เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากที่คุณมูซาเลิกเล่นมวยไปแต่งงานมีครอบครัวและได้เข้ามาทำงานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งทางภาคใต้ วันแรกที่เริ่มงานคุณมูซามีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนนึง ที่ชื่อว่า นาย ก
คุณมูซากับนาย ก ทำงานด้วยกันไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มสนิทสนมกัน กระทั่งผ่านไปประมาณ 4-5 เดือน คุณมูซาก็ไม่เคยเห็นหรือเจอ นาย ก ในที่ทำงานอีกเลย
ซึ่ง ณ ตอนนั้นคุณมูซาก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัว นาย ก มากเท่าไรนัก จึงเข้าใจว่า นาย ก คงโดนย้ายไปอยู่ที่สาขาอื่นแล้ว จนกระทั่งวันนึงเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันมาชวนคุณมูซาว่า
เพื่อน : “วันนี้ว่างไหม”
คุณมูซา : “ทำไม…มีเรื่องอะไร”
เพื่อน : “พอดีได้ข่าวว่าไอ้ ก ไม่ค่อยสบายว่าจะไปเยี่ยมที่บ้าน…ไปมาหรือยัง?”
คุณมูซา : “เออผมไม่รู้จักบ้านมัน จะไปได้ยังไง”
เพื่อน :“งั้นเดี๋ยวเลิกงานแล้วไปพร้อมกัน”
จนกระทั่งเลิกงานคุณมูซาก็เตรียมตัวกำลังจะไป แม่ของ นาย ก ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกันกับคุณมูซาได้เดินมาบอกว่า
“บ่าว…ไปเยี่ยมเพื่อนด้วย เพื่อนไม่สบาย”
“อ๋อครับๆ ผมกำลังจะไปพอดีเลยครับ นัดกับเพื่อนอีกคนนึงอยู่พอดี”
“งั้นไปพร้อมกับป้าเลยก็ได้”
แล้วแม่ก็ถามคุณมูซาต่อว่า “รู้จักบ้านมันไหม” คุณมูซาก็เลยบอกไปว่า “ไม่รู้จักครับ” แม่จึงบอกว่างั้นเดี๋ยวไปพร้อมกันเลย
เมื่อไปถึงบ้าน สิ่งที่คุณมูซาเห็นคือสภาพของนาย ก นอนใส่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวอยู่ภายในบ้าน สภาพอิดโรย ซูบผอม เหมือนไม่ใช่ นาย ก คนเดิมแล้ว
“ทำไมไม่ไปทำงาน” คุณมูซาถาม นาย ก
นาย ก ก็ตอบกลับมาสั้นๆ ว่า “ขี้เกียจ”
“อ้าว…จะขี้เกียจได้ยังไง ปกติเห็นทำงานทุกวันก็ไม่เห็นจะเคยไปสาย”
“เออ…อยู่ๆ มันก็ขี้เกียจ”
คุณมูซามองไปที่ใบหน้าของ นาย ก แลดูหมองคล้ำ คุณมูซาก็ได้แต่คิดในใจว่า ไอ้นี่มันโดนของหรือเปล่าวะ หลังจากนั่งคุยกันได้สักพักคุณมูซาก็ขอตัวกลับก่อน
วันรุ่งขึ้นคุณมูซาไปทำงานตามปกติ ตอนประมาณช่วงพักเที่ยงน้องสาวของนาย ก ก็เดินมาคุยกับคุณมูซา
“บัง…เนี่ย พี่ ก เป็นอะไรก็ไม่รู้ กลางคืนไม่ค่อยหลับไม่ค่อยนอน”
นั่นทำให้คุณมูซานึงถึงตอนที่ตัวเองโดนของ เพราะมีอาการแบบนี้เหมือนกัน
คุณมูชา : “เขาโดนของหรือเปล่า”
น้องสาวนาย ก : “น่าจะ…”
คุณมูซา : “แล้วใครเป็นคนทำ”
น้องสาวนาย ก : “จากที่คาดเดาคนที่ทำน่าจะเป็นแฟนของพี่ ก”
คุณมูซา : “ผู้หญิง เป็นคนที่ไหน”
น้องสาวนาย ก : “อยู่แถวหาดใหญ่”
คุณมูซา : “เป็นคนพุทธใช่ไหม”
น้องสาวนาย ก : “ไม่ใช่ เป็นอิสลาม”
คุณมูซา : “อิสลามหรอ…เฮ้ยแล้วทำไมถึงมาทำแบบนี้”
