ทั้งสามสาว ได้ยินเหมือนกันคือคำว่า ….”. สร้อย” เป็นเสียงที่เยือกเย็นมากกก ใครได้ยินต้องชวนขนลุกจริงๆ
“สร้อยยยยย… สร้อยยยยย…
คืนนั้นทั้งคืน สามสาว อันมี ไหม/แป้ง/เนียน ต้องนอนคลุมโปงเบียดกันอยู่จนแจ้ง ยิ่งเนียนด้วยแล้วกลัวจนไข้ขึ้น เพราะทั้งสามคิดว่าต้องเป็นผีของไอ้นูแน่ๆ เพราะเป็นเสียงของผู้ชาย ที่พูดคำว่า “สร้อย” ทั้งที่ไม่มีใครชื่อสร้อยเลย
พอรุ่งเช้า เป็นวันหยุด ทั้งหมดนัดรวมพลกันทันที ที่ใต้ต้นจามจุรี(ต้นฉำฉา)อันร่มรื่น ที่สูงใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขา ให้ร่มเงาริมสนาม ภายในโรงเรียน
เนียน ที่ยังจับไข้ตัวร้อนอยู่ แต่ก็ต้องมาร่วมฟังด้วย ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็น เรื่อง สร้อย ว่ามันคืออะไรกันแน่ จะว่าเป็นชื่อใครหรือก็ไม่ใช่
มวง: เป็นความจริงหรือวะแป้ง ที่พวกแกได้ยินเสียงเรียกน่ะ แต่ว่ามันจะเรียกใครวะ มีใครชื่อว่าสร้อยอีกชื่อหรือเปล่าวะ
แป้ง: จะมีได้ไงละแก พวกเราก็ใช้ชื่อเรามาตลอดนี่
ไหม: แกมีความคิดเห็นว่าไงวะยศ พวกชั้นนะกลัวจริงๆ ไม่กล้าปิดไฟนอนเลย คืนนี้แกต้องไปนอนกับพวกเราอีกคนนะไอ้มวง(หันไปพูดกับไอ้มวงสาวหล่อ)
มวง: เอ่อน่า ไอ้มวงไปได้อยู่ล้าว (ยกมือขึ้นเสยผมรองทรงสั้นแหกกฏ ที่ครูบางท่านเกลียดนักหนา)
ยศ: เอางี้มั้ยวะ ถ้าพวกแกอยากรู้ ว่าอะไรเป็นอะไร พวกเรามาเล่นผีถ้วยแก้วกันมั้ย ตอนนี้ที่ในเมืองกำลังฮิตกันมากเลยนะเว้ย …และก็ทายแม่นมากๆเลยหว่ะ
เนียน: ว้าย… ม่ายเอาน๊าา.. ชั้นกลัว.. ขึ้นชื่อว่าผี… แค่นี้ก็ขี้จะขึ้นสมองอยู่แล้ว อะบรื๋อออออ..
มวง: เอาๆๆ.. เล่นๆๆ.. มันเป็นยังไงวะไอ้ผีถ้วยแก้วเนี่ย เคยได้ยินมาเหมือนกันแหละ
แป้ง: ว้าย… เล่นไปเรื่อย เดี๋ยวก็โดนดีหรอก ชั้นเคยได้ยินมาว่า ถ้าเล่นไม่ดี ผีจะโกรธเอานา…
ไหม: ลองดูก็ได้นะ ไปๆ เล่นกันเดี๋ยวนี้เลย
ยศ: เห้ย.. ไม่ด้ายยย … ผีถ้วยแก้ว เค้าต้องเล่นตอนกลางคืน ยิ่งดึกยิ่งดี ผีที่ไหนจะออกมาตอนกลางวันวะอีบ้า..
