คือเรื่องมันมีอยู่ว่า กลางดึกคืนหนึ่ง พี่สาวโทรมาหาผม ผมงวงเงียตื่นขึ้นมารับสาย เป็นเสียงพี่สาว พูดแบบน้ำเสียงเศร้าๆ บอกว่า ตอนนี้ ไอ้เดือน มันรถมอไซค์ล้มสลบอยู่ ผมก็เลยถามว่า อ้าวทำไมไปรถมอไซค์ล้มได้ แกก็บอกว่า มันบอกว่าจะเข้านอนตั้งแต่สองทุ่มแล้ว แต่มันดันขโมยออกไปเที่ยวกับเพื่อนมัน
ผมก็เลยพอจะเก็ท ก็เลยถามอาการลูกสาวแกไปว่า ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง พี่สาวก็บอกว่า รถมอไซค์เละเลย แล้วก็ที่หูข้างหนึ่งฉีก ขาหักข้างหนึ่ง
พอได้ฟังผมก็ตกใจเลย โห ล้มยังไงอะ ทำไมเป็นเยอะจัง พี่สาวก็เลยบอกว่า สงสัยมันจะพากันกลับรถ เลี้ยวเข้าหมู่บ้าน แล้วคงโดนรถใหญ่ชนเอา
ผมก็ถามอีก แล้วพวกมันเมากันไหม พี่สาวก็บอกว่า ก็คงน่าจะเมาแหละ เพราะไอ้คนที่ขับมอไซค์มา มันไม่เป็นไรมาก แต่พูดจาไม่รู้เรื่องเลย
“อ้าวเป็นงั้นไป…”
แล้วพี่สาวก็เลยขอยืมเงินผม เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้จ่ายเยอะไหม ซึ่งผมก็ให้ยืมไป แล้วผมก็ไม่ได้ตามข่าวคราวอะไรต่อ คิดว่าเขาคงดูแลกันได้แหละ
ผ่านไปสาม สี่ วัน ผมก็โทรไปถามพี่สาวว่า เป็นยังไงบ้าง พี่สาวก็บอกว่า เกือบไม่รอด ตอนนี้ก็ให้นอนย่างบนแคร่ไม้ (คือ คนทางนั้นเขาจะรักษาแบบโบราณด้วยครับ เพื่อให้เลือดที่ตกในมันหาย ก็จะใช้วิธี ขึ้นไปนอนบนแคร่ไม้แล้วก็จะเอาถ่านไฟไปไว้ใต้แคร่ไม้ เพื่อให้เกิดความร้อน แล้วก็เอาใบไม้สมุนไพรมานอนทับด้วย )
ผมก็บอกว่า เออ ก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อหากันเป็นเดือนเลย
แล้วเดือนต่อมาผมก็มีโอกาศได้ไปค้างที่บ้านพี่สาวครับ เพราะว่าต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัด เลยแวะหาพี่สาวสักหน่อย ก็ไปเจอลูกสาวแกยังเดินกระเผก ๆ อยู่เลย ยังเดินไม่ตรงดี เขาก็โชว์แผลที่ใบหูให้ดู เห็นเป็นรอยเย็บที่หลังหู กับที่หัวก็เป็นรอยเย็บเหมือนกัน
แต่ผมก็สงสัยว่า เอ๊ ทำไมขาหักแล้ว มันหายไวจัง สงสัยจะแค่กระดูกร้าวละมั้ง ผมไม่ค่อยได้คุยกับพี่สาวมากนัก ก็คุยสัพเพเหระกันไปตามประสา แล้วก็คุยเรื่องหนี้สินกับแก แกก็บอกว่าขอผลัดไปก่อน ช่วงนี้ช็อต
ช่วงบ่ายวันนั้นผมก็นอนเล่น ที่ชั้นสอง เป็นชาญพัก หน้าห้องที่อยู่หลังบ้าน ผมมารู้สึกตัวอีกที ตอนได้ยินเสียงเด็กทารกร้อง แต่ไม่ได้ร้องไห้จ้านะ เป็นเสียง แอะๆ อะไรแบบนี้แหละ ผมก็เลยตื่น มองไปรอบตัว แสงจากภายนอกสโลสเล แล้วครับ พลอยทำให้ตรงที่ผมนอนอยู่มันมืดๆ สลัว สลัวไปด้วย
เริ่มเย็นมากแล้ว อ้าวนอนเพลินเลยเรา ผมลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบๆ พอหันออกไปทางหน้าต่าง แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะอีก ผมก็เลยรีบหันไปดูทางโถงกลางบ้านครับ
ตรงนั้นมันมืดๆ ทะมึนทะมึน เพราะไม่ได้เปิดหน้าต่างไว้ แล้วผมก็เห็นเด็กทารกตัวขาวๆ มันเป็นแสงเรื่อๆ ลอยเด่นขึ้นมาในความมืด
ผมก็ตกใจ ว๊าบขึ้นมาเลย พอจ้องมองไปดีๆ เด็กทารกก็หันมาทางผม แล้วเหมือนจะยิ้มให้ แต่วินาทีเดียวกัน ขนหัวผมก็ลุกซู่ขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว มีเด็กทารกวัยเดียวกัน ตัวดำทะมึนนั่งเรียงรายกันอยู่ตรงโถงนั้นเต็มไปหมดเลยครับ
ผมได้แต่จ้องมองไป ตัวเกร็งจนไม่กล้าขยับไปไหน แล้วก็ร้องเรียก ชื่อ ลูกพี่สาว
“ไอ้เดือน ไอ้เดือน อยู่ไหม”
ผมตะโกนร้องเรียกอยู่ สองสามที แล้วร่างพวกเด็กทารกก็ค่อยๆเลือนหายไปครับ ผมรีบวิ่งผ่านไปตรงโถงนั้น ลงบันไดไปชั้นล่าง อย่างเร็ว ตอนลงบันได เสียวสันหลังวูลวาบ จนขนลุกไปหมด พอลงมาดูที่ชั้นล่าง เรียกหาพี่สาว เรียกหาลูกแก ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่สักคนเลย
ใจผมเต้นแรงไม่หยุดเลยครับ เลยไปนั่งรอที่ห้องรับแขก แล้วก็เปิดทีวีเสียงดังๆ นั่งรอพี่สาวกลับมา
สักพักพี่สาวกับลูกสาวแกก็กลับมาจากตลาด พากันไปหาซื้อของมาทำอาหารกินกัน พอกินข้าวเย็นกันเสร็จ พี่สาวจะให้ผมไปนอนที่ห้องข้างบน แต่ผมก็คนง่ายๆ ก็เลยบอกแกไปว่า เอาที่นอนมาปูนอนตรงหน้าทีวีนี้ก็ได้
เราพากันนั่งดูทีวีจนดึก ลูกพี่สาวก็ขึ้นไปนอนก่อน แล้วพี่สาวก็ขนที่นอนผ้าห่มออกมาปูให้ พออยู่กันสองคนผมก็ยังคาใจกับร่างเด็กที่นั่งอยู่ตรงโถงชั้นสอง ก็เลยถามพี่สาวไปว่า “พี่ พี่ได้เลี้ยงกุมาร หรือบูชาอะไรที่บ้านหลังนี้ไหม”
พี่สาวก็ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย แล้วก็บอกว่า “เปล่านี่ ทำไมหรือ” ผมก็เลยบอกแกไปว่า “ตอนเย็นๆช่วงผีตากผ้าอ้อม นอนอยู่บนบ้าน แล้วตื่นขึ้นมา เห็นเด็กตัวขาวๆนั่งอยู่ตรงโถงชั้นสองนะสิ”
แล้วพี่สาวผมแกก็หัวเราะ “โอ๊ย ไม่มีหรอก เองมันชอบมโน “ตื่นมาตอนอะไรมันขมุกขมัว ก็จินตนาการไปเรื่อย” แล้วพี่สาวแกก็พูดเหมือนกับว่า อยู่บ้านนี้มาตั้งหลายปีแล้วไม่เห็นมีอะไรเลย
พอคุยกับพี่สาวได้สักพัก แกก็ขึ้นไปนอนข้างบนชั้นสอง ผมก็นอนดูทีวีอยู่ตรงโถงรับแขกชั้นล่าง เกือบๆเที่ยงคืน ก็รู้สึกง่วงมาก ยังไม่ทันจะลุกขึ้นไปปิดไฟนอน พอกดรีโมทปิดทีวีปุ๊บ ผมก็หลับทันทีเลยครับ ตอนนั้นสงสัยคงเพลียมาก
หลับไปได้สักพัก ผมก็สะดุ้งตื่นอย่างตกใจ เพราะเสียงซ่าจากทีวี มันดังขึ้นมาครับ พอลืมตาขึ้นมา เห็นทีวีเปิดซ่า อยู่ ผมก็ งงๆ เลย
“อ้าว เราปิดไปแล้วนี่ ใครมาเปิดทีวีวะ หรือเมื่อกี้ตอนกดปิด เรากดผิดปุ่ม”
พองัวเงียลุกขึ้นมานั่งได้ ผมก็กดปิดทีวีไป แล้วก็ลุกขึ้นไปดึงปลักทีวีออก ก่อนจะไปปิดไฟตรงโถงกลางห้อง พอปิดไฟปุ๊บ ห้องก็มืดสนิทลงเลยครับ เพราะสายตามันยังไม่ได้ปรับเข้ากับความมืด ผมก็เลยรีบดินไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนที่อยู่กลางโถงรับแขก ด้วยความง่วงผมก็หลับไปอีก
แต่รู้สึกว่าหลับไปไม่นานเลยครับ อยู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาเตะเท้าผมครับ มันกึ่งเตะกึ่งเหยียบด้วย แต่คนเหยียบเหมือนน้ำหนักตัวไม่หนักเท่าไหร่
พอผมรู้สึกแบบนั้นผมก็รีบชักเท้าหลบ แล้วก็สะดุ้ง รีบหันไปมองอย่างไว ว่าใครมาเหยียบเท้าผม พอหันไปมองเท่านั้นหละ รอบตัวผมเย็นวาบขึ้นมาเลยครับ เพราะข้างหน้าผม มันว่างเปล่า ไม่มีใครเลย
ผมรีบถีบผ้าห่มไปปิดปลายเท้าข้างที่โผล่ออกมา แล้วก็คลุ่มโปงนอนตะแครง หันหลังให้ทีวี
พยายามจะหลับต่อ แต่ตอนนี้ ระบบประสาทผมตื่นตัวเต็มที่แล้วครับ เรียกได้ว่า ตาสว่างสุดๆก็ว่าได้ ใครจะหลับได้ลง เลยต้องพยายามข่มตาหลับอยู่สักพักใหญ่ๆ
พอจวนจะหลับ อยู่ๆผมก็ได้ยืนเหมือนมีตัวอะไร คลานอยู่ตรงพื้นข้างหลังผม ตรงหน้าทีวี เสียงมือกับหัวเข่าลากไปกับพื้น ดัง แซก แซก แซก เหมือนคนคลานไวๆอะครับ
ผมได้ยินเต็มสองหูผมเลย กระดูกสันหลังผมเย็นเฉียบขึ้นมา ขนที่ท้ายทอยผมชูชันขึ้นอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน แล้วตัวผมมันก็สั่นขึ้นมาเองเลยครับ ใจเต้นรัวๆเลยตอนนั้น ในใจก็ได้แต่คิดว่า ตัวอะไรวะ
จนสุดท้ายผมก็กัดฟัน สะบัดผ้าห่มไปทางด้านหลัง พร้อมกับลุกขึ้น อย่างไว แล้วก็รีบกระโดดไปที่ตรงสวิทช์ไฟ
พอไฟเปิด ก็เห็นแต่ผ้าห่มผมตกกองอยู่ตรงหน้าทีวี ในโถงตรงนั้นก็ว่างเปล่า ไม่มีใคร ใจผมเต้นแรงไม่หยุด ไม่คิดว่าจะมาเจออะไรกับตัวอย่างนี้
สุดท้ายผมก็ไม่กล้าปิดไฟนอนเลยครับ ก็เปิดไฟไว้แบบนั้น แล้วก็มานอนต่อ คราวนี้คลุมโปงทั้งหัวเลย
จนสุดท้ายก็หลับไป แล้วผมก็ฝันครับ!!
