Home คลังหลอน ดอกไม้หน้าศพ ซื้อของเก่าจากงานศพมาใช้ เจอผีตามมาเต็มบ้าน

ดอกไม้หน้าศพ ซื้อของเก่าจากงานศพมาใช้ เจอผีตามมาเต็มบ้าน

ดอกไม้หน้าศพ ซื้อของเก่าจากงานศพมาใช้ เจอผีตามมาเต็มบ้าน

เรามีอาชีพทำดอกไม้หน้าศพ ไม่ได้เป็นร้านดอกไม้แต่จะรับมาทำที่บ้าน คือรับงานมาจากร้านโลงศพ แล้วมาจัดที่ชั้นล่างของบ้าน 

เราย้ายมาเช่าบ้านหลังนี้ได้ 1 ปีแล้ว เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์แบบหลายหลังติดๆ กัน บ้านเราเป็นบ้านหลังมุมติดหน้าซอย และมีสนามหญ้าเล็กๆ ข้างบ้านมีรั้วเป็นระแนงถี่ๆ และปลูกต้นไทรญี่ปุ่นรอบๆ รั้ว 

เราเป็นคนไม่กลัวผีนะ แต่กลัวศพที่ห่อผ้าขาวมากกว่า..

เริ่มเรื่องเลยนะคะ เราเริ่มทำดอกไม้โดยที่ไม่มีประสบการณ์ร้านดอกไม้มาก่อนเลย ไม่เคยแม้กระทั่งเป็นลูกจ้างร้านดอกไม้ เราแค่กำลังตกงาน และมีญาติแนะนำให้ทำ โดยให้ไปเรียนการจัดดอกไม้กับคนรู้จักแค่ 4 ชั่วโมง 

สิ่งที่เราได้รับการสอนมา คือดอกไม้หน้าศพ ช่วงแรกๆ เราก็ยังจัดทรงไม่สวยหรอก ก็ให้ปักดอกไม้เยอะๆ เข้าไว้ก่อน เพราะงานแบบนี้จะไม่ค่อยมีใครมานั่งติชมเรื่องสวยไม่สวยหรอก เพราะเค้าถือกัน เลยเป็นที่มาของเรื่องนี้

เราเริ่มธุรกิจช่วงดอกไม้แพง และเรารับงานมาอีกต่อ เลยต้องขายราคาส่ง ทำไปได้ 3 เดือนแรก อย่าว่าแต่กำไรเลย แทบจะไม่ได้ค่าแรง จัดก็ยังไม่เก่ง วันนึงได้ชุดนึงก็เก่งแล้ว 

เราเลยถามๆ ร้านดอกไม้ที่เป็นคนรู้จักกัน เค้าแนะนำว่าให้เราประหยัดต้นทุน โดยให้ไปเก็บพวกกระถาง ถาดจัดดอกไม้วางหลังหีบ ฟางหน้ารูป ตามวัดที่เวลาสัปเหร่อเค้าเทของงานเก่าทิ้ง กระถางพวกนี้เค้าจะเก็บไว้ขายในราคาถูกๆ ก็จะช่วยประหยัดต้นทุนไปได้อีก ชุดนึงก็หลายบาท ใครๆ เค้าก็ทำกัน!! 

ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่า ไหนๆ เค้าก็จะทิ้งแล้ว จะได้ช่วยลดโลกร้อนลดขยะไปด้วย และจะได้มีเงินเหลือ

จากนั้นเราก็เริ่มไปตามวัดเลยค่ะ แต่ส่วนมากของพวกนี้จะมีร้านดอกไม้หลายร้านมาจองกับสัปเหร่อไว้หมดแล้ว เราไปวันแรกไม่ได้ของกลับมาเลย ได้แต่ทิ้งเบอร์โทรไว้… 

จนผ่านไปประมาณอาทิตย์นึง มีสัปเหร่อวัดหนึ่งโทรมาบแกว่าให้เราไปเอาของ เราก็รีบไปเลย ได้มาทั้งฟางหน้ารูป กระถาง และถาดทรงต่างๆ เพียบเลย จ่ายไปไม่ถึง 300 บาท ดีใจแทบแย่ รีบขนกลับบ้านเลยค่ะ

วันเดียวกัน พอดีเราประกาศในไลน์กรุ๊ปของหมู่บ้านไว้ว่าอยากได้คนช่วยจัดดอกไม้ พอมีประสบการณ์บ้าง ทำงานแบบพาร์ทไทม์ มีงานก็จะโทรไปตาม ถ้าใครสะดวกก็ทักไลน์มา 

แล้วก็มีน้องคนนึงสมัครมาค่ะ ชื่อน้องนุ่น อายุ 19 ปี น้องเค้าไม่ได้เรียนแล้ว เลี้ยงลูก และรับจ้างรีดผ้าอยู่บ้าน แต่พอลูกเริ่มเข้าโรงเรียน และแม่ของนุ่นลาออกจากงานพอดี เลยมาช่วยเลี้ยงแทน น้องนุ่นก็เลยว่างๆ 

ด้วยความที่นุ่นดูเป็นเด็กไม่รั้น แต่จะพูดมากหน่อย ดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร เราเลยลองรับไว้ ค่อยๆ บอกค่อยๆ สอนกันไป พอไหวอยู่… 

วันแรกเรากับนุ่นเริ่มช่วยกันแยกของที่ได้มา พวกถาดและกระถางก็เอามาล้าง  พวกฟางก็เอามาคัดว่า อันไหนใช้ไม่ได้ก็ทิ้ง อันไหนใช้ได้ก็เก็บไว้ 

เราถามนุ่นว่านุ่นกลัวไหม? นุ่นบอก “นุ่นไม่กลัวผีหรอกพี่ นุ่นกลัวอย่างเดียว กลัวผัวทิ้ง” เราก็เอิ่ม.. เอ้า งั้นก็ดี จะได้ทำงานกันได้

วันแรกของการได้ของที่ไม่ควรได้มา..

พอเราล้างของกันเสร็จแล้ว ก็เอาของไว้หลังบ้าน แล้วก็นุ่นขอกลับบ้านเลยเพราะปวดหัวมาก เหมือนจะเป็นไข้ เราเลยให้น้องกลับไปก่อน พรุ่งนี้มีงานพอดี ค่อยสอนจัดดอกไม้กัน  พอนุ่นกลับบเานไปแล้ว เรารีบโทรไปบอกร้านโลงศพว่าถ้ามีงานให้ส่งมาเยอะๆ เลย เพราะเรามีคนช่วยจัดแล้ว.. 

คืนนั้น เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ มีคนมากดกริ่งหน้าบ้านเรา ซึ่งปกติเราไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัว เพราะเราอยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยออดไปคุยกับใครเลย จะมีทักบ้างก็พี่ที่บ้านอยู่ติดกันเท่านั้น 

เราเดินออกไปดู เห็นมีผู้หญิงหน้าตาสวย ผมยาว ใส่เสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้น ยืนอยู่ด้านนอกประตูรั้วบ้าน

เรา: มีอะไรหรือเปล่าคะ? (ในใจคิดว่ามาขอจอดรถหน้าบ้าน)

ผู้หญิง: พี่คะ ขอโทษนะคะ พอดีแมวของหนูวิ่งเข้าไปในบ้านพี่ค่ะ ตรงสวนบ้านพี่ หนูเรียกแล้วมันไม่ยอมออกมา พี่ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ ไล่มันออกมาให้หนูที 

คือปกติสนามหญ้าที่บ้านเรามันก็รกๆ ไฟข้างบ้านก็เสียยังไม่ได้ซ่อม เราเลยทำได้แค่มองๆ แต่ไม่กล้าเดินหา แล้วเราก็บอกไปว่า 

“มันมืด พี่ไม่กล้าเดินหา กลัวงูค่ะ เพราะฝนตก ใต้บ้านก็เป็นโพรง เอาไว้ตอนเช้าจะดูให้นะคะ น้องอยู่บ้านหลังไหน เดี๋ยวถ้าพี่เจอแล้วจะเดินไปบอกค่ะ หรือทิ้งเบอร์เอาไว้ก็ได้..” 

น้องเค้าทำหน้าแบบกังวล คือคงรักมาก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเบอร์ไว้นะคะ บอกแค่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาขอดูอีกที เราก็คิดในใจ “มันก็ต้องยังงั้นแหละ อยู่คนเดียว คงไม่เปิดประตูให้เข้ามาหรอก”  พอคุยกันเสร็จ เราก็กลับเข้าบ้านเลย โดยที่ไม่ได้หันไปมองว่าน้องเค้าเดินกลับไปตอนไหน

เวลาประมาณ 4 ทุ่ม เรานั่งดูทีวีอยู่ข้างล่าง จู่ ๆ เราได้ยินเสียงกริ่งดังอีกแล้วค่ะ ดังทีนึงก่อน กริ่งแรกเราได้ยินไม่ชัดเพราะเปิดทีวีดัง พอดังอีกครั้งคือดังถี่ๆ เลยค่ะ แบบว่ากดรัวๆ เราก็รีบลุกไปดูหน้าบ้านเลย ปรากฏว่าไม่มีใคร…. 

เราคิดในใจว่าคงเป็นเด็กบ้านไหนมากดเล่นละมั้ง  เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร จึงเดินกลับมาเข้ามาในบ้าน… 

แต่ยังไม่ทันไร กริ่งมันดังอีกแล้วค่ะ คราวนี้ดังถี่ๆ ยาวๆ เราเลยเปิดประตูออกไปดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจออะไรอีกเช่นเคย… !! 

ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดอะไรนะ แค่รำคาญเวลากริ่งมันดังเฉย ๆ  เพราะมันจะดังมาก ดังตั้งแต่ชั้นบนไล่ลงมาชั้นล่างเลย  เราเลยลองโทรหาเพื่อน เพราะพี่ชายของเพื่อนเป็นช่างสารพัดประโยชน์ เขาก็แนะนำว่า กริ่งอาจจะช็อตเพราะช่วงนี้ฝนตก ให้เดินขึ้นไปดูตรงที่มาของเสียง และใช้ไขควงแกะ แล้วดึงสายออก 

แค่ฟังเราก็รู้สึกว่ามันยุ่งยาก เลยบอกไปว่า “ไว้ค่อยให้พี่มึงมาดูให้พรุ่งนี้แล้วกัน คืนนี้จะทนนอนฟังไปก่อน มันคงไม่ดังทั้งคืนหรอกมั้ง” ..

แต่แค่เรากลับมานั่งดูทีวีได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ปรากฏว่าเสียงกริ่งมันดังไป 5 ที สงสัยจะไม่ไหวค่ะ เลยคิดว่าคืนนี้จะนอนข้างล่าง เพราะข้างล่างมันยังไม่ดังเท่าข้างบน

ระหว่างที่เรากำลังนอนหลับอยู่ เราได้ยินเสียงหมาหอน เลยตื่นมาตอนตี 1 กว่าๆ ปกติตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มา ไม่เคยได้ยินเสียงหมาหอนเลย เพราะที่หมู่บ้านจะไม่มีหมาจรจัด ส่วนใหญ่ก็จะมีแค่หมาตัวเล็กๆ ที่เพื่อนบ้านเลี้ยงไว้ เคยได้ยินก็แต่เสียงเห่าบ้างนิดหน่อย แต่นี่คือหอนดังมาก หอนเหมือนอยู่หน้าบ้านเราเลย 

นอกจากเสียงหมาหอนแล้ว ยังได้ยินเสียงเหมือนกลุ่มคนคุยกันเบาๆ อีกด้วย แต่เราก็ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะบ้านเราติดถนนหลักในหมู่บ้าน เรากะว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วนอนต่อ… 

แต่พอเราเข้าห้องน้ำเท่านั้นแหละ เสียงกริ่ง จากที่ปกตินานๆ จะดังสักครั้ง ตอนนี้มันกลับดังถี่ๆ เลยค่ะ จนเราอดไม่ได้ที่จะเปิดม่านดู!! 

