เช้าวันหนึ่งตอนที่ขมกำลังขึ้นมาที่ห้องบัญชีเพื่อเริ่มงานอยู่นั้น ในจังหวะที่กำลังเปิดประตูเข้ามานั้น ขมเห็นเหมือนเงาผู้ชายกำลังยืนจ้องหน้าพี่แอนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ข้างๆ แวบแรกขมตกใจมากจนเกือบร้องทัก แต่ยังดีที่ตั้งสติไว้ได้ พอหันกลับไปดูอีกทีเงานั้นก็หายไปแล้ว
พี่แอนเงยหน้าขึ้นมามองขมพลางทักทายและถามว่า “มีอะไรรึป่าวขม” ขมเลยเฉไฉไปว่า “วันนี้พี่แอนมาทำงานเช้าจัง” พี่แอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกว่า “ก็ปกติของพี่นะ” ขมยิ้มแห้งๆ ให้ก่อนจะรีบเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมเริ่มงาน
ในระหว่างที่รอคอมพิวเตอร์เปิดอยู่นั้น ด้วยความที่ยังติดใจ ขมเลยแอบหันไปมองพี่แอนอีกครั้งเพราะขมจำได้แม่นเลยว่า เงาที่ยืนจ้องหน้าพี่แอนคือเงาเดียวกันกับที่ขมเห็นยืนเฝ้าหน้ากล่องกระดาษวันนั้น แล้วทำไมเงานั้นถึงมายืนจ้องหน้าพี่แอน…?
พี่แอนเหมือนรู้สึกว่าขมแอบมองเป็นระยะ เลยอดที่จะถามไม่ได้
“ขมมีอะไรจะถามพี่รึป่าว”
ขมที่พอถูกถามแบบนี้ก็ทำตัวไม่ค่อยถูก จะบอกพี่แอนไปตรงๆ ว่าเห็นเป็นเงาผู้ชายยืนจ้องหน้าอยู่ก็ใช่เรื่อง พี่แอนคงได้แจกบทด่าให้เป็นชุด เพราะส่วนตัวแล้วพี่แอนเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ที่สุด ใครมาเล่ามาอะไรให้แกฟัง แกจะเดินหนีทันที โชคดีที่พี่ยาเปิดประตูเข้ามาพอดี ขมเลยเนียนสวัสดีพี่ยาไปก่อน
ซึ่งพี่ยาพอมาถึงก็ชวนพี่แอนคุยเรื่องรถทันที พี่แอนเลยลืมเรื่องที่พูดค้างกับขมอยู่ไป รถที่พี่แอนซื้อต่อจากลูกค้าไปนั้น พี่แอนตั้งใจซื้อให้ลูกสาว เพราะตัวลูกสาวพี่แอนนั้นอยากได้รถรุ่นนี้มานานแล้ว โดยทันทีที่ได้รถมานั้น ลูกสาวพี่แอนก็ตั้งใจว่าจะขับไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟน ซึ่งพี่แอนก็พูดคุยรายละเอียดการเที่ยวของลูกสาวให้พี่ยาฟัง
ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ ที่ขมเดินเปิดประตูเข้าห้องบัญชีมา หรือจะช่วงตอนที่พี่แอนอยู่คนเดียวนั้น ขมมักจะเห็นเป็นเงาผู้ชายคนเดิมยืนจ้องหน้าพี่แอนอยู่บ่อยๆ เงานั้นไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนจ้องหน้าอย่างเดียว จนนานไปๆ ขมก็เริ่มสงสัย
ขมคิดเอาเองว่าคงตามมาเพราะว่าพี่แอนเป็นคนซื้อรถแน่ๆ แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลอีก เพราะแม้ว่าพี่แอนจะเป็นคนซื้อ แต่คนเอาไปใช้คือลูกสาวพี่แอน ไม่ใช่ตัวพี่แอนเอง จะว่าตามเพราะซื้อของใช้วันนั้นก็ไม่น่าจะมาตามแต่พี่แอน เพราะวันนั้นพนักงานหลายคนรวมถึงพี่ยาเองก็ซื้อไป เพราะงั้นแล้ว ทำไมถึงเป็นพี่แอน…?