ฝันว่าไปเที่ยวนี่ไหนสักแห่งนี่แหละ ขี่มอไซค์ไปตอนกลางคืน แล้วก็ขี่หลงไปไหนไม่รู้ เหมือนอยู่ในป่า หาทางออกไม่ได้สักที แล้วก็เจอหน้าเด็กทารก มีแต่เลือดเต็มไปหมดเลย ลอยมาปะทะหน้าผม ยังไม่ชนหรอก แต่ได้ยินเด็กผีนั้นพูดว่า
“ฆ่ากูทำไม” เท่านั้นแหละผมก็สะดุ้งตื่นเลย
โห ฝันอะไรไม่รู้ น่ากลัวมาก พอลืมตาขึ้นมาได้ ก็ได้ยินเสียงไก่ขันขึ้นมาพร้อมกัน แต่ใจผมยังเต้นแรงอยู่เลย เรื่องอะไรวะนี่
ผมก็รีบไปเปิดทีวีเป็นเพื่อนเลยครับ ไม่กล้านอนต่อ ขนาดนั่งดูทีวีอยู่นะ หน้าเด็กผีที่มีเลือดเต็ม ที่โผล่มาในฝันผม มันยังติดตาผมอยู่เลย
พอสักพักใหญ่ๆ ฟ้าเริ่มสาง พี่สาวก็ตื่น แล้วก็เดินลงมา เห็นผมนั่งดูทีวีอยู่ แกก็บอกว่า ทำไมตื่นเร็วจัง
ผมก็เลยบอกว่า สงสัยนอนผิดที ไม่ชิน เลยนอนไม่หลับ
สายๆ ขับรถกลับผ่านตลาด ก็เลยไปแวะซื้อของในตลาดสักหน่อย เดินๆอยู่ ผมก็ไปเจอน้องผู้หญิงคนหนึ่งโดยบังเอิญ เขาเป็นเพื่อนกับลูกของพี่สาวผม
คนที่พี่สาวบอกว่า เป็นคนขับมอไซค์พากันไปล้ม เคยเจอกันที่บ้านพี่สาวสองสามครั้ง เมื่อหลายปีก่อน เขาก็มองหน้าเราแบบไม่แน่ใจ เราก็มองหน้าเขาแบบไม่แน่ใจ ก็เลยถามน้องเขาไปว่า “ใช่เพื่อนของเดือนไหม” เขาก็พยักหน้า ผมก็เลยถามน้องเขาต่อ
“ตกลง ตำรวจเขาจับคนที่มาชนรถพวกหนูได้ไหม”
น้องเขาก็ ทำหน้า งงๆ แล้วก็ถามกลับ “อะไรนะคะ”
ผมก็เลยตอบไปว่า “ก็รถที่มาชนไอ้เดือนจนสลบไป วันนั้นไง”
น้องเขาก็ยิ่งทำหน้างง แล้วน้องเขาก็พูดประมาณว่า “หนูไม่รู้เรื่องเลย มันโดนชนตอนไหน หนูไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนแล้วน้า เพราะมันลาออกจากโรงเรียนไปตั้งแต่เทอมก่อนแล้ว”
อ่านต่อตอนจบ >>กดอ่านเลย<<