Home คุณไสยมนต์ดำ มันมากับน้ำ ประสบการณ์สุดหลอนของป้าสมจิตร

มันมากับน้ำ ประสบการณ์สุดหลอนของป้าสมจิตร

มันมากับน้ำ ประสบการณ์สุดหลอนของป้าสมจิตร

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคุณป้าท่านนึงที่ชื่อว่า ป้าสมจิตร คุณเนตรมีโอกาสได้รู้จักกับแกตอนที่แกทำงานเป็นพนักงานกวาดขยะ แกได้ส่งประสบการณ์สุดหลอนต่อไปนี้มาให้คุณเนตรเล่า เนื้อเรื่องนั้นก็มีอยู่ว่า…

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนฉัน (ป้าสมจิตร) เป็นเด็ก (เรื่องเกิดเมื่อตอน พ.ศ. ไหนอันนี้ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก แต่จากที่ดาดเดาก็น่าจะผ่านมานานมากแล้ว) บ้านเดิมของฉันอยู่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน มีเพียงแม่น้ำสายเล็กๆ กั้นกลาง ซึ่งในช่วงฤดูฝนหรือช่วงฤดูน้ำหลากจะเป็นช่วงที่ประสบพบเจอกับเรื่องราวอะไรแปลกๆอยู่เสมอ

เช่นในวันโกนหรือวันพระเวลากลางคืน ชาวบ้านมักจะพบเห็นพวกเสื้อผ้าทั้งของผู้ชายหรือของผู้หญิงลอยมาตามน้ำอยู่บ่อยๆ หรือวันดีคืนดีก็จะเจอเป็นเส้นผมที่ถูกใส่เอาไว้ในหม้อดิน หรือไม่ก็สายสิญจน์ที่ถูกวางเอาไว้บนใบบัวลอยมากับน้ำอยู่เป็นประจำ แต่ที่หนักสุดต้องย้อนกลับไปเมื่อรุ่นคุณแม่ของฉัน สมัยนั้นจะเห็นเป็นศพลอยมาตามน้ำเลย 

ด้วยความตกใจจากสิ่งที่พบเห็นคุณแม่เลยรีบวิ่งไปแจ้งกำนันผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยกันดู แต่ผลปรากฏว่าเมื่อทุกคนมาถึง ศพนั้นก็ได้หายไปแล้ว ทุกคนเข้าใจว่าศพนั้นอาจจะลอยตามน้ำไปเรื่อย ๆ จึงพากันทวนน้ำขึ้นไปตามหา แต่ปรากฏว่าตามหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ ศพนั้นหายไปอย่างปริศนา

หรือบางคืนขณะคุณแม่กำลังยืนตากผ้าอยู่ ก็เห็นแม่ชีนอนพนมมือลอยมากับน้ำผ่านหน้าไปก็มี เรียกได้ว่าเจออะไรที่แปลกๆ ลอยมากับน้ำค่อนข้างเยอะมาก

จนฉันเริ่มโตพอที่จะรู้เรื่อง คุณแม่มักจะคอยบอกฉันและพี่สาวของฉันอยู่เสมอว่าช่วงกลางคืนถ้าได้ยินเสียงอะไร ถ้าใครเรียกหรือถ้าดึกๆ ดื่นๆ กลางค่ำกลางคืนจะลงไปไหนให้ระมัดระวังตัว 

กระทั่งวันนึงคุณแม่ลืมเก็บผ้าจึงใช้ให้พี่สาว  ลงไปเก็บผ้าที่ตากไว้ แต่พี่สาวหายไปนานจนคุณแม่รู้สึกผิดปกติ

ด้วยความที่ว่าบ้านสมัยก่อนที่อยู่ติดคลองหรือแม่น้ำ จะมีลักษณะเป็นแบบบ้านไม้ทรงยกสูงมีระเบียงบ้าน ด้านหลังของบ้านจะเป็นครัวที่ยื่นออกไป ตรงห้องครัวจะมีหน้าต่าง ถ้าเปิดหน้าต่างออกจะสามารถมองเห็นบริเวณชานที่ใช้ตากผ้า และแม่น้ำสายเล็กๆ นี้ได้ 

