม่ได้ดื่มอะไรในตู้เย็นใช่ไหมคะ

จู: ไม่ค่ะ

พนักงาน: เรียบร้อยค่ะ

ใส่เกียร์หมาวิ่งไปหาลุงแท็กซี่ทันทีค่ะ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงมาถึงบ้านป้า พอแม่เห็นจูแค่นั้นแหล่ะค่ะ โผเข้ามากอด แล้วจึงเอาสร้อยพระที่เตรียมมาคล้องคอจูทันที

แม่: เป็นไงบ้างลูก

จู: สบายดีแล้วแม่

แม่: พรุ่งนี้แม่จะพาไปทำบุญนะ

จู: แม่รู้อะไรมาเหรอ เล่ามาเถอะ

แม่: จากป้าแม่น่ะไม่รู้หรอก  แต่แม่รู้จากหมอดู ตอนเย็นหลังจากมาถึงกรุงเทพ แม่กับป้าไปดูดวงมา แล้วแม่ก็ให้เค้าดูหนูว่าตอนนี้เป็นยังไง

เค้าบอกว่ามีผู้หญิงจะเอาลูกไปอยู่ด้วย เพราะว่าเค้าถูกใจหนูมาก แล้วหนูก็ดันไปอยู่ในที่ของเค้าพอดี หมอดูจึงบอกให้หนูออกมา

จู: อ่อ เล่าเป็นเรื่องเป็นราวเลย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปทำบุญด้วยกันเนอะ

หลังจากกลับจากที่นั่น…..และทำบุญหลังจากนั้นแล้ว ก็ไม่ได้เจอสิ่งผิดปกติหรือผู้หญิงคนนั้นแต่อย่างใด

จากที่ถามป้ามา คือ ป้าเล่าแค่ว่าเคยมีแขกที่โรงแรมของป้าอ่ะค่ะ เค้าเช็คเอ้าท์มาจากโรงแรมนี้ตอนดึก แล้วมาเช็คอินที่โรงแรมป้า เค้าบอกว่า คืนแรกที่ไปถึง เค้าได้ยินเสียงคนคุยกันเสียงดังมาก ซึ่งตอนนั้นก็ดึกแล้วอ่ะค่ะ เค้าเลยเปิดประตูออกมาจะมาบอกให้เงียบหน่อย… 

แต่พอเปิดประตูมาปรากฏว่า ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย ทุกห้องไม่มีไฟเปิด เสียงคนคุยกันเงียบลงไปครู่นึง แล้วก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา  เค้าก็เลยเช็คเอ้าท์ แล้วออกจากโรงแรมไปหาที่อื่นนอนแทน 

คือลักษณะโรงแรมที่มองจากทางเดินมันไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนโรงแรมเลยอ่ะค่ะ

ส่วนเรื่องของผู้หญิงคนนั้น ก็ไม่มีใครบอกจูได้อ่ะค่ะว่าเค้าเป็นใคร เพราะเรื่องที่ป้ารู้ก็คือคนละเรื่องกัน ส่วนหมอดูที่ทักแม่ก็ไม่ได้บอกว่าเค้าเป็นใครค่ะ….และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด

Previous articleมารับหนูที ผู้หญิงคนนั้น เค้ารอแกกลับมาห้องอยู่
Next articleหากแต่คือ “ญิณ” หาดสะกอม จ.สงขลา