เรื่องนี้รุ่นพี่ของผมคนหนึ่งเล่าให้ผมฟัง แกชื่อพี่ต้น ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน ช่วงนั้นแกทำงานเป็นอาสาสมัครกู้ภัยอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา แกจะเข้าเวรกู้ภัยในทุก ๆ คืนวันพุธ
วันนั้นเวลาประมาณ 21:00 น. ได้รับแจ้งเหตุว่า มีรถมอเตอร์ไซค์เกิดอุบัติเหตุที่ถนนเส้นหนึ่ง ทีมกู้ภัยของพี่ต้นจึงรีบขับรถไปยังที่เกิดเหตุทันที
ระหว่างที่กำลังขับรถไปใกล้จะถึงที่เกิดเหตุ ทางศูนย์กู้ภัยก็โทรมาบอกว่า ให้ขับรถไปที่ทำการอนามัยหมู่บ้านนั้นแทน เนื่องจากชาวบ้านช่วยกันนำคนเจ็บมาส่งที่อนามัยแล้ว
พอถึงที่อนามัยก็เห็นชาวบ้านมามุงดูเต็มไปหมด แล้วหมออนามัยก็ออกมาบอกว่า ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตแล้ว แต่บาดแผลไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คว่ำ แต่เป็นแผลที่เกิดจากอาวุธปืนยิงเข้าที่กลางหลัง
ตอนนั้นพี่ต้นกับกู้ภัยก็งงกันหมดว่ามาผิดเคสหรือเปล่า เพราะจากที่ได้รับแจ้งมาคืออุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม จึงสอบถามข้อมูลจากชาวบ้าน สรุปเป็นเคสเดียวกัน แต่คนที่พบเหตุครั้งแรกคิดว่าเป็นอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มเสียชีวิต
ถึงตอนนี้ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ทางกู้ภัยก็วอมาบอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจให้มารับทราบคดี ส่วนชาวบ้านบางคนก็ไปตามญาติของผู้ตายมา
ผ่านไปไม่นานทั้งตำรวจและญาติของผู้ตาย มีแม่และภรรยา ก็มาถึงที่อนามัยแห่งนี้ ทางตำรวจก็ได้สอบถามกับทางญาติของผู้ตายว่าผู้ตายมีปัญหาอะไรกับใครหรือเปล่า ซึ่งผู้เป็นแม่ก็บอกว่าผู้ตายไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร เพราะผู้ตายก็อายุตั้ง 55 ปีแล้ว และไม่ใช่คนใจร้อน เพื่อนฝูงมากมายต่างรักใคร่
แต่พอตำรวจสอบถามไปได้สักพัก ลูกของผู้ตายก็สังเกตว่า สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทหายไปจากคอของพ่อ ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าน่าจะมีการปล้นฆ่าชิงทรัพย์ แต่เนื่องจากถนนเส้นนั้น ค่อนข้างเปลี่ยว และมืดมาก เรื่องกล้องวงจรปิดก็แทบจะไม่มีเลย เป็นไปได้ยากมากที่จะสืบหาตัวคนร้ายที่ลงมือทำได้
สักพักหนึ่งแม่ของผู้ตายก็เอาธูปหนึ่งดอกมาจุดแล้วปักลงที่พื้นดิน พร้อมกับนำใบบอนมาขยี้ที่ปากของผู้ตายตาย แล้วก็พูดว่า
“ลูกเอ๊ย ใครทำมึง มึงก็บอกกูมา หรือทำอะไรก็ได้ให้กูรู้ ให้มึงมือบอนปากบอนไปบอกด้วย ว่าใครฆ่ามึง”
จนเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ก็ได้มีชาวบ้านขับรถมาบอกว่า
“พี่ๆ ตรงหัวโค้งมีรถมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่”
พี่ต้นและทีมกู้ภัยจึงรีบขับรถไปยังที่เกิดเหตุทันที แต่ขับไปยังไม่ทันถึงจุดที่ชาวบ้านแจ้ง ก็เห็นชายคนหนึ่งเดินเข็นรถมอเตอร์ไซค์ขากระเพกกระเพกสวนมาทางขอบทางด้านซ้าย พี่ต้นจึงจอดรถถาม ถึงได้รู้ว่า เป็นคนเดียวกับที่รถล้มตรงหัวโค้ง ที่ชาวบ้านแจ้งมานั่นแหละ
พอกู้ภัยลงไปดูบาดแผล ก็เห็นว่ามือหักข้างหนึ่ง แต่ที่ผิดสังเกตคือ คนเจ็บมีอาการตกใจหวาดกลัว พูดจาไม่รู้เรื่อง ทางกู้ภัยจึงปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปก่อน แล้วค่อยนำตัวไปส่งโรงพยาบาล
ความที่ไม่มีคนอยู่เฝ้ามอเตอร์ไซค์ของคนเจ็บ พี่ต้นต้องอาสาอยู่เฝ้าให้ ส่วนกู้ภัยที่เหลือก็ขับรถไปส่งคนเจ็บที่โรงพยาบาล
พี่ต้นแกก็ยืนเฝ้ามอเตอร์ไซค์ของคนเจ็บอยู่สักพัก รถกระบะของร้อยเวรก็ขับมาจอดตรงที่เกิดเหตุ พี่ต้นก็ช่วยตำรวจยกมอเตอร์ไซค์ของคนเจ็บขึ้นท้ายรถกระบะตำรวจ เพื่อจะนำไปฝากจอดไว้ที่อนามัยของหมู่บ้าน
พอมาถึงที่อนามัย พี่ต้นกับตำรวจก็ช่วยกันยกรถมอเตอร์ไซค์ลงมา แล้วก็เข็นรถไปจอดตรงที่สว่างๆ พอพี่ต้นตั้งขาตั้งมอเตอร์ไซค์เสร็จกำลังจะหันหลังเดินกลับมาที่อนามัย อยู่ดีๆเบาะรถมอเตอร์ไซค์ก็เด้งขึ้นมาดัง ป๊อก!! พี่ต้นจึงหันกลับไปกดเบาะรถลง และหันหลังกลับมาอีกที เบาะรถมันก็เด้งขึ้นดังป๊อกอีกครั้ง
พี่ต้นจึงสงสัยว่าใต้เบาะรถมอเตอร์ไซค์มันมีอะไรไปขัดหรือเปล่า ทำไมมันถึงกดไม่ลง ก็เลยเปิดเบาะดู ปรากฏว่าเจอห่อผ้าเปื้อนเลือดอยู่ใต้เบาะ พอแกะห่อผ้าออกมาดู ก็พบว่ามีปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กับสร้อยคอทองคำ 1 เส้น ที่มีคราบเลือดติดอยู่
ตำรวจจึงนำหลักฐานที่ได้มาจากใต้เบาะไปประกอบกับคดีแรก ปรากฏว่าแผลจากกระสุนปืนจากศพผู้ตาย มาจากปืนกระบอกเดียวกัน และสร้อยคอทองคำ ก็เป็นเส้นเดียวกันกับที่ผู้ตายเคยสวมใส่
ตอนนั้นทุกคนตกใจกันหมด เพราะไม่คิดว่าจะรู้ตัวคนร้ายได้เร็วขนาดนี้
บทสรุปของเรื่องนี้คือ เย็นวันนั้นลุงแดงแกขับรถมอเตอร์ไซค์ไปดูมวยที่งานวัดแห่งหนึ่ง และนายคงก็ไปดูมวยที่งานนี้ด้วยเช่นกัน นายคงสังเกตเห็นว่าลุงแดงใส่สร้อยคอเส้นใหญ่ ขากลับนายคงก็เลยขับรถตามลุงแดงมา รอจังหวะที่ลุงแดงขับรถผ่าน เส้นทางเปลี่ยวตรงหัวโค้งนั้น
แล้วนายคงก็อาศัยจังหวะนั้นขับรถตามหลังมา พอถึงจุดเกิดเหตุนายคงก็ชักปืนยิง ใส่กลางหลังของลุงแดง จนรถมอเตอร์ไซค์ล้ม จากนั้นนายคงก็เข้าไปขโมยสร้อยคอทองคำจากคอลุงแดง และขับรถหนีไป จนมีชาวบ้านมาพบร่างลุงแดงและนำไปไว้ที่อนามัย
นายคงรอให้เวลาผ่านไปสักพักแล้วจึงขับรถกลับย้อนกลับมาทางเดิม เพื่อกลับบ้านของตัวเอง ซึ่งต้องขับผ่านหัวโค้งตรงนั้น ตรงที่นายคงยิงลุงแดงตายนั่นแหละ
นายคงบอกว่า ขณะที่กำลังผ่านหัวโค้งนั้น นายคงเห็นเงาดำ ๆ วิ่งจากอีกฝั่งถนนมาตัดหน้ารถของตัวเอง แล้วกระชากแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์จนรถล้ม จนทำให้นายคงได้รับบาดเจ็บข้อมือหัก 1 ข้าง
แต่พอตั้งหลักลุกขึ้นยืนได้ ปรากฏว่านายคงเห็นเงาดำกำลังค่อยๆเดินตรงมาทางนายคงเรื่อย ๆ ด้วยความตกใจกว่า นายคงจึงรีบจูงรถมอเตอร์ไซค์หนีเงาดำนั้นมาเรื่อยๆ จนมาเจอรถกู้ภัย เงาดำนั้นถึงหายไป
จากนั้นกู้ภัยก็นำตัวนายคงไปส่งโรงพยาบาล และตำรวจก็ได้มาเจอหลักฐานสำคัญที่อยู่ใต้เบาะรถมอเตอร์ไซค์ของนายคง พร้อมกับคำสารภาพทั้งหมด ของนายคง
ของแบบนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ ว่าผีหาความยุติธรรม ให้ตัวเองได้เหมือนกัน
ขอขอบคุณเรื่องเล่าจากช่อง ชบาแก้วเล่าเรื่องผี เรื่อง ตบปากผี คุณธีร์ญนัฐ
บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำหรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด