ไอ้นู ผีเร่ร่อน

ไอ้นูตอน1

ไหม : โธ่เอ๋ย!  ไอ้นู​ แกไม่น่าจะอายุสั้นแบบนี้เลยนะ​ ชั้นเคยบอกแกหลายครั้งแล้ว​ ว่าให้ลดความเฮ้วของแกลงบ้าง แกไม่เคยเชื่อชั้นเลย​ แล้วสุดท้ายเป็นไง… ฮือๆๆ​ ไอ้นู..

เป็นเพราะไอ้ยศแท้ๆเลย​ จะให้มันยืมรถไปขี่ทำไม​  รู้ๆอยู่ว่าไอ้นูมันเป็นคนใจร้อนขนาดไหน

แป้ง : อย่าเสียใจไปเลยนะแก​ ไอ้นูมันพ้นทุกข์ไปแล้ว​ เหลือแต่พวกเรานี่ล่ะ​ ต้องสู้กันต่อไป​  จะไปโทษไอ้ยศมันก็ไม่ถูกนะแก​  ชั้นล่ะ สงสารแม่ไอ้นูจริงๆเล้ย

ไหนไอ้นูจะต้องมาตายเพราะความประมาทคึกคะนอง​ ไหนยังจะต้องหาเงินมาชดใช้ค่ารถเครื่อง​ ของไอ้ยศอีก​ ตัวเองไม่มีรถขี่​ ดั้นนนน.. ไปเอาของคนอื่นมาขี่​  เวรจริงจริ้ง… 

เนียน : ชั้นว่านะ.. ชั้นรู้สึก​ วังเวงยังไงชอบกลหว่ะ​.. ทำไม​ ไม่ค่อยมีใคร มาร่วมงานศพของไอ้นูเลย​ แกว่ามั้ยไอ้มวง

มวง : เอ่อใช่​!! นั่นดิ​.. ทั่วศาลา​ มีคนไม่กี่คนเองหว่ะ​  เห้ย! ชั้นว่าพวกเรากลับกันเหอะ​  ถ้ายังไงพรุ่งนี้พวกเรามาตอนกลางวันกันก็ได้​ พรุ่งนี้วันเสาร์พอดีน่ะ

ไหม แป้ง เนียน มวง ยศ นู​ เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่​ ม.3​ ทั้งหมดเรียนที่โรงเรียนประจำอำเภอ​  พอขึ้นม.4​ ยศแยกตัวไปเรียนต่อ​ในเมือง​ แต่ก็ยังคงติดต่อเพื่อนๆตลอด ยังคงเหลือแค่ห้าคน​ เรียนที่โรงเรียนเดิม​ 

จะว่าไป​ ที่นี่การเรียนการสอนก็ดีในระดับหนึ่ง​  พ่อแม่ไม่ต้องส่งลูกหลานไปเรียนไกลถึงในเมือง เว้นแต่คนที่มีฐานะทางบ้านดีหน่อย​ ก็อยากให้ลูกไปเรียนโรงเรียนเอกชน​ แพงๆ​ ดังเช่นไอ้ยศ​ ซึ่งพ่อแม่ออกจะรวย​ เพราะมีโรงสีข้าวขนาดกลาง​  รับสีข้าว​ รับซื้อข้าวเปลือก​ และขายข้าวสารทุกเกรด

มีบ้านสองชั้นไม้สักครึ่งปูน หลังใหญ่โต​ มีรถขับสองคัน​ ทั้งเก๋ง​ และปิคอัพ​ ยศจึง​ฐานะดีกว่าใครในบรรดาเพื่อนสนิทอย่างเช่น​ มะนู(ไอ้นู)​…สายไหม(ไหม)​…จุรี(แป้ง)​…จำเนียร(เนียน)​…และช่อชะมวง(มวง)

ไอ้ยศ​ กับไอ้นู​ มักไปไหนด้วยกันเสมอ​ เพราะเป็น​ ขาซิ่งคือกัน พ่อของไอ้ยศ​ ซื้อรถเครื่องคันใหญ่​ คันใหม่แทนคันเก่าให้ขี่  ยี่ห้อคาวาซากิ​ 250 ซีซี​ มันเลยชอบซิ่ง​ ไปไหนมีไอ้นูซ้อนท้ายไปด้วยเสมอ​ 

ช่วงหลังๆมา​ ไอ้ยศ​ เอาสาวในเมืองซ้อนท้าย​มาเที่ยวที่บ้าน ขี่อวดเพื่อนๆ​ ทำให้ไอ้นูตาลุก​  อยากจะมีรถเครื่องเหมือนอย่างไอ้ยศ​  มันจะได้เอาน้องไหมซ้อนท้ายไปอวดมั่ง

