กฎแห่งเวรกรรม มันจะย้อนกลับมาเล่นงานคุณทุกเมื่อที่มีโอกาส

กฎแห่งเวรกรรม
กฎแห่งเวรกรรม

ประสบการณ์จริงจากคนไกล้ตัว เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ของคนที่เรารู้จัก เพราะทำงานอยู่ด้วยกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ6ปีที่แล้ว

แนน เป็นสาวสวยหน้าตาดี เเถมโสด มักจะมีผู้ชายเข้ามารุมล้อมตอมไต่อยู่เสมอ เรียกได้ว่ามีคนมาจีบแนนตลอดไม่ขาดสาย เราไม่ค่อยสนิทกับแนนนะคะ แต่มีคุยกันบ้างในเวลางาน ซึ่งแนนสนิทกับพี่จ๋า พี่จ๋าก็คือรุ่นพี่ที่เราสนิทมากอยู่แล้วเลยทำให้ได้มาเจอกับแนน

เราจะเล่าในส่วนของแนนก่อนนะคะ.. พอแนนทำงานไปได้สักระยะ แนนก็ได้คบกับผู้ชายคนนึงชื่อเอก ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่คนละแผนก เอกกับแนนเริ่มคบกัน จนไปอยู่ด้วยกัน แต่สุดท้ายก้ไปด้วยกันไม่รอด เพราะเเนนจับได้ว่าเอกมีครอบครัวอยู่แล้วแต่อยู่ที่ต่างจังหวัด แนนจึงขอแยกทางกับเอก แต่แนนไม่รู้เลยว่าตนนั้นได้ท้องกับเอก

ก่อนหน้าจะเลิกกัน พอผ่านเดือนนึงประจำเดือนไม่มา แนนจึงไปตรวจแล้วก็พบว่าเเนนท้องจริงๆ

พอแนนไปคุยกับเอกเรื่องท้อง เอกก็พูดเหมือนไม่รับผิดชอบหาว่าเเนนไปนอนกับใครมาหรือเปล่า แนนเสียใจมากและคิดว่าถึงเก็บไว้ผู้ชายก็ไม่คิดจะรับผิดชอบอยู่ดี จนมาวันนึงแนนเดินเข้ามา ปรึกษาปัญหาชีวิตกับพี่จ๋า ซึ่งตอนนั้นเรากับพี่จ๋ากำลังพักทานมื้อเที่ยงกันอยู่

แนน  : พี่จ๋ามีอะไรจะคุยด้วยหน่อย

พี่จ๋า  : ว่าไงแนน พูดมาเลย

แนน  :  “แนนท้องกับเอก ทำยังไงดี แนนเลิกกับมันไปแล้วด้วย” แนนพูดทำหน้าเหมือนจะร้องให้

ตอนนั้นเราก็นั่งฟังอยุ่ด้วยกันข้างๆพี่จ๋า !

พี่จ๋า : ยังไงมันก็ต้องรับผิดชอบ เดี๋ยวพี่ไปคุยเอง

แนน : แนนคุยแล้ว เค้าไม่เชื่อว่าแนนท้องกับเขา

พี่จ๋า : แล้วแกจะทำยังไงล่ะ

แนน : มันก็มีอยู่ทางเดียวแหล่ะพี่ ต้องเอาออก

ตอนนั้นเราก็อึ้งกับคำตอบของแนน เลยเผลอพูดออกไปว่าอย่าทำเลยมันบาป แนนก็มองหน้ากับพี่จ๋าเหมือนครุ่นคิดว่าจะทำดีมั้ย พอหลังอาทิตย์นึงผ่านไปเราก็สังเกตุว่า พี่จ๋ากับแนนไม่มาทำงาน ก็คิดว่าอาจจะลาหยุดธุระ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหยุดพร้อมกัน หลังจากหายไป2-3วันก็โผล่มาทำงานตามปกติ แนนมีท่าทางซูบโทรมเหมือนคนไม่ได้นอน ขอบตาดำคล้ำ ส่วนพี่จ๋าก็มีท่าทางคอยหลบตาเราตลอด เหมือนรู้อะไรกันแค่สองคนกับแนนแต่ไม่พูดไม่จา ทักทายเหมือนปกติแต่จะไม่พูดมากเหมือนทุกครั้ง 

