เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2561 ตัวคุณเป้มีเพื่อนคนนึงชื่อคุณสอง คุณสองอายุจะมากกว่าคุณเป้ประมาณ 2 ปี ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและบ้านอยู่ใกล้กัน
คุณสองสูงประมาณ 176 เซนติเมตร มีร่างกายกำยำ ทะมัดทะแมง สักที่แขนทั้งสองข้าง ดูแล้วจะโหดๆหน่อย แต่นิสัยตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ภายนอก ใจดี รักเพื่อนฝูง เวลาไปกินเหล้าสังสรรค์กับเพื่อน ก็มักจะเลี้ยงเพื่อนตลอด
ในปี 2561 คุณเป้กับคุณสองติดทหารเกณฑ์ ได้ไปประจำอยู่ที่ค่ายเดียวกัน เป็นระยะเวลา 2 ปี ในช่วง 3 เดือนแรกก็จะฝึกหนักหน่อย หลังจากผ่านช่วงฝึกหนัก เข้าเดือนที่ 4 ทั้งสองก็เริ่มรู้จักเพื่อนในค่าย จนได้ตั้งแก๊งขึ้นมา บางทีก็แอบชวนกันออกไปนั่งดื่มกินกันที่ร้านเหล้าในเวลากลางคืนอยู่บ่อยครั้ง ตามประสาทหารเกณฑ์
1 ปีผ่านไป เริ่มเข้าปีที่ 2 ผ่านครึ่งทางของชีวิตการเป็นทหารเกณฑ์ ทางค่ายทหารได้มีนโยบายที่จะนำทหารจำนวนนึงไปทำหน้าที่ ที่เรียกว่า ชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน
โดยเฟ้นหาพลทหารที่มีลักษณะ ร่างกายพร้อมวิ่งพร้อมลุย พร้อมสู้รบ เพื่อส่งไปยังพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย
ในรายชื่อทหารที่ถูกบรรจุลงในภารกิจนี้… หนึ่งในนั้นมีชื่อคุณเป้อยู่ด้วย แต่ไม่มีรายชื่อของคุณสอง เมื่อต้องห่างกันทำให้ทั้งสองคนรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่
จนอยู่มาวันหนึ่งคุณเป้ได้รับข่าวว่า ชุดทหารที่จะต้องไปปฏิบัติการ มีนายทหารคนหนึ่งที่ไม่พร้อมทำภารกิจ เนื่องจากมีปัญหาทางด้านร่างกาย ทำให้เหลือที่ว่างหนึ่งที่
พอคุณเป้รู้อย่างนั้น ก็เลยไปเสนอชื่อคุณสองกับหัวหน้า “ผมขอเสนอชื่อไอ้สองเพื่อนของผมครับ มันร่างกายแข็งแรงพร้อมลุยทุกสถานการณ์” หัวหน้าก็เลยรับรายชื่อของคุณสองไว้พิจารณาดูก่อน
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่จะต้องสรุปรายชื่อของทหารที่ต้องไปทำภารกิจนี้ทั้งหมด และแจ้งว่าแต่ละคนต้องไปลงพื้นที่ไหน แล้วสิ่งที่คุณเป้หวังไว้ก็เป็นไปตามคาด มีรายชื่อของคุณสองติดมาด้วย แต่ผิดคาดไปนิด ตรงที่คุณสองต้องไปประจำการคนละจังหวัดกับคุณเป้
ด้วยความที่เป็นเพียงพลทหาร จึงไม่สามารถคัดค้านอะไรได้ คุณสองจึงปลอบใจคุณเป้ว่า
“ไม่เป็นไรมึง พวกเรามีหน้าที่ต้องทำ แค่ 1 ปีเอง ครบ 1 ปีแล้วเดี๋ยวค่อยมานั่งกินเหล้าด้วยกันใหม่ก็ได้”
