เรื่องเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์กินคน หากเอ่ยถึงเรื่องมนุษย์กินคน หลายคนอาจจะนึกถึง ซีอุย ตำนานผีปอบ หรืออื่นๆ แต่นี่คือชนเผ่าที่มีนิสัยป่าเถื่อนดุร้ายและชอบกินเนื้อมนุษย์ สิ่งนี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริงๆที่จังหวัดนราธิวาส บ้านผมเอง
เมื่อสมัยกว่าร้อยปีที่ผ่านมา เวลาที่เด็กร้องไห้ พ่อแม่จะชอบขู่ว่า ระวังปอบจะมากินตับ เชื่อไหมครับว่าคำพูดเหล่านี้ไม่สามารถใช้กับเด็กที่นราธิวาสหรือจังหวัดข้างเคียงได้
ว่ากันว่าเด็กจะหยุดร้องถ้าพูดคำว่า “ระวังบาเตาะจะมากินตับ” ว่ากันว่านี่คือชนเผ่าที่กินเนื้อมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็นเรื่องเล่าสยองขวัญในแถบป่าบาลาฮาลา ป่าแห่งนี้ถูกขนานนามว่าป่าอเมซอนแห่งประเทศไทย
สำหรับตำนานบาเตาะ หรือตำนานชนเผ่ามนุษย์กินคนนั้น เริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครทราบชัดเจนคนในพื้นที่จะรู้กันดีว่าใครเป็นชาวบาเตาะ เนื่องจากรูปพรรณสัณฐานเขาค่อนข้างที่จะคล้ายกับคนในชุมชน วิธีสังเกตุคือ ให้ดูที่หาง หากผู้ใดที่มีหางแน่นอน คนนั้นคือชาวบาเตาะที่มีนิสัยดุร้ายและชอบกินเนื้อมนุษย์
วันนี้เราจึงรวบรวมเรื่องราวของชาวบาต่อที่มีตำนานเล่าขันกันมานาน ให้ทุกคนได้ฟังว่าแท้จริงแล้วชาวบาเตาะคือชนเผ่ามนุษย์กินคนจริงๆหรือไม่ ให้ทุกคนได้รับทราบกัน…
ชาวบาเตาะมักจะจับชาวบ้านที่ล่องเรือผ่าน โดยใช้วิธีขึงหวายยาวตามร่องน้ำ และกระตุกหวายขณะที่เรือของชาวบ้านแล่นผ่าน ทำให้เรือของชาวบ้านคว่ำแล้วก็จับชาวบ้านมากินเป็นอาหาร
แต่ถึงอย่างไรแล้ว ชาวบาเตาะ จะไม่กินเนื้อญาติกันเอง แต่หากใครก็ตามที่ไม่ใช่ญาติของตนเอง แล้วมีอายุสูงขึ้นพวกขเาจะมีการสั่งให้คนสูงอายุนั้นทดลองปีนต้นไม้ หากผู้สูงอายุคนนั้นสามารถปีนต้นไม้ได้ก็จะรอด แต่ถ้าปีนไม่ได้จะถือว่าไร้ประสิทธิภาพจะถูกทำร้ายทุบตี และถูกนำเนื้อมากินเป็นอาหารในมื้อนั้น
สาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านอยากรู้ว่าในพื้นที่มีชาวบาเตาะที่กินคนอยู่นั้น เพราะเนื่องจากว่ามีคนในชุมชนหายตัวไปอย่างลึกลับโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้นำชุมชนในสมัยนั้นยังเห็นท่าไม่ดี เนื่องจากว่าชาวบาเตาะเริ่มออกอาละวาด จนเป็นที่หวาดระแวงของชาวบ้านในสมัยนั้น จึงได้ออกอุบายให้ชาวบ้านที่สามารถพูดภาษาบาเตาะได้ ให้ไปทำการเจรจาว่าจะมีฝรั่งเข้ามาขอซื้อ ครั่ง คือยางของไม้ชนิดหนึ่ง
สมัยนั้นอังกฤษยังปกครองมาเลเซียอยู่ มักจะชอบมาซื้อของป่าไปขายอยู่เสมอ และชาวบาเตาะก็รับข้อเสนอนั้น โดยพวกเขาไม่รู้มาก่อนว่านี่คือกลอุบายที่จะล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเขา พวกเขาจึงไปเก็บครั่งมาไว้ที่บ้านของพวกเขาเป็นจำนวนมาก โดยที่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วคลั่งหรือยางไม้ชนิดนี้ เป็นฉนวนที่นำไฟชั้นดี
ในคืนคืนนั้นชาวบ้านหลอกชาวบาเตาะว่าเรามาเฉลิมฉลองกันดีกว่า เดี๋ยวอีกวันชาวฝรั่งก็จะมารับซื้อครั่งของพวกเราแล้ว ด้วยความที่ชาวบาเตาะก็ไม่ได้เอะใจอะไร ชาวบ้านได้นำพืชที่มีพิษชนิดหนึ่ง นั่นก็คือหัวกลอย พืชที่จะออกฤทธิ์ทำให้สลบ โดยการต้มถั่วเขียวผสมกับหัวกลอยให้กินทั้งชนบาเตาะเผ่า
แน่นอนชนเผาบาเตาะไม่รู้เรื่อง จึงกินกันเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย ผลของหัวกลอยทำให้พวกเขาหลับไหลไม่รู้สึกตัว เมื่อชาวบาเตาะกันหมดแล้ว ชาวบ้านก็ทำการจุดไฟเผาทั้งเป็น โดยใช้ครั่งที่ชาวบาเตาะเก็บมาเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในการเผาไหม้
แผนการของชาวบ้านก็เป็นไม่ได้เป็นไปตามนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่ากันว่าชาวบาเตาะสามารถหนีออกมาได้ 1 คนและได้ว่ายน้ำหนีข้ามฝั่งไปยังประเทศมาเลเซีย
จากวันที่โดยเผาบ้านในวันนั้น จนมาถึงในสมัยนี้ เวลาร่วงเลยมากว่า 100 ปีแล้ว ชาวบ้านก็ยังคงเชื่อว่ายังคงหลงเหลือชาวบาเตาะต่อจำนวนหนึ่ง แต่ ณ ปัจจุบันนี้อาจจะไม่มีหางแล้วอาจจะเหลือเพียงแค่เนื้องอกเป็นติ่งขึ้นมาเล็กๆ
ชาวบาเตาะยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เพราะเนื่องจากว่าชาวบาเตาะไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มเดียว แต่ชนเผ่าบาเตาะแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆอีก ประกอบไปด้วยเผาโตบาร์ คาโร ปักปัก สิมาลุงกุล และแมนดาริน
จากคำให้สัมภาษณ์ของนายอำซะ ฮะยี อามัต เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายบาเตาะมาโดยตรง แต่เป็นในส่วนของส่วนของแมนโดลินเชื้อสายอินโดนีเซีย
เผ่าพันธ์ของเดิมของเขาจะมีเชื้อสายที่ดุร้ายและป่าเถื่อน เผ่านี้จะชอบปลูกผักและผลไม้ อาศัยอยู่ในที่อากาศเย็นๆ
ในบรรดากลุ่มต่างๆจะมีกลุ่มแมนดารินที่พบมากที่สุด และเขาก็ได้ให้สัมภาษณ์ ว่าชนเผ่าบาเตาะที่อาศัยอยู่ในแถวป่าฮาลาบาลาบ้านเรานั้น อาจจะเป็นชนเผ่าที่มีชื่อกลุ่มที่ชื่อกลุ่มว่าโตบาร์ เพราะมีรูปประพันสันฐานคล้ายๆกับคนที่ชุมชนพูดถึงกันมากที่สุด
แต่นายอำซะยังให้ข้อมูลว่า การกินเนื้อมนุษย์ของชาวบาเตาะก็มีนัยยะสำคัญ เขาจะกินเนื้อมนุษย์ก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรกินเท่านั้น ไม่ใช่กินเป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนที่เรากินเนื้อหมูเนื้อไก่
เพราะพวกเขาก็มีการกินเนื้อสัตว์เช่นเดียวกับพวกเรา แต่เขาจะกินเนื้อมนุษย์ก็ต่อเมื่อเขาไม่มีอะไรจะกินแล้วจริงๆ หรือเป็นช่วงที่ไม่สามารถล่าสัตว์หรือหาอาหารกินได้เท่านั้น
สำหรับหลายคนที่สงสัยว่าพื้นที่อาศัยของชาวบาเตาะในเขตฮาลาบาลาจะแบ่งออกเป็น 2 เขตด้วยกัน เขตฮาลาจะตั้งอยู่ในจังหวัดยะลา และเขตบาลาจะตั้งอยู่ในนราธิวาส จะตั้งเป็นพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อน เป็นป่าเขตฝนร้อนมีความชื้นสูงตลอดทั้งปี มีสัตว์พื้นเมืองหายากมากมาย
ที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์มากถึงขั้นที่ว่าได้รับฉายาว่านี่คือป่าอเมซอนแห่งประเทศไทย แต่ยังมีอีกหนึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับชาวบาเตาะ ผู้เฒ่าท่านนี้เล่าให้ฟังว่าลักษณะของชาวบาเตาะนั้นจะเหมือนกับมนุษย์เรานี่แหละ แต่แตกต่างกันที่เพียงว่าชาวบาเตาะจะมีหางยาวเกือบ 1 คลืบ และมีนิสัยชอบกินเนื้อมนุษย์สดๆแบบฉีกกิน
นายพรานท่านนี้พากลุ่มนักเดินป่าเดินป่าพรุข้ามลำทางไต่ผาเล็กๆ เพื่อตามพิสูจน์ร่องรอยของบาเตาะ ตำนานมนุษย์กินคนในจังหวัดนราธิวาส
ในขณะที่พวกเขาเดินไปในป่า บรรยากาศค่อนข้างที่จะวังเวงเหมือนมีเงาบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวไปมา
ในระหว่างทางที่พวกเขาเดินไป พวกเขาก็ไปพบกับเนินดิน นี่คือบริเวณรังนอนของบ้านมนุษย์กินคนในตำนาน เท่าที่เห็นจะมีเนินดินหลายเนินที่ผู้นำทางบอกว่านี่คือบ้านของชาวบาเตาะที่อาศัยอยู่ในรูดิน
แต่ถึงอย่างไรแล้วกลุ่มนักเดินทางกลุ่มนี้ก็ไม่ได้พบเจอกับชาวบาเตาะแต่อย่างใด เป็นเพียงการเข้าไปสำรวจในพื้นที่ป่า ที่ว่ากันว่าเป็นพื้นที่อาศัยของชาวบาเตาะในอดีต พบเจอแต่โพรงดินที่ชาวบาตะอาศัยอยู่เท่านั้น
ผู้เฒ่านำทางนั้นเล่าให้พวกเขาฟังว่า ทุกวันนี้ยังมีชนเผ่ามนุษย์กินคนหลงเหลืออยู่ แล้วก็ได้ไปขยายเผ่าพันธุ์ต่างๆ กลายพันธุ์ไปในรูปแบบอื่นๆอีกมากมาย…
แต่ในปัจจุบันเรื่องราวของชาวบาเตาะก็ค่อยๆได้สูญหายไปตามกาลเวลา เป็นเรื่องราวอันโหดร้ายในอดีตที่คนในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก แต่ถึงอย่างไรแล้ว เรื่องราวเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ เป็นตำนานให้ลูกหลานเราได้รับรู้การต่อต่อมาอีกทีนึง
ถึงอย่างไรเรื่องราวของชนชาวบาเตาะที่สูญพันธุ์ไป หรือมนุษย์ที่มีหางอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องสมมติที่ถูกแต่งขึ้นมา ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วยังไงก็ต้องใช้วิจารณญาณในการรับฟังเพราะเนื่องจากว่าข้อสันนิษฐานต่างๆยังไม่ค่อยชัดเจน อีกครั้งเรื่องราวของชาวบาเตาะถูกซ่อนเร้นอยู่ในป่าฮาลาบาลามานาน
หากฟังเรื่องนี้จบแล้วลองไปสำรวจเพื่อนคุณว่า เพื่อนคุณนั้นมีหางหรือเปล่า อาจจะมีเชื้อสายของชาวบาเตาะหรือมนุษย์กินคนอยู่ก็เป็นได้
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : trueid.net , silpa-mag
ช่อง YouTube : ทิศทางไทย , nuenglc