ครั้งแรกที่ผมเจอผี

ครั้งแรกที่ผมเจอผี

คนเราทุกคน ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องมีครั้งแรกเสมอ เช่น พูดคำแรก ขี่จักรยานครั้งแรก เตะบอลครั้งแรก ตัวผมเองก็มีประสบการณ์ที่เรียกว่าเจอผีครั้งแรกเหมือนกัน 

ย้อนกลับไปตอนที่ผมอายุ 7 ขวบ สาเหตุที่ทำให้ผมจำได้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่คุณย่าของผมเสียชีวิต ผมค่อนข้างสนิทกับคุณย่ามาก ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกเสียใจอยู่เลย 

ผมยังจำวันที่คุณย่าเสียชีวิตได้ เช้าวันนั้นคุณย่ายังมีชีวิตอยู่ แล้วมันเป็นวันหยุด ผมก็ไปเล่นกับเพื่อนๆ กลับมาอีกทีท่านก็เสียชีวิตแล้ว 

ทางผู้ใหญ่คุยกันว่า จะจัดงานศพที่วัดใกล้บ้าน ครอบครัวผมจะมีกันพี่น้อง 3 คนพี่น้อง มีพี่คนโต พี่คนกลาง และตัวผมซึ่งเป็นน้องคนเล็ก

คุณพ่อบอกว่า จะให้พี่คนกลางและผม บวชหน้าไฟให้กับคุณย่า 2 วัน 1 คืน  ซึ่งหลังพิธีสวดคืนสุดท้าย ก่อนฌาปนกิจ พวกเราต้องนอนเฝ้าศพคุณย่าที่วัด 

ระหว่างที่พระสวดศพ ผมซึ่งบวชเป็นเณรกับพี่ชาย ก็นั่งอยู่ในพิธีด้วย แล้วจู่ๆ ผมก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ปวดแบบสุดๆเลย ตอนแรกพยายามอั้นเต็มที่แล้ว คิดว่าไม่นานก็คงเสร็จพิธี แต่ที่ไหนได้ พระสวดนานมาก ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพิธีก็ยังไม่เสร็จ สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวจริงๆ ก็เลยขออนุญาตลุกออกจากพิธี แล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำ

ซึ่งห้องน้ำวัดนั้นจะอยู่ห่างจากศาลาสวดศพพอสมควร ถามว่าห่างขนาดไหน ก็ขณะที่ได้ยินเสียงจากศาลาสวดศพเพียงแว่ว ๆ เท่านั้น 

เมื่อเดินเข้ามาในห้องน้ำ จะมีหลอดไฟนีออนติดกับเสาเพียงหลอดเดียวเท่านั้น เปิดประตูห้องน้ำเข้าไป จะเจอโถส้วม แบบนั่งยอง ๆ ด้านขวามือจะมีอ่างน้ำเล็ก ๆ แบบปูนที่ก่อขึ้นมา มีก๊อกน้ำ และขันตักน้ำ มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ เล็ดลอดเข้ามา

ด้วยความรีบร้อนและปวดท้องสุดๆ ผมก็รีบทำธุระจนเสร็จ ล้างก้นเสร็จ กำลังตักน้ำราดส้วม จู่ ๆ ผมก็ได้ยินเสียงแว่วเหมือนคนหัวเราะ เบา ๆ ผมคิดว่าน่าจะมีคนอยู่ข้างนอกละมั้ง จึงเปิดประตูออกไป พยายามมองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เจอใคร ก็เลยตักน้ำราดส้วมต่อ 

“หึหึ ๆ”  

เสียงคนหัวเราะเดิม!! ผมก็พยายามมองซ้ายมองขวาอีกที แต่ก็ไม่เจอใครเหมือนเดิม แล้วผมก็ก้มลงไปเพื่อตักน้ำต่อ 

“หึหึ ๆ” 

คราวนี้ชัดเจนเลย มีหน้าของผู้ชายคนหนึ่งสะท้อนอยู่ในอ่างน้ำ ด้วยความตกใจ ผมจึงเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบน ว่ามีใครแอบดูอยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่เจออะไร ผมก็เลยมองลงมาดูในอาบน้ำ  ยังคงเห็นเงาสะท้อนของหน้าคนอยู่ในอ่างน้ำ

แม้น้ำในอ่างจะกระเพื่อม แต่หน้าของผู้ชายคนนั้นมันกับนิ่งสนิท เขาค่อยๆเริ่มยิ้มให้  ยิ้มแบบกว้างที่สุดเท่าที่คนคนนึงจะยิ้มได้!! 

เท่านั้นแหละผมทิ้งขันน้ำทันที รีบผลักประตูออกมาเต็มแรง แต่ประตูเปิดไม่ออก สุดท้ายนึกขึ้นได้ว่าประตูมันต้องดึงเข้าไม่ใช่ผลักออก บ้าจริง!! ผมต้องดึงเข้าหาตัวเองสิ 

ผีหลอกกกกกกก!!

ผมวิ่งออกมา กลับเข้างานพร้อมกับส่งเสียงร้องดังลั่นวัด  คนในงานก็ออกมามุงดูผมกัน พระอาจารย์ถามผมว่าเป็นอะไร ผมจึงเล่าสิ่งที่เจอมาให้ท่านฟัง พระอาจารย์ก็บอกว่า “สงสัยเขามาขอส่วนบุญ เณรเพิ่งบวชวันแรก ศิลยังบริสุทธิ์อยู่ บุญเยอะ” 

ผมตกใจ มันคือสิ่งที่เด็กคนหนึ่งต้องเจอเหรอเนี่ย แต่สุดท้ายพระอาจารย์ท่านก็สอนให้ผมแผ่เมตตา นี่คือเหตุการณ์ที่ผมเจอสิ่งที่เรียกว่า “ผี” ครั้งแรก

หลังจากงานศพคุณย่าผ่านไปไม่นาน ผมกับครอบครัวก็ต้องย้ายบ้าน เพราะพื้นที่บริเวณบ้านที่อาศัยถูกเวนคืนเพื่อสร้างถนน ครอบครัวจึงย้ายไปเช่าอยู่อีกที่นึง ซึ่งอยู่ตรงทางสามแพร่งพอดี 

ซึ่งทางแแยกจะเป็นรูปตัว ที  ถ้าขับตรงมาตามทาง เลี้ยวขวาจะเจอบ้านผม ฝั่งตรงข้ามจะมีบ้านที่เปิดเป็นร้านขายของชำ

วันที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นวันอาทิตย์ ลักษณะของบ้านหลังนี้จะเป็นตึกแถว 2 ชั้น ด้านบนเป็นดาดฟ้า ซึ่งบนดาดฟ้าจะมีศาลพระภูมิอยู่ 

ซึ่งบนดาดฟ้าของตึกแต่ละหลังจะมีกำแพงกั้นกันอยู่ เป็นกำแพงที่ไม่ได้สูงมาก ทำให้สามารถปีนข้างไปดาดฟ้าบ้านหลังอื่นได้ แต่ดาดฟ้าของบ้านหลังอื่น ๆ จะไม่มีศาลพระภูมิเหมือนบ้านผมนะ

บนชั้น 2 ของบ้านจะมีหน้าต่างบานหนึ่ง ถ้ามองจากหน้าต่างลงไปจะเห็นบ้านร้านขายของพอดี ครอบครัวของผมจะนอนบนชั้น 2 ห้องนี้แหละ เพราะมีหน้าต่าง เวลานอนก็จะเปิดหน้าต่างรับลมเข้ามา เย็นสบายดี

ถ้าหันหน้าเข้าหน้าต่าง พ่อผมจะนอนซ้ายมือสุด ถัดมาเป็นแม่ พี่คนโต พี่คนกลาง ส่วนผมจะเอาที่นอนไปปูนอนด้านบนหัวนอนของทั้ง 4 คน เท่ากับว่าผมนอนติดกับหน้าต่างนั่นเอง 

มีอยู่วันหนึ่งผมออกไปจ่ายตลาด แล้วในตลาดจะมีซุ้มหมอดูไพ่ยิปซี ดูลายมือ ที่คอยกวักมือเรียกคนเข้ามาดู ซึ่งตัวผมเองตอนนั้นไม่เชื่อเรื่องอะไรพวกนี้ 

มีหมอดูคนหนึ่งกวักมือเรียกผมให้เข้าไปดูดวง ผมก็สายหน้าบอกไม่ดู เขาจึงลุกขึ้นเดินจากโต๊ะ เดินเข้ามาทักผมว่า เนี่ย ไม่ได้คิดเงินนะ แต่ดวงผมจะต้องเห็นสิ่งพวกนี้ไปตลอด เพราะว่ามันมีเหตุการณ์ที่ทำให้จิตของผมเปิดไปแล้ว ทำให้สิ่งลี้ลับต่างๆมันเข้ามาสื่อสารได้ง่าย

เอาตรงๆตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันหลอกลวง เดี๋ยวก็คงจะชวนไปดูดวง ผมก็เลยบอกว่าขอบคุณครับแล้วเดินออกมาเลย

หลายครั้งที่คนแถวบ้านจะมาถามผมว่าเจออะไรแปลกๆ ไหม ผมก็ได้ใส่ใจคำพูดของชาวบ้าน ก็เลยบอกไปว่าไม่เจออะไรนะ 

แต่ในความเป็นจริง ตอนดึกๆ ในขณะที่ทุกคนนอนกันหมดแล้ว บางคืนก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ชั้นล่างบ้าง ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดบ้าง (บันไดไม้) ความที่ผมไม่ได้กลัวอะไร เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร

จนช่วงหลังๆเริ่มเจอเหตุการณ์หนักขึ้น คือหลายครั้งที่ผมนอนอยู่ กำลังสะลึมสะลือ กึ่งหลับกึ่งตื่น ผมจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนหัวนอน  แล้วมองไปที่หน้าต่างตลอดเวลา สีหน้าของเธอดูเศร้ามาก 

ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมจะเห็นเพียงใบหน้าด้านขวาของเธอ  สายตามองของเธอจ้องมองไปที่หน้าต่าง และทำหน้าเศร้าอย่างนั้นทุกครั้ง 

จนมีอยู่คืนหนึ่ง ด้วยความที่ผมอยากจะรู้ว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้น ผมฝันไปหรือเรื่องจริง ผมเลยพยายามไม่หลับ แต่ก็เผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกที รีบเงยหน้าขึ้นมอง เจอผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ท่าเดิม ที่เดิม!! 

แต่คราวนี้เหมือนผู้หญิงคนนั้นจะรับรู้ว่าผมกำลังมองเธออยู่ เธอค่อยๆหันหน้ามองมาที่ผม  จนเห็นใบหน้าซีกซ้ายของเธอชัด ๆ  ที่เต็มไปด้วยรอยเลือด  นั่นทำให้ผมตกใจ จนช็อกภาพตัดหมดสติไปเลยยันเช้า  

ผมมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนจริงๆ แต่ผมก็เลือกจะไม่บอกทุกคนในบ้าน เพราะกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วทุกคนจะกลัวแล้วอยู่กันไม่ได้ 

หลังจากที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังนี้มา 13 ปี คุณพ่อก็ได้มาซื้อบ้านอยู่เป็นของตัวเอง เราก็เลยต้องคืนบ้านเช่าหลังนี้ ในวันที่คืนบ้าน ผมคิดว่าไหน ๆ ก็จะย้ายออกแล้ว ผมจึงถามพ่อตรงๆว่า “พ่อครับ ที่บ้านหลังนี้มีผู้หญิงเสียชีวิตใช่ไหม” 

พ่อผมมองหน้าผมแล้วถามว่าไปรู้อะไรมา ผมก็บอกว่า ผมไม่ได้รู้อะไรจากใคร แต่ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่บนหัวนอนผม ใบหน้าซีกซ้ายเต็มไปด้วยเลือด บ่อยมาก

พ่อผมจึงบอกว่า ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็ย้ายออกแล้ว งั้นพ่อจะเล่าให้ฟังแล้วกัน…. 

ก่อนที่พวกเราจะเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เคยมีแปะคนหนึ่งมาเช่าเปิดร้ายขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ แต่ก่อนหน้าที่อาแปะจะมาเช่าอยู่ ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเช่าอยู่กับสามี แต่สามีเธอไปมีเมียน้อย และได้ทิ้งเธอไปอยู่กับเมียน้อย ด้วยความเสียใจ ผู้หญิงคนนี้เลยตัดสินใจยิงตัวตายตรงหน้าต่างชั้น 2 ของบ้าน นั่นคงเป็นสาเหตุที่ใบหน้าซีกซ้ายของเธอเต็มไปด้วยเลือด 

ต่อมาเจ้าของบ้านก็ประกาศให้เช่าบ้านหลังนี้ จนมีอาแปะขายก๋วยเตี๋ยวมาเช่าอยู่ 

ประตูของบ้านหลังนี้ เป็นประตูเหล็กแบบซี่กรงที่ต้องดึงทั้ง 2 ฝั่งเข้าหากัน และมีประตูบ้านเหล็กบางๆปิดด้านในอีกชั้น 

อาแปะคนนี้และแรกก็ขายของปกติ แต่หลังๆเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่ปิดบานเหล็กชั้นใน และยังลงมานอนที่พื้นชั้นหนึ่งของบ้านอีก  

ต่อมาอาแปะก็บอกกับชาวบ้านในระแวกนั้นว่าเจอผีผู้หญิงหลอก แรกๆก็คิดว่ายังอยู่ไหว นิมนต์ให้พระมาทำบุญบ้าน แต่ก็เหมือนเดิม ยังคงเห็นผู้หญิงคนนั้นมาหลอกหลอนเกือบทุกคืน จนอยู่ต่อมาไม่ไหว ก็เลยย้ายออก

และครอบครัวต่อมาที่มาเช่าอยู่ก็คือครอบครัวของผม ด้วยความที่บ้านผมค่อนข้างจะให้เกียรติสถานที่ เมื่อมาถึงปุ๊บก็ไปไหว้ศาลพระภูมิ ทำอะไรให้มันถูกต้อง ณ ตรงนี้แม่ก็เล่าให้ฟังว่า 