ในรายชื่อคุณเป้ได้ไปปฏิบัติงานที่จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนคุณสองได้ไปปฏิบัติงานที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งบริเวณเขตชายแดนของจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีการสู้รบระหว่างทหารฝั่งไทยกับฝั่งเขมรตลอดเวลา
คุณเป้จึงเกิดอาการรู้สึกห่วงคุณสองเล็กน้อย เพราะว่าเพื่อนจะไปปะทะกับฝั่งเขมรแล้วได้รับอันตราย แต่อีกใจก็มีความไว้วางใจระดับหนึ่ง เพราะตัวเพื่อนของเขาเองก็เป็นคนเก่งและมีไหวพริบดีพอตัว
จนเวลาผ่านไป 1 ปี หลังจากภารกิจจบลง ทหารทุกคนที่ไปปฏิบัติภารกิจได้เดินทางกลับมายังค่ายอย่างปลอดภัย ไม่มีการสูญเสียใดๆเกิดขึ้น ทางคุณเป้และคุณสองก็ได้เจอหน้ากัน และเตรียมที่จะปลดประจำการ เพราะครบวาระ 2 ปีแล้ว
คุณเป้ก็เลยถามคุณสองว่า “ปลดประจำการแล้วมึงจะเอายังไงต่อ จะไปทำงานที่ไหน เพราะตัวกูเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปทำงานที่ไหน”
“เออกูก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปทำงานที่ไหน แต่คงจะไปทำงานยกของในคลังสินค้าที่โรงงานของญาติในตัวเมืองล่ะมั้ง”
“เอองั้นมึงฝากชื่อกูเข้าทำงานกับญาติมึงหน่อยได้ไหม กูจะได้ไม่ต้องหางาน ทำอยู่กับเพื่อนก็ดีเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
“เออ..ได้ดิเพื่อน เดี๋ยวกูจะไปคุยจะไปกับญาติให้”
จนกระทั่งถึงวันปลดประจำการ หลังจากทั้งสองคนได้สิ้นสุดสภาพการเป็นทหารเกณฑ์ที่เรียบร้อย ก่อนจะแยกย้ายกัน คุณสองบอกคุณเป้ว่า
“เฮ้ย วันนี้กูว่าแม่งต้องตั้งตี้กันแล้วว่ะ ปลดประจำการเลยนะมึง”
“มึงกระหายห่าอะไร อยู่ในกรมเหมือนมึงไม่ได้ดื่มอย่างนั้นน่ะ ออกกันไปเที่ยวแทบจะทุกคืน”
ทั้งสองคนหัวเราะกัน แล้วคุณสองก็นัดแนะว่าเดี๋ยวจะมารับคุณเป้ที่บ้านตอนเย็น หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปหาครอบครัว
คุณเป้มาถึงบ้านก็เข้าไปโอบกอดกับคุณแม่ด้วยความคิดถึง เข้าบ้านไปได้แป๊บเดียว จู่ๆพี่สาวคุณเป้ก็ตะโกนเรียกคุณเป้จากในบ้านว่าให้ไปรับโทรศัพท์
ปลายสายเป็นเสียงของคุณแม่คุณสองพูดขึ้นมาว่า คุณสองเสียชีวิตแล้วนะ คุณเป้สตั้นไปประมาณ 10 วิ ก่อนถามกลับไปว่า “มันเกิดอะไรขึ้นครับแม่ ทำไมเป็นแบบนั้น”
แม่คุณสองเล่าให้ฟังว่า ระหว่างทางกลับบ้าน คุณสองประสบอุบัติเหตุ รถพ่วงหลับในชนประสานงานกับแท็กซี่ที่คุณสองนั่งมา จนเสียชีวิตคาที่เลย
คุณเป้ถึงกับเข่าทรุด เสียใจที่เพื่อนรักที่วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็กต้องมาจากไปแบบไม่ร่ำลาอะไรกันเลย
งานศพจัดขึ้นไวมาก ทางครอบครัวของคุณสองได้จัดพิธีศพที่วัดในละแวกบ้าน แขกที่มาร่วมงานไม่ได้เยอะมาก ประมาณ 20-30 คน มีพี่คุณสอง แม่คุณสอง เพื่อสมัยเรียนและญาติคนอื่น รวมถึงเพื่อนทหารที่เคยประจำการอยู่ด้วยกันมา ซึ่งหัวหน้าหน่วยของคุณสองและคุณเป้ก็มาด้วย
จนถึงวันฌาปนกิจ ทุกคนยืนไว้อาลัยให้กับคุณสอง ตัวคุณเป้เองก็ยืนข้างๆหัวหน้าหน่วย แล้วจู่ ๆ หัวหน้าคนนั้นก็พูดกว่า…
“เออ ๆ สองเนี่ยเป็นลูกน้องที่ผมรักมากคนนึงเลยนะ เขาเป็นที่รักเพื่อนรักฝูง มีวันหนึ่งที่ชุดของผมออกไปลาดตระเวนตามชายแดน จังหวัดสุรินทร์ เดินกันหลายกิโลมากเลย จนน้ำของทุกคนที่เตรียมมาหมดกระบอก แต่ว่าของนายสองยังเหลือครึ่งกระบอก เขาก็เลยเอาน้ำของตัวเอง วนให้เป็นเพื่อนๆ ดื่มกัน”
คุณเป้ที่ได้ฟังเรื่องราว ก็รู้สึกสะเทือนใจ แล้วคุณเป้ก็บอกว่า “ใช่ครับ ไอ้สองมันไม่ค่อยห่วงตัวเองเท่าไหร่ มันห่วงแต่เพื่อน ห่วงแต่คนอื่น”
หัวหน้าก็พูดต่อว่า “แต่ผมว่าคุณสองเค้าคงไปสบายแล้วแหละ เพราะเขาไม่ต้องเจ็บป่วยกับโรคที่เขาเป็นอยู่อีกแล้ว” พอคุณเป้ที่ได้ยินก็เกิดความสงสัย จึงถามหัวหน้ากลับไป
“ป่วยอะไรหรอครับ”
“ก็ตอนที่ไปประจำการที่สุรินทร์ สองเค้าอาการเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาชอบไออยู่บ่อยๆ ไอแบบมีไข้ บางวันก็ตัวร้อน บางวันก็หายเป็นปกติ เดินได้เป็นกิโล พวกเราก็ได้คิดว่าสงสัย เขาจะเป็นโรคร้ายแรงหรือเปล่า ผมก็พยายามบอกกับเขานะ ว่าถ้าไม่ไหวก็นอนพักอยู่ที่ค่ายก็ได้ ไม่ต้องออกไปลาดตระเวน ไม่ต้องฝืน”
นั่นทำให้คุณเป้นึกย้อนไปถึงตอนที่จะต้องแยกย้ายกันไปฝึกที่ต่างจังหวัด ก่อนหน้านี้ตัวคุณสองไม่มีอาการอะไรเลย เป็นปกติมาก หากจะบอกว่ากินเหล้าหนักจนเป็นเป็นพิษสุราเรื้อรังก็ไม่น่าใช่ เพราะอายุก็ยังน้อยอยู่ ไม่น่าจะเป็นไวขนาดนี้
พิธีฌาปนกิจเสร็จช่วงประมาณ 19:00 น ขั้นตอนต่อไปคือการเก็บเถ้ากระดูก เพื่อนำมาใส่อัฐิ เพื่อให้ญาตินำไปทำพิธีกรรมทางศาสนาต่อ จะลอยอังคารหรือเก็บไว้ในบ้าน
หลังจากศพไหม้จนหมด สัปเหร่อก็ใสรถเข็นใส่ถาดเหล็กใสเข้าไปใต้เมรุ เพื่อโกยเถ้ากระดูกออกมาให้ญาติๆดูเป็นครั้งสุดท้าย
สัปเหร่อหายไปพักนึง ก่อนจะตะโกนออกมาว่า “เฮ้ย ผมเจออะไรก็ไม่รู้ รบกวนทางครอบครัวเข้ามาดูหน่อยครับ” ทั้งพี่สาวและตัวคุณแม่ก็ต่างตกใจ รีบวิ่งเข้าไปดูกัน
และนี่คือภาพที่ทางครอบครัวขอบคุณสอง ได้ถ่ายไว้ให้ดู สิ่งที่ลุงสัปเหร่อเก็บออกมาจากกองเถ้ากระดูกของคุณสอง …….

มีตะปูขึ้นสนิมสีดำปักอยู่ในกระดูกของคุณสอง คุณแม่และน้องสาวต่างพากันช็อคไปทั้งคู่ ตกใจมากว่า มันคืออะไร เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร
ลักษณะแบบนี้โดนทำของใส่แน่นอน และคำถามคือ แล้วใครเป็นคนทำ คุณสองไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจมาหรือเปล่า เพราะเรื่องของคุณไสยมนต์ดำมันต้องประกอบไปด้วย 3 บุคคล ถึงจะสำเร็จพิธี
1.คือผู้ที่ถูกเกลียด เป็นคนที่โดนของ
2.คือผู้ที่เกียจ คือผู้ที่มีจุดประสงค์จะให้บุคคลเป้าหมาย ตาย หรือทำให้ทรมาน
3.คือหมอผีมนต์ดำ ที่เป็นตัวกลางในการธรรมพิธี
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้สันนิษฐานได้เลยว่าจะต้องมีคนเกลียดคุณสองแน่นอน และไม่ได้เกลียดธรรมดาเสียด้วย แต่ถึงขั้นเอาชีวิตกันเลย
คุณเป้นึกย้อนกลับไปตอนที่หัวหน้าเล่าถึงอาการป่วยของคุณสองให้ฟัง คุณเป้คิดว่าเรื่องมันน่าจะเกิดช่วงที่แยกกันฝึกแน่นอน เพราะช่วงที่ประจำการอยู่ที่ค่าย คุณสองก็ยังดูปกติดีทุกอย่าง
คุณเป้เลยตัดสินใจเข้าไปถามหาหัวหน้าและเพื่อน ๆ อีกครั้งว่าตอนที่ไปฝึกที่สุรินทร์ มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง พร้อมกับบอกสิ่งที่พบเจอในกระดูกของสองให้ทุกคนฟัง
ทุกคนก็พยายามนึกถึงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับคุณสอง ตอนที่ฝึกอยู่ที่ค่ายที่สุรินทร์ว่าเจออะไรมาบ้าง
กระทั่งมีเพื่อนทหารที่ไปฝึกกับคุณสอง ได้เล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นก็ออกไปลาดตระเวนตามชายแดนเหมือนในทุก ๆ วัน ระหว่างที่กำลังเดิน ๆ กันอยูู่ จู่ ๆ คุณสองก็ตะโกนขึ้นมา
“เฮ้ย !!”
จนทุกคนต้องหันไปมองคุณสอง คุณสองทำท่าตกใจมองซ้ายมองขวา มองไปรอบตัว เหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง แล้วคุณสองก็พูดว่าเหมือนมีใครมาจับแขนก็ไม่รู้ จับแล้วก็ปล่อย แต่ตอนนั้นเพื่อนทุกคนยืนถือปืนอยู่ห่างเป็นเมตรๆ ไม่มีทางที่ใครจะเอามือจับแขนเขาได้แน่นอน นี่คือเรื่องแปลกเรื่องนึง
พอเดินไปต่อได้สักพักหนึ่ง คุณสองก็ร้องโอ๊ยขึ้นมาดังมาก ทุกคนก็หันไปมองที่คุณสองอีกครั้ง คราวนี้ทุกคนเห็นว่าที่แขนของคุณสองมีรอยกัดแดง ๆ แบบชัดเจนมาก แล้วมีเสียงเหมือนตัวอะไรก็ไม่รู้วิ่งหายเข้าไปในพงหญ้า
ทุกคนรีบเข้ามาดูคุณสอง คิดว่าเป็นลิงป่าแน่นอน เพราะบริเวณนั้นเป็นป่าชุกชุมมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่
เพื่อนๆ ก็ทำการปฐมพยาบาลใส่ยาพันแผลให้เสร็จเรียบร้อย แล้วเหตุการณ์ก็ผ่านไป
แล้วเพื่อนทหารอีกคนก็เล่าต่อว่า ตอนที่อยู่ค่ายที่สุรินทร์กับคุณสอง เขาก็เจออะไรแปลกๆเหมือนกันเรื่องนี้เกิดขึ้นในโรงนอนทหารตอนกลางคืน
โรงนอนทหารจะเป็นโรงนอนเหล็ก ซ้ายขวาเป็นเตียงนอน ตรงกลางจะเป็นทางเดิน เขานอนเตียงติดกันกับคุณสอง กลางดึกขณะที่ทุกคนนอนหลับกันหมดแล้ว เขาเห็นคุณสอง ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง และละเมอบ่นว่า
“เออมีอะไร”
คุณสองลุกขึ้นมานั่งดูนิ่งๆบนเตียง ประมาณ 1-2 นาที พร้อมกับพูด “เออ มีอะไร มีอะไร มีอะไร” แต่เขาไม่แน่ใจว่าคุณสองนั้นลืมตาหรือหลับตาอยู่ เพราะมันค่อนข้างมืด แต่รู้ว่าคุณสองนั่งอยู่
คุณสองเงียบไปประมาณ 10 วิ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เออ มึงจะเหี้ยอะไรนักหนาวะ คนจะนอน” แล้วก็ล้มตัวลงนอน
เขาคิดในใจว่า “ไอ้ห่านี่ โตขนาดนี้แล้วมึงยังจะนอนละเมออีกหรอวะ เดี๋ยวเช้าตื่นขึ้นมากูจะแฉมึง” หลังจากนั้นเขาก็นอนต่อไม่ได้คิดอะไร
ทุกคนก็นำเรื่องราวมาประติดประต่อกันดู จนได้ข้อสรุปว่า มันเหมือนลมพัดลมเพ คงเพราะตอนลาดตระเวนนั่นแหละ คุณสองเผลอไปทักอะไร ก็เลยได้รับของมาโดยไม่รู้ตัว
คุณเป้จึงนำเรื่องราวที่ได้รับฟังมาไปเล่าให้คุณแม่ของคุณสองฟัง ซึ่งมันสอดคล้องกับสิ่งที่เจอในกระดูก คุณแม่คิดว่ามันน่าจะผิดปกติแล้ว เราต้องไปถามหมอผี ซึ่งคุณแม่รู้จักกับหมอผีท่านหนึ่ง ที่รู้จักกันมานานแล้ว เป็นหมอผีสายกลางออกไปสายมนต์ดำนิดนึง สักยันต์เต็มตัว แต่ไม่ใช่สายปลุกเสกของเข้าคนนู้นคนนี้ เพียงแต่ว่าท่านสามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ และสามารถบอกวิธีแก้ได้
คุณก็เลยนำเรื่องราวทั้งหมดไปเล่าให้หมอผีฟัง หมอผีท่านก็ขอดูกระดูกของคุณสอง และตะปูสนิมดำ ซึ่งทางพี่สาวของคุณสอง ก็ได้รวบรวมใส่กล่องเอาไว้อยู่แล้ว จึงยื่นให้ท่านดู
ท่านก็พูดว่า มีการว่าจ้างการเกิดขึ้น จ่ายเงินเยอะมาก เพื่อให้คุณสองได้จบชีวิตลงแค่นี้ ทุกคนที่ได้ฟังก็รู้ว่าต้องมีคนเกลียดคุณสองแล้วล่ะ
แล้วสิ่งต่อมาที่หมอผีท่านได้บอก คือ พวกมันก็ทำของใส่พวกมึงสองคนด้วย คือทั้งแม่ทั้งพี่สาวโดนของหมดเลย คนทำมันจะทำให้ตายยกครัว แต่มันจะเป็นไปตามลำดับอายุ เริ่มจากอายุน้อยสุดก่อน แล้วก็ไล่ขึ้นไปมากสุด
ทุกคนพอได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจมาก ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คำถามต่อมาที่ทางคุณแม่ถามคือ “ฉันขอทราบหน่อยค่ะว่าใครทำ”
หมอผีก็นั่งเงียบไปครู่นึง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า มึงไม่ลองถามญาติของมึงดูล่ะ เท่านั้นแหละ คุณแม่นึกขึ้นมาได้ทันทีเลย มีอยู่คนเดียวที่คุณแม่และน้องสาวมีปัญหา นั่นคือน้าเขยนั่นเอง
คุณแม่จะมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของคุณสอง เธอทำงานอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ และได้พบรักกับผู้ชายคนหนึ่งในที่ทำงานเดียวกัน
น้าเขยเป็นคนสุรินทร์ อย่างที่รู้กันอยู่ว่าสุรินทร์จะติดกับแถบเขมร เรื่องคุณไสยมนต์ดำแถวนั้นจะค่อนข้างแรง
เรื่องมันเริ่มจากการแบ่งที่ดินกันในครอบครัว ทางคุณตาของคุณสอง ท่านมีที่ดินที่ซื้อไว้นานมาก มูลค่า ณ ปัจจุบันก็ประมาณ 6-7 หลัก ปัญหามันมาเกิด เมื่อท่านมาจากไปเสียก่อน โดยที่ยังไม่ได้ทำพินัยกรรม
มันจึงไม่ชัดเจนว่าที่ดินผืนนี้จะตกเป็นของใคร แต่ตามลำดับขั้นอาจจะตกเป็นของพี่คนโตก่อน ซึ่งก็คือแม่ของคุณสอง
จึงเกิดการแย่งชิงที่ดินผืนนี้กันในครอบครัว แล้วปัญหานี้ก็ไม่เคยถูกคลี่คลายมาเป็นเวลา 5-6 ปี แล้ว
ทุกครั้งที่ทางครอบครัวมีการรวมญาติกันที่ไร ก็จะเกิดปากเสียงกันตลอด จะพูดถึงเรื่องที่ดินผืนนี้ไม่ได้เลย นี่เป็นสาเหตุเดียวที่คุณแม่นึกขึ้นได้
สรุปน่าจะเป็นน้องสาวและน้าเขยนี่แหละที่เป็นคนทำ พวกเขาคงต้องการกำจัดครอบครัวของคุณสอง เพื่อที่จะได้รับที่ดินแห่งนี้อย่างถูกต้องเพียงผู้เดียว
ทางหมอผีจึงทำวิธีแก้ของให้คุณแม่และลูกสาว หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นอีกเลย…
หลังจากนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกับตัวน้าเขยและน้าสาวหรือเปล่า เพราะคุณแม่ไม่ได้เล่าต่อ มันน่าจะจบลงแค่นั้น
สรุปตอนแรกแอดมินก็คิดว่าเป็นเรื่องของลมพัดลมเพ แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นว่าเป็นเรื่องของคนในครอบครัว คนใกล้ชิด ที่เป็นคนทำของใส่กันเสียเอง
เพราะอย่างที่บอกตอนที่ออกไปลาดตะเวน คุณสองเหมือนโดนอะไรไม่รู้แล้วก็เหมือนกับว่าไปตอบรับ แต่สุดท้ายแล้วเฉลยว่ามันไม่ใช่เหตุบังเอิญ มันเป็นเรื่องของการที่มีคนเกลียดชังก็ทำของใส่กัน จากคนใกล้ชิดด้วยซ้ำ จนเกิดเรื่องราวสะเทือนใจ
ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก สัมภเวศิลป์ เรื่อง ตะปูสนิมดำฝังกระดูก
บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือเล่าลงพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด