เมื่อตอนสมัยเด็ก ๆ ผมเคยเป็นเด็กวัด ซึ่งการที่เราเป็นเด็กวัดนั้น แน่นอนเราก็ต้องช่วยงานหลาย ๆ อย่างให้กับทางวัด แล้วมีอยู่คืนหนึ่ง เวลาประมาณ 2 – 3 ทุ่มน่าจะได้ หลวงพี่ได้ใช้ให้ผมเดินไปเอาบาตรที่ศาลาวัด เพื่อจะที่จะนำมาล้าง ซึ่งศาลานี้ก็อยู่ห่างจากกุฏิของหลวงพี่ประมาณ 100 เมตร
ลองนึกภาพตามกันดูนะครับ เป็นภาพของวัดที่อยู่ในชนบท ห่างไกลความเจริญ ในจังหวัดสุรินทร์ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ บริเวณโดยรอบ และท่ามกลางความมืดนี้…ก็เต็มไปด้วยเสียงจิ้งหรีดร้องกันดังระงมไปทั่ว อีกทั้งด้านข้างศาลานั้น ก็ยังเป็นป่าช้ามืด ๆ บรึ๋ย…กลัวนะครับ แต่ก็ต้องไป
เข้าเรื่องกันดีกว่า และในขณะที่ผมกำลังเดินไปที่ศาลาเพื่อจะเอาบาตรมาให้หลวงพี่นั้น จู่ ๆ ก็มีแมวดำตัวใหญ่วิ่งตัดหน้าผมไป ถามว่าตกใจมั้ย…ตกใจนะครับ แต่ด้วยความที่ยังเด็กก็ยังไม่คิดอะไรมาก
จนเมื่อเดินมาถึงศาลา ก็เข้าเปิดไฟ แล้วเดินไปเอาบาตรของหลวงพี่ซึ่งวางอยู่ด้านใน เมื่อหยิบเสร็จก็เดินออกมา
และในขณะที่กำลังจะปิดไฟศาลาเพื่อเดินกลับนั้น ผมรู้สึกได้กลิ่นกลิ่นหนึ่ง ซึ่งมันเหม็นมาก…จนผมต้องเอามือปิดจมูกไว้ มันเหม็นเหมือนกลิ่นศพที่ถูกทิ้งไว้นานจนขึ้นอืดเลยครับ
ทำไมผมถึงมั่นใจว่าเป็นกลิ่นศพน่ะเหรอ ก็เพราะผมเคยเข้าไปเวลาที่เขามีพิธีล้างป่าช้า ศพที่ตายโหง เขาก็จะขุดขึ้นมา แล้วกลิ่นก็จะเหม็นเน่า
พอปิดไฟเสร็จ…ก็รีบเดินออกมา เพื่อที่จะเอาบาตรไปล้างที่ด้านข้างกุฏิ ในขณะที่เดินอยู่นั้น ผมรู้สึกว่าบาตรที่ผมอุ้มอยู่นั้น มันเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทีนี้ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีละ จึงตัดสินใจวางบาตรลงที่พื้น แล้วก็รีบวิ่งไป ยืนตั้งสติที่หน้ากุฏิ
ครั้นจะเข้าไปบอกหลวงพี่ก็กลัวจะโดนดุเอา…พอตั้งสติได้จึงตัดสินใจรีบวิ่งกลับไปอีกรอบ พออุ้มบาตรขึ้นมาได้แล้ว…ก็รีบวิ่งหน้าตั้งกลับไปยังกุฏิ
แต่ทันใดนั้นเอง แมวเจ้ากรรมตัวเดิม ก็ดันวิ่งมาตัดหน้าผมอีกรอบ แต่คราวนี้มันทำให้ผมเสียหลักล้มลงจนลงไปกองอยู่กับพื้น
ตอนนั้นสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวละ “แค่ไปเอาบาตรให้หลวงพี่ ทำไมมันรู้สึกว่ายากเย็นเหลือเกิน” จากนั้นผมก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แล้วอุ้มบาตรวิ่งหน้าตั้งต่อไป
เมื่อมาถึงข้างกุฏิ ก็ก้มหน้าก้มตารีบล้างบาตรอย่างลุกลี้ลุกลน สักพัก… ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว คือเย็นแบบขนลุก ทั้งที่อากาศในช่วงนั้นมันก็ร้อนอบอ้าว
และในขณะที่รีบล้างบาตรอยู่นั้น จู่ ๆ ผมก็ได้ยินเสียงวี๊ด… ดังขึ้นมาทางด้านหลัง เท่านั้นแหละครับ พอผมหันไป ก็เห็นเป็นเงาเหมือนผู้ชาย ร่างสูง…มาก สักประมาณ 10 เมตรน่าจะได้ กำลังยืนจ้องมาที่ผม สิ่งเดียวที่ผมรู้ในตอนนั้นคือ โดนเข้าแล้ว ผมได้แต่ยืนช็อค ตาเบิกกว้าง ยืนสั่นไปทั้งตัว จะวิ่งมันก็วิ่งไม่ได้ และด้วยความช็อคมันคงทำให้ผมหมดสติลง เพราะผมมารู้สึกตัวอีกทีตอนสายๆของอีกวัน
พอลืมตาขึ้นมาก็เจอคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน และพระในวัดมาห้อมล้อมรอบตัวผมเต็มไปหมด หลังจากผมได้สติฟื้นขึ้นมา เขาก็ได้พาผมไปทำพิธีเรียกขวัญกลับมา เสร็จสิ้นพิธี…หลวงพี่เลยถามว่า “เมื่อคืนไปนอนทำไมที่ข้างศาลา ตามหาตั้งนาน ปลุกก็ไม่ตื่น”
งงไหมครับกับคำถามของหลวงพี่ ?