เมื่อนวันที่ 4 พฤษภาคม ปี พ.ศ.2564 นายเฉลิมพนธ์ ใหญ่ หงษ์ยนต์ ประธานชมรมกู้ภัยทางน้ำ ภาค 7 ได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าถึงสิ่งลี้ลับที่ตนเองพบมาเกี่ยวกับเรื่อง “ผีพรายกินศพใต้น้ำ” เหตุจมน้ำที่แม่น้ำแม่กลอง บริเวณวังศาลาซอย1อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ไว้ว่า…
เคสนี้จะเล่าเรื่อง ผีพรายกินศพใต้น้ำ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อหลายปีที่แล้วได้รับแจ้งจากศูนย์กู้ภัยว่า มีเหตุจมน้ำที่แม่น้ำแม่กลอง บริเวณวังศาลาซอย 1 อ.ท่าม่วง ผมจึงจัดเตรียมอุปกรณ์เดินทางไปที่เกิดเหตุทันที
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็เวลาพลบค่ำพอดี ที่เกิดเหตุเป็นเกาะอยู่กลางแม่น้ำ มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว ระหว่างที่จอดรถก็เห็นภรรยาผู้เสียชีวิตยืนร้องไห้อยู่ จึงเข้าไปสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ข้อมูลว่า…
เขามาจากจังหวัดชัยภูมิ มากันสองคนกับสามี เพื่อมาหางานทำใน อ.ท่าม่วง แต่ระหว่างที่รองาน สามีก็อยากจะลงมาหาปลาบริเวณนี้ ตนเองก็ไม่อยากขัดใจ จึงชวนกันไปพร้อมแห 1 ปาก ขี่จยย.มาที่แม่น้ำ
มาถึงสามีก็เริ่มเตรียมตัวลงน้ำเพื่อทอดแหหาปลาทันที ใช้เวลาทอดแหอยู่ริมๆข้างแม่น้ำอยู่จนกระทั่งถึงเวลาเย็นก็ยังไม่ได้ปลา
สามีจึงบอกกับตนเองว่า จะข้ามไปอีกฝั่งซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางแม่น้ำ แต่ต้องว่ายน้ำข้ามไป ขอให้ตนเองรออยู่ฝั่งนี้
พอพูดจบดังนั้นสามีตนจึงนำ แห มามัดผูกติดกับร่างกายไว้ เพื่อจะได้ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำไปยังเกาะกลางน้ำ แต่ระหว่างที่สามีของตนเองว่ายน้ำข้ามแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวไปได้ระยะหนึ่ง เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!!!
คือร่างของสามีได้ถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปต่อหน้าต่อตาตนเอง ทำให้ตนตกใจมากทำอะไรไม่ถูกตะโกนบอกชาวบ้านแถวน้ำให้มาช่วยสามีแต่ก็ไม่ทันแล้ว
สามีของตนเองจมหายไปกับกระแสน้ำแล้ว ส่วนตัวภรรยาเองเล่าไปก็ร้องไห้ไป หลังจากได้รับข้อมูลแล้ว ผมกับทีมงานจึงวางแผนเตรียมตัวลงค้นหากันเลย โดยมีประดาน้ำ 3 นาย คือผม โอ๋แล้วก็ชาย
โดยตกลงกันว่าจะทิ้งทุ่นเชือก 2 จุด ตำแหน่งที่ 1 คือเหนือจากจุดจมไปประมาณ 10 ม. จุดที่ 2 ทิ้งทุ่นตรงตำแหน่งที่จุดจมพอดี
ระหว่างนั้นเป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าแล้ว เราไม่ได้พกไฟฉายกันมาเลย ทั้งใต้น้ำและบนบก มีเพียงแสงจากรถยนต์ที่ส่องลงมาจากบนฝั่งเท่านั้น แล้วก็เริ่มลงดำค้นหากันเลย โดยผมให้โอ๋กับชายลงค้นหาคนละทุ่นก่อน ส่วนผมคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ด้านบน
คืนนั้นกระแสน้ำแรงมาก จากการวิเคราะห์ผู้เสียชีวิตที่จมน้ำ แต่มีแหพันตัวไว้ ผมว่าน่าจะเคลื่อนตัวไปได้ไม่ไกล เพราะความหนักของแหและสภาพใต้น้ำเป็นหินตะปุ่มตะป่ำ(หินขี้นกยูง) โอ๋กับชายค้นหาไปได้พักใหญ่ก็ยังไม่พบร่างผู้เสียชีวิต ผมจึงบอกกับโอ๋ว่า ถอดชุดดำน้ำมาให้ผม ผมจะลงดำค้นหาเอง
เราลงค้นหากันอีกรอบโดยให้ชายอยู่ทุ่นแรก ผมค้นหาทุ่นที่สอง คืนนั้นบริเวณใต้น้ำมืดมาก ไฟฉายก็ไม่มี ผมลงค้นหาโดยใช้วิธีค้นหาแบบครึ่งวงกลม คือใช้เชือกผูกกับทุ่นใต้น้ำแล้วเคลื่อนตัวไปทางซ้ายแล้วก็ทางขวา
ผมค้นหาไปได้ไม่ถึง 20 นาที แล้วจู่ ๆ ผมก็เห็นเหมือนควันขาวๆลอยเหมือนควันธูป อยู่ห่างจากตัวผมไปประมาณ 5 ม.ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ด้วยความอยากรู้ผมก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ๆมัน
แต่พอเข้าไปถึง!!! ทันใดนั้น มือผมไปโดนอะไรไม่รู้นิ่มๆเหมือนหน้าคน ผมก็สะดุ้งแล้วชักมือกลับทันที แต่ใจก็อยากรู้ว่าใช่ร่างของผู้เสียชีวิตไหม ผมจึงเอื้อมมือไปอีกครั้งโดยไล่ไปตั้งแต่หน้าตาถึงเส้นผมบนหัวแล้วก็ลูบไปตามตัว ปรากฏว่า เจอ แห ยังติดอยู่ที่ตัว เป็นอันว่าใช่แน่!!