ไหม: อ้าว..ก็ใครจะไปรู้ละวะ เล่นตอนกลางคืนด้วยเหรอ ตายละสิ จะไปเล่นที่ไหนกันละ เดี๋ยวพ่อชั้นเอาตายเลย
เนียน: ไม่เอานะ… ชั้นไม่เอากะพวกแกด้วยนะ… ชั้นกล้ววว… ฮือๆๆๆ (พูดจบก็ผวาเข้ากอดไอ้มวงทันที)
มวง: เห้ย.. ไอ้เนียน.. อย่ามาทำเป็นเนียนสมชื่อสิวะ ถอยไป กูจั้กจี้หว่ะ.. (พูดพร้อมกับผลักตัวไอ้เนียนออก)
ยศ: อืม.. .. (ทำท่าคิด เอามือมาลูบคาง) นึกออกละ เอางี้นะ พวกเราไปเล่นในโรงสีดีกว่า ไม่มีใครรู้ใครเห็นดี พ่อกูปิดโรงสีหนึ่งทุ่ม พอสามทุ่ม พวกเรา ไปเจอกันที่นั่นนะ เดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง
ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็นกันหมด ยกเว้นไอ้เนียน แต่เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว มันจึงจำเป็นต้องยอม แต่ติดที่ว่า มันเป็นเวลากลางคืน ทุกคนจึงจะใช้เป็นข้ออ้างกับพ่อแม่ว่า มีงานกลุ่มเร่งด่วนต้องส่งครูวันจันทร์ จึงนัดกันไปทำที่บ้านของไอ้มวง ไม่บอกว่าบ้านไอ้ยศ เพราะมันเป็นผู้ชาย พ่อแม่คงไม้ให้ไปแน่
หลังจากนัดแนะเวลากันเรียบร้อยแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไป เพื่อรอเวลามาพบกันคืนนี้ที่โรงสีข้าวของไอ้ยศ
ไอ้ยศไปจัดการ นำกระดาษแข็งที่มันตัดดัดแปลงมาจากลังกระดาษใส่ของ ตัดเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ตีตารางเล็กๆ แล้วเขียนตัวอักษร พยัญชนะ สระ ตัวเลข ลงไปในแต่ละช่อง เหมือนที่มันเคยเล่นกับเพื่อนๆในเมือง
โดยหนึ่งช่องขีดเส้นทะแยงมุม ใส่พยัญชนะหนึ่งช่อง และสระหนึ่งช่อง ตัวเลขก็ใส่ช่องใหญ่ จนครบทุกช่องทุกตัว
แล้วเตรียมถ้วยแก้วเล็กขนาดเท่าถ้วยใส่น้ำพริก หนึ่งใบ ธูปหนึ่งห่อเล็ก เทียนไขหนึ่งห่อ และไฟแช้ค เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ มันก็เอาวางไว้บนตียง เอาผ้าห่มคลุมไว้ ป้องกันแม่มันเข้ามาเห็น ต่อจากนั้น มันก็ทำตัวปกติ ไปช่วยงานพ่อมันในโรงสี
ตกค่ำ เมื่อสีข้าวให้ลูกค้ารายสุดท้ายเสร็จ พ่อไอ้ยศก็ปิดโรงสีล็อคกุญแจ เดินกลับบ้านใหญ่ทางด้านหลัง และนำพวงกุญแจไปห้อยไว้ที่ผนังบ้าน เป็นอันรู้กันว่า เป็นที่เก็บกุญแจไว้ตรงนี้
หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว ประมาณสองทุ่ม พ่อกับแม่ของไอ้ยศ ก็นำเงินที่ได้จากการสีข้าว และขายข้าวในวันนี้ มานับรวมยอด ไอ้ยศ จึงทำทีนั่งดูทีวี เพื่อรอเวลา แต่มันนั่งกระสับกระส่าย มีพิรุธ
แม่: เอ็งเป็นอะไร… ไอ้ยศ ลุกลี้ลุกลนพิกลจริง ไอ้ลูกคนนี้
ยศ: เปล่าแม่… ไม่มีอะไร้ .. งั้นผมขึ้นห้องก่อนนะ.. ..(เกือบไปแล้วมั้ยละกู โกหกไม่เก่งซะด้วยสิ)
พอได้เวลาสามทุ่ม ไอ้ยศก็เปิดประตูห้อง ค่อยๆย่องลงไปข้างล่าง เมื่อมันเห็นไม่มีใครแล้ว และไฟมืดหมดแล้ว เหลือแต่ที่นอกบ้านหนึ่งดวง มันจึงกลับขึ้นไป เอาของที่เตรียมไว้ แล้วย่องออกทางประตูหลังบ้าน เดินไปยังโรงสีข้าวด้านหน้าบ้าน ที่อยู่ห่างออกไปประมาณห้าสิบเมตร
มันไม่ลืมที่จะหยิบกุญแจของโรงสีมาด้วย เมื่อเปิดเข้าไปภายใน มันเดินไปด้านหลังของเครื่องจักร จัดการ ปูเสื่อ และเอาอุปกรณ์ที่เตรียมมา วางไว้ให้ดูเห็นชัด
หลังจากนั้นก็ไปยืนรอพรรคพวก ที่ประตูรั้วด้านข้าง ที่เป็นประตูเล็ก มันรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ทุกคนจึงมาพร้อมกัน
ไอ้ยศ: ทำไมมาช้ากันนักละวะ ยุงล่อกูจนอิ่มละมั้งเนี่ย
ไหม: ก็รอไอ้เนียนนะสิ นึกว่ามันจะมาไม่ได้ซะแล้ว
เนียน: ยังไงก็ต้องมาสิ ถึงชั้นจะกลัวแค่ไหน แต่มีพวกแกอยู่ด้วย ก็… โอเค้..
ยศ: พวกแก ตามกูมาเลยเว้ย เงียบๆล่ะ อย่าเสียงดัง
เมื่อทุกคนอันมี ยศ/ไหม/แป้ง/มวง/เนียน เข้ามาในโรงสีแล้ว ไอ้ยศก็ปิดประตูทันที มันไม้ได้เปิดไฟแต่จุดเทียนไขแทน กลัวพ่อมันเห็นแสงไฟ
มวง: เห้ย.. ทำไมไม่เปิดไฟละวะ มืดจัง
ยศ: ไม่เปิ้ด… เปิดไม่ได้… เดี๋ยวพ่อกูตื่นมาเห็น และอีกอย่างนะ เป็นการเพิ่มความขลังเว้ย…
เอาล่ะ ทุกคนนั่งลง กูจะอธิบายให้ฟังถึงวิธีเล่นนะ…ขั้นแรกกูจะจุดธูป เชิญวิญญาณของไอ้นู มาอยู่ในถ้วยแก้วนี้ก่อน เมื่อวิญญาณของไอ้นูมาแล้ว เราถึงจะเล่นได้
มวง: เล่นยังไงวะ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าผีไอ้นูมาแล้ว
เนียนเริ่มขยับเข้ามานั่งเบียดกับไหมและแป้ง ซึ่งแต่ละคนก็ออกอาการกลัวและอยากยกเลิก แต่ความอยากรู้อยากลองมีมากกว่า
ยศ: รู้สิวะ พวกแกต้องตั้งคำถามทีละคน แล้วเอานิ้วชี้ของทุกคนข้างไหนก็ได้ มาแตะลงบนก้นถ้วยที่คว่ำอยู่นี่นะ
เมื่อถามคำถามแล้ว ถ้วยก็จะขยับไปที่ตัวหนังสือทีละตัว เป็นคำตอบ เราก็จะรู้ว่าไอ้นูมาจริงก็ทีนี้ล่ะวะ… หึ หึ..
แป้ง: เห้ย.. เอาจริงหรือวะ..
พูดพร้อมกับ หันมองทุกคน ท่ามกลางแสงเทียนที่วับๆแวมๆ
มวง: เอาน่า… มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องลองซักตั้งละวะ จัดการตามนั้นเลยไอ้ยศ เร็วๆ กูอยากลองเต็มแก่แล้วหว่ะ พูดพร้อมกับซู้ดปาก และ เอามือถูกันไปมา
ยศ: ทุกคนเงียบๆนะ กูจะเริ่มละนะ…
ว่าแล้ว ไอ้ยศก็หยิบธูปขึ้นมาหนึ่งดอก จัดการจุดไฟ พอธูปติดไฟ มันก็ยกมือขึ้นพนม ทำปากขมุบขมิบสักพัก
ทันใดนั้นเอง ลมไม่รู้มาจากไหน พัดวูบข้ามาทางช่องลมด้านข้างและด้านบนหลังคาที่เป็นสังกะสี พัดวนลงมา จนทำให้ เศษฝุ่นจากแกลบที่สีข้าวแล้วปลิวว่อน สามสาวไหม/แป้ง/เนียน ขยับตัวกอดกันทันที
ทุกคนต่างตกตะลึง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ลมหมุนที่เกิดขึ้นภายในโรงสีข้าว หมุนวนติ้วๆเป็นวงกลม พัดพาเอาเศษผงแกลบ ปลิวว่อน
จนทุกคนต่างก็พากัน หลับหูหลับตา ไอจามออกมา เพราะสำลักฝุ่นระคายข้าว หนำซ้ำ เทียนก็มาดับเพราะแรงลมอีก จนต้องจุดขึ้นใหม่หลังลมสงบ
ยศ: เห้ย.. เบาๆกันหน่อยสิวะ อย่าไอดัง เดี๋ยวพ่อกูก็ตื่นหรอก ต้องเป็นผีไอ้นูแน่ๆเลย เอาล่ะพวกแก นั่งดีๆนะ ขยับเข้ามาใกล้ๆแผงกระดาษนี่
ไม่ต้องให้ไอ้ยศบอกซ้ำสอง ทุกคนต่างก็รีบขยับมานั่งเบียดกันทันที ไอ้มวงเห็นว่าเป็นสาวหล่อยังงั้นก็เถอะ ใจปลาซิว ชักปอดๆเหมือนกันแหละ
ยศ: กูจะเป็นคนถามคนแรกนะ พวกแกเอานิ้วชี้มาจิ้มที่ถ้วยนี้รอไว้เลย
“แกคือไอ้นูใช่ไหมวะเพื่อน”
สิ้นเสียงถามของไอ้ยศ ถ้วยแก้วที่มีนิ้วของทุกคนแตะอยู่ ก็เริ่มขยับ มันขยับวนไปมา เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า และไปหยุดที่ ใ และขยับไปมาอีกครั้ง จนไปหยุดที่ ช และ ไม้เอก
มวง: เห้ย.. แกดันถ้วยหรือเปล่าวะไอ้ยศ หรือใครดันวะ
ไหม: หึ.. ชั้นเปล่าดันนะ
แป้ง: ชั้นก็ไม่ได้ดัน เหมือนมันขยับไปเองเลย
ยศ: ก็ไอ้นูไง…
เนียน: ชั้นนน กลัว.. อ่ะ..
ยศ: เราต้องรู้ให้ได้ แกอย่ากลัวไปเลยเนียน ไอ้นูมันเป็นเพื่อนเรา มันไม่ทำอะไรเราหรอก ต่อไปใครจะถาม
มวง: ชั้นเอง.. ชั้นจะถาม เห้ย.. ถ้าแกเป็นไอ้นูจริง ทำไมแกไม่ไปไหนวะ ไปที่ชอบ ที่ชอบสิวะเพื่อน
ถ้วยเริ่มขยับไปตามอักษรทีละตัว ทีละตัว ทุกคนก็คอยลุ้นอ่านตามไปด้วย จนสะกดคำครบถ้วน ได้คำว่า เร่ร่อน
ไหม: ฮือๆๆๆ ไอ้นู ชั้นคิดถึงแกเหลือเกิน แกไม่น่าจะด่วนตายจากพวกเราไปเร็วยังงี้เลย แกอยากได้อะไรเหรอ แกยังห่วงแม่ของแกอยู่ใช่มั้ย ฮะ.. ไอ้นู บอกพวกเรามาซิแก
ถ้วยหมุนวนๆๆๆ จนได้คำครบ คือคำว่า “สร้อย”
มวง: นั่นไง.. กูว่าแล้ว.. แล้วมันคืออะไรละวะ ไอ้สร้อยเนี่ย หรือว่าาา…
ทุกคนหันมามองหน้ากัน เหมือนจะบิงโกพร้อมกัน และแล้วเทียนไขก็ดับพรึบอีกครั้ง เหมือนมีใครมาเป่าลมให้ดับ เนียนร้องกริ้ดทันที ผวาเข้ากอดแป้งที่นั่งข้างๆอย่างแรง จนหงายหลังลงไปทั้งคู่
ยศ: จุ้ๆๆ.… เบาๆหน่อยสิวะ.. เดี๋ยวกูเลิกเล่นซะเลย.. ดีมั้ยวะ ยกเลิก…
มวง: เห้ย.. ได้ไงวะ.. ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไรเลย นี่อีเนียน ชั้นว่า แกนั่งหลับตาเฉยๆก็ได้วะ เอ้าไอ้ยศ มึงจุดเทียนซะทีสิวะ
หลังจากที่ไอ้ยศจุดเทียนขึ้นมาใหม่ ทุกคนก็เล่นต่อ โดยใช้คำถามเดิมของไหมคือ ไอ้นูต้องการอะไร ปรากฏว่า ถ้วยหมุนวนไปทั่ว สะเปะสะปะ จนไม่รู้ความหมาย
ไอ้ยศเลย ทำการจุดธูปอีกหนึ่งดอกบอกกล่าวกับวิญญาณของไอ้นูอีกครั้ง คราวนี้มันเอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง ให้ทุกคนได้ยินด้วย
ไอ้นูเอ้ย.. พวกเราอยากช่วยแกนะ แกยังมีห่วงอะไร แกอยากให้พวกเราทำอะไรให้ ก็บอกมาเถอะวะวิญญาณของแกจะได้ไปสู่ที่ดีๆ อย่าได้เร่ร่อนอีกต่อไปเลย แล้ว สร้อยน่ะมันคืออะไร แกบอกมา พวกเราจะจัดการให้
พูดจบ ไอ้ยศ ก็เอาธูป ใส่ลงไปในขวดลิโพที่มันเตรียมมา เพราะพื้นโรงสี ไม่มีที่ปักธูป
ทุกคนรีบเอามือแตะที่ก้นถ้วย รวมทั้งเนียนด้วย ที่เริ่มควบคุมสติได้บ้างแล้ว แต่ถ้วยหยุดนิ่ง ไม่ยอมขยับ
แป้ง: เห้ย… ทำไมไม่ขยับล่ะ
มวง: เห้ยไอ้ไหม… แกลองพูดกับไอ้นูดูซิ… เพราะไอ้นูมันชอบแกนี่ มันอาจอยากได้ยินเสียงแกอีกครั้งก็ได้นะ พูดเลยๆ
ไหมมองหน้าทุกคน น้ำตาเริ่มไหลริน ตอนนี้ทุกคนยกมือออกจากถ้วย มาพนมมือตามไหม
ไหม: ไอ้นู.. ฮือๆๆ.. เราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน พวกเรารักแกนะ แกอย่าได้ห่วงอะไรอีกเลย แม่ของแกน้าผันน่ะ พวกเราจะหมั่นไปเยี่ยม ไปดูแลให้
ขอให้แกไปเกิดที่ดีๆนะ ชาตินี้ เรามีวาสนาต่อกันแค่นี้ เอาไว้ชาติหน้า เราค่อยมาพบกันใหม่อีกนะ ฮือๆๆ ไอ้นู…
เมื่อไหมพูดจบ ถ้วยแก้วเริ่มขยับเองได้ ทุกคนตกตะลึง รีบเอามือแตะทันที ถ้วยหมุนวน ไปตามตัวอักษร ทุกคนลุ้นตาม ..ไปจบที่คำว่า เสาไฟฟ้า หลังจากนั้นก็ไม่ขยับอีกเลย ไม่ว่าใครจะถามอะไรต่อ
เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า…
ยศ: พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พวกเราลองไปดูที่เสาไฟฟ้า ที่ไอ้นูมันตายดูนะ พบกันสิบโมงนะ
ทีนี้พวกแกเชื่อหรือยังล่ะว่า ผีถ้วยแก้วมีจริง ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องมีความเชื่อและศรัทธาด้วยนะ ไม่งั้น ไม่มีวันสำเร็จหรอก ไปเว้ย.. แยกย้าย… สลายตัว..
วันต่อมา ทุกคนไปดูที่เสาไฟฟ้าต้นนั้น ค้นหาดูจนทั่ว ก็ไม่เห็นมีอะไร แดดก็เริ่มร้อน ทันใดนั้น มีอีกาตัวหนึ่ง บินมาเกาะ ที่สายไฟตรงหัวเสา มันร้อง กา กา กา จนทุกคนแหงนมอง เอามือบังหน้าผากดู
ไหม: เห้ยนั่น.. อะไรห้อยอยู่ตรงน้อตที่เสียบรูเสาน่ะ พวกแกดูสิ
ทุกคนมองตามมือไหมที่ชี้ตรงกึ่งกลางเสาไฟ มีสร้อยห้อยอยู่ตรงนั้น ที่แท้ก็เป็นสร้อยพระของไอ้นูที่มันเคยใส่อยู่นั่นเอง เป็นสายร่มสีดำ แขวนพระที่ทุกคนไม่รู้จัก
ระหว่างที่มันขี่รถโหม่งเสาไฟด้วยความแรง จนทำให้สร้อยหลุดจากคอ กระเด็นขึ้นไปแขวนบนน็อตที่ยื่นออกมาจากรูเสาไฟได้พอดิบพอดี จึงไม่มีใครมองเห็น ช่างบังเอิญแท้
เมื่อความจริงที่ทุกคนสงสัยเผยออกมา ต่างก็ดีใจและโล่งอกที่ช่วยไอ้นูได้ ไหมได้จัดการเอาสร้อยพระของมัน ไปให้คืนน้าผัน ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าทุกคนจะเล่นผีถ้วยแก้วกันใหม่ เรียกหาไอ้นูยังไง มันก็ไม่มาอีกเลย
ไอ้นูคงไปสู่ภพภูมิตามบุญกรรมที่ทำมาแล้วล่ะ
**จบบริบูรณ์**
ขอบคุณ คุณ Soontaree AT