เพื่อนโดนฆาตกรรม คดีสะเทือนขวัญที่ จ.นนทบุรี

เพื่อนโดนฆาตกรรม

เรื่องราวสุดสะเทือนใจ ที่ถูกเล่าในรายการอังคารคลุมโปรง โดยคุณเอ ซึ่งเล่าถึงเหตุกาณ์ที่เพื่อนของเขาถูกทำร้ายจนเสียชีวิต แต่ยุคนั้นสมัยนั้น ไม่มีสื่อโซเชี่ยล คนในสังคมยังไม่ค่อยมีความรู้ หลายๆ คดีที่เกิดเหตุการณ์ก็หายเงียบไป เขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง กระทั่ง 20 ปี ผ่านไป เขาจึงแต่ตัดสินใจมาเล่าที่ อังคารคลุมโปง คุณเอเล่าว่า…

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรี ย้อนกลับไปเมื่อประมาณช่วงปี 2538 ตอนนั้นคุณเออายุประมาณ 18 คุณเอมีเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกันมาก ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ สมมุติว่าชื่อ บี คุณเอและเพื่อนเรียนจบแค่มัธยมต้น แล้วก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะอยากออกมาทำงานช่วยครอบครัวที่บ้านก่อน

ทั้งสองคนก็ไปทำงานอยู่ที่เดียวกัน ในทุก ๆ วัน เวลาหลังจากเลิกงาน คุณเอกับเพื่อนคนนี้ จะกลับบ้านพร้อมกันแทบจะทุกวัน 

วันนั้นคุณเอจำได้ว่าเป็นช่วงเข้าฤดูฝน และเป็นวันเงินเดือนออก ต่างคนจึงต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน บีแยกก็ไปบ้านเพื่อนของเค้าอีกที่นึง ส่วนคุณเอด้วยความที่เงินเดือนออกก็เลยไปแวะที่ห้างสรรพสินค้าแถวงามวงศ์วาน หลังจากนั้นก็กลับเข้าบ้านช่วงประมาณ 6 โมงเย็น

พอกลับถึงบ้าน วันนั้นไม่รู้เป็นเพราะอะไร คุณเอรู้สึกง่วงมาก พอเจอหน้าแม่พ่อ ทานข้าวเย็นเสร็จ ทุ่มกว่าๆ ก็ไปอาบน้ำอาบท่านอนเล่นบนเตียง แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ หลับยาวไปจนถึงเช้า และคืนนั้นมีฝนตกด้วย

คืนนั้นคุณเอรู้สึกแปลกอยู่อย่างนึง คือปกติสมาชิกทุกคนในบ้านจะนอนดึกกัน เพราะบ้านของคุณเอเป็นครอบครัวใหญ่ มีพี่น้อง 6 คน  แต่คืนนั้นทุกคนในบ้านหลับกันตั้งแต่ช่วงเวลา 2 ทุ่ม ไม่เกิน 3 ทุ่ม ก็เลยงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

พอตื่นเช้ามาก็เจอคุณแม่ของบีมานั่งคุยอยู่กับแม่ของคุณเอที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ซึ่งแม่คุณเอกับแม่ของบีจะค่อนข้างสนิทกัน เพราะว่าทำงานอยู่ที่เดียวกัน 

คุณเอสังเกตุเห็นว่าคุณแม่ของบีกำลังร้องไห้ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร คิดว่าคงจะมานั่งคุยอะไรกันตามปกติ ก็เลยไปอาบน้ำเตรียมตัวจะไปทำงาน

สักพักนึง พอออกจากห้องน้ำมา แม่ของบีก็กลับไปบ้านแล้ว แม่ของคุณเอได้เดินมาบอกคุณเอว่า “เอ…รู้เรื่องไหมลูว่าเมื่อคืน บี โดนทำร้ายร่างกายนะ” คุณเอก็ตกใจ พูดกลับไปว่า “เอ้ย อะไรแม่ มันจะเป็นไปได้ยังไง เมื่อคืนยังเจอกันอยู่เลย”

“แต่ว่าแม่ยังไม่บอกว่า บี เสียชีวิตแล้ว” แม่บอกว่า เมื่อคืนแม่ของบีมาเล่าให้แม่ฟัง ลำดับเหตุการณ์ช่วงประมาณ 1 ทุ่ม หลังจากที่บีกำลังเดินเข้าบ้าน 

ต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อนเมื่อปี 2538 เนี่ย จังหวัดนนทบุรียังก็ไม่ค่อยเจริญ เป็นแค่จังหวัดชานเมือง ผู้คนจะอาศัยอยู่เยอะเฉพาะตัวเมืองหรือติดกับพื้นที่สาธารณูปโภค 

แถวบ้านคุณเอทางเดินค่อนข้างเปลี่ยว และเส้นทางนี้นจะเฉพาะคนพื้นที่เท่านั้นที่จะผ่านเข้าผ่านออก หากคนข้ามคลองมา ก็ต้องเป็นคนที่อยู่ด้านในนี้เท่านั้น และทางก็ตันอีกด้วย ไม่สามารถที่จะทะลุไปออกทางไหนได้ 

ทางเข้าหมู่บ้านจะต้องข้ามสะพานข้ามคลองมาก่อน ซึ่งพอข้ามสะพานข้ามคลองน้ำมาแล้ว ก็จะเป็นถนนลูกรัง สองฝั่งข้างทางจะเป็นป่ากกรกทึบที่มีน้ำปริ่ม ๆ ขังอยู่ เนื่องจากน้ำฝนที่ตกลงมา เดินตรงเข้าไปอีกประมาณ 300 เมตร จะเจอ 3 แยก บ้านของคุณเอและบ้านของ บี จะต้องเลี้ยวขวา และเดินตรงไปอีกประมาณเกือบ 300 เมตร ถึงจะไปเจอบ้านของคุณเอ และบ้านของเพื่อน ๆ ที่ปลูกเป็นแถวอยู่ด้วยกัน 

แม่ของบีเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนเวลาประมาณ 3 ทุ่ม แม่ก็สงสัยแล้วว่าดึกป่านนี้แล้ว ทำไมบียังไม่กลับบ้าน ด้วยสมัยก่อนยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ การติดต่อกันจึงเป็นเรื่องที่ลำบาก 

ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว แม่ของบีและญาติ ๆ ก็เลยออกมาตามหากันว่าบีอยู่บ้านเพื่อนหรือเปล่า เพราะว่าบ้านเพื่อน ๆ ของบี ก็จะอยู่บริเวณใกล้ๆ กัน

เมื่อรู้ว่า บี หายตัวไป เพื่อน ๆ จึงช่วยกันออกตามหาอีกแรง แต่ก็ไม่เจอ จนมาถึงตรงจุดที่เป็นป่ากกรกทึบ เดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายรอบ คุณพ่อคุณแม่ของบีก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าออกเพื่อตามหาลูกสาวอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่เจอ

จนประมาณเกือบ 4 ทุ่ม มีสองสามีภรรยาที่เลิกงานดึกได้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาผ่านตรงป่ากกรกทึบ และได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ เสียงเหมือนอ่อนแรงเต็มที 

“โอ้ย……โอ้ย…..” 

สองผัวเมียก็คิดว่าโดนผีหลอก ทีแรกกลัว เตรียมจะวิ่งหนี แต่ด้วยความที่ บี น่าจะแบบใช้แรงเฮือกสุดท้าย ตะโกนออกมาว่า 

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” 

สามีก็เลยจอดรถ แล้วลงเดินเข้าไปดู ถึงได้เห็นว่าเป็นผู้หญิงโดนทำร้ายร่างกาย มีรอยมีดบาดที่ใต้คาง เฉียดลูกกระเดือกไปนิดเดียว แผลค่อนข้างฉกรรจ์ โชคดีที่มีดไม่ได้โดนบริเวณหลอดลมหรือหลอดเลือด

นอกจากแผลที่คางแล้ว ที่หัวยังโดนตีจนกระโหลกด้านขวาจะยุบเข้าไป ส่วนอื่นๆของร่างกายก็เต็มไปด้วยรอยพกช้ำ เหมือนถูกกระทืบ  แขนขาหักหลายจุด ดูอาการแล้วก็ค่อนข้างที่จะสาหัส 

