คริสต์มาสสีเลือด

คริสต์มาสสีเลือด

ย้อนรอยคดีสุดโหด จาก blockdit โดยผู้ใช้ Red Diary หากพูดถึงเทศกาลคริสต์มาส หลายๆ ท่านโดยเฉพาะเด็กน้อย มักจะนึกถึงซานตาครอสชายร่างอ้วนท้วมที่ดูใจดี หน้าตาเป็นมิตร แบกถุงสีแดงเพื่อไปแจกของให้แก่เด็กๆถึงประตูบ้าน เป็นเทศกาลที่อบอวลไปด้วยความสุขและเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอยอย่างใจจด ใจจ่อ

หากแต่…เมื่อสิ่งที่ทุกท่านคิด ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซานต้าไม่ได้ใจดีอย่างที่คิด ไม่มีช็อคโกแล็ต ลูกกวาด อมยิ้มแสนหวานมาแจกอย่างที่เห็น แต่พร้อมจะมอบความตายให้แก่ท่าน ท่านจะยังรู้สึกสนุกสนานกับเทศกาลนี้อยู่ไหม?? เชิญติดตามเรื่องราวต่อไปนี้ได้เลย

Christmas Eve วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม ค.ศ.2008  บรูซ ได้ลงมือสังหารหมู่ เขากราดยิงผู้คนโดยไม่เลือกหน้า และทั้ง 9 ศพต้องสังเวยให้แก่ฝีมือเขา

หนังสือพิมพ์ทุกฉบับทั่วสหรัฐอเมริกาถูกตีพิมพ์ถึงข่าวการสังหารหมู่  เป็นฝีมือ นาย เจฟฟรีย์ บรูซ ปาร์โด วัย 45 ปี

บรูซ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1963 ที่เมืองชิคาโก  รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา บรูซ เป็นที่รู้จักของใครหลาย ๆ คน เพราะเขาชื่นชอบการทำกิจกรรมในเทศกาลต่าง ๆ จนหลายคนรู้จักมักคุ้นกับเขาเป็นอย่างดี

เจฟฟรีย์ บรูซ ปาร์โด

เจฟฟรีย์ บรูซ ปาร์โด ในสายตาผู้คนนั้น เขาเป็นคนใจดี ใจเย็น โอบอ้อมอารีและรู้จักแบ่งปัน และทุกเทศกาลคริสต์มาสนั้น บรูซมักจะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ขึ้นทุกปี โดยมีอาหารและของขวัญมากมาย และทุกปีเขาจะได้รับการเชื้อเชิญจากเพื่อนบ้าน และคนที่รู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกันมาร่วมงานอีกด้วย

ทุกเทศกาลคริสต์มาส บรูซจะแต่งตัวเป็นซานตาครอส เพื่อเดินแจกของขวัญให้กับเด็ก ๆ และผู้ที่มาร่วมงานทุกปี

วันอาทิตย์ ที่ 29 มกราคม ค.ศ.2006 นับเป็นปีใหม่ที่แสนพิเศษสำหรับเขา เพราะเขาได้แต่งงานและสร้างครอบครัวกับซิลเวีย โดยทั้งคู่ได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ รวมถึงสุนัขแสนรักอย่างเจ้าซาโก้ ที่มหานครลอสแองเจลิส

บรูซและภรรยา เป็นคนที่มีหน้าที่การงานดี และมีฐานะที่จัดว่าดีเลยทีเดียว อีกทั้งบรูซยังได้ทำงานอยู่ที่ บ.ไอทีที อิเล็กทรอนิกส์ในแผนกขนส่ง ซึ่งนับว่าเขานั้นมีหน้าที่การงานดีและดูมีความความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพนี้

แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความสุขก็อยู่กับบรูซได้ไม่นาน ในเวลาปีถัดมา บรูซประสบพบเจอแต่ความล้มเหลว ทั้งหน้าที่การงาน และสูญเสียสุนัขแสนรักอย่างเจ้าซาโก้ไปด้วย แต่ไม่พอเท่านั้น บรูซหย่ากับภรรยาของเขาอีกด้วย สาเหตุจากบรูซไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยาของเขา ชีวิตคู่ของบรูซกับซิลเวีย ถูกปิดฉากลงเพียงเวลาแค่ 2 ปี เท่านั้น

ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่โหมกระหน่ำบรูซอย่างหนักหน่วง

ปลายปี ค.ศ. 2007 บรูซโดนฟ้องร้องเรื่องการหย่าร้างและถูกศาลพิพากษาบังคับให้บรูซจ่ายเงินบำนาญให้แก่อดีตภรรยา คนก่อนซิลเวีย) เป็นจำนวนมาก

บรูซคิดหนักทันที เขาจะหาเงินจากไหนมาจ่าย ในเมื่อทุกวันนี้เขาเองยังคงตกงานอยู่ นอกจากนี้เขายังมีภาระรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลบุตรที่เกิดจากบรูซและภรรยาเก่า ที่ชื่อว่า เอลิน่า

เอลิน่าประสบอุบัติเหตุจากการพลัดตกลงไปในสระน้ำ ก่อนหน้านี้บรูซได้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเอลิน่าแล้วมากกว่า 344,000 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายเงินก้อนโตนี้ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของเอลิน่าได้นาน เธอได้จากไป เมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2001

ความเครียดและความกดดันได้ประเดประดังเข้ามาในชีวิตบรูซอีกครั้งและดูจะหนักข้อกว่าเดิม ทำให้เขาต้องจมดิ่งสู่โรคซึมเศร้า ในขณะที่หลากหลายคนกำลังมีความสุข อยู่กันแบบพร้อมหน้า พร้อมตากับครอบครัว แต่บรูซ ต้องอาศัยอยู่เพียงลำพัง โศกเศร้าเสียใจและขาดกำลังใจ

บรูซไม่ได้ทำงานและไม่คิดจะหางานทำ จึงทำให้หนี้สินพอกพูนเพิ่มขึ้น เขามีรายได้เล็กน้อยจากงานพิเศษเป็นบางครั้ง และแน่นอนมันไม่พอใช้ต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

บรูซใช้ชีวิตเหมือนถูกตัดออกจากโลกภายนอก หลายเดือนต่อมาเขาเริ่มจินตนาการถึงชีวิตหลังความตายและความรุนแรงบ่อยครั้ง เขามีแผนที่คิดจะทำอะไรบางอย่างกับเพื่อนบ้าน และอดีตภรรยารวมถึงครอบครัวของเธอด้วย

มิถุนายน ค.ศ.2008 บรูซพยายามรวบรวมเงินทองทั้งหมดเท่าที่เขาจะหาได้ นำมาซื้ออาวุธและกระสุนเข้าบ้านเป็นจำนวนมาก จนที่บ้านของเขากลายเป็นคลังแสงสรรพวุธขนาดย่อม

หลังจากที่บรูซคิดแผนการอะไรบางอย่างได้ ดูเหมือนสภาพจิตใจเขากลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เขาทำตัวราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย จึงทำให้ผู้คนทั้งหลายเริ่มมองเขาดีขึ้น

ช่วงฤดูใบไม้ร่วง บรูซเดินทางไปร้านขายเครื่องแต่งกาย และสั่งซื้อชุดซานตาครอสขนาดใหญ่พิเศษ แล้วนำกลับมาตัดเย็บใหม่ให้เหมาะสมกับร่างกายตนเอง

ในตอนนั้นเพื่อนบ้านหลายคนต่างคิดว่า บรูซน่าจะเตรียมตัวร่วมงานในวันคริสต์มาสที่จะมาถึงนี้ เพราะเห็นบรูซไปตัดชุดซานตาครอสชุดใหม่ หากแต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เรื่องน่าสะพรึงกลัว กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า . .

