ต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากที่ เชอร์รี่แอน ดันแคน ถูกพบเป็นศพ โดยฆาตกรใช้สายรัดคอจนขาดอากาศหายใจและนำศพไปทิ้งไว้บริเวณป่าแสมบางสำราญ นำไปสู่การจับผู้ต้องหาถึง 5 คน ซึ่งในเวลา 6 ปีต่อมา ศาลจึงมีคำสั่งว่าพวกเค้าทั้ง 6 คนไม่มีความผิด จนเป็นคดีที่กล่าวขานในเรื่องของการจับแพะมากที่สุดคดีหนึ่ง แล้วใครอยู่เบื้องหลัง เรื่องราวอันน่าหดหู่ใจนี้ เชิญติดตามต่อได้เลยค่า
จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังของ เสี่ยวินัยพบว่า มีเส้นทางชีวิตที่ไม่ธรรมดา และจบการศึกษาในระดับที่ไม่น่าเชื่อว่าจะสวนทางกับพฤติกรรมที่แสดงออกเช่นนี้
เสี่ยวินัย เกิดในครอบครัวที่จัดได้ว่าเป็นผู้มีอันจะกิน บิดาและมารดานับได้ว่าเป็นผู้มีฐานะทางการเงินที่ดีครอบครัวหนึ่งเลยทีเดียว
เสี่ยวินัยสำเร็จการศึกษาวิชาออกแบบและสถาปัตย์ จากสหรัฐอเมริกา จากนั้นกลับมาทำงานในประเทศไทย ปี 2519 โดยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการก่อสร้าง และได้มาพักอาศัยอยู่กับมารดาที่บ้านพักเยื้องตรงข้าม สน.ทุ่งมหาเมฆ ซอยสวนพลู เขตยานนาวา
ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2523 ได้เปิดภัตตาคาร ชื่อ ‘สามก๊ก’ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักใน ซอยสวนพลู และได้รู้จักกับ น.ส.สุวิบูลย์หรือกุ้ง โดยการแนะของน้องสาวตนเอง หลังจากรู้จักกันได้เพียง 2 เดือน ก็ได้เสีย มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา กับ สุวิบูลย์ แต่ไม่ได้แต่งงานกัน เพราะแม่ของฝ่ายหญิงไม่ปลื้มเสี่ยวินัย
ด้วยสัมพันธ์ที่มีต่อกันอย่างแน่นแฟ้นทั้ง 2 คน จึงได้ร่วมทุนกันสร้าง คอนโดมิเนียม ชื่อ ‘ริเวอร์วิว คอนโดมิเนียม’ เป็นอาคารให้เช่าพักจำนวน 8 ชั้น อยู่แถว ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ ในปี พ.ศ.2524
ระหว่างที่ร่วมดำเนินกิจการและมีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับ สุวิบูลย์อยู่นั้น ในปี พ.ศ. 2528 เสี่ยวินัยก็ได้รู้จักกับ เชอร์รี่ แอน ดันแคน อายุ 16 ปี ที่ร้านอาหาร ‘พี.เจ.’ สุขุมวิท 19 ซึ่งเป็นของบิดาและมารดาของเชอรี่แอน เสี่ยวินัยเกิดหลงใหล ปลื้มในเรือนร่างของลูกครึ่งอเมริกันผู้นี้เหลือเกิน
และในที่สุดความฝันของเสี่ยวินัยก็บรรลุผล เมื่อแม่ของเชอร์รี่ แอน ยินยอมให้เสี่ยวินัยพาไปเลี้ยงดูอุปการะและอยู่กิน โดยมีเรือนหออยู่ที่ห้องพักในริเวอร์วิว คอนโดมิเนียม
ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้แม่ของ เชอร์รี่ แอน ตัดสินใจ ทำเช่นนั้น เพราะเป็นผลมาจากความร้าวฉานที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว ผู้เป็นพ่อชาวอเมริกันมีพฤติกรรมที่ไม่พึงปฏิบัติในทำนองชู้สาวต่อลูกสาวในไส้หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเมา แม่ของเธอจึงตัดสินใจให้เสี่ยวินัยดูแล เชอร์รี่ แอน ในเวลาต่อมา
นอกเหนือจากการลงทุนร่วมกับ น.ส.สุวิบูลย์ ในกิจการให้เช่าคอนโดมิเนียมแล้ว เสี่ยวินัยยังดำเนินกิจการอื่นๆ อีกมากมาย โดยใน ปี พ.ศ. 2529 ได้ตั้ง ‘ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวลิตี้ อาคิเทค แอนด์เมนเทนเม้นท์’ หรือ ‘คิว เอ เอ็ม’ ประกอบธุรกิจก่อสร้างตกแต่งอาคาร ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน
สำหรับต้นตอปัญหาความขัดแย้ง ของ รักสามเส้า ที่เกิดขึ้น ระหว่างเสี่ยวินัย-สุวิบูลย์-เชอรี่แอน กลายเป็นศึกชิงรักหักสวาทที่บานปลายใหญ่โตนำไปสู่คดีฆาตกรรม อันลึกลับซับซ้อนและโหดร้ายป่าเถื่อน ในวันที่ 22 ก.ค. ปี พ.ศ. 2529
อีกทั้งยังสืบทอดความทุกข์ร้อนแสนเข็ญไปสู่บรรดากลุ่ม แพะรับบาป ของคดีและทายาทจวบจนปัจจุบันอย่างไม่รู้จักจบสิ้นนั้น ถ้าจะกล่าวว่าเป็นผลมาจาก ความเจ้าชู้ ไม่รู้จักพอของเสี่ยวินัยก็คงจะไม่เกินเลยไปนัก
เพราะขณะที่สังคมรับรู้ว่า เสี่ยวินัยอยู่กินกับสุวิบูลย์ ก็ยังแอบเล็ดลอดไปหาความสุขกับหญิงอื่นอย่างไม่ ลด ละ ตลอดเวลา และมีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างมากหน้าหลายตา กระทั่งสร้างความไม่พอใจให้กับ สุวิบูลย์ ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูทางการเงินของเสี่ยวินัย
เท่าที่ทราบนอกจาก สุวิบูลย์ และ เชอรี่ แอน แล้วก่อนหน้านั้นเสี่ยวินัยยังแอบลักลอบได้เสียกับทิพย์วรรณ หรือ น้อย ซึ่งเป็น คนรับใช้ ในบ้านของแม่ตนเองอีกด้วย
ทิพย์วรรณได้เข้าเป็นคนรับใช้อยู่ที่บ้านแม่ของเสี่ยวินัยขณะที่มีอายุ 14 ปี โดยได้รับเงินเดือนในครั้งแรก 350 บาทต่อเดือน ต่อมาเมื่ออายุได้ 16 ปี ก็ได้ตกเป็นภรรยาของเสี่ยวินัยแบบลับๆ
หลังเกิดคดีฆาตกรรม ในระหว่างที่เสี่ยวินัยหลุดจากคุกเป็นคนแรก ปรากฏว่า แทนที่เสี่ยวินัยจะขัดแย้งกับ สุวิบูลย์ เพราะเป็นต้นเหตุให้ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาและหวิดที่จะมีชะตาชีวิตเหมือนกับแพะทั้ง 4 คน
เสี่ยวินัยกลับพยายามที่จะหาทางคืนดีกับ สุวิบูลย์ ไม่มีใครทราบว่า เสี่ยวินัยมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ แต่สามารถคาดเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการคืนดีกับ สุวิบูลย์ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีอยู่วันหนึ่งเสี่ยวินัยไปหา สุวิบูลย์ที่บ้านและพบเห็นกับตาตนเองว่า อดีตคู่ขาเก่าคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ‘พ.ต.ท.ล้ำเลิศ ธรรมนิธา’ รองผู้กำกับการ สภอ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นหนึ่งในพนักงานสอบสวนคดีนี้
เสี่ยวินัยกับ พ.ต.ท.ล้ำเลิศ เกิดมีปากมีเสียงกันจนมีการแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน โดยเสี่ยวินัยแจ้งความว่า พ.ต.ท.ล้ำเลิศขู่ฆ่า ส่วน พ.ต.ท.ล้ำเลิศแจ้งความว่าถูกเสี่ยวินัยพูดจาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ในขั้นแรกที่เสี่ยวินัย ถูกจับกุม และตั้งข้อกล่าวหานั้น เจ้าหน้าที่ตรวจแถลงข่าวว่า มูลเหตุสำคัญที่สุดที่เป็นเหตุจูงใจที่ทำให้เสี่ยวินัย วางแผนฆ่า เชอรี่ แอน เนื่องจากเขาจับได้ว่า เชอรี่แอนแอบมีชายหนุ่มคนใหม่ แถมยังพามาค้างที่คอนโดฯ ของเขาอีกด้วย พิษรักแรงหึงทำให้เขาใช้วิธีจ้างวานบริวารใกล้ชิด ให้อุ้มเชอรี่แอนไปฆ่าด้วยความแค้น
ผลสรุปเรื่องราวแห่งคดีฆ่านี้ทั้งหมดนี้พยานโจทย์ให้การว่า กลุ่มฆาตกรได้ทำการมอมยาผู้ตายให้สลบ อาจด้วยการโปะยาบนรถแท็กซี่ หลังจากนั้นจึงนำร่างเธอไปที่เกิดเหตุ โดยอาจปล่อยร่างของเธอค่อยๆ จมลงน้ำ จนขาดใจตายไปเอง อย่างที่เหตุการณ์ปรากฏ (ซึ่งตอนแรกบอกว่า บีบคอจนตาย??)
แม้ว่าจำเลยทั้งหมด จะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา มาตั้งแต่ถูกจับกุมและในชั้นสอบสวนก็ตาม แต่เมื่อความจริงเปิดเผยออกมา ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เพราะพวกเขา ทั้งถูกซ้อม ทรมานด้วยวิธีต่างๆ นานาสารพัดสารพัน จากคดีง่ายๆ กับกลายเป็นคดีซ้อนคดีในเรื่องราวกันจนแยกไม่ออก ระหว่างกลุ่มฆาตกร และ แพะรับบาป
หลังจากรู้ว่ากลุ่มฆาตกรที่จับมาเป็นแพะรับบาป เจ้าหน้าทีตรวจต้องรื้อคดีใหม่หมด โดยเริ่มต้นจาก สภอ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ขนาดกองปราบปรามที่ถูกร้องเรียนจากเสี่ยวินัย ให้มาช่วยสืบสาวความเป็นจริง และความยุติธรรมที่จริงแท้ของคดีนี้ ให้กระจ่าง
นอกจากจะจับกลุ่มฆาตกรในคดีนี้แล้ว ยังต้องวางแผนจับกุมกลุ่มตำรวจแหกคอกไปพร้อม ๆ กันอีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นงานหนักเอาการ
เวลาล่วงเลยจนมาถึง ปี พ.ศ. 2535 เกือบ 10 ปี หลังจากเกิดการฆาตกรรม เชอรี่ แอน เจ้าหน้าที่กองปราบปราม ยังไม่ทิ้งคดีนี้เสียทีเดียว มีการรื้อสำนวน สอบปากคำพยาน และรวบรวมหลักฐานใหม่ทั้งหมด
ความลับและปริศนาในอดีตค่อยๆ กระจ่างออกมาที่ละปม จนกระทั่งชุดที่สืบสวนโชว์ผลงานจับกุมกลุ่มฆาตกรตัวจริงได้ โดยกลุ่มสืบสวนในตอนนั้นประกอบไปด้วย
พ.ต.อ.อดิศร จินตนะพัฒน์ รอง ผกก.3 ป รองผู้กำกับการ 3
พ.ต.ท.จตุรงค์ เนขขัมม์ รองผกก.3 ป รองผู้กำกับการ 3
พ.ต.ท.โชคดี อนุภาพเดช
ร.ต.อ.สมศักดิ์ พัฒนเจริญ (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น)
การรื้อฟื้นคดีที่ศาลพิพากษาตัดสินไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่าย ๆ ในวงการยุติธรรมไทยในสมัยนั้น ทั้งสามฝ่าย คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษา ต้องดำเนิน
ทั้งตัวบทกฎหมาย ด้วยความยุ่งยากหลายขั้นตอนเป็นคดีที่ซ้อนขึ้นอย่างหลายเงื่อน ในโจทย์เดียวกัน ทุกอย่างจึงรื้อฟื้นโดยเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ทั้งหมด
เจ้าหน้าที่กองปราบ พบว่า นอกจาก เสี่ยวินัยจะมีความสัมพันธ์สวาทกับ เชอรี่ แอน แล้ว เขายังมีผู้หญิงคนอื่นอีก หนึ่งในนั้นคือ สุวิบูลย์ หุ้นส่วนธุรกิจของเสี่ยวินัย และนอกจากนั้น ก็ยังมีผู้หญิงอีก 2-3 คน ในบริษัทก่อสร้างที่เป็นคู่ขาของเขา ตำรวจสืบแกะรอยจากคู่ขาของเสี่ยวินัยทุกคน
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2538 ข่าวการฆาตกรรม เชอรี่ แอน กลับมาโด่งดังอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่กองปราบจับกุมผู้ต้องหาคดีนี้เป็นครั้งที่สอง ประกอบไปด้วย นายสมใจ และ นายสมพงษ์ บุญญฤทธิ์ สองศรีพี่น้อง ที่เชื่อกันว่าเป็นคนสังหาร เชอรี่ แอน ตัวจริง
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2538 จับนายสมัคร ธูปบูชาการ และนายว่องไว ผู้ร่วมทีมสังหาร