สามีภรรยาก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปที่ตู้โทรศัพท์ที่อยู่ริมถนนใหญ่ ซึ่งห่างจากจุดที่เกิดเหตุอยู่พอสมควร เพื่อโทรศัพท์แจ้ง 191 ว่ามีคนถูกทำร้าย อยู่ตรงนี้ ๆ 

เมื่อตำรวจและกู้ภัยมาถึง ก็รีบพาตัวคนเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล ตอนนั้น บี เหมือนใกล้จะหมดสติ แต่ยังพอมีแรง ได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่ามีบ้านอยู่บริเวณนี้  จึงมีการสอบถามกันว่าเป็นใครบ้าน หลังไหน ติดต่อญาติพี่น้องเพื่อนได้ไหม เพื่อนก็เลยบอกที่อยู่ของบ้าน บี กับทางเจ้าหน้าที่ไป 

สักพักเจ้าหน้าตำรวจที่ก็เลยเข้าไปตามพ่อกับแม่ของบี ซึ่งจุดที่เกิดเหตุทางจากบ้านของบี แค่ 400 เมตรซึ่งพ่อแม่ของบีขี่มอเตอร์ไซค์วนเข้าวนออก ผ่านตรงจุดนั้นอยู่หลายรอบ แต่ไม่ได้ยินหรือเห็นความผิดปกติขึ้นตรงนั้นเลย

พอหลังจากได้รับการติดต่อประสานงานเสร็จเรียบร้อย พ่อกับแม่ก็รีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที แต่เรื่องเศร้าก็เกิดขึ้น สุดท้าย บี ทดพิษบาดแผลไม่ไหว เนื่องจากโดนทําร้ายร่างกายค่อนข้างสาหัส  เสียชีวิตช่วงเวลาประมาณ ตี 2 ของคืนนั้น 

นี่คือเหตุการณ์เมื่อคืนทั้งหมดที่แม่ของบีเล่าให้แม่ของคุณเอฟัง…

หลังจากเกิดเป็นคดีความขึ้นมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบสวนคดี ซึ่งเป็นเรื่องของทางกฎหมาย  คุณเอก็ไม่ทราบว่าทางผู้ใหญ่เค้าติดต่อกับประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ว่ายังไงบ้าง ก็เลยไม่ทราบว่าตกลงแล้วคดีความจบยังไง เจอคนร้ายไหม และทางครอบครัวของบีเขาก็กำลังยุ่งกับการจัดงานศพด้วย จึงไม่ได้คุยกัน แต่คุณเอก็ไปงานศพเขาทุกวัน 

มีอยู่คืนนึง ประมาณคืนที่ 3 ซึ่งวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ต้องฌาปนกิจของบี ด้วยความที่เป็นเด็กวัยรุ่น เพื่อนๆ ก็มารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของบี ก็มีการนั่งกินนั่งดื่มกันนิดหน่อย ด้วยความที่ญาติ ๆ ของบีก็มาจากต่างจังหวัดกันเยอะ ที่บ้านก็เลยค่อนข้างจะคึกคักครึกครื้นพอสมควร

ตอนหัวค่ำ น้าของ บี ก็เลยเล่าว่า มันมีวิธีนะ สำหรับคนที่ตายแบบผิดธรรมชาติ หรือโดนฆาตกรรม เค้าเรียกว่าผีตายโหง ถ้าอยากให้ศพอยู่ไม่นิ่ง ให้ไปตัดกิ่งต้นบอนมา แล้วก็มาทาที่ปากศพ 

ซึ่งทุกคนก็ก็คิดว่าอยากจะทำ แต่ว่าพ่อแม่ของ บี ก็มาได้ยินเสียก่อน เค้าก็บอกว่าอย่าทำเลย ในเมื่อลูกเขาตายไปแล้ว ก็ขอให้ลูกเขาตายอย่างสงบสุข ส่วนเรื่องคดีความก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไป 

พอพ่อแม่ของบีเดินออกไป น้าของบีก็เลยพูดขึ้นมาอีกว่า ยังมีอีกวิธี ถ้าอยากให้ศพอยู่ไม่นิ่ง อยากให้ศพตามคนร้ายได้ ให้เราไปตรงจุดที่เจอร่างเค้า แล้วให้หยิบก้อนหินที่อยู่ริมทาง ปาเข้าไปตรงจุดที่เจอร่างเค้า ปาทุกวัน แต่ต้องปาตอนกลางคืน แล้ววิญญาณของเค้าจะอยู่ไม่สงบ เค้าจะก็ออกไปตามหาคนร้ายที่ทำร้ายเค้าจนได้

คุณบียอมรับว่าด้วยความความคึกคะนอง ณ ตอนนั้น แล้วก็คิดในใจว่า เออเดี๋ยวจะลองทำ เพราะว่าทางที่เราเจอศพของ บี มันก็เป็นทางที่ตัวเองต้องเดินผ่านอยู่แล้วทุกวันอยู่แล้ว 

จนช่วงประมาณใกล้จะเที่ยงคืน ด้วยความที่เพื่อนทุกคนสงสารเพื่อน เห็นใจเพื่อนว่าเพื่อนไม่น่าจะโดนเหตุการณ์แบบนี้ ไม่น่าจะโดนทำร้ายร่างกายกับชีวิตแบบนี้  ก็นั่งคุยกันพูดคุยกัน สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนดังมาจากต้นซอย ทางที่จะต้องเดินเข้าบ้านมา จนมีความรู้สึกว่าพวกสุนัขมันเห่าอะไรกัน

พวกสุนัขเห่าอยู่พักนึง แล้วพวกมันก็หยุด สักพักที่คนนั่งอยู่ร่วม ๆ  10 กว่าคน ก็ได้ยินของผู้หญิงพูดดังขึ้นมาว่า

“ บี “

ทุกคนที่กำลังคุยคุยกันอยู่ก็เลยเงียบกันหมด แล้วก็หันมองหน้ากัน และถามกันว่า “พูดหรอ” “เรียกหรอ”  “เสียงใคร”  ทุกคนก็ใส่หน้ากันหมด

“กูไม่ได้พูด” 

“กูไม่ได้เรียก” 

ก็เลยงง และก็สงสัยว่า บี มาแน่เลย เพราะเคยได้ยินโบรราณบอกว่า คนตายโหง จะรู้ว่าตัวเองตาย เมื่อคบคืนที่ 3 แล้ว แล้วพรุ่งนี้ก็จะต้องฌาปนกิจแล้ว 

เพื่อนทุกคนก็เลยคุยกันว่า งั้นวันนี้หยุดแค่นี้ก่อนดีกว่าไหม ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไหม หรือคนที่จะนอนบ้านบี คนที่จะช่วยงานต่อก็ค้างที่บ้านบีไป 

หลังจากนั้นคุณเอและเพื่อนบางคนได้เดินกลับบ้านของตัวเอง และเพื่อนที่บ้านอยู่หมู่บ้านใกล้กัน ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ  

หลังจากที่งานศพผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว ในทุก ๆ วัน ประมาณ 18:00 น. ถึง 19:00 น. หลังเลิกงาน เวลาเดินกลับเข้าบ้าน และผ่านตรงป่ากก จุดที่พบร่างของบีผม คุณเอได้หยิบก้อนหินจากแถว ๆ นั้นปาไปตรงจุดที่พบศพของบี ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน 

จน 2 สัปดาห์ผ่านไป คุณเอก็ยังทำอยู่ กระทั่งได้เจอกับเหตุการณ์สุดพลีค ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ทำให้คุณเอตัดสินใจว่าจะเลิกทำแบบนี้ละ 

คือว่าวันนั้น มีฝนตกลงมาช่วงหัวค่ำ ขณะที่คุณเอกำลังเดินเข้าบ้านมาคนเดียว ถนนหนทางค่อนข้างเปลี่ยว ๆ ซึ่งปกติก็จะเดินเข้าเดินออกคนเดียวเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว 

แล้ววันนั้น ขณะที่คุณเอกำลังก้มจะหยิบก้อนหิน เพื่อที่จะปาไปตรงจุดนั้นที่เจอร่างของบี ปรากฏว่ามันเหมือนมีคนเข้าเอาก้อนหินหรืออะไรสักอย่างปาข้ามหัวคุณเอไปตรงจุดนั้นก่อนคุณเอ 

คุณเอพยายามหันไปมองหาว่าใครเป็นคนปาก้อนหิน แต่อย่างที่บอกสองข้างทางมันเป็นป่ากก ต้นหญ้าสูงหมดเลย แถมฝนก็ตกด้วย คงไม่มีใครออกจากบ้านตอนนี้ 

เมื่อคิดได้อย่างนั้น คุณเอก็รู้สึกขนหัวลุก ใจหายวูบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม  แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ แล้วพูดออกไปว่า “นั่นบีหรอ ถ้าเป็นบี อยากให้บีรับรู้เลยนะว่าเพื่อนทุกคนคิดถึงบี ถ้าบียังอยู่บีต้องไปตามหาคนร้ายให้เจอนะ” พูดจบคุณเอก็เอาก้อนหินวางไว้ที่เดิม แล้วก็เดินกลับบ้าน

หลังจากวันนั้นคุณเอก็ไม่เคยเอาก้อนหินมาปาแบบนั้นอีกเลย เพราะมีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาล้อเล่น ไหน ๆ เพื่อนก็จากไปแล้ว ปล่อยให้เพื่อนไปสบายดีกว่า

หลังจากวันนั้น วันเวลาก็ผ่านไป คดีความไปถึงไหนคุณเอก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะอย่างที่บอกต่างคนต่างอยู่ หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้พ่อแม่ของบีก็ค่อนข้างที่จะเสียใจมาก แต่พวกเค้าก็ยังมีลูกสาวและลูกชายอีกสองคน ซึ่งเป็นน้องบี ที่ยังต้องดูแลอยู่ 

และด้วยความที่เมื่อก่อนคนไม่ค่อยรู้กฎหมายเหมือนอย่างสมัยนี้ พ่อกับแม่ของบีจึงไม่รู้ว่าจะต้องไปร้องเรียนใคร หรืออะไรยังไง เค้าก็เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าคดีไม่คืบก็ต้องตามนั้นและ

หลังจากนั้นมา ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นอีก แต่มีอยู่คืนหนึ่ง บี มาเข้าฝันคุณเอ ซึ่งในฝันคุณเอและ บี ไปเที่ยวกันที่ไหนสักแห่งนึงมา และกำลังจะกลับเข้าบ้าน

โดยปกติแล้วเวลาเดินกลับเข้าบ้านก็จะต้องถึงบ้านคุณเอก่อน แล้วถึงจะถึงบ้านของบี ในฝันทั้งสองเดินกลับมาพร้อมกัน คุณเอกำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่บีหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านคุณเอแล้วก็บอกว่า

“เออ..ไปแล้วแหละ” 

คุณก็เลยถามว่า “ไปไหน จะไปไหน ไม่เข้าบ้านหรอ” 

บีก็บอกว่า “ไม่..เดี๋ยวต้องไปแล้ว เขารออยู่” 

นี่คือเหตุการณ์ในฝัน แล้วคุณเอก็ตื่นมาในตอนเช้า คุณเอก็เข้าใจว่าเพื่อนคงมาบอกลาตนนั่นแหละ เลยมาบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นคุณเอก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บี ทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะนึกถึงเพื่อนแล้วก็ทำบุญให้เพื่อนตลอด 

ซึ่งทุกวันนี้คุณเอก็ไม่ทราบว่าคดีความไปถึงไหนแล้ว จบลงหรือยัง แต่ตามความรู้สึกคุณเอคิดว่า อาจจะเป็นการฆาตรกรรมคดีข่มขืนหรือเปล่า เพราะว่าของมีค่ากระเป๋าสตางค์แหวนนาฬิกาหรืออะไรก็คือยังอยู่ มันคิดดีไม่ได้ ก็เลยต้องคิดไปในทางนั้น 

และเท่าที่ได้รับฟังมาจากคุณพ่อคุณแม่ของบีที่เล่าให้คุณพ่อคุณแม่คุณเอฟัง เสื้อของบีถูกเลิกขึ้น มือถูกจับไขว้หลัง กางเกงยีนส์ไม่ได้ถูกถลกออกแต่ซิบถูกรูดลง เข็มขัดถูกปลดออก และหัวที่โดนตีก็นอนคว่ำลงไปในน้ำ จมูกเกือบจมน้ำ ถ้าลงไปอีกนิดเดียวจมูกจมน้ำแน่นอน  และมันก็จะกลายเป็นการจมน้ำตาย

ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น แต่มันคือเรื่องราวทั้งหมดที่คุณเอได้รับฟังและประสบพบเจอมากับตัว ก็ไม่คิดว่าเพื่อนที่สนิทกันจะต้องมาจบชีวิตแบบนี้จริงๆ 

ไม่มีใครบอกได้ว่าเพื่อนโดนอะไร แต่คุณเอคิดในทางที่ดีว่าแค่โดนทําร้ายร่างกาย และเพื่อนเสียชีวิตแค่นั้น แต่ก็รู้สึกสงสาร และก็ยังรู้สึกคิดถึงเพื่อคนนี้อยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านมากกว่า 20 ปี แล้วก็ตาม 

สุดท้ายคุณเอบอกในรายการว่า “รู้สึกสะเทือนใจไปกับเหตุการณ์นี้มาก และไม่ทราบว่าเรื่องราวเหตุการณ์จบอย่างไร จับคนร้ายได้หรือไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกครับ ยุคนั้นสมัยนั้น ไม่มีสื่อโซเชี่ยล คนในสังคมยังไม่ค่อยมีความรู้ หลายๆ คดีที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้จึงหายเงียบไป 

แล้วตัวผมซึ่งยังเด็กมาก อายุ 18 ปี สมัยนั้นเรื่องของผู้ใหญ่ก็คือเรื่องของผู้ใหญ่ เราไม่สามารถไปก้าวล่วงท่านได้ แต่เพื่อนคนนี้ก็ยังอยู่ในความทรงจำเสมอครับ 26 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เป็นเรื่องที่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามที่จะลืม 

แต่ที่ตัดสินใจมาเล่าที่ อังคารคลุมโปง เพราะรู้สึกคิดถึงเพื่อนคนนี้ และอยากเล่าเพื่อเตือนสติว่าเราอย่าประมาทกับการใช้ชีวิต และการระมัดระวังตัว โดยนเฉพาะผู้หญิง ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน แม้แต่ผู้ชายในยุคนี้ก็ต้องระมัดระวังตัวเช่นกัน  ขอให้มีสติกับทุกการกระทำ ผมเชื่อว่าเราจะรอดพ้นจากเรื่องร้ายๆ ได้แน่นอนครับ”

ท้ายที่สุด ต่อให้ผู้หญิงเดินใส่ชุดชั้นในออกมาข้างนอก คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปข่มขืนหรือคุกคามเค้า แล้วคดีแบบนี้ในไทยมีเยอะมาก เพราะกฎหมายบ้านเราหละหลวมเกินไป ฟังเรื่องนี้แล้วทำให้รู้เลยว่า ไม่ว่าจะตำรวจยุคไหนก็เป็นเหมือนกันหมด 

โชคดีที่ในปัจจุบันโลกโซเชียลมันไว ตำรวจเลยต้องตามคดีให้ ไม่งั้นโดนคนด่าทั่วประเทศ อีกเรื่องที่เสียดายคือการเอาใบบอนทาปากศพ เข้าใจหัวอกพ่อแม่ที่อยากให้ลูกไปสงบ แต่อย่าลืมว่าการที่คนร้ายลอยนวล มันอาจจะไปก่อคดีกับใครอีกก็ได้ ถ้ายอมให้เค้าตามตัวคนร้ายแล้วคนร้ายมาสารภาพจริงๆ มันคงเป็นการสร้างบุญอีกอย่างนึงที่คนร้ายไม่ต้องไปทำแบบนี้กับใครอีก…….เรื่องลาวก็จบลงเพียงเท่านี้ 

ขอขอบคุณที่มาเรื่องเล่าจากรายการ อังคารคลุมโปง  ช่อง AtimeOnline  เรื่องเล่าสุดหลอน เพื่อนโดนฆาตกรรม  คุณเอ

บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือเล่าลงพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด

Previous articleเสียงเพลงจากบ้านชั้น 2 “เพลงผีเฮี้ยน”
Next article“แอนนาลิซ มิเชล” หญิงสาวผู้เสียชีวิตหลังถูกทำพิธีไล่ผี 67 ครั้ง (มีคลิป)