เราสังเกตุว่าเเนนทำหน้าเครียดตลอดเวลา เลยเข้าไปถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ! แนนก็ส่ายหัว พอถึงช่วงพักเที่ยง เราก็ชวนพี่จ๋ากับแนนไปกินข้าวด้วยกันตามปกติ แต่เเนนไม่มาด้วยบอกขออยู่คนเดียวสักพัก พอนั่งๆกินข้าวกันอยู่ เราก็ถามพี่จ๋าว่า “หายไปไหนมาตั้งสามวัน ไปเที่ยวกันหรอ ไปไหนก็ไม่บอกกันบ้างเลย แถมยังมาหยุดพร้อมกันอีก 

พี่จ๋าก็นิ่งๆไปสักพัก นางก็พูดเบาๆขึ้นมาว่า “..อย่าไปบอกใครนะ พี่พาไอ้แนนไปเอาเด็กออกมา..”

เราก็แบบห๊าาาา ทำไมทำงี้อ่ะ มันบาปมากเลยนะเว้ยฆ่าคนอ่ะ พี่จ๋าก็พูด “จะให้ทำไง ไอ้แนนมันขอร้องพี่ มันร้องให้จะเป็นจะตาย อีกอย่างมันไม่เหลือใครเเล้ว ถ้ามันเลี้ยงลูกใครจะเลี้ยงมัน ญาติพี่น้องก็ไม่มี ” ตอนนั้นเราก็รู้สึกพูดไม่ออก แต่ก็ไม่รุ้จะต้องพูดอะไรเหมือนกัน เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา 

ทีนี้เราจะเล่าในส่วนของพี่จ๋า พี่จ๋าแกก็เล่าให้ฟังว่า ในวันนั้นที่แนนบอกว่าท้องกับเอก พอเลิกงานเเนนก็มาคร่ำครวญขอให้พี่จ๋าลาหยุดเพื่อพาไปหาที่ทำแท้ง ตอนแรกพี่จ๋าไม่อยากยุ่ง กลัวเหมือนกันแต่มันก็จำใจ เพราะถือว่าแนนเป็นน้องที่สนิทมากเหมือนกัน พี่จ๋าแกก็เล่าต่อว่า พอเช้ามาอีกวันที่หยุดงานไป แกได้โทรหารุ่นพี่คนนึงที่รู้จักยาที่ทำแท้ง

(บอกก่อนว่าฟังพี่จ๋าเล่าไปก็สะอิดสะเอียนไป เพราะนี่คือการทำแท้งด้วยตัวของแนนเอง ไม่ได้มีการไปทำที่คลีนิคใดๆ)

พี่จ๋าแกก็โทรหาคนชื่อกุ้ง เป็นแม่ค้าขายส้มตำ ก็โทรปรึกษากัน คนชื่อกุ้งบอกว่ายานี้ต้องไปเอาจากราชบุรี ขอค่ารถ4000บาท มันคือยาสอดแบบเม็ดที่รุนแรงมาก หลังจากนั้นแนนก็ตกลงโอนเงินให้พี่กุ้งที่เป็นแม่ค้าส้มตำ ตกเย็นพี่กุ้งก็วิ่งรถไปกับสามีเพื่อไปเอายานี้มาให้ พี่กุ้งบอกถ้าไม่สนิทกับพี่จ๋าบอกเลยไม่ไปเอาให้ พอเช้ามาอีกวันพี่จ๋าก็พาแนนไปเอายากับพี่กุ้งแล้วบอกวิธีสอดยา (โดยเราจะเล่าจากคำที่พี่กุ้งเป็นคนพูดกับแนนเเละพี่จ๋านะคะ ซึ่งพี่จ๋าก้อเล่าให้เราฟังอีกทีนี่เเหละ) 

