หากพูดถึงคลองหก คงไม่มีมีใครไม่รู้จัก มทร.ธัญบุรี หรือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านนั้น นอกจาก มหาลัยดังแล้ว เสียงปืน เสียงระเบิดก็ดังนะ (เด็กถิ่นเยอะจัด) แอดมินเองก็เป็นศิษย์ของมหาลัยแห่งนี้เช่นกัน
เรื่องที่จะเล่าในวันนี้ แอดมินไปอ่านเจอในกระทู้พันทิปมา เป็นประสบการณ์หลอน ๆ ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขาเดินทางจากบ้านมาไกล เพื่อมาเรียนมหาลัยที่ มทร.ธัญบุรี และได้พบเจอกับเรื่องราวหลอน ๆ ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงคลองหกเลย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ
ผมอาศัยอยู่ที่จังหวัดตรังตั้งแต่เด็ก จนอายุ 20 ปี และผมได้ย้ายมาอยู่บ้านญาติที่ คลองหก จังหวัดปทุมธานี เพื่อเรียนต่อมหาลัย
ครอบครัวขับรถเดินทางมาส่งผม เราเริ่มออกเดินทางจากตรังมาปทุมธานี ประมาณ ตี 4 ระหว่างทางเราก็มีไปไหว้พระทำบุญเพื่อให้ตัวผมเองและครอบครัวเดินทางปลอดภัย การนั่งรถนาน ๆ เป็นอะไรที่หน้าเบื่อมาก ผมเลยหลับไปตลอดการเดินทาง
จนเกือบถึง คลองหก ปทุมธานี ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นเวลาน่าจะประมาณ 6 โมงเย็น ผมได้เหลือบไปเห็นคนไม่มีหัวอยู่ในคลอง จึงเรียกแม่ให้หันไปมอง แม่ก็บอกว่าอย่าทัก พวกเขาคงเป็นเจ้าที่คุ้มครองถิ่นนี้อยู่
แต่ผมก็อดใจไม่ได้ กลับหันไปมองอีกครั้ง เห็นผู้ชายไม่มีหัวคนนั้นลอยขึ้นมาจากคลองแบบช้าๆ พร้อมกับโบกมือให้ ผมขยี่ตา 3 ครั้ง มองไปอีกที เขาก็หายไปแล้ว
ในใจผมคิดว่า เห้ย!! นี่เราตาฟาดใช่ไหม ตะวันยังไม่ทันตกดิน ท้องฟ้ายังไม่ทันจะมืด เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ระยะทางจากปากซอยถึงบ้าน ประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งไม่ไกลมากนัก ผมหันไปมองในคลองอีกที เห็นผู้ชายหัวขาดคนเดิม กำลังวิ่งตามรถมาอย่างเร่งรีบ ผมจึงตะโกนให้พ่อซึ่งเป็นคนขับเหยียบคันเร่ง ให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด แต่เหมือนพ่อจะไม่สนใจผมสักเท่าไร แถมแม่ยังบอกให้ผม เงียบ!! นั่งเฉย ๆ
จนขับรถมาถึงบ้านประมาณ 1 ทุ่ม ผมได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อและแม่ฟัง แต่ก็อย่างที่บอก พวกท่านไม่ค่อยสนใจผมเท่าไหร่
พอเข้ามาในบ้าน ด้วยความที่เหนื่อยจากการเดินทาง ผมนอนหลับยาวเลย จนประมาณ 5 ทุ่ม ผมตื่นมาอาบน้ำ ด้วยความที่ห้องน้ำบ้านผมไม่ได้อยู่ภายในตัวบ้าน ต้องเดินออกไปประมาณ 10 เมตร เป็นห้องน้ำไม้เก่าๆ
ผมถือผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันเตรียมไปอาบน้ำ ด้วยความที่ข้างบ้านผมจะมีคลองเล็กแคบๆ ระหว่างเดินผมเลยเหลือบหันไปมองในคลองด้วย
เห้ย!! เพียงกระพริบตา อยู่ดี ๆ ผมก็เห็นน้ำในคลองกลายเป็นสีแดง พอกระพริบตาอีกทีมันก็กลับกลายเป็นปกติ อาการหนักละกู!! แต่ก็ยังคิดในแง่ดีว่า สงสัยเพราะเพลียจากการเดินทางละมั้ง คงไม่มีอะไรหรอก
ผมเดินต่อไป สายตาผมยังคงมองไปในคลองเรื่อย ๆ มันมืดมาก จนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย และทันใดนั้นเอง ผมเห็นผู้ชายหัวขาด โผล่ขึ้นมาจากน้ำในคลอง ลอยมาทางผมอย่างช้า ๆ พร้อมกับโบกมือให้ผม ผมขยี้ตา แต่เขาก็ยังไม่หายไป ชิบหายละ คราวนี้ของจริง!!
ในใจคิดว่าเห้ย!! นี่จะตามมาหลอกกันถึงบ้านเลยหรอ ผมรู้สึกตัวชาไปหมดขยับตัวไม่ได้ พยายามจะอ้าปากเพื่อร้องเรียกแม่ แต่ก็อ้าปากไม่ขึ้น
ชายหัวขาดเอื้อมมือมาบีบคอผม ผมพยายามขัดขืนอยู่พักนึงจนสลบไป จนรุ่งเช้าแม่มาเจอนอนสลบอยู่นอกบ้าน แม่ร้องไห้ใหญ่เลย คิดว่าผมตายแล้ว แต่จริงๆผมแค่สลบไปเฉยๆ
พอได้สติผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง ครั้งนี้แม่เชื่อผม ท่านเลยพาไปหาพระที่วัดแถวบ้าน พระบอกว่าเป็นเจ้าที่ที่คอยคุ้มครองคลองแห่งนี้ แต่ผมคิดว่าถ้าเป็นเจ้าที่จริง เขาจะมาทำร้ายผมทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย และอีกอย่าง ผมก็พึ่งเคยมาคลองหกครั้งแรก!!
พระบอกผมว่า “ก็เองเป็นพวกจิตอ่อน ต้องหัดไปนั่งสมาธิสะบ้างไอ้หนุ่ม” แต่ผมไม่เชื่อ ญาติ ๆ เลยพาไปหาหมอผีแทน
ต้องบอกก่อนว่าหมอผีคนนี้แกมีประสบการณ์เรื่องพวกนี้มาอย่างโชกโชน แกบอกกับผมว่า “เองใช่ไหมที่ฆ่าตัดคอเขาเมื่อชาติที่แล้ว”
สิ่งที่หมอผีบอก ทำเอาผมตกใจ จึงถามหมอผีไปว่า “ผมต้องทำยังไงครับ ถึงจะทำให้เขาไปผุดไปเกิด และเลิกยุ่งกับผม”
หมอผีบอกว่า “เองต้องไปบวชให้เขาเป็นระยะเวลาหนึ่งพรรษา และทำบุญให้เขาทุกวัน…”
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไปวัด ไปบวชให้เขา ทุกๆวันเขาจะตามมาบีบคอผมในฝัน เป็นอย่างนี้ทุกวันจนผมบวชครบหนึ่งพรรษา
วันสุดท้ายที่เขามาบีบคอผม ผมได้บอกกับเขาไปว่า ผมขอโทษนะที่ทำไม่ดีกับเขาในชาติที่แล้ว เขาก็พยักหน้าทั้งๆที่ไม่มีหัว
วันรุ่งขึ้นหลังจากผมสึก ผมก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ผมเลยจะกลับไปขอบคุณหมอผี แต่ปรากฏว่าหมอผีได้ผูกคอตายไปแล้ว เนื่องจากโดนกุมารทองเล่นงาน ผมเลยทำบุญให้หมอผีด้วย ที่ช่วยผมให้หลุดจากวงจรจากชาติที่แล้ว …ขอบคุณที่อ่านเรื่องหลอนๆของผมจนจบครับ
แอดมินอ่านจบ…เอ้า หมอผีโดนกุมารทองเล่นงานเฉย อิหยั่งว่ะ!!!