ทีนี้ผมก็เข้าไปช้อนร่างเพื่อจะนำขึ้นมาเหนือน้ำ แต่อุ้มเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น จึงผูกเชือกกับร่างผู้เสียชีวิตไว้ แล้วขึ้นมาบอกพวกข้างบนว่าพบศพแล้วผูกเชือกไว้อยู่ใต้น้ำ ช่วยกันดึงศพขึ้นมาหน่อย…
แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ขึ้น ดังนั้นผมจึงไต่เชือกลงไปดูว่าร่างผู้เสียชีวิตติดกับอะไร หรือแหที่พันตัวติดกับแง่หินหรือป่าว แต่เมื่อดำลงไปดูแล้วก็พบว่าแหไม่ได้ติดอะไร ผมจึงยกมือไหว้บอกเจ้าที่เจ้าทางหรือวิญญาณที่อยู่ ณ.ที่แห่งนี้ พร้อมบอกในใจว่า
“ผมมาดีมีเจตนาดี ขอช่วยปล่อยร่างชายผู้นี้ให้กับครอบครัวเขาด้วยเถิด สาธุๆๆๆๆ”
เสร็จแล้วก็ส่งสันยานให้พวกข้างบนดึงร่างขึ้นไปอย่างง่ายดาย นำศพขึ้นมาได้ก็จัดการมัดร่างผู้เสียชีวิตใส่เปลบรอด แล้วช่วยกันว่ายน้ำพาร่างผู้เสียชีวิตข้ามไปยังอีกฝั่ง พากันมา 5 คนกว่าจะถึงฝั่งได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเลย
แต่ระหว่างนำร่างจะใกล้ถึงฝั่งแล้ว ลูกน้องที่อยู่บนฝั่งมันมีกล้องถ่ายรูป ก็ถ่ายภาพขณะกำลังเอาศพขึ้นมาจากน้ำ พอเอาศพขึ้นมาได้สักพัก ลูกน้องก็เอารูปในกล้องมาให้ดู บอกโก๊ ดูรูปสิ ผมเห็นแล้วขนลุกเลย!!
คือมีดวงไฟสามดวงติดขึ้นมาที่ไหล่ด้านซ้าย 1 ดวงด้านขวา 2 ดวง แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจคืนตรงกลางดวงไฟด้านซ้ายของตัวผมมีภาพใบหน้าของผู้ชายแก่ๆอยู่ตรงกลางดวงไฟเลย ซึ่งทุกคนก็ไม่รู้ไฟอะไร ไฟฉายก็ไม่มี… ผมเลยให้ลูกน้องนำฟิล์มไปล้าง ก็ยังเห็นหน้าคนแก่อยู่กลางดวงไฟอยู่ดี
วันรุ่งขึ้นผมก็ให้พระอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือดู ท่านบอกว่าอาจจะเป็นผีพรายหรือวิญญาณที่อยู่บริเวณนั้นกำลังกินศพอยู่ บังเอิญพวกเราไปนำร่างขึ้นมาเขาเลยตามขึ้นมาก็อาจเป็นไปได้
(ปล.รูปภาพในกล้องที่ไปล้างมา ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นขอไป แต่ไม่ได้ส่งคืนจนถึงทุกวันนี้)
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวประสบการณ์ที่พวกเราพบมามีทั้งอันตรายและเรื่องลี้ลับในที่ต่างๆ มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังต่อไป ฝันดีทุกท่านครับ
เคสนี้จะเล่าเรื่อง”ผีพรายกินศพใต้น้ำ”
ขอบคุณเรื่องจาก เว็บไซต์แนวหน้า