…ก่อนหน้านั้น…

นู: แม่.. แม่ต้องซื้อรถเครื่องเหมือนอย่างของไอ้ยศให้ฉันนะแม่.. ฉันอยากได้​ 

แม่: โธ่!  ไอ้นูเอ้ย..  ดูสภาพของเราตอนนี้สิ​ มีบ้านอยู่​ มีข้าวกิน​ ก็ดีถมถืดแล้วนะเอง​  แม่จะเอาเงินที่ไหนมาตั้งมากมาย​ ซื้อรถให้เองล่ะ

นู:  โธ่แม่​  วันก่อนฉันเห็นแม่เอาข้าวเปลือกไปขายที่โรงสีพ่อไอ้ยศไง​  แม่ต้องต้องได้เงินมาเยอะสิ​ นะแม่นะ… ซื้อรถเครื่องให้ฉันทีนะ..

แม่:  แต่เงินส่วนนี้  แม่ต้องเก็บไว้ใช้ได้อีกนานเลยนะ​  ค่าอะไรต่อมิอะไร​เยอะแยะ   แล้วอีกอย่างนะ​  มันก็ไม่ได้มากพอที่จะซื้อรถเครื่องได้ทั้งคันหรอกนะเองเอ้ย

เมื่อไม่ได้ดั่งใจ​  ไอ้นูก็กระทืบเท้าปึงปังประชดให้แม่​ แล้วลงบันไดหายลับไป​  นิสัยมันเป็นแบบนี้​เอง​ นางผันก็ไม่เคยโกรธ  เพราะมันกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็ก​  อยู่สองคนแม่ลูกมาตลอด

ตกเย็นตะวันจะลาลับฟ้า​  นางผันก็รอท่าไอ้นู​ ยังไม่กลับมาซักที จนมืด​ มีคนข้างบ้านมาบอกว่า​  ไอ้นูขี่รถเครื่องชนเสาไฟฟ้า​คอหักตายคาที่  ให้นางผันรีบไปที่กลางหมู่บ้าน​ ตร.กำลังมา​ 

นางผันตกใจมาก​ เพิ่งเจอกันเมื่อเช้า​  ไอ้นูยังโกรธแม่มันอยู่เลย​ เรื่องที่อยากได้รถเครื่อง  แล้วมันไปเอารถใครมาขี่ล่ะ​  นางผันสงสัยรีบไปดูทันที

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ​ ใช่ไอ้นูจริงๆ​ นางผันร้องไห้จนเป็นลม​  รถเครื่องคันนั้น​ คือรถของไอ้ยศนั้นเอง​  ไอ้ยศกลับมาเที่ยวบ้าน​  แต่พ่อกับแม่ของมันมันไปธุระในเมือง​ เลยให้มันอยู่เฝ้าโรงสี​  เพราะมีชาวบ้านเอาข้าวมาสีอยู่ตลอด​

ไอ้ยศเลยให้ไอ้นูยืมรถไปขี่เล่นๆ​ เพราะเห็นว่าไอ้นูอยากได้รถมาก​  มันมาลูบคลำรถ​ แล้วทำปาก​จุ้ๆๆๆ​  ตาลุกวาว

ไอ้ยศ: เห้ย.. ไอ้นู​ ดูมึงสิ.. ทำเหมือนคนไม่เคยเห็นรถเครื่องงั้นแหละ..ทั้งที่มึงก็เคยซ้อยท้ายกูตลอด มึงอยากขี่มั้ยล่ะ​ เอาไปลองสิ​  กูไม่ว่าไรหรอก​ ไม่หวงเว้ย..

ไอ้นู: จริงหรือวะ… แม่เจ้าโว้ย​ กูขอลองขี่ดูซักทีนะ​ เห็นทีชาตินี้กูคงไม่มีวาสนาจะมีได้กับเขาหรอก​ ถ้างั้นกูขอลองหน่อยนะเว้ย​  เป็นคนซ้อนท้ายมาตลอด​  คราวนี้ละเองเอ้ยยยย​ สาวตรึม!!! แน่ๆ​  55555

ไอ้ยศ:   เออๆ.. ระวังหน่อยนะเว้ย.. รถมันแรงนะ​ ค่อยๆขี่

ด้วยความที่รถมันคันใหญ่สูง​ และแรงตั้ง​ 250  ซีซี​ ไอ้นูมันยังไม่เคยมือ​ แต่เพราะความตื่นเต้นดีใจ​ เลยทำให้มันลืมตัว​ ไม่ระวัง​ เลยประมาทพลาดท่า​ ชนเสาไฟฟ้า​  จนคอหักตายคาที่​ รถล้อหน้าบิดเบี้ยวเป็นเลขแปดเลย

ชาวบ้านต่างเอือมระอา​ ที่ไอ้ยศกับไอ้นู​ มักจะ​ ขี่รถเร็ว​ เบิ้ลเครื่องเสียงดังหนวกหู​ สร้างความรำคาญแก่ผู้พบเห็น​  แม้แต่หมาที่นอนริมถนน​ ยังต้องตามไล่เห่า

เมื่อไอ้นูมาตายลง​  รถเครื่องของไอ้ยศก็พังยับ  ชาวบ้านต่างโล่งอก​ไปได้​  ถึงแม้จะไม่ได้ถึงกับเกลียดชังไอ้นูมัน​   แต่ถือว่ามันตายไม่ดี​  ตายโหง​ ที่เสาไฟต้นนั้น​ มีทั้งเลือด​ ทั้งมันสมองของมัน​ ติดอยู่ไปทั่ว

ในงานศพของไอ้นูคืนสุดท้าย​  เกิดเหตุการณ์ตื่นเต้นขึ้น…!!

รูปถ่ายในชุดนร.​ ที่อยู่บนขาตั้ง​ หน้าโลงศพ​ ของนายมนู​ เพ่งพิศ​ บอกวันเวลา​ เกิด  และตาย​  ด้วยวัยเพียง​ 19  ปี​

นางผัน​ ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้าโศก​ เสียใจ​ ในการจากไปอย่างไม่ทันตั้งตัวของไอ้นู​ นั่งมองรูปถ่ายของลูก​ ด้วยใจที่แตกสลาย

ไหม:  น้าผันจ๋า..เข้มแข็งไว้นะจ้ะ​  พวกเราทุกคนก็เสียใจไม่แพ้น้าผันหรอกจ้ะ​  นูเขาหลับสบายแล้ว​   น้าอย่าคิดมาก​ เดี๋ยวจะไม่สบายไปนะจ้ะ

นางผัน:  (ซับน้ำตา​ หันมามองหน้าไหม)​  ไหมเอ้ย!  ทำไมไหมไม่คอยห้ามมันบ้าง​ เรื่องขี่รถน่ะ ไหมสนิทกับมันที่สุด​ ขนาดแม่เป็นแม่  มันยังไม่เคยฟังเลย​ เอาแต่ใจตลอด​ ฮือๆๆๆ

ไหม:  (โอบกอดนางผัน​ และเอามือลูบหลัง)​  ไหมเสียใจด้วยนะน้า​  น้าอย่าร้องไห้เลย​ พระมาแล้ว​  เดี๋ยวเรามาร่วมอธิษฐานส่งใจให้​ ไอ้นูไปดีนะจ้ะน้า

ระหว่างที่พระกำลังสวดอยู่นั้น​ จู่ๆก็มีลมพัดแรงขึ้นมาแบบไม่มีเค้า​ ทำให้ในศาลามีฝุ่นตลบ​ เศษผงเศษใบไม้ปลิวว่อน​ และแล้ว ขาตั้งรูปของไอ้นู​ ก็ล้มลงไป​ ทำให้รูปกระเด็นออกมาจากกรอบดอกไม้​  กระจกรูปแตกกระจายเกลื่อน

นางผันถึงกับร้องกริ้ด​ และเป็นลมไปทันที​  ไหมที่นั่งข้างๆ​ รีบรวบตัวนางผันไว้   ก่อนที่จะตกจากเก้าอี้

ไอ้มวง ที่เป็นสาวหล่อ​ ก็รีบมาช่วยเอายาดมยาหม่อง​ ที่มันชอบพกติดตัวอยู่เสมอ​ เอามาจ่อจมูกของนางผัน​ และช่วยพัดวีให้

พระที่สวดอยู่​ ก็ชะงักไปชั่วอึดใจ​  และสวดต่อไปแบบ​ ครึ่งๆกลางๆ​ เณรน้อยสวดไปตาก็ล้อกแล้กไปทั่ว​ เหมือนระแวดระวัง

คนที่มาร่วมงานฟังสวด​  ก็ตกใจ​ ฮือฮากันไปส่งเสียงดัง​  และเริ่มหันหน้าซุบซิบๆกัน​  บ้างก็ลุกหนีออกศาลาไปเลย

