Home คุณไสยมนต์ดำ เสือชุ่ม ฉายาโจรมนต์บังตา

เสือชุ่ม ฉายาโจรมนต์บังตา

เสือชุ่ม ฉายาโจรมนต์บังตา

เรื่องราวเกิดเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว…ตอนนั้นหมวดชาติประจำการอยู่ที่ สภ. แห่งหนึ่งในจังหวัดสระแก้ว และพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักตำรวจกับภรรยามาหลายปี

จนมีอยู่วันหนึ่งช่วงเย็น หมวดชาติเตรียมตัวจะเลิกงาน จู่ ๆ มีรถตำรวจของอีกอำเภอหนึ่งที่อยู่ติดกันขับมาจอดที่ด้านหน้าโรงพัก มีตำรวจสองนายลงจากรถ เดินเข้ามาแจ้งว่า มีโจรคนนึงไปปล้นบ้านเศรษฐี และยิงเจ้าทุกข์บาดเจ็บ ได้เงินไปเกือบสามแสน มันมีกัน 2 คน ชื่อ เสือชุ่ม กับ เสือจบ แต่ เสือจบ ถูกจับตัวได้แล้ว อยู่ที่ สภ. ส่วนตัวเสือชุ่มมันหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับทรัพย์สินที่ปล้นไปได้ ทางตำรวจยังตามตัวไม่พบ 

กระทั่งผ่านไป 2 สัปดาห์มีสายข่าวรายงานมาว่า เสือชุ่มหนีมากบดานอยู่ที่อำเภอนี้ เพื่อเตรียมตัวจะข้ามไปฝั่งเขมร จึงมาขอความร่วมมือให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยกันกระจายกำลังตามจับกุมเสื่อชุ่ม 

ตำรวจทั้งสองอธิบายรูปพรรณสัณฐานพร้อมกับให้รูปถ่ายบัตรประชาชนของเสือชุ่มกับหมวดชาติดู

หลังจากที่หมวดชาติได้ข้อมูลมาแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงรีบสั่งลูกน้องกระจายกำลังไปปิดล้อมตามแนวชายแดน พร้อมขอความร่วมมือจากทหาร เพื่อกันไม่ให้ เสือชุ่ม หนีออกไปได้ ซุ่มดูอยู่เป็นเวลา 2 วัน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเสื้อชุ่มจะมา 

หมวดชาติจึงต้องออกตามล่าหาข่าวกันเอง โดยให้สายข่าวไปนั่งอยู่ตามร้านกาแฟ กระทั่งมีชาวบ้านมาบอกว่าพบเห็นชายแปลกหน้าไปพักอาศัยอยู่ที่กระท่อมร้างปลายนาท้ายป่าช้า ลักษณะท่าทางไม่ใช่คนแถวนี้ หมวดชาติก็เลยเอารูปของเสือชุ่มให้ชาวบ้านดู ชาวบ้านก็ยืนยันว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับในรูปนี้แหละ

ตอนนั้นช่วงดึกๆ หมวดชาติจึงนำกำลังตำรวจ 6-7 นาย ไปล้อมที่กระท่อมปลายนา ซุ่มดูอยู่พักใหญ่ๆ ปรากฏว่าเห็นชายคนนึงกำลังนั่งสูบบุหรี่ไฟแดง วาป ๆ อยู่ในกระท่อม จึงตัดสินใจสั่งลูกน้องเข้าไปปิดล้อมกระท่อมพร้อมแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

“เสือชุ่ม!! ตอนนี้ตำรวจได้ล้อมไว้หมดแล้ว ให้ออกมามอบตัวซะโดยดี อย่าให้ต้องใช้ความรุนแรงกันเลย” 

แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา หมวดชาติจึงสั่งให้ลูกน้องบุกเข้าจับกลุ่ม พร้อมอาวุธปืนครบมือ 

จังหวะที่กำลังจะเข้าไปถึงกระท่อม หมวดชาติก็รู้สึกเหมือนมีลมแรง ๆ วูบนึงวิ่งผ่านหน้าไป แต่ก็ไม่ได้สนใจเอะใจอะไร เพราะใจจดจ่ออยู่กับการจับเสือชุ่ม แต่เมื่อเข้าไปภายในกระท่อม กลับไม่พบเจอใครเลย 

หากันอยู่พักใหญ่ๆ จนเกือบจะเช้า ก็ยังหาไม่เจอ ไม่รู้จะทำยังไง?  ก็เลยนำกำลังกลับมาที่ สภ. หมวดชาติเริ่มรู้สึกว่าคดีนี้มันชักจะแปลกๆ จึงให้ลูกน้องไปสอบข้อมูลจาก เสือจบ ที่ถูกจับกุมอยู่ที่ สภ. เจ้าของคดี เสือจบ บอกว่า 

“จับมันไม่ได้หรอก เพื่อนผมมันมีวิชาดี” 

“เอ่า เพื่อนมีวิชา แล้วตัวมึงไม่มีวิชาหรอ” ตำรวจถาม

“ผมถนัดฆ่าคนมากกว่า” เสือจบพูดขู่ตำรวจ

“พวกคุณเก่งมาจากไหนถึงจะไปจับเพื่อนผม…จับมันไม่ได้หรอก” 

หลังจากได้ข้อมูลแล้ว ลูกน้องจึงกลับมารายงานให้หมวดชาติฟัง จึงได้รู้ว่า เสือชุ่ม มันมีวิชาบังตา หมวดชาติเลยบอกกับลูกน้องไปว่า 

“หึ วิชาบังตาหรอ มันจะมาสู้อะไรกับลูกปืนเรา” 

วันเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ ตำรวจก็ยังหาตัวเสือชุ่มไม่เจอ แต่หมวดชาติก็ยังไม่ลดละความพยายาม ต้องการจะจับเสือชุ่มให้ได้ จึงสั่งให้กำลังตำรวจและทหารตึงแนวชายแดนไว้ตลอดเวลา

กระทั่งผ่านไปได้อีก 1 สัปดาห์สายข่าวรายงานมาว่า เห็นเสือชุ่มไปกลบดานอยู่ที่กุฏิร้างท้ายวัด หมวดชาติจึงให้ลูกน้องไปสืบดู โดยไปถามเด็กวัดแถวนั้น เด็กวัดก็บอกว่ามีผู้ชายมาอาศัยอยู่ที่กฏิท้ายวัดจริง 

ช่วงค่ำหมวดชาติจึงนำกำลังไปปิดล้อมซุ่มดู โดยให้เด็กวัดไปชี้เป้า ซุ่มอยู่พักนึงจนเห็นว่ามีคนอยู่จริง ๆ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที 

“เสือชุ่ม ยอมมอบตัวซะ ขณะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมไว้หมดแล้ว” 

สิ้นคำพูด เสือชุ่ม เปิดประตูกุฏิวิ่งฝ่าดงตำรวจออกไปอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ เลย พอตำรวจตั้งหลักได้ก็วิ่งไล่ตามกันไป หมวดชาติวิ่งกับลูกน้องอีกคนนึงวิ่งตามเสือชุ่มไปแบบติด ๆ ห่างกันไม่น่าจะถึง 10 เมตร 

ทั้งสองวิ่งผ่านกุฏิพระ วิ่งขับตามกันมาจนถึงหน้าวัด ซึ่งเป็นลานโล่ง ๆ  ปรากฎว่า อยู่ดี ๆ เสือชุ่มมันหายวัปไปต่อหน้าต่อตาเฉยเลย หมวดชาติถึงกับอึ้ง ตกใจว่ามันคือคนหรือคือผีกันแน่สองครั้งสองคราแล้ว จับไม่ได้สักที

หมวดชาติจึงสั่งให้ลูกน้องกระจายกำลังกันค้นหาทุกซอกมุมของวัด แต่พยายามหาจนทั่วบริเวณก็ยังไม่พบตัว เสือชุ่ม จนเวลาล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน จึงคิดจะนำกำลังกลับไปตั้งหลักที่ สภ. ก่อน

ช่วงที่กำลังเดินผ่านใต้ถุนกุฏิพระ หมวดชาติได้ยินเสียงพูดว่า “มาจับโจรกันใช่ไหมโยม… อาตมาเห็นอยู่พักใหญ่แล้ว” หมวดชาติหันไปมอง เห็นเป็นพระสงค์รูปนึงยืนอยู่บนกุฏิ จึงตอบไปว่า “ครับ พวกผมมาจับโจร… แต่ผมตามจับมา 2 ครั้งแล้ว ยังจับไม่ได้เลย วิ่งตามมันมาจะถึงตัวอยู่แล้ว อยู่ดี ๆ มันก็หายไปเลย ผมละงง”

หลวงตาก็เลยบอกว่า “อ่อ อาตมาว่ามันน่าจะมีมนต์บังตานั่นแหละ มันเลยหายตัวได้” 

หมวดชาติถาม “ไอ้มนต์บังตาเนี่ย มันมีจริง ๆ หรอครับ”

หลวงตาบอก “มีจริง ๆ แต่มันไม่ใช่กิจของสงฆ์ อาตมายืนดูอยู่พักนึงแล้วแหละ จนแน่ใจว่า เขามีวิชาบังตาจริง ๆ ก็เลยกล้าที่จะพูด เอาอย่างนี้ไหม อาตมาจะช่วยโยมแล้วกัน โยมจงไปหาคนที่ชื่อ…ชา… บ้านอยู่ท้ายตลาด ติดริมแม่น้ำเลย เขาเป็นเพื่อนกับอาตมาเอง สมัยก่อนเขาก็บวชอยู่ที่นี่แหละ แต่เขาศึกษาเวทย์มนต์ คาถา ด้านนี้เยอะไป จนชาวบ้านชาวช่องมาหาที่วัดกันเยอะ อาตมาก็เลยบอกเขาไปว่า ถ้าบวชเป็นพระแล้วมาสอนวิชาพวกนี้ให้กับชาวบ้าน มันจะดูไม่ดีไม่งาม มันผิดวินัยสงฆ์ เขาก็เลยสึกลาสิกขาออกจากวัดไปอยู่บ้าน เขาน่าจะรู้เรื่องนี้ดี..” 

หมวดชาติจึงกราบลาหลวงตาพร้อมกับบอกว่า “ขอบคุณครับหลวงตา พรุ่งนี้ผมจะรีบไปหาแกเลยครับ”

รุ่งเช้าหมวดชาติก็ไปตามหาคนชื่อ ชา จากชาวบ้านแถวนั้น ปรากฎว่าพอเจอ ลุกชา หมวดชูชาตจำได้ทันทีเลยว่า คนชื่อ ชา เนี่ย เป็นคนเดียวกับคุณลุงคนที่ให้ท้าวเวสสุวรรณมาในครั้งก่อน เพราะท้าวเวสสุวรรณมาของคุณลุง หมวดชาติถึงยังมามีชีวิตรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น (เดี๋ยวจะมาเล่าตอนหน้า)

ซึ่งตอนเรื่องท้าวเวสสุวรรณนั้น หมวดชาติไม่ได้ถามชื่อแก สักแต่เรียกแค่ลุงๆ พอรู้ว่าคนชื่อ ชา เป็นคนคนเดียวกับคุณลุง หมวดชาติก็เลยก้มลงกราบแล้วบอกว่า “ตั้งแต่เหตุการร้าย ๆ ในครั้งนั้น ผมยังไม่มีโอกาศได้มากราบลุงเลย ถ้าไม่ได้ลุงชา…ผมคงตายไปแล้ว… เป็นเพราะลุงชาให้ท้าวเวสสุวรรณผมมา ผมถึงรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้” 

หมวดชาติเลยเล่าให้ลุงชาฟังว่า เหตุที่ผมต้องเดินทางมาหาลุง เพราะผมจับโจรคนนึงไม่ได้สักที มันชื่อเสือชุ่ม ว่ากันว่ามันมีมนต์บังตา ผมตามจับมันถึงสองครั้งสองครา แต่ก็คลาดกับมันตลอด จนได้เจอหลวงตา หลวงตาท่านก็แนะนำให้มาหาลุงชานี่แหละ…ผมเลยจะมาถามลุงว่า ไอ้วิชามนต์บังตาเนี่ย มันมีจริงไหม

ลุงชาก็เลยบอกว่า “วิชามนต์บังตาเนี่ยมันมีอยู่จริงอย่างที่หลวงพ่อท่านบอกนั่นแหละ ลุงศึกษาเรื่องพวกนี้มานานพอสมควร จนรู้ว่ามันใช้ได้จริง ทำของได้จริง ลุงเลิกยุ่งมานานแล้ว จะมีไว้ก็แค่เพื่อป้องกันตัว”

โจรเสือชุ่มผมก็เคยได้ยินชื่อมา แต่มันน่าจะถึงคราวของมันแล้วหล่ะ ของอย่างนี้มันต้องเล่นด้วยของต่ำ มันถึงจะหายกัน…ให้เอาลูกกระสุนปืนของหมวดไปคลุกกับผ้าอนามัยที่เปื้อนประจำเดือนของภรรยา…ใช้กี่นัดคลุกให้หมดเลย แล้วผมจะให้สิ่งหนึ่งติดตัวไปด้วย แต่หมวดจะต้องนำมาคืนผมนะ” 

หลังจากนั้นลุงชาก็ควัก ตะกรุด อันเท่าก้านไม้ขีดออกมา แล้วบอกว่า “ลุงรอดพ้นจากคาถามนต์ดำที่ใครทำใส่ก็เพราะตะกรุดอันนี้ เมื่อเสร็จเรื่องเสร็จราวแล้วก็ให้รีบนำมาคืนลุง เพราะตะกรุดแท่งนี้มันเลือกเจ้าของ เคยให้ไปหลายคนแล้ว  สุดท้ายก็เอามาคืนกันทุกคน

หมวดชาติก็ถามว่า “แล้วมันใช้อย่างไงครับลุง”

ลุงชาบอกว่า “เมื่อถึงเวลาให้อมตะกรุดไว้ใต้ลิ้น แล้วสิ่งที่มองไม่เห็นจะกลายเป็นเห็น…แต่อย่าไปทำเขาเสียชีวิตนะ…ให้ยิงเฉพาะตรงที่ควรจะยิง”