เช้าวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ.2008 บรูซ กำลังนั่งดื่มกาแฟและทานเค้กอยู่ภายในร้านอย่างสบายใจภายในร้านของ แฮรี่ อีกทั้งเขายังชมแฮรี่ด้วยว่า “เค้กของเขานั้นแสนอร่อย” บรูซและแฮรี่นั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่สักพัก ก่อนที่บรูซจะจ่ายเงินและเดินออกจากร้านไป

ก่อนลาจากแฮรี่ บรูซได้ทิ้งประโยคที่สุดแสนธรรมดากับแฮรี่ ว่า เมอรี่คริสต์มาสให้กับแฮรี่และครอบครัวของเขา หารู้ไม่ . . นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่บรูซได้กล่าวทิ้งไว้ก่อนที่โศกนาฏกรรมสังหารหมู่จะเกิดขึ้น !!

ช่วงค่ำคืนนั้น เวลา 23:30 น.

ณ บ้านหลังหนึ่ง ในซีลมาร์ เขตโควีนา ฝั่งตะวันออกของนครลอสแองเจลิส เป็นจังหวะเดียวกับที่ซิลเวีย อดีตภรรยาของบรูซกำลังสนุกสนานกับปาร์ตี้สังสรรค์ที่ครอบครัวของเธอได้จัดขึ้น

โดยในงานนี้มีญาติๆของเธอมาร่วมงานมากกว่า 25 คน บรรยากาศแห่งความสุขและความสนุกดำเนินไปอย่างเรื่อย ๆ จนกระทั่ง มีเสียงกระหน่ำเคาะประตูอย่างรุนแรงดังขึ้น

ปึง ปึง ปึง !! 

เสียงเคาะประตูเริ่มดังและรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนทำให้สมาชิกภายในงานตกใจ ประตูถูกเปิดออกโดยเด็กหญิงวัย 7 ขวบ และหลังประตูบานนั้น ทำให้ทุกคนในงานได้พบกับ เจฟฟรีย์ บรูซ ปาร์โด ที่ตอนนี้เขาสวมชุดซานตาครอสอยู่นั่นเอง

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนแตกตื่นนั่นก็คือ ในมือของบรูซมีปืนพกกึ่งอัตโนมัติ และ เครื่องพ่นไฟที่ใช้ในการทำสงคราม ซึ่งล้วนแต่เป็นของขวัญแห่งความตายทั้งสิ้น

ทันทีที่บรูซก้าวย่างเข้ามาภายในบ้าน เด็กหญิงวัย 7 ขวบ วิ่งเข้าไปทักทายหาบรูซด้วยความสนิทคุ้นเคยกัน หากแต่บรูซเปิดฉากสาดกระสุนใส่เด็กหญิงผู้นั้นทันที

จากนั้น เขาเดินกราดยิงกระสุนใส่ทุกคนที่อยู่ภายในบ้าน วินาทีนั้นเขาบ้าเลือดพร้อมที่จะฆ่าทุกคนโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเด็กผู้หญิง หรือ คนแก่ แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง และรวมไปถึงพ่อและแม่ของอดีตภรรยาของเขาด้วย

นาทีนี้ บรูซ ชายหนุ่มผู้แสนดี กลับกลายเป็นซานตาครอสผู้บ้าคลั่ง เขาควบคุมสติอารมณ์ตนเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาไล่ฆ่าทุกคนโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

บรูซยังคงรัวกระสุนอย่างไม่ยั้งมือ บรูซเดินหน้าบุกสาดกระสุนใส่สมาชิกภายในงานปาร์ตี้นี้ ทำให้มีผู้คนถูกสังเวย 25 ชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากมาย

หลังจากที่บรูซในคราบซานตาครอสได้ระบายความคับแค้นที่อยู่ภายในใจเรียบร้อยแล้ว เขาลงมือใช้เครื่องพ่นไฟเผาไหม้บ้านหลังนั้น 

ไฟไหม้จนลามมาเผารถที่จอดอยู่ด้านนอก และเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลจากไฟไหม้ระดับสามด้วย หากแต่บรูซยังมีสติในการหลบหนี

เขาถอดชุดซานตาครอสทิ้ง โดยเป็นเปลี่ยนชุดธรรมดา และขับรถยนต์หลบหนีไป รถยนต์ที่ใช้การหลบหนี ก็เป็นรถที่เขาเช่ามา และจอดทิ้งไว้ที่บ้านพี่ชาย ซึ่งห่างจากสถานที่เกิดเหตุพอสมควร

ชุดซานตาครอสที่ถอดทิ้ง

หลังจากเพลิงสงบลง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาภายในบ้านที่เกิดเหตุ และได้ตรวจสอบ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับสภาพที่เห็น สภาพบ้านที่คล้ายกับการเกิดสงครามขนาดย่อม ซึ่งเกิดจากฝีมือของฆาตกรเพียงคนเดียว

รอบบริเวณที่เกิดเหตุ เต็มไปด้วยเสียงระงม ร่ำไห้ของเด็กและผู้ใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ บางคนมีแผลไหม้ที่หน้า และหลายคนยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

ทุกคนต่างพรรณาถึงความชั่วร้ายของฆาตกรที่ใส่ชุดซานตาครอสที่ติดอาวุธไล่ฆ่าและกราดยิงพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพที่ถูกเพลิงเผาไหม้จนเกรียมถึง 9 ศพ จนไม่สามารถบอกได้ว่า เสียชีวิตเพราะถูกไฟคลอกหรือถูกยิง โดยผู้เสียชีวิตประกอบไปด้วย

ซิลเวีย ออร์เทกา ปาร์โด อายุ 43 ปี (อดีตภรรยาของนายบรูซ เจฟฟรีย์ ปาร์โด)

อลิเชีย ออร์เทกาอายุ 70 ปี (แม่ ซิลเวีย ออร์เทกา)

โจเซ่  ออร์เทกา อายุ 80 ปี (พ่อ ซิลเวีย ออร์เทกา)

ชาลส์ ออร์เทกา อายุ 49 ปี (พี่ชายของ ซิลเวีย ออร์เทกา)

เชอรี ออร์เทกา อายุ 45 ปี (ภรรยาของ ชาลส์ ออร์เทกา)

เจมส์ ออร์ติซ อายุ 51 ปี (พี่ชายของ ซิลเวีย ออร์เทกา)

Teresa ออร์ติซ อายุ 52 ปี (ภรรยาของ เจมส์ ออร์เทกา)

อลิเชีย ออร์ติซ 46 ปี (น้องสาวของ ซิลเวีย ออร์เทกา)

ไมเคิล ออร์ติซ อายุ 7 ปี (ลูกของ อลิเชีย ออร์ติซ)

ตำรวจได้สันนิษฐาน ว่า บรูซได้วางแผนที่จะหนีไปแคนาดาหลังก่อเหตุสังหารหมู่ หากแต่บรูซเปลี่ยนใจเพราะคิดว่า ไม่สามารถทนแรงกดดันของตำรวจได้ และตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วย กระสุน 1 นัด เพื่อหนีความผิด

ซึ่งจากเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนี้ กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในอเมริกา โดยเนื้อหาได้ตั้งข้อคำถามว่า 

“แรงบันดาลใจในการสังหารหมู่ของบรูซ คืออะไร”

โดยที่เขามีการวางแผนเสร็จสรรพมานานนับเดือน และสื่อมวลชนได้ตั้งฉายาให้กับ เจฟฟรีย์ บรูซ ปาร์โด ว่าเป็น ฆาตกรสังหารหมู่แห่งวันคริสต์มาส และเป็นฝันร้ายของชาวอเมริกาไปชั่วขณะนึง

ภาพไว้อาลัย

Cr.k.cammy , postjung , murderpedia , BiRdY- CH2

เรียบเรียง : Red Diary / blockdit

Previous articleตัวแสดงแทน นศ.ถ่ายทำหนังจนเสร็จ แต่เพื่อนที่แสดงเป็นผีพึ่งมาถึง
Next articleคุยกับผี