ในใจก็คิดว่าถ้ากลับไปเอาอีกกล่องตอนนี้ก็คงจะกลับมาไม่ทันแน่ “อีออมด่ากูแน่” แล้วพวกหลีดที่ทำผมเสร็จแล้ว ก็มารอแต่งหน้ากันแล้วด้วย จนมีเด็กอีกคนนึงถามว่า “อาจารย์จะแต่งหน้าได้หรือยังคะ” ผมก็เลยบอกไปว่า “จ้า ๆ นั่งรอไปก่อนนะ”
ผมหยิบกล่องเครื่องสำอางขึ้นมาวาง นั่งทำใจอยู่พักนึง จะเอายังไงดีวะ แล้วเด็กคนเดิมก็ถามอีกว่า “อาจารย์ทำไมต้องเอาเชือกมัดกล่องไว้ด้วยล่ะ” ผมก็เลยตอบไปว่า “กล่องมันเก่าแล้ว ตัวล็อคมันไม่ค่อยดี เดี๋ยวฝามันเปิด แล้วเครื่องสำอางพังหมด อาจารย์ก็เลยต้องเอาเชือกมัดไว้”
“เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ช่างแม่งมันเถอะวะ ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยใช้เลย งานนี้เป็นงานแรกแล้วกัน”
ผมใช้มีดตัดสายสินออก จากนั้นก็ใส่รหัสเพื่อเปิดกล่อง ปรากฏว่าตัวล็อคมันฝืดมาก กว่าจะเปิดได้ใช้เวลาอยู่ครู่นึง แต่พอเปิดกล่องออกมาได้ เครื่องสำอางทุกอันมันยังดูใหม่มากกก
พอพวกเด็กๆเห็น ต่างก็บอกว่า “โอ้โหอาจารย์ เครื่องสําอางดี ๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ หน้าละ 500 บาท จะคุ้มไหมเนี่ย”
“เออน่ะ อยากได้แบบไหน สไตล์ไหน บอกมาเลย เดี๋ยวอาจารย์จัดให้”
“แต่งเป็นผีซอมบี้ค่ะอาจารย์”
ด้วยความที่ธีมของงานเป็นธีมซอมบี้ ใส่ชุดนักศึกษาผู้หญิงผู้ชาย การแต่งหน้าจึงไม่ต้องพิถีพิถัน แต่งแบบเละ ๆ เบ้าตาสีดำ มีปากเป็นเลือด เอากระดาษทิชชูมาเป็นทำแผล แล้วเอาเลือดปลอมมาลาด งานนี้หวานหมูเลย หน้าละ 500 แต่งแค่แป๊บเดียวก็เสร็จ
จนมาถึงช่วงประกาศผลการแข่งขัน ปรากฏว่าทีมหลีดที่ผมแต่งหน้าให้ได้ที่รางวัลที่ 1 กองเชียร์กับหลีด ดีใจกันมาก
มันก็ไม่มีอะไรนี่หว่า… ผมรู้สึกโล่งอกที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยนึกย้อนไปถึงตอนนั้น ว่าสงสัยจะตาฝาดหรือคิดมากไปเองหรือเปล่า
หลังจากเสร็จงานผมก็ไปถามอ้อมเรื่องเงิน “ออม ค่าจ้างอาจารย์ล่ะ” ออมก็ยื่นเงินมาให้ “นี่ค่ะอาจารย์” พอรับเงินมาผมก็นับดูว่าครบหรือเปล่า ปรากฏว่ามันขาดไป 500 บาท ก็เลยถามออมไป…
“อีออม แล้วอีก 500 ล่ะ”
“ขาด 500 อะไรอาจารย์ หนูให้ไปพอดีนะ คนละ 500 บาท 15 คน ก็ 7,500 ไง”
“7,500 ที่ไหนอีออม กูแต่ง 16 คน ต้อง 8,000 สิ”
“16 ที่ไหนอาจารย์ 15 คน”
ออมเถียงกลับมา พร้อมกับยื่นรูปหมู่ของหลีดที่ถ่ายไปไว้ให้ผมดู ผมก็เลยลองนับดู ปรากฏว่าเด็กในรูปมีทั้งหมด 16 คนจริง ๆ
“อีออมนี่ไง 16 คน”
“จะ 16 ได้ไงอาจารย์ หลีดหนูมี 15 คน หนูสอนอยู่ทุกวัน เด็กมี 15 คนจริงๆอาจารย์”
“งั้นมึงก็ลองนับรูปดูเองสิ”
ออมเริ่มนับคนในรูป แต่ไม่ว่าจะนับกี่รอบกี่รอบ ก็นับได้ 16 คน ซึ่งออมก็ไม่รู้ว่าคนที่เกินมานั้นเป็นใคร เพราะทุกคนหน้าเละเหมือนกันหมด จนแยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร ออมก็เลยต้องจำใจจ่ายค่าจ้าง 16 คนให้ผม