หมวดชาติก้มลงกราบลาลุงชา เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ทำตามที่คุณลุงแนะนำ นำกระสุนปืนทั้งหมดที่มีมาคลุกกับประจำเดือนของภรรยา 

ระหว่างนี้ก็ตามสืบข่าว เสือชุ่ม ไปด้วย จนกระทั่งสายข่าวรายงานมาว่า มีบุคคลต้องสงสัยก่อไฟอยู่ในป่าละเมาะแถวชายแดด หมวดชาติจึงพากำลังตำรวจ 10 กว่านาย เข้าไปปิดล้อมป่าละเมาะ ไปถึงก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างกองไฟอย่างสบายใจ ประจวบเหมาะกับคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ทำให้หมวดชาติเห็นใบหน้าของชายคนนั้นชัดเจน จนมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เสือชุ่มแน่ ๆ จึงตัดสินใจประกาศเข้าจับกลุ่ม…

“เสือชุ่ม!! คราวนี้แกไม่รอดแน่ ยอมให้จับซะดี ๆ”

แต่เสือชุ่มกับนั่งสูบบุหรี่แบบสบายใจเหมือนเดิม หมวดชาติจึงเล็งปืนไปที่เสือชุ่ม พร้อมหยิบตะกรุดขึ้นมาอมไว้ใต้ลิ้น หากมันขยับตัว หรือพยายามใช้วิชาอาคมใด ๆ จะยิงทันที  

หมวดชาติสั่งตำรวจทุกนายให้ค่อย ๆ ตำรวจค่อย ๆ ตีวงแคบเข้าไปเรื่อย ๆ จนจะถึงตัว ทันใดนั่น เสือชุ่มก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาตำรวจอีกแล้ว 

แต่เสือครั้งนี้ชุ่มหารู้ไม่ว่าหมวดชาติพกของดีมาด้วย หมวดชาติเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ทันที่ทีตำรวจล้อมเข้าไปจนจะถึงตัว เสือชุ่มก็วิ่งฝ่าวงล้อมตำรวจออกมาทันที โดยที่ไม่มีใครเห็น นอกจากหมวดชาติ!!

ครั้งนี้เสือชุ่มพุ่งตรงมาทางหมวดชาติ  หมวดชาติก็คิดว่าเสือชุ่มจะเข้ามาทำร้าย ก็เลยยิงไปที่ขาของเสือชุ่ม จนได้ยินเสียงร้อง “โอ๊ย…!!!” ดังลั่นป่า เสือชุ่มมนอนลงไปกองกับพื้นทันที 

เหล่าลูกน้องที่กำลังตีวงล้อมไปที่กองไฟไม่เจอใคร พอได้ยินเสียงปืน ต่างหันมามอง เห็นเสือชุ่มล้มลงอยู่ตรงหน้าหมวดชูชาตแล้วก็เกิดความมึนงง รีบเข้ามาทำการเข้าจับกุม 

เสือชุ่มไม่ได้ต่อสู้อะไร จึงจับกุมได้อย่างง่ายดาย ลูกน้องก็ต่างพากันงงมาก เพราะเมื่อกี้ยังเห็นเสือชุมอยู่ตรงกองไฟแว่บๆ แล้วอยู่ดีๆ ทำไมถึงออกมานอกวงล้อมได้…

หลังจับกุมเสือชุ่มได้แล้ว หมวดชาติก็พาเสือชุ่มไปรักษาที่โรงพยาบาล รักษาจนหายดีเป็นปกติ ก็นำมาคุมขังที่ไว้ สภ.ชั่วคราวก่อน เพื่อรอส่งตัวกลับไปที่ สภ. เจ้าของคดี 

ด้วยความสงสัยว่าสิ่งที่ตนได้พบเจอนั้นอยู่มันจริงหรือมันหลอก หมวดชาติก็เลยได้ไปถามเสือชุ่มเป็นว่ามีมนต์บังตาจริงๆใช่ไหม

เสือซุ่มก็เลยบอกว่า “หมวดเอาลูกกระสุนปืนอะไรมายิงผม เพราะไม่เคยไมีใครยิงผมโดนได้” หมวดชาติก็เลยถึงบางอ้อว่า สิ่งที่ลุงชาพูดมันเป็นเรื่องจริง วิชามนต์บังตามันมีอยู่จริง

หลังจากจบเรื่องราว หมวดชาติก็ได้นำตะกรุดไปคืนกับลุงชาติ และได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์เพื่อศึกษาวิชากันคุณลุง…

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเนตร ธนัชพงศ์ ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง มนต์บังตา

***บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือเล่าลงพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด ***

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here