ไหม : โธ่เอ๋ย! ไอ้นู แกไม่น่าจะอายุสั้นแบบนี้เลยนะ ชั้นเคยบอกแกหลายครั้งแล้ว ว่าให้ลดความเฮ้วของแกลงบ้าง แกไม่เคยเชื่อชั้นเลย แล้วสุดท้ายเป็นไง… ฮือๆๆ ไอ้นู..
เป็นเพราะไอ้ยศแท้ๆเลย จะให้มันยืมรถไปขี่ทำไม รู้ๆอยู่ว่าไอ้นูมันเป็นคนใจร้อนขนาดไหน
แป้ง : อย่าเสียใจไปเลยนะแก ไอ้นูมันพ้นทุกข์ไปแล้ว เหลือแต่พวกเรานี่ล่ะ ต้องสู้กันต่อไป จะไปโทษไอ้ยศมันก็ไม่ถูกนะแก ชั้นล่ะ สงสารแม่ไอ้นูจริงๆเล้ย
ไหนไอ้นูจะต้องมาตายเพราะความประมาทคึกคะนอง ไหนยังจะต้องหาเงินมาชดใช้ค่ารถเครื่อง ของไอ้ยศอีก ตัวเองไม่มีรถขี่ ดั้นนนน.. ไปเอาของคนอื่นมาขี่ เวรจริงจริ้ง…
เนียน : ชั้นว่านะ.. ชั้นรู้สึก วังเวงยังไงชอบกลหว่ะ.. ทำไม ไม่ค่อยมีใคร มาร่วมงานศพของไอ้นูเลย แกว่ามั้ยไอ้มวง
มวง : เอ่อใช่!! นั่นดิ.. ทั่วศาลา มีคนไม่กี่คนเองหว่ะ เห้ย! ชั้นว่าพวกเรากลับกันเหอะ ถ้ายังไงพรุ่งนี้พวกเรามาตอนกลางวันกันก็ได้ พรุ่งนี้วันเสาร์พอดีน่ะ
ไหม แป้ง เนียน มวง ยศ นู เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ ม.3 ทั้งหมดเรียนที่โรงเรียนประจำอำเภอ พอขึ้นม.4 ยศแยกตัวไปเรียนต่อในเมือง แต่ก็ยังคงติดต่อเพื่อนๆตลอด ยังคงเหลือแค่ห้าคน เรียนที่โรงเรียนเดิม
จะว่าไป ที่นี่การเรียนการสอนก็ดีในระดับหนึ่ง พ่อแม่ไม่ต้องส่งลูกหลานไปเรียนไกลถึงในเมือง เว้นแต่คนที่มีฐานะทางบ้านดีหน่อย ก็อยากให้ลูกไปเรียนโรงเรียนเอกชน แพงๆ ดังเช่นไอ้ยศ ซึ่งพ่อแม่ออกจะรวย เพราะมีโรงสีข้าวขนาดกลาง รับสีข้าว รับซื้อข้าวเปลือก และขายข้าวสารทุกเกรด
มีบ้านสองชั้นไม้สักครึ่งปูน หลังใหญ่โต มีรถขับสองคัน ทั้งเก๋ง และปิคอัพ ยศจึงฐานะดีกว่าใครในบรรดาเพื่อนสนิทอย่างเช่น มะนู(ไอ้นู)…สายไหม(ไหม)…จุรี(แป้ง)…จำเนียร(เนียน)…และช่อชะมวง(มวง)
ไอ้ยศ กับไอ้นู มักไปไหนด้วยกันเสมอ เพราะเป็น ขาซิ่งคือกัน พ่อของไอ้ยศ ซื้อรถเครื่องคันใหญ่ คันใหม่แทนคันเก่าให้ขี่ ยี่ห้อคาวาซากิ 250 ซีซี มันเลยชอบซิ่ง ไปไหนมีไอ้นูซ้อนท้ายไปด้วยเสมอ
ช่วงหลังๆมา ไอ้ยศ เอาสาวในเมืองซ้อนท้ายมาเที่ยวที่บ้าน ขี่อวดเพื่อนๆ ทำให้ไอ้นูตาลุก อยากจะมีรถเครื่องเหมือนอย่างไอ้ยศ มันจะได้เอาน้องไหมซ้อนท้ายไปอวดมั่ง
…ก่อนหน้านั้น…
นู: แม่.. แม่ต้องซื้อรถเครื่องเหมือนอย่างของไอ้ยศให้ฉันนะแม่.. ฉันอยากได้
แม่: โธ่! ไอ้นูเอ้ย.. ดูสภาพของเราตอนนี้สิ มีบ้านอยู่ มีข้าวกิน ก็ดีถมถืดแล้วนะเอง แม่จะเอาเงินที่ไหนมาตั้งมากมาย ซื้อรถให้เองล่ะ
นู: โธ่แม่ วันก่อนฉันเห็นแม่เอาข้าวเปลือกไปขายที่โรงสีพ่อไอ้ยศไง แม่ต้องต้องได้เงินมาเยอะสิ นะแม่นะ… ซื้อรถเครื่องให้ฉันทีนะ..