คราวนี้เราเห็นมีคนยืนกดกริ่งอยู่ที่หน้าบ้านเราอยู่ค่ะ เป็นน้องผู้หญิงคนเดิมที่มาตามหาแมวเมื่อเย็น เรานี่อารมณ์ขึ้นเลยสิ มันจะเกินละ ดึกขนาดนี้จะมากดกริ่งเรียกหาพระแสงอะไร ไหนบอกจะมาใหม่ตอนเช้าไง!!  เราเลยเปิดประตู แล้วตะโกนออกไป 

“น้อง มีอะไรหรือเปล่า? ดึกมากแล้วค่ะ!” 

แต่น้องผู้หญิงคนนั้นเงียบค่ะ เงียบกริบเลย เราก็เฮ้ย? มากดกริ่งบ้านคนอื่นตอนตี 1 นี่ไม่เกรงใจเลยหรอ แถมถามแล้วยังเงียบใส่อีก แต่เราไม่สนใจแล้วค่ะ ปิดประตูโลดดดด  ในใจตอนนั้นไม่ได้กลัวนะ แต่รำคาญมากกว่า คือเหนื่อยและอยากนอน 

เรากะว่าจะนอนดูสถานะการณ์สักพัก แล้งค่อยเปิดประตูไปดูอีกที ถ้ายังเห็นว่ายืนอยู่ เราจะโทรเรียกยามหน้าหมู่บ้านให้มาจัดการ เพราะกลัวนางจะรักแมวมาก จนปีนข้ามรั้วบ้านเข้ามาหาเหมือนกัน แต่สักพักเราก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ค่ะ

เราตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนเช้าเลย ร้านโลงศพโทรมาสั่งดอกไม้แบบชุดกอ 7 ชิ้น เราจึงไลน์ไปตามน้องนุ่นให้เตรียมตัวเลยค่ะ เพราะวันนี้เราสอนน้องเค้าตั้งแต่ออกไปซื้อดอกไม้ด้วยกันเลย 

แต่น้องไม่อ่านไม่ตอบไลน์เราค่ะ เรากำลังจะขับรถออกไปดูน้องที่บ้าน สักพัก แม่น้องนุ่นขี่จักรยานมาบอกว่า น้องนุ่นไม่สบาย เป็นไข้ลุกไม่ไหว เราก็ไม่เป็นไร ให้น้องพักไป 

เรารีบอาบน้ำเพื่อออกไปซื้อดอกไม้ ตอนเอารถออกจากบ้าน กำลังจะปิดประตู พี่ข้างบ้านถามเราว่า “เมื่อคืนมีงานเลี้ยงอะไรเหรอ? เห็นมีคนมากันหลายคน..” เราก็คิดว่าแกคงตาฝาดแล้วมั้ง เลยบอกไปว่า “ไม่มีงานอะไรนะคะพี่..” แล้วเราก็ทำหน้างงๆ พี่เค้าเลยไม่กล้าถามต่อ เพราะปกติเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้ว.. 

เรารีบไปซื้อดอกไม้ และรีบกลับมาจัด โดยเริ่มใช้กระถาง และถาดที่ซื้อมาจากสัปเหร่อเป็นงานแรก ทุกอย่างดำเนินไปปกติ จนเราจัดดอกไม้เสร็จเรียบร้อย เตรียมยกขึ้นรถเพื่อจะเอาไปส่ง จู่ ๆ เราก็ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นอีกแล้ว หลังจากที่มันเงียบไปตั้งแต่เมื่อคืน!!! 

ซึ่งตอนนั้นเรายืนอยู่หน้าบ้านพอดี ไม่มีคนแน่นอน แปลว่ามันคงช็อตจริงๆ แต่พอเราเอาของใส่รถเสร็จ ปรากฏว่าเราเจอน้องผู้หญิงคนเดิม มายืนที่เดิม เราก็เลยนึกขึ้นได้ มัวแต่ยุ่งๆ จนลืมหาแมวให้น้องเค้าเลย เราเลยรีบบอกไปว่า 

“ไม่เห็นแมวเลยนะ ไม่ได้ยินเสียงด้วย สงสัยมันไปบ้านอื่นแล้ว..” 

น้องผู้หญิงคนนั้นยืนเงียบ และหน้าจ๋อยมาก ไอ้เราก็จะรีบไปส่งดอกไม้ แต่ก็สงสารปนรำคาญ เลยลองทำเป็นหาๆ ไปเผื่อจะเจอ และน้องเค้าจะได้กลับไป..

เราเลยบอกน้องผู้หญิงว่า รอแป๊บ เดี๋ยวพี่ไปหาอีกที ทีนี้น้องเค้าบอก ขอหนูเข้าไปหาข้างในได้ไหม? เราก็คิดในใจว่า ให้เข้ามาดูจะได้จบๆ ไป 

คือประตูบ้านเราเปิดอ้าอยู่แล้วเพราะเรากำลังเอาของขึ้นรถ น้องเค้าก็เดินเข้ามา และเดินไปข้างบ้าน เรารีบเลยบอกให้น้องรีบๆ หานะ เพราะพี่กำลังจะออกไปข้างนอก จากนั้นเราก็เข้ามาเก็บของในบ้านแปปนึง พอเดินออกมาก็ไม่เจอน้องเค้าแล้ว.. 

เราคิดในใจ “หวังว่าน้องคงจะได้แมวกลับไปด้วยนะ จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายอีก” เพราะปกติเราไม่ชอบสุงสิงหรือให้ใครมาวุ่นวายในบ้านของเรา

พอเรากำลังจะขับรถออกปากซอยหมู่บ้าน น้องนุ่นก็โทรมาบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว จะขอมาช่วยด้วย เราบอกเราอยู่หน้าหมู่บ้านแล้ว น้องนุ่นก็บอกว่าขอตามไปส่งของด้วย เราเลยกลับไปรับน้องเพื่อไปส่งดอกไม้ด้วยกัน 

พอไปถึงที่งาน ญาติบอกไม่ต้องรอรดน้ำศพ เพราะศพผ่ามาต้องรีบใส่โลงเย็นไว้ ตอนนี้ตั้งโลงหลอกเสร็จแล้ว ให้ตั้งดอกไม้ได้เลย เราเลยจัดแจงให้น้องนุ่นช่วยยกดอกไม้ลงจากรถ จากนั้นก็ช่วยกันจัดจนเสร็จ ญาติเค้าก็เอาน้ำเอาขนมมาให้ และพูดคุยกันเล็กน้อย 

ก่อนจะกลับ ญาติคนตายให้ขนมจีบมา 3 กล่อง บอกให้ไปแบ่งกันคนละกล่อง เราที่กำลังเหนื่อยๆ ก็เลยไม่ได้คิดอะไร จนขึ้นมานั่งบนรถกับน้องนุ่น

“พี่ เราจะแบ่งกันยังไงเนี่ย ให้มา 3 กล่อง ..พี่ได้ยินป่ะ ว่าเค้าบอกว่าให้แบ่งกันคนละกล่อง หรือเค้าเห็นเรามากัน 3 คนอะ?” ….

อ่านต่อ ตอนที่ 2 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here