ผมกลับมาใช้ชีวิตและสอนเด็กนักเรียนตามปกติ กระทั่ง 2 อาทิตย์ผ่านไป ออมโทรมาบอกผมว่า
“อาจารย์ ทีมหลีดของหนูเป็นตัวแทนไปโรงเรียนไปแข่งนะ เพราะทีมของหนูได้ที่ 1 ตอนเย็นอาจารย์ว่างไหมคะ อาจารย์มาช่วยซ้อมหน่อยสิ มานั่งดูเฉยๆก็ได้ ไปให้กำลังใจเด็ก ๆ มัน”
ตอนนั้นผมคิดถึงแต่เรื่องเงิน ถ้าครั้งหน้าทีมของออมได้ไปแข่งอีก ผมจะได้ค่าจ้างไปในตัวด้วย ผมก็เลยตกลงไป คิดว่าไปนั่งให้กำลังใจแล้วก็ไปสอนท่าเต้นให้ด้วย
ผมนั่งดูพวกเด็กซ้อมอยู่ จนมาถึงเพลงหนึ่ง ชื่อเพลง เจ้านกน้อย
“เจ้านกน้อยคล้อยบินสู่เวหา เจ้าถลาเล่นลมชมฤดี
บินบินถลาถลาเล่นลม บินล่องบินลอย”
พอถึงท่อน บินถลาถลาเล่นลม บินล่องบินลอย ออมได้ไปนำไม้ไผ่ท่อนใหญ่ ที่ตัดไว้ยาวมาก มาให้ผู้ชาย 3 คน โดยให้ทั้ง 3 ยืนแบกอยู่ตรงกลางไม้ไผ่ จากนั้นก็ยกไม้ไผ่ลอยขึ้นเหนือไหลขนานกันทั้งสองข้าง แล้วเริ่มหมุนเป็นวงกลม ระหว่างนั้นออมก็ให้ผู้หญิง 8 คน วิ่งตามไปด้วย จนความเร็วได้ที ก็ให้หญิงเกาะที่ปลายไม้ไผ่ ฝั่งละ 4 คน
ด้วยแรงเหวี่ยงทำให้หลีดที่เกาะปลายไม้ไผ่ทั้งสองข้างเริ่มลอยขึ้นจากพื้น ในจังหวะนั้นเอง หลีดที่อยู่ริมสุดคนนึงไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆก็ปล่อยมือออกข้างหนึ่ง ทำให้ตกลงมาหัวฟาดกับพื้น จนสลบหมดสติไปเลย
ทุกคนก็ตกใจร้องเรียกครูธรณ์ๆ ผมรีบโทรเรียกรถพยาบาล เมื่อรถมาถึงก็รีบนำตัวเด็กส่งโรงพยาบาลทันที สรุปเด็ก กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนทางโรงเรียนจะสั่งยุบทีม ไม่ให้ไปแข่งแล้ว แต่ออมก็ได้เข้าไปขอร้องกับอาจารย์
“อาจารย์ หนูลงทุนไปเยอะแล้วนะ หนูขอเถอะ เดี๋ยวหนูจะตัดท่านี้ออกและเปลี่ยนท่าใหม่ ”
“โอเค อย่าให้มีปัญหาอะไรอีกนะ ถ้ามีปัญหาอีกอาจารย์จะสั่งยุบทีมนะ” อาจารย์บอก
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป ออมและทีมหลีดก็กลับมาซ้อมกันต่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง ออมโทรมาบอกผมว่า น้อง เอ และน้อง บี ที่เป็นผู้ชายและเป็นคู่จิ้นกัน ทั้งคู่ไปแอบคบกันตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วเหมือนว่าครอบครัวของ น้องเอ ทราบว่าทั้งสองคบกัน
ความที่ครอบครัวของเอเป็นคนจีน ตามความเชื่อของคนจีน คือมีลูกชายไว้สืบสกุล พอครอบครัวจับได้ว่าเอคบกับบี จึงสั่งห้าม ด้วยความที่เอน้อยใจ ทั้งสองคนก็เลยตัดสินใจโดดตึกฆ่าตัวตาย!!
หลังจากเหตุการณ์นี้ ทำให้โรงเรียนยุบทีมลีกของออมทันที ไม่ส่งไปแข่งแล้ว อีกทั้งตัวออมเองก็ไม่ไหวที่จะต้องไปหาเด็กมาแทน อยู่เรื่อยๆ ดูแล้วน่าจะไม่ทันเวลาแข่ง จึงขอเลิกทำทีมเหมือนกัน
หลังจากเลิกทำทีม ออมคิดว่าเรื่องจะจบแค่นี้ แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังตามเก็บคนในทีมทีละคน!!
ช่วงเย็นวันนั้น หลังเลิกงาน ออมออกมายืนรอรถเมล์เพื่อกลับบ้าน เมื่อรถเมล์มาจอดป้าย ออมกำลังจะก้าวขาขึ้นรถเมล์ แต่กระเป๋ารถเมล์จะไม่เห็นออม ก็เลยบอกให้คนขับออกรถเลย ทำให้ประตูอัตโนมัติรถเมล์หนีบขาออมข้างหนึ่ง โชคดีที่ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ใกล้ประตูเห็นเหตุการณ์พอดี จึงตะโกนบอกให้คนขับว่าอย่าพึ่งไป มีคนโดนประตูรถหนีบขาอยู่
ออมบอกกับผมว่า ตอนนั้นไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่หรอก แต่คนบนรถหัวเราะหนูก็หมดเลย หนูอายมากเลยค่ะ
“แล้วอาจารย์ เจออะไรบ้างไหม” ออมถามผม
“ไม่นะ อาจารย์ไม่เจออะไรเลย”
“อาจารย์ ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ไม่รู้ หนูไม่ไหวแล้วอาจารย์ มันมาตามราวีหนู เด็กหนู เด็กๆมาเล่าให้หนูฟังว่า ทุกคนที่อยู่ในทีมโดนตามหลอกหลอนกันหมดเลย เป็นผีผู้หญิง บางคนก็มาเข้าฝัน บางคนก็มาปรากฏตัวให้เห็นว่าอยู่ตรงนั้น ตรงนี้”
ออมถามผมต่อว่า “อาจารย์ หนูถามหน่อยเถอะ วันนั้นอาจารย์เอาเครื่องแต่งหน้าอะไรมาแต่งหน้าให้เด็ก ๆ หนู”
ผมคิดในใจ (เอาแล้วไง) ก่อนจะตอบไปว่า “อาจารย์ก็เอาเครื่องแต่งหน้าที่อาจารย์ใช้อยู่ทุกวันมาแต่งให้นั่นแหละ”
“อาจารย์ไม่ต้องมาแอ๊บแอ้ หนูรู้ อาจารย์บอกมาตรงๆเถอะ เครื่องสำอางมันก็ยังดูดีอยู่หรอก แต่กล่องมันแปลกๆนะ หนูดูก็รู้แล้วว่าเป็นเครื่องแต่งหน้าตามกองถ่าย แต่หนูแค่ไม่พูดอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก มันก็กล่องเครื่องสำอางธรรมดานี่แหละ ถ้ามันจะมีอะไรมันก็มีตั้งแต่ตอนอยู่กับกูแล้ว กูไปแต่งคนอื่นก็ไม่เห็นมีอะไรนี่”
“จริงนะอาจารย์ แน่นะ”
“เออ จริงงงง”
พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็วางกล่องเครื่องสำอาง แล้วนั่งจ้องมองมันอยู่พักนึง ก่อนจะคิดในใจ มึงอย่าแหวกกล่องออกมาอีกล่ะ… แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องรีบไปหาพี่แจ๊ค
ผมขับรถไปหาพี่แจ๊คพร้อมกับพี่เก่ง ไปถึงก็นั่งคุยกันอยู่พักนึง จนผมเผลอหลุดปากออกไปถึงเรื่องกล่องเครื่องสำอางในวันนั้น พี่แจ็คก็เลยบอกว่า
“กล่องเครื่องสำอางใช่ไหม ที่อยู่วัดนี้ใช่ไหม เป็นกล่องสีเงินๆใช่ไหม”
“ใช่ครับพี่ พี่รู้ได้ไง”
“ก็พี่ไปเห็นมา ก่อนหน้าที่แกจะไปซื้อมานั่นแหละ พี่จำได้เลยแต่พี่ไม่ได้ซื้อมา”
“อ้าวพี่ ตกลงมันมีอะไรอ่ะ”
“แกรู้ไหม ว่าคนที่มาบริจาคกล่องเนี่ย เขาเป็นช่างแต่งหน้าศพนะ ส่วนกล่องเครื่องสำอางกล่องนี้เขายังไม่ได้ใช้เลยสักครั้ง เพราะเขาดันโดนรถชนตายก่อนเสีย และด้วยความที่เขาหวงของของเขา วิญญาณเขาเลยยังไม่ไปไหน ยังคงสิงสถิตอยู่ในกล่องในนั้น”
“แล้วพี่แจ๊คไปรู้จักเขาได้ไง”
“กูจะไม่รู้จักได้อย่างไรอ่ะ ก็กูอยู่ในวงการนี้ เขาเล่นโขนด้วย เมื่อก่อนพี่คนนี้เขาเป็นจิตอาสา ซึ่งทำงานให้กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วแกมีหน้าที่คอยแต่งหน้าให้ศพ
เครื่องสำอางกล่องนี้เขาได้มาจากสปอนเซอร์ ที่นำมาบริจาคให้เพื่อใช้ในการแต่งหน้าศพ ซึ่งก็จะมีคนเอามาให้แกได้เรื่อยๆ มีแต่ของดีๆทั้งนั้นเลย
คืนนั้นแกตั้งใจว่าจะนำกล่องใบนี้ไปใช้ทำงาน ก็เดินถือไปที่โรงพยาบาลตามปกติ แต่ระหว่างที่กำลังเดินข้ามถนน มีรถมอเตอร์ไซค์ ขับมาด้วยความเร็ว ไม่รู้จะรีบไปไหน ชนพี่แกเต็ม ๆ ร่างกระเด็นไปไกล จนเสียชีวิตคาที่ พร้อมกับกล่องที่อยู่ในมือ แต่แปลกอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือมือแกยังกำกล่องใบนี้ไว้แน่น แถมกล่องใบนี้ยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีริ้วรอยขีดข่วนอะไรเลย
อย่างที่ผมคิดในตอนแรกไม่มีผิด กล่องใบนี้เป็นกล่องแต่งหน้าศพจริง ๆ ด้วย แต่ที่ผิดคลาดไปคือ มันเป็นกล่องแต่งหน้าศพของคนตายที่ยังไม่ได้ใช้งานเลย!!!
ผมก็เลยถามพี่แจ็คกว่า “ผมจะต้องทำยังไง เพราะตอนนี้มันเกิดเหตุการณ์แปลกๆกับลูกศิษย์ที่ผมไปสอนและแต่งหน้าให้ โดยใช้เครื่องสำอางจากกล่องใบนี้ ตอนนี้ทุกคนโดนหลอกโดนหลอน และมีคนตายถึง 2 คน ส่วนอีกหนึ่งคนก็ยังไม่ได้สติ นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล”
พี่แจ็คบอก “เอาอย่างนี้ มึงพอจะรวบรวมลูกศิษย์มึงให้มาหากูที่บ้านได้ไหมละ ผมก็เลยโทรไปถามออมว่ามีรถกระบะไหม ซึ่งออมมีรถกระบะอยู่คันนึงที่คอยพาหลีดไปแข่งตามที่ต่างๆ ออมก็เลยพาเด็กๆที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นทั้งหมดขึ้นกระบะมาที่บ้านของพี่แจ็ค
พอมาถึง พี่แจ็คก็บอกว่า เหมือนกับว่ามึงมีของของมึงอยู่ แล้วมีคนเอาของของมึงไปใช้ เป็นมึง มึงจะพอใจไหมล่ะ เขาก็โกรธน่ะสิ แต่มันก็มีวิธีการแก้อาถรรพ์อยู่…
พี่แจ๊คให้จุดธูปคนละดอกและทำพิธีขอขมากรรม แล้วก็ให้นำเงินใส่ไปในกล่องคนละบาท เพื่อเป็นการแก้เคล็ด จากนั้นก็ไปหยิบหมากพลูที่อยู่หน้าพ่อแก่ มาใส่ปากให้ทุกคนเคี้ยว เคี้ยวให้ละเอียด ถ้าใครกินได้ก็กลืนลงไปเลย ถ้าใครกลืนไม่ได้ก็ให้เคี้ยวไปจนกว่าหมากจะจืด จนปากไม่รู้รสชาติ
ทุกคนเคี้ยวจนหน้าตาเยเกกันหมด …แล้วพี่แจ๊คก็แจกเหรียญพ่อแก่ให้กับทุกคน แล้วบอกว่า ถ้าใครเอาไปเลี่ยมใส่กรอบได้ ก็ให้ทำซะ เพราะพวกผีนางรำมันจะเกรงกลัวพ่อแก่…
ส่วนคุณธรณ์ ให้กลับไปที่ห้อง แล้วเอากล่องเครื่องสำอางใบนั้นไปไว้ที่วัดซะ เมื่อเขาได้อยู่ในวัด เขาจะได้รับบุญ จะได้หลุดพ้นจากห่วงและไปเกิดเสียที
หลังจากทำพิธีขอขมาในวันนั้น สถานการณ์ต่าง ๆ ก็เริ่มดีขึ้น ไม่มีใครเจอผีผู้หญิงคนนั้นอีกเลย ไม่มีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้น ส่วนน้องคนที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล ก็อาการดีขึ้นจนสามารถกลับมารักษาตัวที่บ้านได้ …และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด
ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเนตร ธนัชพงศ์ ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง กล่อง – ครูธรณ์
บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือเล่าลงพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด