ผีพรายน้ำ กระชากวิญญาณเราลงไปเป็นบริวารของพวกมัน

ผีพรายน้ำ

อย่าริลองดีกับผีพรายใต้น้ำ ที่ใดมีคนตายบ่อยๆ จงอย่าเฉียดใกล้ ดวงตกเมื่อไรเขากระชากวิญญาณไปทันที!

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เรื่องมีอยู่ว่าน้องชายของฉันได้สมรสครั้งใหม่เมื่อสองปีก่อน ซึ่งทราบเพียงว่าน้องสะใภ้คนใหม่นี้เป็นชาวสมุทรสาคร ซึ่งครอบครัวใหญ่ของเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวันนี้ แม้เรา 4 คนพี่น้องจะสิ้นบุญพ่อบุญแม่ไปแล้วก็ตาม

น้องสะใภ้งคนนี้ เเธอชื่อว่า “นิด”  เป็นปกติที่ช่วงเย็น พวกผู้หญิงนั้นจะเข้าครัวปรุงอาหารกัน ทั้งนี้ตาเล็ก น้องชายคนสุดท้อง (สามีของนิด) ได้มากระซิบบอกฉันในฐานะพี่สาวคนโต ว่าอย่าใช้งานสะใภ้ใหม่คนนี้เยอะนะ เนื่องจากเธอสุขภาพไม่สู้ดี ซึ่งฉันได้เย้าหยอกน้องชายคนเล็กไป

“ถ้าอย่างนั้นให้เปลี่ยนตัวกัน ให้แกมาเข้าครัว แล้วให้หนูนิดพักผ่อน”

น้องชายเล่าว่า ภรรยาเขาอายุ 35 ปีแล้ว แต่ความที่เป็นคนรูปร่างเล็กจึงทำให้ดูเด็กกว่าวัย และนิดเองที่มาสมรสกับน้องชายก็ยังใช้ น.ส. นำหน้าชื่อ-สกุลอยู่

เมื่อน้องชายมาเป็นลูกมือช่วยปรุงอาหาร นิดจึงออกไปนั่งเล่น โดยน้องชายได้เปิดเบียร์ให้ภรรยาเขานั่งดื่มเล่นๆ เพื่อความสนุกสนานครึกครื้น ซึ่งก็ได้บรรยากาศที่พวกเรานั่งสังสรรค์ เนื่องจากบ้านของน้องชายฉันหลังนี้อยู่ติดกับลำน้ำแม่กลอง (ของ อ.ด่านมะขามเตี้ย) นับว่ามีวิวทิวทัศน์ที่สวยมากๆ

เมื่อบรรยากาศเข้าช่วงหัวค่ำ…ขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนาน ตัวฉันออกจากครัวมานั่งข้างๆ น้องนิด ก็สังเกตได้ว่า นิดได้นั่งก้มหน้าน้ำตาคลอเบ้า ร้องไห้เบาๆ ออกมา ก่อนจะพูดว่า…

“แม่…ลูกคิดถึงแม่นิดเหลือเกิน” ตามด้วยเสียงร้องไห้ฮือๆ เป็นเสียงเด็กผู้หญิง และมือทั้งสองข้างของนิดเองก็ได้ปาดน้ำตาซ้ายขวา น้องชายคนรองจากฉันจึงพูดถามนิด…

“เฮ้ย เล็ก เมียเอ็งถูกผีเข้า ผีสิงอะไรหรือเปล่า ไปเอาพระมาคล้องที่คอซิ เร็วๆ”

ตาเล็กจึงเถียงกลับไป “ก็พระเมียผมในคอนั่นไง…ส่วนผีเด็กคนนี้ บทจะมาก็มา แต่ไม่ได้ทำร้ายอะไรนิด” ตาเล็กอธิบาย 

“นี่คือเหตุผลหลักที่เมียผมเธอมีสุขภาพไม่สู้ดี เจ็บออดๆ แอดๆ พวกพี่ๆ ไม่ต้องกลัวอะไร เดี๋ยวน้องเขาก็ไปครับ”

“อย่างนั้นหรอกรึ แล้วเอ็งไม่คิดหาหนทางแก้ไข?” น้องชายคนรองถาม

“จะแก้ได้อย่างไร” นิดพูดแทรกขึ้นมา “ที่หนูตามแม่มาหลายปี ตามมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนตอนนี้อายุ 10 ขวบแล้วยังนึกโกรธไม่หาย” จากนั้นนิดก็ร้องไห้พร้อมโยนตัวไปมา

“แม่ปล่อยหนูให้ตกน้ำตาย ให้หนูไปเป็นบริวารของแม่พรายเสียอย่างนั้น” วิญญาณของเด็กน้อยที่เข้าสิงร่างของนิดพูดพร่ำพรรณนาไปเรื่อยๆ

“และวันนี้ที่หนูออกมาได้ เพราะแม่พรายได้อนุญาต…แต่แม่พรายบอกว่า ถ้าหนูโต หาบริวารเพิ่มให้แม่พรายได้…หนูจะได้ไปเกิดใหม่ในวันพระที่จะถึงนี้จ้ะ และวันนี้หนูขออนุญาตเอาร่างแม่นิดของหนูให้ไปอยู่ด้วยกันนะจ๊ะ ไหนๆ ได้ออกตามหาแม่มาสองคุ้งน้ำแล้ว!”

เมื่อกล่าวจบ ร่างของนิดลุกขึ้น เตรียมที่จะกระโจนลงน้ำในทันที ทุกคนจึงเข้าไปช่วยกันจับ แต่ถูกแรงสะบัดทั้งแขนซ้าย-ขวาจนต้องเซถลาไปตามๆ กัน…ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน!? เมื่อผลัดกันจับล้มคว่ำล้มหงาย ฉันเลยถามวิญญาณเด็กคนนี้ตรงๆ

“หากเอาแม่นิดของหนูคนนี้ไปแล้ว หนูยังต้องการคนอื่นอีกหรือไม่?”

ได้คำตอบว่า… “แม่พรายต้องการอีกหนึ่งชีวิตเพื่อเป็นตัวแทนหนู ไม่อย่างนั้นหนูคงไม่หลุดจากตรงนี้ค่ะ”

คำที่ว่า “ตัวตายตัวแทน” ได้ผุดขึ้นในหัวฉันอีกครั้ง แต่ตอนนี้จะทำอย่างไรให้สถานการณ์ตรงหน้าดีขึ้น กระทั่งเมื่อนึกขึ้นมาได้ พระท่านเคยเทศนาไว้ ไม่ว่าคนหรือผี ชอบคำพูดที่ไพเราะเสนาะหู

ฉันจึงถามออกไป “หากให้ป้าทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้…หนูจะยอมออกจากร่างของ เอ่อ…แม่นิดของหนูไหม?”

วิญญาณเด็กตอบว่า บุญคืออะไรเธอไม่เคยรู้จัก…ทุกคืนวันนี้รู้เพียงว่าทำอย่างไรให้นาย คือผีพรายนั้นพอใจ

เมื่อถามถึงบุคคลใต้น้ำในโลกของหนูนั้นว่ามีจำนวนเยอะไหม? วิญญาณตอบว่า…มีจำนวนมากพอๆ กับที่เห็นคนเดินให้ขวักไขว่บนบก…บนโลกมนุษย์เรานี่ล่ะ และที่สำคัญ บริวารของผีพรายจะไม่มีโอกาสได้รับบุญใดๆ หากเมื่อถามว่า “ทำไมหนูถึงขึ้นมาหาแม่อยู่บ่อยๆ ได้ล่ะ?”

วิญญาณเด็กตอบทันที “ท่านต้องการให้แม่ได้ลงไปอยู่แทนหนู แต่พยายามหลายครั้งแล้วไม่สำเร็จ เพราะหลวงปู่ที่แม่ห้อยคอไว้คอยห้ามปรามไม่ให้ฆ่าแม่ ลูกฆ่าแม่ไม่ดี เป็นบาป หลวงปู่สอนไว้…

แต่เมื่อกลับลงไป หนูได้ถูกผีพรายกักขังทุบตีอีก และวันพระนี้หนูต้องพาแม่ไปให้จงได้ เขาสั่งมา หากทำไม่ได้หนูคงต้องโดนเขากักขังต่อไป”

พูดถึงตอนนี้ วิญญาณเด็กได้ร้องไห้จนน่าสงสาร จากนั้น ฉันพยายามพูดกับเธอดีๆ ว่า ขอเวลาให้ทางเราจัดเตรียมที่จะส่งร่างของแม่นิดหนูอีกสักวันสองวันเถิด จะให้ทันวันพระที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน ส่วนตัวของหนูให้อาศัยหลบซ่อนตัวที่ชายตลิ่งที่บ้านฉันก่อน แล้วฉันจะจุดธูปของอนุญาตเจ้าที่เจ้าทางให้ได้หลบซ่อนตัว

สิ้นคำพูดฉัน ร่างของนิดค่อยๆ ทรุดฮวบ แสดงว่าวิญญาณเด็กนั้นเข้าใจ

ก่อนที่สติของนิดจะคืนสู่ความปกติ เราทุกคนช่วยกันตักเตือนตาเล็ก สามีของนิด

“นาทีหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ ขออย่างเดียวว่าอย่าไปรื้อฟื้นอดีตของนิดให้เปล่าประโยชน์ สู้นำเวลาที่เหลืออยู่คิดช่วยหาทางให้นิดนั้นรอดจากความตายที่รออยู่ในอีกไม่กี่วันนี้ได้อย่างไรจะดีกว่า เพราะเหลืออีก 2 ชั่วคืนก็จะถึงวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 2 แล้ว”

เมื่อตาเล็กประคองนิดเข้าห้องนอน ฉันจึงเลี่ยงไปจุดธูปบอกกล่าวพระภูมิเจ้าที่ทันที อย่างน้อย ดวงวิญญาณของเด็กหญิงวัย 10 ขวบจะได้มีบ้านหลังนี้เป็นที่หลบอำนาจของนางผีพรายได้

สุดท้ายต้องยอมรับว่า คืนสุดท้ายของการส่งท้ายปีเก่านี้ เป็นการส่งท้ายที่ทำให้ญาติพี่น้องทุกคนต้องคิดหนัก เนื่องจากใครจะไปคิดว่า…คนที่เสียชีวิตโดยทางน้ำนั้นจะมีผีพรายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!

กระทั่งเช้าวันถัดมาคือวันขึ้นปีใหม่ น้องชายคนที่เป็นเจ้าของบ้านได้ขับรถออกไปบ้านพักอีกแห่งในค่ายทหารที่เขาทำงานอยู่ ซึ่งเช้าวันนั้น เขาพูดเพียงสั้นๆ “จะกลับบ้านพักค่ายฯ” 

กระทั่งช่วงสายเขากลับมาพร้อมพระสงฆ์ 1 รูป ทราบว่าเป็นพระที่นิมนต์มาจากวัดลาดหญ้า แถบค่ายทหารนั่นแหละ สำหรับพระภิกษุรูปนี้ท่านมีอายุราว 45 ปี น้องชายเรียกท่าน “หลวงอา” และทันทีที่เล็กได้พาภรรยามากราบหลวงอา พระหลวงอาพูดขึ้น

“กรรมเป็นบ่วง เป็นลูกโซ่ จากพ่อสู่ลูก และจากแม่สู่ลูกอีกสมทบ”

เท่านี้ นิดถึงกับร้องไห้โฮ! (แต่เป็นตัวของเธอเอง ไม่ได้ถูกวิญญาณลูกเข้าสิงแต่อย่างใด)

“หนูขอพูดถึงประวัติของหนูอย่างไม่ปิดบังเลยนะคะ” นิดก้มกราบหลวงอาอีกครั้ง “หนูคิดว่าท่านคงช่วยเหลือหนูให้พ้นจากกองทุกข์นี้ได้…เมื่อ 30 กว่าปีก่อน หนูเกิดในครอบครัวชาวเรือ มีพ่อเป็นไต้ก๋งออกเรือหาปลา ส่วนตัวของแม่เป็นเจ้าของแพปลาเล็กๆ ครอบครัวนับว่ามีอยู่มีกินค่ะ

ต่อมาเมื่อหนูอายุได้ 10 ขวบ พ่อก็ถูกลอบยิงจนตาย มารู้ภายหลังคือช่วงที่พ่อเป็นไต้ก๋งเรือ พ่อได้ทำร้าย ฆ่าคน ถีบคนลงทะเลไปก็หลายศพ ที่พ่อตายก็เพราะญาติพี่น้องคนตายเขามา…เอาคืน!

และต่อมาแม่ต้องขายแพปลาให้กับญาติ พร้อมพาหนูและน้องๆ ขึ้นมาอยู่ที่นาเกลือ ซึ่งตอนนี้รู้เพียงว่าครอบครัวเราเริ่มจะอดมื้อกินมื้อแล้ว…

จนหนูอายุได้ 22 ปี แม่ได้จับให้แต่งงานกับเพื่อนของแม่…เป็นเจ้าของแพปลาเหมือนอดีตของทางบ้านเรา ซึ่งเฮียนี้มีฐานะร่ำรวย แต่หนูก็เป็นเมียน้อย เป็นบ้านเล็กเขานะคะ เราอยู่กินจนได้ลูกสาว 1 คน ซึ่งตอนนั้นครอบครัวหนู แม่กลับมามีความเป็นอยู่ที่สุขสบายอีกครั้ง น้องอีกสองคนได้กลับมาเรียนต่อ

กระทั่งถึงวันที่หนูต้องพบความสูญเสียอีกครั้ง คือลูกสาวที่น่ารักได้พลักหลุดมือตกน้ำเสียชีวิตที่แม่น้ำท่าจีน บริเวณหน้าบ้านของญาติอีกคน ซึ่งหนูกับลูกสาวนานๆ ครั้งถึงจะไปเยี่ยมญาติคนนี้

ชาวบ้านถึงได้พูดคุยซุบซิบกันว่า…ที่ตีนท่าตรงนี้ผีพรายดุ แรงมากกว่าที่อื่น ทุกๆ 3 เดือนจะต้องมีคนตกน้ำตายที่คุ้งน้ำนี่ล่ะ! แต่ที่ชาวบ้านพูดเตือนอะไรไม่ได้เพราะว่าเป็นที่ดินส่วนบุคคล อีกทั้งญาติคนนี้ปากร้ายไม่เบาค่ะ…

เมื่อสูญเสียลูกสาวที่กำลังอยู่ในวัยน่ารักไป หนูเหมือนคนเสียสติ จนสุดท้ายแฟนต้องขอแยกทาง เพราะใครต่างคิดว่าหนูเป็นบ้า…บ้าเพราะพูดจาคนเดียว และเมื่อเห็นลำคลองหรือแม่น้ำ หนูจะหวาดกลัวจนสมองขึ้นเป็นริ้วๆ เลยล่ะค่ะ

กระทั่งคนพาหนูมารักษาอาการทางจิตที่วัดเกตุมณี เป็นแม่ชีที่คอยปลอบประโลม ชี้ทางให้หนูเห็นแสงธรรมะ…ซึ่งที่หลวงอาพูดนี้เหมือนกับที่แม่ชีพูดเลยค่ะ คือผลกรรมที่พ่อเคยฆ่าคนโยนลงทะเลได้มาตกที่ตัวหนู และได้ถ่ายทอดกรรมจากตัวหนูไปที่ลูกสาว ทุกเรื่องล้วนเกี่ยวข้องกับการตายทางน้ำ และต่อไปนี้ หากพี่เล็กรู้ความจริงแล้วจะเลิกคบ เลิกติดต่อกับหนูก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะ และต้องกราบขอโทษพี่เล็กด้วยที่ปิดบังเรื่องมาโดยตลอดค่ะ”

ทว่าหลวงอาได้เตือนสติในคำพูดในความคิดอ่านของนิด…ท่านได้ตัดบท เจาะจงไปที่เรื่องการแก้อาถรรพ์ผีพรายให้กับนิดและลูกสาวที่ตายไป เพื่อไม่ต้องเป็นบ่วงแก่กันอีก

โดยท่านให้หากระทงกาบกล้วยเย็บเป็นรูปสี่เหลี่ยมพอให้ลอยน้ำได้จำนวน 2 ใบ แต่ให้ผูกเป็นคู่กัน ต่อมานำวันเดือนปีเกิดของนิดและบุตรสาวใส่ไว้ในกระทง และให้ปั้นดินเหนียวเป็นรูปคนเพื่อเป็นตัวแทนของนิดและลูกใส่ไว้ในกระทง จากนั้นหลวงอาได้นำบทสวด สวดนานราว 1 ชั่วโมง และหลวงอาได้เป็นผู้ดูฤกษ์ยามก่อนที่จะปล่อยกระทง ทั้งนี้หลวงอาพูดเปรยสั้นๆ ว่า…

“โน่นแน่ะ เขามารอรับวิญญาณสองแม่ลูกแล้ว ฉันจะขอมอบวิญญาณให้เขาเสียที”

ทันทีที่หลวงอาหย่อนกระทงคู่ลงน้ำเพียง 5-6 นาที กระทงก็ได้วูบลงใต้น้ำเหมือนโดนกระชาก ทุกอย่างหายวับในพริบตา เสมือนไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น

จากนั้น หลวงอาได้ให้เล็กและนิดภรรยาเดินทางไปวัดที่ใกล้ที่สุดเพื่อถวายเครื่องสังฆทาน อุทิศแก่ดวงวิญญาณลูกสาว ถวายแบบเจาะจง และเป็นการดีหากมีชุดผ้าไตรจีวร เพื่อตามความเชื่อว่าเด็กจะได้มีเสื้อผ้าชุดใหม่สวมใส่ และได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งขึ้น

สุดท้ายนี้ มาทราบภายหลังว่าหลวงอารูปนี้ได้ทำพิธีหลอกผีพรายโดยใช้หุ่นรูปปั้นดินเหนียว และวันเดือนปีเกิดส่งเป็นวิญญาณใส่กระทงไปให้เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน ทั้งนี้หลวงอาได้ย้ำนักหนา

“อย่าได้ริลองดีกับผีพรายใต้น้ำ ยิ่งตรงที่ใดมีคนตายบ่อยๆ จงอย่าได้เฉียดใกล้ ดวงตกเมื่อไรเขากระชากวิญญาณเราไปได้ทันที ไปนอนจมอยู่ใต้น้ำ ไปเป็นบริวารของพวกมัน…

ส่วนอาหารของผีพรายนี้มันชอบกินเลือด ไม่ลองสังเกตดูหรือ คนที่จมน้ำตายจะมีเนื้อตัวซูบซีดให้เห็นอย่างนี้ทุกราย เหตุเพราะโดนผีพรายสูบเลือดหมดตัวแล้ว”

ก่อนที่นิดจะออกไปซื้อเครื่องชุดสังฆทานพร้อมขอกลับมาถวายแด่หลวงอา ณ ที่บ้านหลังนี้ ตัวนิดได้ยืนยัน หลังจากที่ลูกสาวจมน้ำตาย และลูกสาวได้มาแฝงร่างเธอ นิดมีความรู้สึกได้ว่าผิวพรรณเนื้อตัวของเธอซูบซีดลงถนัดตา เรี่ยวแรงก็ผ่อนหายเหมือนคนอมโรค มีชีวิตอยู่ไปวันๆ หากแต่เวลาใดที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองแล้ว ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงกลับมาได้อย่างไร อยากวิ่งกระโดดลงน้ำเสียตอนนั้น เรื่องนี้เธอยืนยันอีกครั้ง

“ผีพรายน้ำนั้นมีอยู่จริงค่ะ”

เรื่องโดย. ประทุมพิพย์

นำเสนอเนื้อเรื่องโดย เร้นลับ.com

Previous articleต้มยำกุ้งน้ำข้น ยื่นถุงต้มยำให้ลุง เช้าพบถุงหล่นอยู่หน้าบ้าน
Next articleผีในคลองหก มาเยือนครั้งแรกก็เจอผีบีบคอเลย