มีคนมาร่วมงานประมาณสามสิบคนเห็นจะได้​ รวมทั้งครูที่โรงเรียนมากันสามคนหญิงสอง ชายหนึ่ง​ ครูผู้ชายรีบลุกไปช่วยเก็บรูปของไอ้นูขึ้นมา​ หงายดู  ปรากฏว่า​ มีเศษกระจก​ ปักอยู่ตรงรูปที่คอของไอ้นู

ครูจึงดึงเศษกระจกประมาณหนึ่งนิ้วออกจากรูป​ และเรียกครูผู้หญิง​ พร้อมเพื่อนๆของไอ้นูมาช่วยกันจัดรูปใหม่​ 

หลังจากพระสวดเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็โล่งใจ​  แต่ก็ไม่วายซุบซิบลือกันไปว่า​ ไอ้นูเฮี้ยน​หรือเปล่า​  เพราะมันตายโหงซะด้วย

ทางด้านเพื่อนๆของมันเช่น​  ไหม/แป้ง​/เนียน​/มวง/ยศ​ ก็มาช่วยกันเสิร์ฟน้ำ​ และของว่างให้แก่แขกที่มาร่วมงาน

ไอ้ยศมันไม่ได้เสียดายรถเลย​ ไหนๆไอ้นูก็ตายไปแล้ว​ มันจึงขอร้องเฒ่าแก่สินพ่อของมัน​  ไม่ให้ไปเรียกร้องเอาคืนจากนางผัน​ ทำให้นางอารีแม่ของมันไม่ค่อยพอใจนัก

หลังจากงานศพของไอ้นูผ่านไป​ นางผันได้ไปหาเฒ่าแก่สินและนางอารี   เพื่อจะขอชดใช้ค่ารถเครื่อง​  แต่ขอเป็นให้ข้าวเปลือกแทน  เพราะปีนี้น้ำท่าดี​ ได้ข้าวมาพอสมควร​  จึงขอทดแทนให้​ เพราะตั้งแต่นี้ต่อไป​ แกก็เหลือตัวคนเดียวแล้ว​ คงมีข้าวเหลือพอกินได้ตลอดปี

ตอนแรกนางอารีไม่ยินยอม​  แต่เห็นแก่ไอ้ยศกับไอ้นูที่เป็นเพื่อนกันมานาน​ เลยรับเอาไว้อย่างเสียไม่ได้

หลังงานศพไอ้นูผ่านไปได้ไม่กี่วัน​  ทั้งหมู่บ้านตอนกลางคืน​ จะมีเสียงหมาเห่าหอนตลอดทั้งคืน​ โดยเฉพาะตรงเสาไฟฟ้าที่ไอ้นูหัวโหม่งตาย​  จนไม่มีใครกล้าผ่านแถวนั้น

คืนนี้ไหมและเพื่อนนอนไม่หลับ​  สามสาว​ได้ขออนุญาตพ่อแม่ชวนกันมานอนค้างที่บ้านของไหม  คือแป้งกับเนียนมานอนเป็นเพื่อนไหม​  แต่ละคนก็หวาดๆอยู่เหมือนกัน

ไหม: เห้ย! แก.. แป้ง.. เนียน.. อย่าเพิ่งหลับหนีกันสิ.. คุยกันก่อน​ แกสองคนได้ยินเสียงอะไรมั้ยอ่ะ

แป้ง: (คลุมโปงหลับตาปี๋)​ เสียงอะไรเหรอ… อื๋อยยยย.. ทำไมจู่ๆขนลุกยังงี้วะแก..

เนียน: ผะ… ผะ.. ผะ… ผี… ไอ้.. นู.. หรือเปล่าาาา…

สิ้นคำว่าผีจากปากของเนียน​ กิ่งไม้แห้งก็หักร่วงหล่นใส่หลังคาบ้านสังกะสีดังปังงงงง… สามสาวร้องกริ้ดดดด… กระโดดเข้ากอดกันบนฟูกที่ปูน​อน

“สร้อย…. สร้อยยยยย…”

เนียน: เห้ยแก.. พูดอะไรน่ะ

แป้ง: อะไร… พูดอะไร… ชั้นไม่ได้พูดอะไรนะ

ไหม: ชั้นก็ไม่ได้พูด… นึกว่าแกสองคนพูด   งั้นลองเงียบๆฟังดูซิ

อ่านไอ้นู ผีเร่ร่อนต่อตอนจบ >>กดอ่าน<<

Previous articleห้องนอนมรณะ
Next articleไอ้นู วิญญาณ…ผีเร่ร่อน ตอนจบ