วันที่ 1 พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2538 สุวิบูล เดินเข้ามามอบตัวในฐานะถูกกล่าวหา ว่าเป็นผู้จ้างวาน แต่ใช้หลักทรัพย์ 5,000,000 บาท ประกันตัวออกไปได้
วันที่ 18 มกราคม ปี พ.ศ. 2539 ตัวรวจจับกุม นายประมวล พลัดโพชน์ คนขับรถสามล้อในข้อหาแจ้งความเท็จ และในที่สุดศาลตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 8 ปี
ในชั้นศาล ตำรวจได้ประมวลเหตุการณ์ และหลักฐานต่าง ๆ สรุปส่งฟ้องศาล ดังต่อไปนี้
นงสาวสุวิบูลย์ เกิดความหึงหวง เชอรี่ แอน ขึ้นมา เมื่อสืบรู้ว่านายวินัย มีความสัมพันธ์สวาทกับเธอ อย่างลับๆ และได้นำ เชอรี่ แอน มาเลี้ยงดูจนออกหน้าออกตา ส่งเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้
ด้วยความแค้นและริษยา หึงหวง จึงจ้างวานให้คนอื่น อุ้ม เชอรี่ แอนไปฆ่าโดยไตร่ตรองและวางแผนไว้ก่อน
โดยมี นายสมพงษ์และนายสมใจ สองมือฆ่า ซึ่งทั้งคู่เคยเป็นพนักงานบริษัทของเสี่ยวินัยมาก่อน จึงรู้จัก เชอรี่ แอน พอสมควร อีกทั้งยังเคยรับส่งเชอรี่แอนอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งภรรยาของเขาทั้งสองก็เคยเป็นพี่เลี้ยง เชอรี่ แอน มาก่อนเป็นบางครั้งที่เสี่ยวินัยติดธุระ แต่ภายหลังเกิดมีเรื่องบาดหมางกับเสี่ยวินัย จนต้องย้ายมาทำงานกับสุวิมลแทน
ด้วยความแค้นที่มีต่อเสี่ยวินัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งสองจึงรับปากกับ สุวิบูลย์อย่างง่ายได้ และด้วยความรู้จักสนิทสนมกับ เชอรี่ แอน จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหลอกเธอไปฆ่า
นายสมัคร ธูปบูชาการ ก็มีความสนิทสนมกับกลุ่มฆาตกรกลุ่มนี้ด้วย
นายพีระ ว่องไววุฒิ เป็นเพื่อนสนิทกับนายสมพงษ์ และนายสมใจ และเป็นโซเฟอร์แท็กซี่มรณะ หมายเลขทะเบียน 1ท-3992 กรุงเทพมหานคร ที่ไปรับส่งเชอรี่แอนที่หน้าประตูโรงเรียน จนพบจุดจบของชีวิต แต่เจ้าหน้าที่กันตัวเขาไว้เพื่อเป็นพยานในคดีนี้
แผนการฆ่าก็ง่ายดายนัก คือ เดินทางไปรับ เชอรี่ แอน ที่โรงเรียนพระกุมารเยซูวิทยา ในซอยสุขุมวิท 101 โดยนายสมพงษ์ และนายสมใจ ใช้อุบายล่อหลอก เชอรี่ แอน ในเรื่องที่เกี่ยวกับเสี่ยวินัย จนเธอหลงเชื่อ วางใจ และยอมขึ้นรถไปด้วย
ระหว่างทางที่ขับรถไปบางปู เธออาจรู้สึกตัวว่ามันมาผิดเส้นทางที่ควรจะเป็น เธอคงพยายามหนีออกจากรถ และมีการต่อสู้ขัดขืนเกิดขึ้นในแท็กซี่มรณะคันนั้น ด้วยรู้ล่วงแล้วว่าซะตาชีวิตจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
กลุ่มฆาตกรจำเป็นต้องบีบคอเธอจนเสียสติ จนถึงหลักกิโลที่ 43 ตำบลบางปูใหม่ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นป่าแสม รกชัฏและเปล่าเปลี่ยว กลุ่มฆาตกรนำร่างของเธอ ไปทิ้งไว้ในร่องน้ำจนจมน้ำตาย และชาวบ้านมาพบศพในอีก 2 วันต่อมา
นี่..อาจเป็นผลการตัดสินที่ล้มมวยคนดูทั้งประเทศก็ได้ !!
วันที่ 6 สิงหาคม ปี พ.ศ.2540 เกือบสองปีต่อมาหลังจากจับกุมกลุ่มฆาตกรและผู้จ้างวานตัวจริง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ให้ตัดสินประหารชีวิต สุวิบูลย์ พัฒน์พงษ์พานิช ผู้จ้างวาน รวมทั้งนายสมพงษ์ บุญฤทธิ์ และนายสมัคร ธูปบูชากร สองมือฆ่า ก็ถูกพิพากษาให้ประหารชีวิตเช่นเดียวกัน
ต้นปี พ.ศ.2542 ศาลอุทรณ์พิพากศาลยืนตาม ศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิตโดยไม่ลดหย่อนผ่อนโทษ
แต่…. วันที่ 29 พฤษภาคม ปี พ.ศ.2542 ศาลฎีกา พลิกคำตัดสินจากสองศาลแรก โดยให้ปล่อยตัว สุวิบูลย์ไป เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ แม้ว่าจะทำให้เชื่อว่า สุวิบูลย์ เป็นคนจ้างวานฆ่าเชอรี่แอนตัวจริงก็ตาม ส่วนสองมือฆ่า ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
ส่วนกลุ่มตำรวจชุดแรกของ สภอ. เมืองสมุทรปราการ ที่สืบสวนคดีนี้และปั้นพยานเท็จเพื่อจับแพะขึ้นมานั้น ทั้งหมดไม่ได้ถูกลงทัณฑ์แต่อย่างใด เพราะศาลตัดสินแล้วว่า กระทำลงไปตามขั้นตอนของการสอบสอน ตามกฎหมายทุกประการ ปัจจุบันบางคนก็ได้ดีในหน้าที่การงานด้วยซ้ำ
ส่วนเสี่ยวินัย ต้นเหตุทุกวันนี้ยังไม่เลิกพฤติกรรมเดิม ๆ นอกจากนี้ยังฟ้องร้องครอบครัวของแพะรับบาปในเรื่องการแบ่งฟ้องค่าสินไหมทดแทนคดีนี้อย่างไม่รู้จักจบสิ้น
ความตายของ เชอรี่ แอน กลายเป็นตำนานฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่สุดในประเทศไทย ผลพวงของคดีนี้ที่ตามมาคือเกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการยุติธรรมมากมายทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษา
ปี พ.ศ.2539 สำนักงานอัยการสูงสุด จัดเสวนาวิชาการเรื่อง “คดีเชอรี่แอนกระบวนการจะคุ้มครองเสรีภาพของผู้บริสุทธิ์อย่างไร” จากการเสวนาครั้งนั้นได้มีการปรับปรุงขั้นตอนยุติธรรมบางอย่าง ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้อีกด้วย”
ก็จบกันไปแล้ว สำหรับคดีของ เชอรี่แอน ดันแคน ต้องบอกเลยว่า เป็นคดีอยุติธรรม ที่แสดงถึงรอยด่างพร้อยของวงการตำรวจไทยในอดีต และคดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรมอีกด้วย….
Cr.baanmaha , k.cammy , liekr ,thaipbs , news.mthai , thairath
ขอบคุณที่มา : Red Diary/blockdit.com