คุณมูซาคิดว่า คงเพราะด้วยว่านาย ก เป็นคนที่หน้าตาดี หล่อ จมูกโด่ง ตาคม ผู้หญิงเลยหึงหวงรึเปล่า แต่ก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมคนเรารักกันถึงต้องทำของใส่กันด้วย
น้องสาวนาย ก : “ไม่รู้เหมือนกัน…เวลาโทรมาก็คุยกันก็ชอบทะลาะกัน ตะคอกมั่ง ด่ามั่ง”
คุณมูซา : “แล้วผู้หญิงเคยมาที่บ้านหรือยัง”
น้องสาวนาย ก : “เคยมาแล้ว 2 ครั้ง”
คุณมูซา : “อันตรายมาก อย่าให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในบ้านอีกนะ”
เย็นวันนั้นหลังเลิกงานคุณมูซาก็ไปเยี่ยมนาย ก อีกครั้ง ไปถึงก็เข้าไปนั่งคุย แต่ก็ไม่ได้เอ๋ยถึงเรื่องที่สงสัยว่าเพื่อนจะโดนของ เพราะคิดว่าหากพูดไปยังไงเพื่อนก็ไม่เชื่อแน่ ๆ จึงทำได้แค่นั่งสังเกตดูอาการ และลองถามหยั่งเชิงไป
คุณมูซา : “กลางคืนนอนหลับบ้างไหม”
นาย ก : “ไม่ได้นอนเลย”
คุณมูซา : “ไม่นอนแล้วทำอะไร”
นาย ก : “เล่นโทรศัพท์”
คุณมูซา : “อ๋อ…โอเค”
ขณะที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ จู่ ๆ แม่ของนาย ก ก็เดินมาเรียกคุณมูซาให้เข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว แม่นาย ก ถามคุณมูซาตรงๆ ว่า “มีทางช่วยอะไรบ้างไหม” คุณมูซาก็เลยถามว่า “แม่…สรุปนาย ก โดนของจริงๆใช่ไหม เพราะว่าพฤติกรรมมันแปลกๆ ไป ทั้งหน้าตา แววตาก็แปลกๆ มันไม่เหมือนนาย ก เลย” แม่นาย ก ก็เลยบอกว่า “น่าจะเป็นอย่างนั้น”
ตอนนี้ นาย ก ไม่ได้ไปทำงานแล้ว เรียกว่าเสียงานเสียการหมดเลย แม่นาย ก เองก็กลุ้มใจมาก คุณมูซาก็เลยบอกว่า “ผมรู้จักพ่อหมออยู่คนนึง เมื่อก่อนผมเองก็เคยโดนแบบนี้ อาการคล้ายๆ กันเลย เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เลิกงานผมจะพาไปหาเขา”
แต่เอาจริง ๆ ตัวคุณมูซาเองก็ไม่ได้เจอพ่อหมอมานานกว่า 5 ปีกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังจะอยู่ที่เดิมอยู่หรือเปล่า
รุ่งขึ้นหลังจากเลิกงาน คุณมูซากับน้องสาวนาย ก ก็เลยมาตามหาพ่อหมอกัน เมื่อไปถึงหน้าสำนักคุณมูซาก็เข้าไปแจ้งกับยามว่ามาหาพ่อหมอ
หลังจากที่ยามอนุญาตให้เข้าไปได้ คุณมูซาก็เข้าไปเจอกับลูกของพ่อหมอ คุณมูซาจำได้ในทันที และลูกของพ่อหมอก็จำคุณมูซาได้เช่นกัน ลูกของพ่อหมอถามคุณมูซาว่า “มาทำอะไรกัน” คุณมูซาก็เลยถามว่า “พ่อหมออยู่ไหม”
ลูกพ่อหมอก็บอกว่า “อยู่… เข้าไปเลย พ่ออยู่ข้างใน” คุณมูซาก็เลยเดินเข้าไปหา พอพ่อหมอเจอคุณมูซาปุ๊บ ก็หัวเราะออกมา แล้วก็ถามคุณมูซาว่า “มาทำไม” คุณมูซาก็เลยเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนโดนของ พ่อหมอก็เลยถามว่า “คนไหน” คุณมูซาจึงให้น้องสาวของนาย ก เข้าไปคุยกับพ่อหมอ และคุณมูซาก็นั่งฟังไปด้วย
น้องสาวของนาย ก ก็เล่าให้ฟังว่าพี่ชายมีอาการแบบนั้น แบบนี้ โดนของ เสียงาน เสียการ จนแม่กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะที่กลุ้มใจเรื่องพี่ชาย แล้วก็ถามพ่อหมอว่า
“ตกลงพี่หนูมันโดนของใช่ไหมหมอ”