สอดยาเม็ดแรกก่อน จะมีอาการอ้วกออกมามาก จะเริ่มปวดท้อง พอ1ชั่วโมงผ่านไป ให้สอดยาเม็ดที่สอง  สอดลึกๆให้ถึงมดลูก ถ้าอาการปวดท้องมาก ก็ต้องทนห้ามลุก จะตกเลือดอาจเสียชีวิตได้

เราฟังคำนี้คือขนลุก เหมือนคนชื่อพี่กุ้งเคยทำมาก่อน พี่จ๋าก็เล่าต่อว่า แกอยู่เป็นเพื่อนแนน พอแนนสอดยาเข้าไปทางช่องคลอด ก็ปล่อยให้แนนนอนรอ จนแนนเริ่มมีอาการสะอิดสะเอียนเหมือนจะอ้วก กินได้แต่น้ำกับเหล้าขาวผสมยาทัมใจ ที่ช่วยเร่งให้ขับออกมา

พอผ่านไปได้ชั่วโมงนิดๆแนนก็สอดยาเม็ดที่สอง ยาเม็ดที่สองจะข้นมากและรุนเเรงมาก พี่จ๋าบอกว่าแนนร้องเหมือนคนจะคลอดลูก เจ็บปวดทุรนทุราย จนในที่สุดก็ปาเข้าไป 4 ชั่วโมง เลือดก็ออกมาเป็นก้อนๆดำๆลิ่มๆ ที่เหมือนกำลังสร้างเนื้อเยื่อเด็ก พี่จ๋าเล่าว่าเเนนร้องให้ไม่หยุด  พี่จ๋าก็คอยดูแลแนนอยู่ข้างๆคอยพูดจาปลอบประโลม คอยเช็ดตัว เอาข้าวเอาน้ำมาป้อนให้แนนกิน หลังจากพอทำแท้งเสร็จ แนนก็เล่าให้พี่จ๋าฟังว่า “พี่จ๋ารู้มั้ย ตอนก่อนที่หนูจะรู้ว่าหนูท้อง หนูฝันเห็น ลุงใส่ชุดเหมือนพวกพราห์ม แต่งขาวทั้งตัว ถือไม้เท้า เดินเข้ามาหาหนูเอาทองมาใส่ให้ที่ข้อมือหนูด้วย หลังจากนั้นหนูเลยรู้ว่าหนูท้อง “

พี่จ๋าก็ไม่พูดอะไร ได้แต่บอกว่ามันผ่านไปแล้ว ต่อไปนี้จะคบใครอย่าปล่อยตัวอีก ไม่งั้นก็จะเป็นแบบนี้อีก พอผ่านไปสามวันทั้งสองถึงมาทำงานได้ตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากการทำแท้งมันไม่ได้จบเพียงเท่านี้ล่ะสิ เพราะขนาดเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแค่คนที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดยังพลอยโดนไปด้วย จนผ่านไปได้สักประมาณ2อาทิตย์หลังจากที่แนนทำแท้ง มีอยู่คืนนึงที่เราเหนื่อยล้ามากจากการทำงาน เราอาบน้ำและหลับยาว เราฝันค่ะ ฝันที่ไม่เหมือนว่าฝันเพราะมันดูจริงไปหมด

ฝันเห็นเด็กผู้หญิงตัวดำๆร้องให้ว่าหิวนม หิวนม ร้องดังอ้อแอ้ ในฝันเราก็สงสารเขานะคะ แต่ไม่ได้คิดหรอกว่าเด็กที่ฝันถึงจะเป็นลูกของแนน เพราะไม่เคยฝันอะไรแบบนี้ พอเช้าเราไปทำงาน

ก็เล่าให้พี่จ๋าฟังว่าฝันแบบนี้นะ ยังงี้นะ พี่จ๋าแกก็ตกใจ “จริงดิ แกฝันเห็นเด็กหรอ” 

เราก็แบบอื้มทำไมหรอ พี่จ๋าก็พูดขึ้นมาว่า “วันก่อนพี่ฝันเห็นผู้ชายคนแก่ใส่ชุดขาวทั้งชุด ทำหน้าทำตาโกรธใส่พี่ แล้วบอกว่ากูจะเอาให้ตาย” พี่จ๋าก็ทำท่าขนลุก แกก็พูดเรื่องที่เเนนเล่าให้ฟัง ถึงชายใส่ชุดพราห์มที่เอาทองข้อมือใส่ให้แนนในฝัน เราก็เลยหายสงสัยว่าทำไมถึงได้ฝันถึงเด็ก “แล้วทำไมลูกแนนถึงได้มาเข้าฝันหนูด้วยนะ ” 

พี่จ๋าก็อ้ำอึ้ง แล้วแกก็พูดขึ้นมาว่า “เนี่ยรู้มั้ย พี่กุ้งเขาเลิกกับแฟนเขาแล้ว คนที่เป็นคนไปเอายาทำแท้งให้แนนอ่ะ จากตอนแรกที่ขายของดีเทน้ำเทท่า ตอนนี้ร้านปิดกิจการไปเลย ผัวก็ทิ้งไปอยู่กับคนอื่น แกว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องทำแท้งมั้ยวะ” พี่จ๋าก็มาถามเราแบบนี้ เราก็ตอบไม่ถูก แต่ก็เคยได้ยินว่าคนที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งทุกคน ก็ต้องประสบกับปัญหาในชีวิต ติดขัดตลอด พอได้ยินเรื่องพี่กุ้งทำให้เราเชื่อไปอีก ว่าเวรกรรมมีจริง 

แต่เรื่องนี้ก็ผ่านมาจนเดือนที่สอง มีวันนึงซึ่งตรงกับวันเกิดพี่จ๋า จัดวันเกิดกันที่บ้านพี่จ๋าเอง มีเรา มีแนน และก็แก๊งค์เพื่อนๆของพี่จ๋าอยู่ในงานวันเกิดด้วย ในคืนนั้นก็ได้มีการเป่าเค้กกัน และเรื่องมันก็เกิดขึ้นในตอนที่หลังจากเป่าเค้ก

มีพี่คนนึงในกลุ่มเพื่อนพี่จ๋าชื่อพี่มด แกมีแม่เป็นร่างทรง แต่ตัวพี่มดเองไม่ได้เป็นร่างทรงนะคะ แต่พอมีเซ้นส์อยู่ พี่มดแกเดินขึ้นไปบนบ้านพี่จ๋า (*ลืมบอกไปตั้งแต่ต้นเรื่องค่ะว่าแนนเนี่ยได้ทำแท้งที่บ้านพี่จ๋านะคะ ทำที่ชั้นสองของบ้าน) พอพี่มดแกเดินขึ้นไปแกก็เดินลงมาในวงงานวันเกิด ก็เห็นมีเค้กชิ้นนึงพอดี แกเลยถามพี่จ๋าว่า

พี่มด : จ๋าชิ้นนี้ไม่มีเจ้าของใช่มั้ย กูขอนะ”

พี่จ๋า : เอาไปเถอะ เหลือชิ้นนึงพอดี

พี่มดก็ก็ซิบบอกข้างหูพี่จ๋าว่า “กูเอาไปให้เด็กที่อยู่ข้างบน..เขาหิว”

พี่จ๋าหันขวับเลย ตกใจที่พี่มดพูดเหมือนรู้ เพราะมีแค่เราที่รู้เรื่องแนน ตอนนั้นเราก็นั่งอยู่ในวงวันเกิด เห็นพี่มดเอาเค้กใส่จาน ปักธูป และขึ้นไปวางตรงหน้าห้อง ซึ่งเป็นจุดที่พี่มดบอกว่าเห็นวิญญาณเด็ก และเป็นห้องที่ซึ่งแนนได้ทำแท้งเมื่อเดือนก่อน เราถึงกับขนลุกแล้วหันมองไปทางแนน แต่เเนนดูเหมือนจะยังสนุกอยู่กับการกินการร้องคาราโอเกะมากกว่า ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าพวกเรากำลังเจอกับอะไร