แม่: แต่เงินส่วนนี้ แม่ต้องเก็บไว้ใช้ได้อีกนานเลยนะ ค่าอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ แล้วอีกอย่างนะ มันก็ไม่ได้มากพอที่จะซื้อรถเครื่องได้ทั้งคันหรอกนะเองเอ้ย
เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ไอ้นูก็กระทืบเท้าปึงปังประชดให้แม่ แล้วลงบันไดหายลับไป นิสัยมันเป็นแบบนี้เอง นางผันก็ไม่เคยโกรธ เพราะมันกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็ก อยู่สองคนแม่ลูกมาตลอด
ตกเย็นตะวันจะลาลับฟ้า นางผันก็รอท่าไอ้นู ยังไม่กลับมาซักที จนมืด มีคนข้างบ้านมาบอกว่า ไอ้นูขี่รถเครื่องชนเสาไฟฟ้าคอหักตายคาที่ ให้นางผันรีบไปที่กลางหมู่บ้าน ตร.กำลังมา
นางผันตกใจมาก เพิ่งเจอกันเมื่อเช้า ไอ้นูยังโกรธแม่มันอยู่เลย เรื่องที่อยากได้รถเครื่อง แล้วมันไปเอารถใครมาขี่ล่ะ นางผันสงสัยรีบไปดูทันที
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ใช่ไอ้นูจริงๆ นางผันร้องไห้จนเป็นลม รถเครื่องคันนั้น คือรถของไอ้ยศนั้นเอง ไอ้ยศกลับมาเที่ยวบ้าน แต่พ่อกับแม่ของมันมันไปธุระในเมือง เลยให้มันอยู่เฝ้าโรงสี เพราะมีชาวบ้านเอาข้าวมาสีอยู่ตลอด
ไอ้ยศเลยให้ไอ้นูยืมรถไปขี่เล่นๆ เพราะเห็นว่าไอ้นูอยากได้รถมาก มันมาลูบคลำรถ แล้วทำปากจุ้ๆๆๆ ตาลุกวาว
ไอ้ยศ: เห้ย.. ไอ้นู ดูมึงสิ.. ทำเหมือนคนไม่เคยเห็นรถเครื่องงั้นแหละ..ทั้งที่มึงก็เคยซ้อยท้ายกูตลอด มึงอยากขี่มั้ยล่ะ เอาไปลองสิ กูไม่ว่าไรหรอก ไม่หวงเว้ย..
ไอ้นู: จริงหรือวะ… แม่เจ้าโว้ย กูขอลองขี่ดูซักทีนะ เห็นทีชาตินี้กูคงไม่มีวาสนาจะมีได้กับเขาหรอก ถ้างั้นกูขอลองหน่อยนะเว้ย เป็นคนซ้อนท้ายมาตลอด คราวนี้ละเองเอ้ยยยย สาวตรึม!!! แน่ๆ 55555
ไอ้ยศ: เออๆ.. ระวังหน่อยนะเว้ย.. รถมันแรงนะ ค่อยๆขี่
ด้วยความที่รถมันคันใหญ่สูง และแรงตั้ง 250 ซีซี ไอ้นูมันยังไม่เคยมือ แต่เพราะความตื่นเต้นดีใจ เลยทำให้มันลืมตัว ไม่ระวัง เลยประมาทพลาดท่า ชนเสาไฟฟ้า จนคอหักตายคาที่ รถล้อหน้าบิดเบี้ยวเป็นเลขแปดเลย
ชาวบ้านต่างเอือมระอา ที่ไอ้ยศกับไอ้นู มักจะ ขี่รถเร็ว เบิ้ลเครื่องเสียงดังหนวกหู สร้างความรำคาญแก่ผู้พบเห็น แม้แต่หมาที่นอนริมถนน ยังต้องตามไล่เห่า
เมื่อไอ้นูมาตายลง รถเครื่องของไอ้ยศก็พังยับ ชาวบ้านต่างโล่งอกไปได้ ถึงแม้จะไม่ได้ถึงกับเกลียดชังไอ้นูมัน แต่ถือว่ามันตายไม่ดี ตายโหง ที่เสาไฟต้นนั้น มีทั้งเลือด ทั้งมันสมองของมัน ติดอยู่ไปทั่ว
ในงานศพของไอ้นูคืนสุดท้าย เกิดเหตุการณ์ตื่นเต้นขึ้น…!!
รูปถ่ายในชุดนร. ที่อยู่บนขาตั้ง หน้าโลงศพ ของนายมนู เพ่งพิศ บอกวันเวลา เกิด และตาย ด้วยวัยเพียง 19 ปี
นางผัน ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้าโศก เสียใจ ในการจากไปอย่างไม่ทันตั้งตัวของไอ้นู นั่งมองรูปถ่ายของลูก ด้วยใจที่แตกสลาย
ไหม: น้าผันจ๋า..เข้มแข็งไว้นะจ้ะ พวกเราทุกคนก็เสียใจไม่แพ้น้าผันหรอกจ้ะ นูเขาหลับสบายแล้ว น้าอย่าคิดมาก เดี๋ยวจะไม่สบายไปนะจ้ะ
นางผัน: (ซับน้ำตา หันมามองหน้าไหม) ไหมเอ้ย! ทำไมไหมไม่คอยห้ามมันบ้าง เรื่องขี่รถน่ะ ไหมสนิทกับมันที่สุด ขนาดแม่เป็นแม่ มันยังไม่เคยฟังเลย เอาแต่ใจตลอด ฮือๆๆๆ
ไหม: (โอบกอดนางผัน และเอามือลูบหลัง) ไหมเสียใจด้วยนะน้า น้าอย่าร้องไห้เลย พระมาแล้ว เดี๋ยวเรามาร่วมอธิษฐานส่งใจให้ ไอ้นูไปดีนะจ้ะน้า
ระหว่างที่พระกำลังสวดอยู่นั้น จู่ๆก็มีลมพัดแรงขึ้นมาแบบไม่มีเค้า ทำให้ในศาลามีฝุ่นตลบ เศษผงเศษใบไม้ปลิวว่อน และแล้ว ขาตั้งรูปของไอ้นู ก็ล้มลงไป ทำให้รูปกระเด็นออกมาจากกรอบดอกไม้ กระจกรูปแตกกระจายเกลื่อน
นางผันถึงกับร้องกริ้ด และเป็นลมไปทันที ไหมที่นั่งข้างๆ รีบรวบตัวนางผันไว้ ก่อนที่จะตกจากเก้าอี้
ไอ้มวง ที่เป็นสาวหล่อ ก็รีบมาช่วยเอายาดมยาหม่อง ที่มันชอบพกติดตัวอยู่เสมอ เอามาจ่อจมูกของนางผัน และช่วยพัดวีให้
พระที่สวดอยู่ ก็ชะงักไปชั่วอึดใจ และสวดต่อไปแบบ ครึ่งๆกลางๆ เณรน้อยสวดไปตาก็ล้อกแล้กไปทั่ว เหมือนระแวดระวัง
คนที่มาร่วมงานฟังสวด ก็ตกใจ ฮือฮากันไปส่งเสียงดัง และเริ่มหันหน้าซุบซิบๆกัน บ้างก็ลุกหนีออกศาลาไปเลย
มีคนมาร่วมงานประมาณสามสิบคนเห็นจะได้ รวมทั้งครูที่โรงเรียนมากันสามคนหญิงสอง ชายหนึ่ง ครูผู้ชายรีบลุกไปช่วยเก็บรูปของไอ้นูขึ้นมา หงายดู ปรากฏว่า มีเศษกระจก ปักอยู่ตรงรูปที่คอของไอ้นู
ครูจึงดึงเศษกระจกประมาณหนึ่งนิ้วออกจากรูป และเรียกครูผู้หญิง พร้อมเพื่อนๆของไอ้นูมาช่วยกันจัดรูปใหม่
หลังจากพระสวดเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็โล่งใจ แต่ก็ไม่วายซุบซิบลือกันไปว่า ไอ้นูเฮี้ยนหรือเปล่า เพราะมันตายโหงซะด้วย
ทางด้านเพื่อนๆของมันเช่น ไหม/แป้ง/เนียน/มวง/ยศ ก็มาช่วยกันเสิร์ฟน้ำ และของว่างให้แก่แขกที่มาร่วมงาน
ไอ้ยศมันไม่ได้เสียดายรถเลย ไหนๆไอ้นูก็ตายไปแล้ว มันจึงขอร้องเฒ่าแก่สินพ่อของมัน ไม่ให้ไปเรียกร้องเอาคืนจากนางผัน ทำให้นางอารีแม่ของมันไม่ค่อยพอใจนัก
หลังจากงานศพของไอ้นูผ่านไป นางผันได้ไปหาเฒ่าแก่สินและนางอารี เพื่อจะขอชดใช้ค่ารถเครื่อง แต่ขอเป็นให้ข้าวเปลือกแทน เพราะปีนี้น้ำท่าดี ได้ข้าวมาพอสมควร จึงขอทดแทนให้ เพราะตั้งแต่นี้ต่อไป แกก็เหลือตัวคนเดียวแล้ว คงมีข้าวเหลือพอกินได้ตลอดปี
ตอนแรกนางอารีไม่ยินยอม แต่เห็นแก่ไอ้ยศกับไอ้นูที่เป็นเพื่อนกันมานาน เลยรับเอาไว้อย่างเสียไม่ได้
หลังงานศพไอ้นูผ่านไปได้ไม่กี่วัน ทั้งหมู่บ้านตอนกลางคืน จะมีเสียงหมาเห่าหอนตลอดทั้งคืน โดยเฉพาะตรงเสาไฟฟ้าที่ไอ้นูหัวโหม่งตาย จนไม่มีใครกล้าผ่านแถวนั้น
คืนนี้ไหมและเพื่อนนอนไม่หลับ สามสาวได้ขออนุญาตพ่อแม่ชวนกันมานอนค้างที่บ้านของไหม คือแป้งกับเนียนมานอนเป็นเพื่อนไหม แต่ละคนก็หวาดๆอยู่เหมือนกัน
ไหม: เห้ย! แก.. แป้ง.. เนียน.. อย่าเพิ่งหลับหนีกันสิ.. คุยกันก่อน แกสองคนได้ยินเสียงอะไรมั้ยอ่ะ
แป้ง: (คลุมโปงหลับตาปี๋) เสียงอะไรเหรอ… อื๋อยยยย.. ทำไมจู่ๆขนลุกยังงี้วะแก..
เนียน: ผะ… ผะ.. ผะ… ผี… ไอ้.. นู.. หรือเปล่าาาา…
สิ้นคำว่าผีจากปากของเนียน กิ่งไม้แห้งก็หักร่วงหล่นใส่หลังคาบ้านสังกะสีดังปังงงงง… สามสาวร้องกริ้ดดดด… กระโดดเข้ากอดกันบนฟูกที่ปูนอน
“สร้อย…. สร้อยยยยย…”
เนียน: เห้ยแก.. พูดอะไรน่ะ
แป้ง: อะไร… พูดอะไร… ชั้นไม่ได้พูดอะไรนะ
ไหม: ชั้นก็ไม่ได้พูด… นึกว่าแกสองคนพูด งั้นลองเงียบๆฟังดูซิ
อ่านไอ้นู ผีเร่ร่อนต่อตอนจบ >>กดอ่าน<<