เช้าวันถัดมา สีหน้าพี่แอนดูซีดเซียวเหมือนคนไม่ค่อยมีแรง ด้วยความเป็นห่วง ขมเลยเดินไปถามว่า “พี่แอนไหวมั้ยคะ” พี่แอนพอได้ยินเสียงขมก็มีอาการผวาเล็กน้อย แต่พอมองดีๆ แล้วเห็นว่าเป็นขมก็พยักหน้าแล้วตอบว่า “ไหวๆ เมื่อคืนแค่นอนไม่ค่อยหลับเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก”
ขมเห็นพี่แอนไม่ค่อยอยากพูดอะไรมาก เลยพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะคะ” ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
วันนี้ขมรู้มาว่าพี่แอนมีไปงานข้างนอก ขมรอจนพี่แอนออกไป ก็ตัดสินใจถามว่าจะถามพี่ยา โดยเริ่มต้นด้วยการชวนพี่ยาคุยเรื่องทั่วๆ ไปก่อนจะวนกลับมาถามเรื่องของว่าตั้งแต่ซื้อของมามีอะไรแปลกๆ บ้างมั้ย ซึ่งเหมือนพี่ยาก็รอให้ขมถามแบบนี้อยู่แล้ว เพราะคำแรกที่พี่ยาตอบ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ขมถามเลย
“พี่แอนใช่มั้ย” ขมมองหน้าพี่ยาแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที พลางรีบพยักหน้ารับ
พี่ยาขยับเดินมานั่งใกล้ๆ ขมก่อนจะเริ่มเล่าให้ขมฟังว่า พี่ยาเองก็เห็นเหมือนที่ขมเห็น และเริ่มเห็นมาตั้งแต่วันที่พวกพี่ๆ เริ่มซื้อของ และตัวพี่ยาเองก็สงสัยเหมือนกับขมเช่นกันว่าทำไมเงานี้ถึงได้ตามแต่พี่แอน
ซึ่งพอได้ฟังพี่ยาเล่าแบบนี้ ขมก็เริ่มเล่าย้อนไปในวันแรกๆ ที่เห็นและเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับกลิ่นน้ำมันในวันที่เอารถไปเช็คสภาพ พูดกันได้ไม่เท่าไหร่ ตรงบันไดก็เกิดเสียงดังโครมขึ้นมา ทั้งขมและพี่ยาตกใจเลยรีบวิ่งไปดู ปรากฏว่าเป็นพี่แอนตกบันได!!
ขมและพี่ยารีบเรียกพนักงานคนอื่นๆ มาช่วย เพราะดูจากอาการของพี่แอนแล้วน่าจะหนัก ที่หัวมีเลือดไหลออกมาและในตอนนี้ตัวพี่แอนก็หมดสติไปแล้วเรียบร้อย ทั้งขมและพี่ยารีบนำตัวพี่แอนไปส่งโรงพยาบาลทันที
ในวันเดียวกันนั้นเองก็เกิดเรื่องขึ้นกับลูกสาวของพี่แอน ในระหว่างที่กำลังขับรถคันที่เพิ่งซื้อนั้นก็รถเกิดติดไฟจนลุกไหม้ทั้งคัน!! โชคยังดีที่ลูกสาวพี่แอนและแฟนหนุ่มโดดออกมาจากรถทัน เลยไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก ตอนพี่แอนฟื้นขึ้นมาแล้วได้ข่าว พี่แอนเกือบหมดสติไปอีกรอบ แต่เพราะว่าลูกสาวโทรมาปลอบใจพอดี พี่แอนเลยไม่เป็นอะไร
หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปสักพัก ไม่รู้ว่าพี่ยาถามพี่แอนยังไง พี่แอนถึงยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง โดยจุดเริ่มต้นของเรื่อง เริ่มจากวันที่เจ้านายขึ้นมาเรียกให้ไปช่วยขนของนั้นเอง…
วันนั้นระหว่างที่ทุกคนกำลังยุ่งๆ กันอยู่นั้น พี่แอนเห็นนาฬิกาเรือนนึงของลูกค้าแล้วอยากได้ พยายามต่อรองขอซื้อในราคาที่ถูกกว่าราคาตลาดมากๆ แต่เพราะทางพ่อแม่ของลูกค้าแจ้งกับเจ้านายมาชัดเจนแล้วว่าพวกนาฬิกาและเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ ที่มีมูลค่า ขอให้ส่งกลับคืนมา เพราะตัวลูกชายนั้นชอบสะสมของพวกนี้ ถือเป็นของรักของหวงก็ว่าได้ เจ้านายเลยปฏิเสธกับพี่แอนอย่างชัดเจนว่าของพวกนี้ไม่ขาย ถ้าพี่แอนอยากได้จริงๆ ก็แนะนำว่าควรไปหาซื้อตามเคาท์เตอร์แบรนด์นาฬิกานี้
ซึ่งพี่แอนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าตอนนั้นเป็นอะไรไป ตามปกติคงตัดใจไปแล้ว แต่พอยิ่งเห็นยิ่งมองดูก็ยิ่งมีความรู้สึกอยากได้ เลยแอบหยิบนาฬิกามารวมกับพวกของใช้ชิ้นอื่นๆ แล้วเนียนจ่ายเงินให้กับเจ้านายตามราคาที่ตัวเองเสนอ ซึ่งช่วงนั้นน่าจะวุ่นวายเอามากๆ เจ้านายเลยไม่ได้เอะใจกับจำนวนเงินที่พี่แอนจ่ายมาเกิน
นั้นเลยเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมขมและพี่ยาถึงเริ่มเห็นเงานั้นกัน เพราะเหมือนพี่แอนเอาของที่เจ้าของเขาไม่อนุญาต มาเป็นของตัวเอง เขาเลยอาฆาต
ซึ่งพี่แอนก็ยังเล่าให้ฟังอีกว่าตั้งแต่วันนั้นมา พี่แอนมักจะตื่นกลางดึกเพราะฝันประหลาด เห็นเป็นชายต่างชาติมาชี้นิ้วด่า โดยแฟนของพี่แอนเล่าให้ฟังว่า ช่วงนั้นมักจะได้ยินพี่แอนละเมอเหมือนคุยกับใครเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะลุกขึ้นตื่นด้วยอาการหวาดผวาทุกคืน
และในวันที่พี่แอนตกบันได ตอนที่เดินลงมาชั้นสอง พี่แอนเหมือนได้ยินเสียงคนวิ่งลงบันไดมา ตอนนั้นมั่วแต่คุยโทรศัพท์กับลูกค้าอยู่ เลยไม่ได้หันหลังกลับไปดู ทำแค่เดินหลบข้างให้ เพราะคิดว่าคงเป็นขมหรือพี่ยาที่รีบลงไปเจอลูกค้าด้านล่าง
แต่พอเสียงวิ่งนั้นดังประชิดหลัง เสียงวิ่งกลับหายไปเฉยๆ ด้วยความสงสัยพี่แอนเลยลองหันกลับไปดู ภาพที่เห็นคือเป็นชายชาวต่างชาติที่พี่แอนมักจะฝันเห็นบ่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาตะโกนใส่ว่า
“Mine!!!”
พี่แอนสะดุ้งตกใจมากจนลืมไปว่ากำลังยืนอยู่บนบันได เผลอก้าวถอยหลังจนตกบันได แน่นอนว่าพอเกิดเรื่อง พี่แอนก็ขอโทษเจ้านายและพ่อแม่ของลูกค้า พร้อมกับส่งคืนนาฬิกาเรือนนั้นกลับคืนไป…
และเหมือนว่าเรื่องจะยังไม่จบแค่เพียงเท่านี้ เพราะวันที่เกิดเรื่องกับพี่แอน ช่วงก่อนกลับพี่ยามีโอกาสได้พูดคุยกับลูกสาวพี่แอนที่เดินทางมานอนเฝ้าพี่แอนอยู่พอดี เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่รถไฟไหม้ ซึ่งตัวลูกสาวพี่แอนก็เล่าให้ฟังว่า …
คืนก่อนที่จะออกเดินทางก็ฝันแปลกๆ อยู่เหมือนกัน ในฝันนั้นเห็นตัวเองกำลังขับรถคันที่เกิดเรื่องอยู่ แล้วเห็นเป็นชายชาวต่างชาติยืนชี้นิ้วอยู่หน้ารถ ลูกสาวพี่แอนเลยตกใจตื่น พอเล่าให้แฟนฟัง แฟนก็ปลอบและบอกแค่ว่าก็แค่ความฝัน ไม่มีอะไรมากหรอก ตัวลูกสาวพี่แอนก็เลยไม่คิดอะไรมาก
จนกระทั่งเริ่มเดินทาง ในระหว่างที่ขับรถตามทางไปเรื่อยๆ นั้น ลูกสาวพี่แอนก็เริ่มได้กลิ่นน้ำมันแรงขึ้น และในตอนที่สังเกตเห็นว่าที่หน้ากระโปรงรถนั้นเริ่มติดไฟ ช่วงที่ชุลมุนตั้งสติอะไรไม่ถูก ลูกสาวพี่แอนบอกว่าได้ยินเหมือนเสียงตะคอกที่ข้างหูว่า
“GET OUT!!!!!”
เท่านั้นแหละ ลูกสาวพี่แอนเลยรีบบอกแฟนให้รีบกระโดดลงจากรถ ไม่สนใจที่จะหยิบข้าวของอะไรออกมาด้วย
ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะทันทีที่ลงมาจากรถได้นั้น ไฟก็ลุกลามไปทั้งคันทันที ลูกสาวพี่แอนมองภาพรถไฟลุกทั้งคันตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ขนลุกไปทั่วร่าง ไม่อยากจะคิดเลยว่า หากตัดสินใจกระโดดลงมาช้ากว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น…และนี่คือเรื่องงราวทั้งหมด