พอพ้นงานวันเกิดคืนนี้ไป เช้าวันต่อมา พี่จ๋าก็ขอให้แนนไปวัดกับพี่จ๋าไปทำบุญ ซึ่งมีพี่มดไปด้วย ก็พากันไปทำสังฆทาน ตอนแรกพี่จ๋าก็ชวนเราไปด้วย แต่เมื่อคืนวันเกิดพี่จ๋าเราแทบไม่ได้พักผ่อนเลยขอหยุดอยู่บ้าน มาอีกวันก็มาทำงาน ตามปกติค่ะ ก็เจอหน้าพี่จ๋าทักทายตามปกติ แต่วันนี้แนนไม่มาเพราะเป็นวันหยุด พี่จ๋าก็ลากตัวเราเข้าไปเม้าท์เหมือนอย่างเคย

“นี่พี่มีมีอะไรจะเล่าให้ฟัง เมื่อวานไปทำบุญเสร็จก็ไปต่อบ้านแม่ไอ้มด ไปถึงแม่มันทักไอ้แนนก่อนเลย…”

(พี่มดที่บอกว่ามีแม่เป็นร่างทรงนะคะ) เราก็ฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เรา : เขาทักยังไง

พี่จ๋า : “เขาบอกว่าเด็กคนนี้มันแรงมาก อยากเกิดก็ไม่ได้เกิด มันไม่ได้ตามแค่แม่หรอก มันตามพ่อมันด้วย เดี๋ยวก็รู้เอง” พี่ฟังแบบนี้ขนลุกเลยว่ะ !!

เรา : แล้วเขาว่ายังไงต่อ

พี่จ๋า : เขาพูดกับอีแนนจบหันมามองทางกู แล้วบอกว่ากรรมใดใครเป็นคนก่อต้องชดใช้นะ ทุกคนที่เกี่ยวข้อง

พี่จ๋าพูดแบบนี้แล้วแกก็เหมือนจะเครียดๆแกก็บอกว่า “..ทำไมต้องเป็นพี่ด้วยวะ ไม่น่าเข้าไปยุ่งเลย”

เราฟังแบบนี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ได้แต่บอกว่าให้หมั่นกันพาไปทำบุญ เพราะเรื่องมันก็เกิดไปแล้ว

ทีนี้มาฟังในส่วนของแนนบ้างนะคะ…เราได้ยินมาจากพี่จ๋าว่า เเนนได้เจอกับเอกอีกครั้ง แต่เอกดูไม่เหมือนเดิม หน้าตาหมองคล้ำเหมือนคนอดหลับอดนอน เอกมาถามแนนว่าเเล้วลูกในท้องจะดูแลยังไง ซึ่งเอกมาถามในตอนที่มันสายไปแล้ว เพราะแนนได้เอาออกตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว 

เอกรู้ถึงตกใจแล้วถามแนนว่าเรื่องจริงหรอ เเนนก็ไม่พูดอะไร เอกเลยบอกว่านอนไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าฝันหรือเปล่า เพราะมีเด็กมากระโดดบนหน้าอกหลายคืนจนนอนหลับไม่ได้ บางทีเอกเลิกงานกลับมาดึกๆพอจะเข้าบ้านก็เห็นเงาเด็กตัวดำไปนั่งคุ้ยดินกินทรายอยู่ตรงทางเข้าหน้าบ้าน จนบางทีเอกต้องมอมเหล้าตัวเองเพื่อให้หลับไป 

แนนเล่าอีกว่าเอกมีอาการเดินหลังค่อมผิดปกติ ไม่มีบุคลิกของคนเดิม เลยถามเอกว่าหลังเป็นอะไร เอกบอกว่ามันหนักที่ข้างหลัง หนักมากตรงช่วงบ่า ยืนตรงๆไม่ได้ 

พอได้ยินเรื่องของแนนกับเอกผ่านปากพี่จ๋าเล่าให้ฟัง เรารู้สึกถึงคำว่าเวรกรรมได้เลย ว่าใครทำอะไรกับใคร เขาย่อมต้องจำและกลับมาเอาคืน

เรื่องราวดูเหมือนจะผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น  การทำงานของแนนและพี่จ๋าดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน จนกระทั่งวันนึงแนนมาเล่าให้เราฟังด้วยตัวเอง ผ่านปากของแนนเองว่า ตอนนี้เอกเดินไม่ได้ เหมือนจะเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาทอะไรสักอย่าง เราไม่เเน่ใจ ซึ่งแนนบอกว่าหรือนี่จะเป็นสิ่งที่ร่างทรงแม่ของพี่มดได้บอกเอาไว้ บางทีอาจจะเป็นดวงจิตของเด็กน้อยที่คอยตามราวีชีวิตของเอกให้วิบัติอย่างเช่นตอนนี้ 

แนนยังเล่าอีกว่าตอนนี้แนนได้คบกับผู้ชายคนนึงเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า และดูเหมือนจะพร้อมทุกอย่าง

ไม่มีภาระติดพันใดๆ แกชื่อพี่วุฒิ อายุห่างกับแนนหลายทศวรรษ เวลาที่พี่วุฒิคุยโทรศัพท์กับแนน

พี่วุฒิมักจะได้ยินเสียงเด็กร้องผ่านเข้ามาในมือถือบ่อยๆและมักจะถามแนนว่าที่นั่นมีเด็กอยู่ด้วยหรอ ร้องดังมาก

แนนรู้สึกกลัวทุกครั้ง แต่เเนนก็รู้ซึ้งในความผิดของตน และหมั่นคอยไปทำบุญตลอด ไม่ขาดสาย แนนเล่าอีกว่าเคยไปจัดธูปที่บ้านพี่จ๋าปักลงดินพร้อมกับร้องให้ออกมา แล้วพูดในใจว่า ถ้าดวงวิญญาณหนูมีบุญมากพอ ขอให้มาเกิดกับแม่อีกในชาตินี้ หากครั้งนี้แม่มีลูกได้จะขอให้หนูได้มาเกิด มาอยู่ด้วยกัน นี่คือสิ่งที่เเนนเล่าให้ฟังจากปากแนนเอง ทุกวันนี้แนนมีลูกด้วยกันกับพี่วุฒิ2คนค่ะ คนโตนี่ดื้อมาก ดื้อรั้นสุดๆ

และแนนมักจะคิดว่าคนโตคือลูกของแนนที่เสียไปจากการทำแท้ง แล้วมาเกิดใหม่ คือสิ่งที่เเนนได้ทำลงไปเขารู้สึกแย่ รู้สึกผิดมาตลอดนะคะ คอยทำบุญให้ตลอด บวชชีพราห์มก็ทำ เหมือนแนนทำเพื่อทดแทนสิ่งที่สูญเสียเเละพลาดไป

เราเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้ ขออุทิศบุญกุศลให้กับหลานตัวน้อย ไม่รู้ว่าได้เกิดรึยัง หรืออาจจะมาเกิดเป็นลูกชายคนโตของแนนในขณะนี้ก็ได้ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง ไม่ช้าก็เร็ว

ไม่วันนี้ก็วันหน้า ไม่ชาติหน้า ก็ชาตินี้ ยังคงเชื่ออยู่เสมอว่าเวรกรรมมีจริง

ทีนี้เราจะมาเล่าในส่วนของพี่จ๋ากันบ้างว่าหลังจากนี้จะได้รับผลกรรมอย่างไร…พี่จ๋าเนี่ยดูเหมือนจะเป็นคนที่โดนมากสุด อย่างที่เล่าไปในตอนแรกว่า คนที่ข้องเกี่ยวกับการทำแท้งมักจะมีเหตุเป็นไปทุกราย บางคนอาจถึงขั้นเสียชีวิตเพราะไปยุ่งกับกรรมของผู้อื่น แต่สำหรับเรื่องของพี่จ๋านั้นไม่รู้ว่าหนักมั้ย เพราะแกก็เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้การทำแท้งมันเกิดขึ้น 

ยังจำได้ใช่มั้ยคะ ที่บอกว่าแนนไปปรึกษาเรื่องเอาเด็กออกกับพี่จ๋า อันที่จริงพี่จ๋าเลือกที่จะปฏิเสฐไปแทนก็ได้ แต่กลับไปชักนำให้เขาเอาเด็กออกด้วยการไปติดต่อให้คนรู้จักหาซื้อยาทำแท้งให้ นี่คือกรรมหนักที่ไม่ต่างจากตัวผู้ที่ทำแท้งเองสักเท่าไหร่ เริ่มเล่าเลยนะคะ

พอหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปปีนึง พี่จ๋าก็ได้ออกจากงาน ไปประกอบธุรกิจงานกลางคืนนั่นคือร้านอาหารเล็กๆ กึ่งร้านเหล้า ช่วงนั้นดูเหมือนแกจะปังไปทุกเรื่อง บูมขั้นสุด ทั้งเงินทั้งงาน ชีวิตดูดีไปหมด แต่ตัวเราก็ยังทำงานที่เดิมนะคะ แต่ก็จะไปมาหาสู่แกบ้างในทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ช่วงนั้นเหมือนจะเป็นช่วงขาขึ้นของแกเลยทีเดียว มีแฟนเด็ก มีเงินออกรถกระบะ มีเงินเก็บมากกว่าตอนทำงานเป็นแค่ลูกจ้าง ดูเหมือนจะทำให้พี่จ๋าลืมเรื่องทุกอย่างที่มันเพิ่งผ่านไปได้ปีเดียว ส่วนแนนก็ไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของตัวเอง ซึ่งเราไม่ค่อยได้ติดต่อกันเเล้ว อีกอย่างตัวเราไม่ค่อยสนิทกับแนนเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยได้คุยกัน

จะสนิทกับพี่จ๋ามากกว่า 

ชีวิตพี่จ๋าดูดีไปหมด จนเมื่อกลางปี2017  ที่พี่จ๋าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องที่ผิดกฏหมาย มีตำรวจมา เบอร์แบงค์ที่ร้านอาหารของแก (เบอแบงค์คือการล่อซื้อ) ตำรวจยกตัวแกไปโรงพัก สุดท้ายขึ้นโรงขึ้นศาล ต่อสู้กันอย่างถึงที่สุด เงินในบัญชีที่มีเก็บ ที่ได้มาจากการประกอบธุรกิจ และแอบทำธุรกิจเถื่อนด้วย ก็นำเอามาใช้จ้างทนายในศาล แต่ในที่สุดจนแล้วจนรอดก็เเพ้คดีความ เสียเงินเสียทอง ของทุกอย่างที่แกเคยมี บ้าน รถ ร้านอาหาร อุปกรณ์ สิ่งของ ทุกอย่างที่หามาแทบตาย ก็มลายหายไปกับตา บ้านโดนยึด แฟนเด็กทิ้ง เอารถพี่จ๋าหนีไปอยู่กับคนใหม่ ร้านค้าก็ถูกพวกคนรู้จักมายกเค้ายกของ เอาไปเป็นของตัวเองกันหมด คนที่บ้านก็ไม่รับรู้ด้วยว่าพี่จ๋าโดนคดีความต้องติดคุกถึง 5ปี

กลางปี2017 เป็นช่วงที่พี่จ๋ามีอายุครบ 35 ปีบริบูรณ์พอดี “35ถือว่าเบญจเพสเหมือนกัน” ตอนนั้นพี่จ๋าหาใครช่วยไม่ได้ เอาแต่ร้องให้ต่างๆนาๆ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของคดีความ เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้จะช่วยยังไง จากคนที่เคยสร้างเนื้อตัวจนมีทุกอย่าง ทุกวันนี้พี่จ๋าต้องก้มหน้าชดใช้กรรมที่ทำไว้ ตอนช่วงแรกๆที่ยังอยู่ในขั้นตอนขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่ พี่จ๋าได้แวะเข้าไปที่บ้าน และฝากคนข้างบ้านให้ช่วยดูแลภายในบ้าน เพราะช่วงนั้นแกวิ่งเต้นเรื่องคดีความอยู่ แล้วตอนที่เเกกลับเข้าไปในบ้าน ไปเคลียร์เอกสาร คนข้างบ้านก็ออกมาคุยด้วย คำแรกที่คนข้างบ้านพูดขึ้นมา

คนข้างบ้าน : เนี่ยะเห็นเด็กนั่งอยู่หน้าบ้านทุกคืนเลย บางทีก็นั่งหยิบดินมาแปะที่ปากเหมือนกำลังกิน

พอจะเดินออกมาดูก็ไม่เจออะไร นึกว่าเด็กที่ไหน

พอคนข้างบ้านบอกว่าเห็นเด็กทุกวัน พี่จ๋าก็นิ่งๆอึ้งไปสักพักแล้วก็คุยตามปกติเหมือน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  สักพักคนตรงข้ามบ้าน เดินมาคุยกับพี่จ๋า มาถามว่า “บ้านนี้เลี้ยงกุมารหรอ ตอนดึกๆพี่เห็นเด็กนั่งห้อยขาบนขอบหน้าต่างชั้นสอง”

พี่จ๋าเริ่มไม่ไหวแล้ว รีบเอาเอกสารที่จะไปขึ้นศาลและออกไปเลย เชื่อมั้ยคะทุกวันนี้บ้านหลังนี้ก็ยังร้าง ไม่มีใครมาซื้ออยู่ ปล่อยขายก็ไม่มีคนซื้อ สุดท้ายแพ้คดีความสู้ไม่ได้ ก็ต้องติดคุกตามระเบียบ เพราะทำผิดกฏหมาย และทำผิดกฎแห่งกรรม ในการเข้าไปล่วงละเมิดชีวิตผู้อื่น 

เรื่องทั้งหมดนี้ไปฟังจากพี่จ๋าเล่าตอนไปเยี่ยมแกในคุกนะคะ แกเล่าอีกว่าตอนนอนคุกได้สองสามวันแรก แกฝันถึงชายใส่ชุดขาวคนนั้นอีกแล้ว  ในฝันชายแก่คนนั้น นั่งเอามือชันเข่าแล้วถือไม้เท้า ทำท่าทางองอาจใส่พี่จ๋า แต่ไม่พูดอะไร เมื่อเราได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกขนลุกขนพอง เพราะเราจำได้ว่าหลังจากที่พี่จ๋าพาแนนไปทำแท้งได้ประมาณ2อาทิตย์ให้หลัง แกก็ได้ฝันถึงชายแก่คนนี้เหมือนกันและพูดจาหมายจะเอาชีวิต ทุกวันนี้เรายังสงสัยนะคะว่าชายแก่ชุดพราห์มคนนี้คือใคร เขามีความเกี่ยวข้องยังไงกับเด็กที่แนนทำแท้ง อันนี้คงต้องไปถามแนนเเล้วล่ะว่าเจออะไรบ้างมั้ย  แต่ชีวิตของแนนหลังจากนั้นเราก็ไม่ทราบความเป็นมาเลยนะคะ เพราะไม่ได้ติดต่อ ตอนนี้แนนเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่จ๋าได้ติดคุกอยู่ 

เรื่องนี้สอนเราเสมอว่า กฎแห่งกรรมที่กระทำในปัจจุบันขณะมีจริง และกฎแห่งเวรกรรมที่เคยก่อไว้ในอดีตก็มีจริง และมันจะย้อนกลับมาเล่นงานคุณทุกเมื่อที่มีโอกาส จงเร่งสร้างทำแต่ความดี เมื่อมีโอกาส สิ่งใดที่พลาดไปแล้ว ให้ถือเป็นบทเรียน

ทั้งหมดคือเหตุการณ์จริงเรื่องจริงที่อยากนำมาถ่ายทอดเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ทุกคนที่คิดจะเข้าไปก่อเวรกรรมในทุกรูปแบบ แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ที่มา ผู้ใช้เฟสบุ๊ค บังบัง ขอกู้ตังค์หน่อย

ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน

Previous articleตามมาจากเขมร
Next articleประสบการณ์หลอนๆขนหัวลุกโรงเรียนประจำ