“ใช่ มันโดนของ โดนมาประมาณ 1 เดือนแล้ว” พ่อหมอบอก
“แล้วเค้าทำของใส่ยังไงอ่ะ”
“เวลาหุงข้าว คนทำมันเอาหม้อข้าวไปลอดใต้หว่างขา ยิ่งเล่นของสกปรกเท่าไหร่ของยิ่งขัง”
คุณมูซาจึงหันไปถามน้องสาวนาย ก…
“นาย ก เคยไปที่บ้านของผู้หญิงคนนั้นไหม”
“เคยไป”
“ไปแล้ว ไปกินข้าวบ้านเขาด้วยไหม”
“กินนะ”
“นั่นแหละ เขาทำใส่ในข้าวนั่นแหละ”
น้องสาวของนาย ก บอกว่า “กลางคืนก็ไม่ยอมนอน เอาแต่นั่งอย่างเดียว ไม่รู้นั่งทำอะไร นั่งเฉยๆ บางทีก็เดินวนรอบบ้านไปมา”
พอได้ยินอย่างนั้น คุณมูซาก็บอกไปว่า “เฮ้ย!! อาการแบบนี้มันเหมือนตอนที่บังเคยโดนเลย เหมือนมากเป็นแบบนี้เลย แต่ไม่ต้องห่วง พ่อหมอแก้ได้”
หลังจากที่พูดคุยอะไรกันเสร็จ คุณมูซาก็ไปส่งน้องสาวของนาย ก ที่บ้าน แล้วก็เลยกลับบ้าน โดยนัดแนะกันใหม่ว่า พรุ่งนี้หลังเลิกงาน ให้มาเจอกันที่สำนักพ่อหมอ
พอเย็นวันต่อมา หลังเลิกงาน คุณมูซาก็มาเจอกันที่สำนัก โดยมีครวบครัวของนาย ก มารอกันอยู่ที่สำนักแล้วทั้งครอบครัว ยกเว้นเพียงนาย ก คนเดียวที่ไม่ได้มา
พ่อ แม่ น้องสาวถามพ่อหมอว่า ต้องการอะไรเป็นพิเศษไหม คุณมูซาก็เลยบอกว่า พ่อหมอคนนี้เขาไม่เอาอะไรมากหรอก ขอแค่กาแฟ 30 ซองก็พอ พ่อแม่ นาย ก ก็บอกว่า ได้
แล้วพ่อหมอก็พูดขึ้นมาว่า “งั้นขออีกอย่างนึงด้วย ขอเครื่องเล่น CD” คุณมูซาก็เลยบอกพ่อหมอว่า “ได้…เขาให้ได้แต่ว่าต้องแก้ให้ลูกเขาหายก่อนนะ”
หลังจากที่พูดคุยอะไรกันเสร็จ พ่อหมอก็พูดขึ้นมาว่า “อะไรที่เกี่ยวกับร่างกายของแม่ ย่อมดีกว่าเสมอ ให้เอาปัสสาวะของแม่ใส่แก้วให้ลูกเจ้าดื่ม และต้องห้ามไม่ให้เข้า เพราะถ้ารู้เขาอาจจะไม่ดื่ม”
พ่อหมอบอกต่อว่า ผู้หญิงคนนั้นน่ะ เค้าพยายามทำของใส่มาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด คุณมูซาก็เลยถามพ่อหมอกลับไปว่า “แล้วเค้าจะทำไปเพื่ออะไร”
พ่อหมอจึงบอกว่า “เพราะเขาต้องการเอาชนะแม่ นาย ก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ๆ ถ้าเค้ายังไม่หยุดทำของมา นาย ก อาจตายได้ เพราะของมันจะเริ่มกินทีละนิด ทีละนิด จนผอมเหลือแต่กระดูก”
พ่อหมอจึงแนะนำว่า เย็นนี้กลับไปถึงบ้าน ช่วงเวลาอาหารเย็น ให้รีบจัดการซะ ให้ผสมปัสสวะของแม่ลงในแก้วน้ำให้ นาย ก ดื่มกิน และห้ามใครกินน้ำเด็ดขาด ทุกคนก็เป็นอันว่ารู้กัน
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน นาย ก ได้ดื่มน้ำที่ผสมปัสสวะของแม่เข้าไปจนหมดแก้ว
ประมาณ 3 วันผ่านไป สภาพร่างกายของนาย ก ก็เริ่มดีวันดีคืน คุณมูซาได้ถามไถ่อาการนาย ก จากน้องสาวของเขา น้องสาวก็บอกว่า ตอนนี้ นาย ก ดีขึ้นมากแล้ว เริ่มนอนหลับบ้างแล้ว คุณมูซาก็เลยถามต่อว่า “แล้วผู้หญิงล่ะ คนที่ทำของใส่อ่ะ เป็นยังไงบ้าง”
น้องสาวของนาย ก เล่าว่า ผู้หญิงไม่ยอมเลิก และยังบอกอีกว่าจะมาที่บ้าน คุณมูซาก็สงสัยว่า ทำกันถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะมาให้เห็นหน้ากันอีกหรอ
แม่ นาย ก บอกว่า “แม่เกลียดผู้หญิงคนนี้มากเลย เวลาพูดกับแม่แรกๆ คุยดีมาก พอมาตอนหลังๆ เริ่มพูดจาไม่ดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พอเค้าบอกจะมา แม่ก็เลยบอกว่า ไม่ต้องมา ถ้ามาจะเรียกพี่น้องให้มาที่บ้าน ดูซิว่ายังจะกล้ามาอยู่หรือเปล่า”
คุณมูซาก็เลยบอกว่า “เขาคงไม่กล้ามาจริง ๆ หรอก เพราะว่าคนแบบนี้ เก่งแต่ปาก คงไม่กล้าทำจริงหรอกครับแม่”
หลายวันผ่านไป นาย ก เริ่มกลับมาเป็นปกติ พ่อหมอจึงเรียกให้นาย ก มาหา เพื่อมาคุยกัน ซึ่งคุณมูซาก็นั่งอยู่ด้วย
พ่อหมอนาย ก ว่า “เป็นไงบ้างตอนนี้”
“ดีขึ้น หัวจากที่เคยเจ็บก็ไม่เจ็บแล้ว คิดอะไรก็คิดออกไปหมดตอนนี้” นาย ก ตอบ
แล้วคุณมูซาก็เล่าให้นาย ก ฟังว่า ตัวเองก็เคยโดนของแบบนี้เหมือนกัน และเล่าถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง
เมื่อ นาย ก ได้ฟังก็บอกว่า “ใช่!! เป็นเหมือนกันเลย” คุณมูซาก็เลยบอกว่า “เข้าใจเลยว่าความรู้สึกของคนที่โดนอ่ะมันเป็นยังไง มันทรมาน ดีนะที่ได้มาเจอกันซะก่อน ถ้ามาช้ากว่านี้ นายอาจจะฆ่าตัวตาย หรือตายไปแล้วก็เป็นได้”
นาย ก ก็บอกว่า “ใช่!! เพราะตอนนั้นคิดอะไรก็คิดไม่ออกเลย จนเกือบจะผูกคอตาย แต่ด้วยความที่คิดถึงแม่ก็เลยไม่ทำ”
หลังจากที่ นาย ก รักษาตัวจนหายเป็นปกติแล้ว นาย ก ก็ได้ไปจัดการซื้อสิ่งของตามที่หมอเคยขอไว้ มาให้พ่อหมอ
พ่อหมอได้บอกคุณมูซาว่า ปกติก็มีคนมาขอให้พ่อหมอช่วยทุกวันนะ แต่ส่วนมากพ่อหมอจะไม่ช่วย เพราะคนที่มาส่วนใหญ่มักจะมาขอให้ช่วยแต่เรื่องผิดศิลธรรม เช่น แย่งสามีชาวบ้านทั้งนั้น แต่กับเคสของนาย ก คือพ่อหมอเห็นว่าเขาโดนกระทำมา พ่อหมอก็เลยช่วย…
ผมคิดว่า บางครั้งของต่ำมันก็ต้องแก้ด้วยของต่ำ กับของบางอย่างพระคุณของแม่ก็สามารถแก้ได้ อย่างเช่นที่พวกเรามักจะเคยได้ยินกันว่า ใครที่โดนของ ให้นำผ้าถุงแม่มาครอบหัว แล้วของพวกนั้นมันก็จะมลายหายไป
แต่กับเคสแบบของนาย ก อาจจะลองทำแล้วแต่ของไม่หลุด จึงต้องแก้ด้วยการกินเข้าไป เพราะของมันเข้าไปในร่างกายแล้ว
ของต่ำพวกนี้เรามองตามความเชื่อ แต่บางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับไสยศาสตร์ของทางอิสลามเราก็ไม่รู้ว่าเขามีวิธีการแบบไหน แต่ว่าทางไทยพุทธเราก็จะเป็นอีกแบบนึง ซึ่งคิดว่าก็น่าจะคล้ายๆกัน แต่มันอาจจะแตกต่างกันเพียงนิดเดียวตรงที่ถ้าเป็นพุทธก็จะมีพวกเรื่องของภาษาคาถาที่จะเกี่ยวกับทางเขมร แต่ว่าถ้าเป็นคุณไสยอิสลามก็จะเป็นภาษาอาหรับมาลายู จะแตกต่างกันแค่เท่านี้ แต่วิธีทำก็จะคล้ายคลึงกัน …
ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเนตร ธนัชพงศ์ ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง คุณไสยอิสลาม – คุณมูซา
บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือเล่าลงพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด