เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 4-5 ปีที่แล้วที่บางแสน ที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่น ติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่ง จะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่ แม่ค้าจะมาเปิดร้านราวๆ ตี 5 ของทุกวันขายจนถึงเย็น
ข้างซุ้มกาแฟก็จะมีโต๊ะหินอ่อนชุดหนึ่งไว้ให้ลูกค้านั่งกิน มีต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น และป่าหญ้ารกๆ ที่ตรงนี้ช่วงดึกๆ จะดูเปลี่ยวและน่ากลัว แต่กลุ่มเด็กแว๊นมักจะชอบแวะมานั่งกินเบียร์กัน
แล้วคืนหนึ่งก็ได้เกิดเหตุการณ์สยองขึ้นที่นี่ คือมีแก๊งค์วัยรุ่นพาผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งกินเบียร์ตอนกลางคืน แล้วก็รุมข่มขืนผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงก็เหมือนจะขัดขืนจึงถูกฆ่าตาย
จากนั้นแก๊งค์วัยรุ่นกลุ่มนี้ก็เอาศพของผู้หญิงไปไว้หลังซุ้มกาแฟ ในลักษณะนั่งบนถังน้ำแข็งแล้วเอาเชือกรัดคอ อำพรางว่าเป็นการผูกคอตาย..
และช่วงตี 4 กว่าๆ จะมีคนเอาปาท่องโก๋มาแขวนตรงตะปูที่อยู่เหนือถังน้ำแข็ง แต่ด้วยความมืด และแสงไฟจากถนนส่องมาไม่ถึง เขาจึงมองไม่เห็นศพ..
จากนั้นช่วงเวลาตี 5 แม่ค้าร้านกาแฟก็มาเปิดร้านตามปกติ พอกำลังจะหยิบถุงปาท่องโก๋ก็แทบลมจับ เพราะเจอศพผู้หญิงนั่งบนถังน้ำแข็ง ตาเหลือกแดง ลิ้นจุกปาก มีเชือกผูกที่คอ
พอแม่ค้าแกได้สติ ก็เรียกชาวบ้านละแวกนั้นมาดู และแจ้งตำรวจ พอตำรวจมาก็ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรอรถโรงบาลมาก่อน..
สภาพศพที่ชาวบ้านเห็นคือเป็นผู้หญิงผิวขาว เสริมจมูก ผมประบ่า ใส่เสื้อสีขาวสกรีนหน้าอกเป็นเลข 65 ใส่กางเกงเจเจสีเขียว รองเท้าแอดด้าสีขาว และมีเลือดออกตามหว่างขา
หลังจากนั้นมา แม่ค้าร้านกาแฟแกเลิกขายเลย เหลือแต่ซุ้มทิ้งไว้ และเรื่องราวหลอนๆ เฮี้ยนๆ ของที่นี่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ล่ะ
เริ่มจากลุงขับรถสองแถวแดง หนองมน-เฉลิมไทย ที่ขับผ่านเส้นนั้น จุดที่ผู้หญิงคนนั้นตาย ลุงคนขับเล่าว่า เคยเห็นผู้หญิงโบกรถ แต่เป็นตอนดึกแล้ว 4-5 ทุ่ม เลยไม่ได้จอดรับ ก็ขับเลยไป แต่พอมองในกระจก กลับเห็นผู้หญิงคนนั้นวิ่งตามรถอย่างเร็ว และมีสีหน้าน่ากลัวมากๆ จนต้องเร่งรถหนีไปเลย
ต่อมาก็เป็นพี่วินมอเตอร์ไซค์จากชลบุรี มารอรับลูกค้าที่ออกกะโรงงานแต่เช้ามืด พี่วินบอกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมาวานให้ไปส่งที่บ้าน พอถามว่าที่ไหนครับ ผู้หญิงคนนั้นกลับบอกว่าไม่รู้ จำบ้านไม่ได้…
และพอหันมาหยิบหมวกกันน็อคจะยื่นให้ หันกลับไปผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว ซึ่งแปลกมากๆ เพราะเวลาแค่แวบเดียวหายไปได้ยังไง? แต่ก็ยังไม่ได้สงสัยอะไร แค่งงๆ ว่าหายไปไหนไวจัง..
พอเวลา 9 โมงก็ได้ไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ วินคนอื่นที่อยู่ตรงสี่แยกไฟแดงตรงข้ามซุ้มกาแฟฟัง วินคนอื่นๆ เลยถามว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวยังไง? ก็เลยบอกไปว่า ขาวๆ ผมยาวประบ่า ใส่เสื้อยืดขาว..
แล้วก็มีวินคนหนึ่งก็พูดว่า กางเกงเขียว เสื้อสกรีนตัวเลขใช่ไหม? พี่วินคนนั้นเลยตกใจบอกว่า ใช่! รู้ได้ยังไง? แล้ววินทั้งหมดเลยบอกว่า
“จะไม่รู้ได้ไงล่ะ เขาตายอยู่ฝั่งตรงข้าม โดนข่มขืนตายตรงซุ้มกาแฟ!”
พี่วินคนนั้นถึงกับหน้าซีดเลยไปหลายวันเลย แล้วจากนั้นพี่วินคนนั้นก็ไม่มาขับวินอีกเลย
อีกคนที่เจอก็คือแม่ค้าขายข้าวแกง ทุกๆ เช้ามืดแกจะต้องเข็นรถผ่าน 4 แยก และแกจะเห็นผู้หญิงคนนี้เดินแถวๆ ซุ้มกาแฟทุกๆ วัน เดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้น ตอนแรกแกไม่รู้ว่าเป็นผี จนมีคนมาบอกทีหลัง จากนั้นแกเลยต้องเปลี่ยนเส้นทางเข็นรถไปอ้อมทางอื่นซึ่งไกลมาก
ช่วงนั้นเรื่องนี้ดังมากๆ ที่บางแสน เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีอาชีพร้องเพลง และต้องขี่รถผ่านตรงนี้ทุกคืน ช่วง 2 ทุ่มคนเยอะก็ยังโอเค แต่หลังเลิกงานนี่สิ หลอนมาก! ตอนเราขี่รถกลับ ตานี่ไม่มองฝั่งตรงข้ามเลย..
คืนหนึ่งเพื่อนเราจะมารับตอนเลิกงาน และมันต้องติดไฟแดงคนเดียว มันถึงกับต้องขับฝ่าไฟแดงไปเลย.. เด็กเสริฟที่ร้าน เวลากลับบ้านก็ต้องขี่รถเกาะกันเป็นกลุ่มกลับพร้อมกัน คือช่วงนั้นพากันหลอนหนักมาก..
จนวันหนึ่ง เราเห็นซุ้มหายไป และในเวลาต่อมาเทศบาลก็ให้คนมาตัดต้นไม้ใหญ่ออก ถางหญ้า และติดไฟถนนเพิ่มอีกให้สว่างไว้ หลังจากนั้นก็ดูโล่งใจขึ้นมาหน่อย..
ข่าวนี้อาจจะไม่ดัง เพราะน่าจะโดนปิดไม่ให้ลง สรุปคือผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นคนพม่า แล้วมากินเหล้ากับแก๊งค์ผู้ชาย และโดนข่มขืน เขาว่ากันว่า ผู้หญิงคนนี้ท้องอยู่ด้วยประมาณ 3 เดือน.. ต่อมาไม่นานก็จับคนฆ่าได้ เป็นผู้ชาย 3 คน..
เรื่องนี้เล่นเอาหลอนไปหลายเดือนเลยล่ะ ส่วนตอนนี้ตรงสี่แยกนั้นก็ปกติ ไม่มีเหตุอะไรแล้ว เพราะมีการเชิญพระมาทำพิธีไล่วิญญาณด้วยค่ะ