จริงๆแม่ก็เจอเรื่องแปลกๆตั้งแต่วันที่เข้ามาวันแรกอยู่ อย่างที่ผมบอกตอนแรกคือเราย้ายเข้ามาอยู่วันอาทิตย์ แล้วแม่ก็เดินไปซื้อของ ที่ร้านขายของฝั่งตรงข้าม ป้าเจ้าของร้านก็บอกว่า 

“เอ้า ย้ายมาตั้งแต่เมื่อวาน ทำไมเพิ่งมาซื้อของ” แม่ผมก็บอกว่า “เปล่านะ ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่วันนี้” หลังจากวันนั้น ป้าร้านขายของฝั่งตรงข้ามก็เคยไม่พูดอะไรอีกเลย 

จนแม่มารู้เรื่องราวของผู้หญิงคนนั้นทีหลัง แม่ก็เลยไปถามป้าร้านขายของฝั่งตรงข้าม แกก็เลยบอกว่า แสดงว่าคนที่เห็นในคืนนั้นไม่ใช่แม่ผม แต่เป็นผู้หญิงคนนั้น 

ผมก็แปลกใจว่า ในเมื่อป้าแกอยู่บ้านตรงข้าม แสดงว่าต้องเห็นประจำหรือเปล่า แม่ก็บอกว่า ป้าร้านขายบอกว่า ปกติถ้าไม่มีคนมาเช่าอยู่ ก็จะไม่มีใครเห็นอะไรเลย แต่พอมีคนมาเช่าอยู่ คนแถวนี้เริ่มเจออะไรแปลก ๆ กัน 

ซึ่งครอบครัวผมก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มานานพอสมควร คนแถวนั้นคงคิดว่าครอบครัวผมว่าอยู่กันได้อย่างไงตั้งหลายปี จนผมย้ายออก เลยคิดว่าทุกอย่างมันน่าจะสงบไป 

หลังจากที่ผมย้ายออกไปก็มีเถ้าแก่มาเช่าต่อ เพื่อร้านจักรเย็บผ้า โดยจ้างคนงานมาเย็บผ้าอีกที แต่ผมก็ไม่กลับไปแถวนั้นนานแล้ว จึงไม่รู้ว่าเขาเจออะไรในบ้านหลังนั้นหรือเปล่า

จนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องกลับไปหาคนรู้จักที่ซอยนั้น เขาก็เล่าให้ฟังว่า รู้ไหมคะ เถ้าแก่ที่มาเช่าต่อ ตายแล้วนะ ผมก็ถามว่า เฮ้ย แกเป็นอะไรตายครับ 

เขาก็บอกว่า เถ้าแก่เขาจ้างคนงานมาเพิ่ม ซึ่งคนงานทั้งหมดก็พักอาศัยอยู่ในตึกนั่นและ ด้วยความที่คนเยอะขึ้น ราวตากผ้าจึงไม่เพียงพอต่อจำนวนคน  เถ้าแก่ก็เลยถือค้อนปอนด์ขึ้นไปทุบศาลบนดาดฟ้าทิ้ง โดยที่ไม่ได้ทำพิธีอะไรเลย  เสร็จแล้วก็ให้คนงานช่วยกันขนเอาเศษซากศาลพระภูมิลงมาทิ้ง จากนั้นก็ทำราวตากผ้า ค่อมไปบนฐานศาลพระภูมินั้นเลย

หลังจากนั้นเถ้าแก่เริ่มไม่ปกติ นั่งเหม่อลอย เห็นคนเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าบ้าง แต่พอเดินตามขึ้นไปก็ไม่เจอใคร แล้วก็มีข่าวว่าเถ้าแก่เริ่มล้มป่วย เจ็บออด ๆ แอด ๆ ไม่นานเถ้าแก่เสียชีวิต โดยไม่มีใครทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร คนก็ร่ำลือกันว่าเป็นเพราะเถ้าแก่ไปทุบศาลพระภูมินั่นแหละ

สุดท้ายบ้านหลังนั้นเท่าที่ผมทราบ ก็ยังมีคนเช่าอยู่ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนครเช่าไปกี่มือแล้ว แต่บ้านทุกหลังที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงยังบอกเหมือนกันว่า มีครอบครัวผมนี่แหละที่เช่าอยู่ได้นานสุด ตั้ง 13 ปี …และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง ครั้งแรกที่ฉันเจอผี

บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือเล่าลงพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด

Previous articleแม่ชีที่ถูกไล่ 
Next articleตำนาน “บาเตาะ เผ่ากินเนื้อคนในไทย” แห่งผืนป่าฮาลา บาลา นราธิวาส ที่ว่ากันว่าตอนนี้ยังหลงเหลืออยู่!