เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 คุณพ่อกับคุณแม่เล่าให้ฟังว่า ปีนั้นเป็นปีที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่อำเภอลับแล ทั้งน้ำท่วม ทั้งโคลนถล่ม ผลจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก
ด้วยความที่คุณพ่อเราทำงานเป็นผู้รับเหมา ต้องไปทำการซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่ชำรุดเสียหายตามสถานที่ต่างๆ ในอำเภอลับแล วันนั้นหลังจากคุณพ่อกลับจากทำงานมาถึงบ้านทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เข้านอนตามปกติพร้อมกับคุณแม่
คืนนั้นคุณแม่นอนไม่หลับ มีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังมีคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเป็นกังวลไม่สบายใจ จิตตกแปลกๆ แต่คุณแม่ก็พยายามข่มตาให้หลับ สักพักก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ ดังมาจากข้างล่างทางหน้าบ้าน!!
คุณแม่เลยเปิดหน้าต่างมองลงไปเพื่อหาต้นเสียง ปรากฏว่าเห็นเป็นผู้หญิงผมสั้น ใส่ชุดคลุมท้องสีขาวคนนึง กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้อยู่ที่หน้าบ้าน คุณแม่รู้สึกได้ทันทีในตอนนั้นเลยว่า โดนแล้วแน่ๆ…!!
เพราะตอนนั้นเวลาประมาณตี 3 กว่าแล้ว ละแวกบ้านก็เปลี่ยวๆ ไม่มีทางจะเป็นไปได้ที่จะมีผู้หญิงมานั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่แน่ๆ
คุณแม่เลยหันไปปลุกคุณพ่อให้ช่วยลงไปเอาสร้อยพระมาห้อยคอและนอนต่อ แต่หลังจากนอนไปได้อีกสักพัก คุณแม่ก็ได้ยินเสียงอีก!!
คราวนี้เสียงเหมือนคนเอามือที่มีเล็บยาวๆ มาข่วนไม้ เสียงดัง แกร๊ก… แกร๊ก…แกร๊ก (บ้านที่อาศัยอยู่เป็นบ้านแบบ 2 ชั้น ชั้นบนจะเป็นไม้ ชั้นล่างจะเป็นปูน)
ด้วยความที่คุณแม่ก็อยากรู้ จึงลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างดูอีกครั้ง ครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ได้นั่งอยู่หน้าบ้านที่เดิมแล้ว แต่เขากำลังตะกายไต่ผนังบ้านขึ้นมาหาคุณแม่ที่หน้าต่าง! ชั้น 2 พร้อมกับจ้องมาที่หน้าของคุณแม่ ด้วยดวงตาแดงกล่ำ ใบหน้าซีดขาว
คุณแม่ถึงกับช็อค นั่งตัวสั่น ร้องไห้ พยายามเรียกคุณพ่อให้ตื่น แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงออกมา คุณแม่เลยเอามือกุมสร้อยพระ และเริ่มสวดมนต์
สักพักผู้หญิงคนนั้นก็หายไป..
ช่วงเช้าคุณแม่เล่าให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อจึงพาคุณแม่ไปวัดเพื่อพบพระอาจารย์ทันที พระท่านบอกว่า….
“เขาตามพ่อมา ตอนนี้ก็ยังตามมา เขาต้องการจะบอกว่า ให้ช่วยเอาศพของเขากับลูกออกมาที เขาติดอยู่ใต้เลนบริเวณที่พ่อไปทำงาน..”
คุณแม่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ ส่วนคุณพ่อก็รีบโทรแจ้งหน่วยกู้ภัย และกลับไปยังบริเวณเดิม ที่ได้ไปซ่อมเสาไฟฟ้า สุดท้ายก็ได้พบกับร่างของผู้หญิงท้องคนนั้น… รวมถึงผู้เสียชีวิตคนอื่นเพิ่มอีกหลายราย…