คุณแม่จึงเดินเข้าไปเปิดหน้าต่างหลังครัว มองหาพี่สาวว่าหายไปไหน พอเปิดหน้าต่างออกไปสิ่งที่คุณแม่เห็นก็คือพี่สาวฉันกำลังนั่งอยู่บนเรือ ซึ่งเรือนั้นเป็นของใครก็ไม่รู้กำลังจะลอยออกจากฝั่งไป  ด้วยความตกใจคุณแม่จึงรีบวิ่งลงไปฉุดกระชากพยามยามที่จะดึงตัวพี่สาวกลับมา 

โชคดีที่คุณแม่ดึงกลับมาได้ คุณแม่เขย่าตัวเรียกสติและถามพี่สาวว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สาวเมื่อได้สติก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ คุณแม่จึงพาพี่สาวกลับขึ้นมาบนบ้าน และสอบถามถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น 

พี่สาวเล่าให้ฟังว่าในขณะที่กำลังลงไปเก็บผ้าอยู่นั้น แกมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่แกอยู่ แต่พอหันไปมองในแม่น้ำก็เห็นเรือเปล่าลำนี้ค่อยๆ ลอยมา ไม่มีใครอยู่บนเรือเลยสักคน

หลังจากนั้นพี่สาวก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คุณแม่เข้ามาฉุดกระชากลากถูขึ้นมาบนฝั่งแล้ว แกไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากเหตุการณ์นั้นคุณแม่ก็ไม่เคยให้พี่สาวลงมาเก็บผ้าหรือทำอะไรช่วงกลางคืนอีกเลย 

แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้…

ปกติหากเป็นเรื่องของการโดนของโดยทั่วๆ ไป พี่สาวฉันก็ต้องมีอาการที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่พี่สาวกลับปกติดีทุกอย่าง  ยิ้มแย้ม ร่าเริง แจ่มใส บางวันก็ลงมาเล่นกระโดดกับฉัน แต่บางวันก็ดูเงียบไปแบบผิดปกติ ทุกคนก็เข้าใจกันว่าคงจะเป็นเรื่องปกติเหมือนกับเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป 

ฉันวัยเด็กในตอนนั้นรับรู้ได้ทันทีเลยว่า คนๆ นี้ไม่ใช่พี่สาวของฉันแน่นนอน ทั้ง ๆที่ภายนอกทุกอย่างดูปกติดี ทุกวันออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน แต่ฉันเหมือนมีเซ้นส์อะไรบางอย่าง ที่ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่พี่สาวของฉัน

เพราะสายตาดูไม่ใช่ ฉันจึงนำเรื่องนี้มาบอกคุณแม่ แต่คุณแม่กลับตอบว่าฉันอาจจะคิดมากไปเอง เพราะกลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น จนเก็บเอามาคิดเองเออเองหรือเปล่า 

ตกเย็นคุณแม่ ฉันและพี่สาว เรานั่งล้อมวงกินข้าว โดยมีตะเกียงเจ้าพายุอันนึงวางไว้ ขณะกำลังกินข้าวกันอยู่ จู่ๆ คุณแม่ก็หันไปพูดกับพี่สาวว่า “กูถามจริง ๆ มึงเป็นใคร” คุณแม่เปิดประเด็นขึ้นมาทันทีเพราะตอนนั้นก็เริ่มไม่เชื่อแล้วว่านี่คือลูกสาวของตัวเองจริงๆ  

จากที่คุณแม่คอยสังเกตมาสักพักโดยที่ไม่ได้บอกใครเพราะกลัวฉันจะกลัว แต่ในเมื่อฉันเป็นคนเปิดประเด็นมาก่อนแบบนี้ คุณแม่ก็เลยถามออกมาตรงๆ 

ปฎิกิริยาตอบโต้ของพี่สาวในตอนนั้น แกหัวเราะออกมาปกติ พร้อมกับพูดว่า “แม่อะคิดมาก มันไม่มีอะไรหรอก” สุดท้ายคุณแม่ก็นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับคนในหมู่บ้าน ทุกคนลงความเห็นว่าคุณแม่คิดมากไปเองหรือเปล่า” คุณแม่ก็ย้ำว่า ไม่ได้คิดมาก ทุกคนจึงบอก งั้นต้องลองดู…

ณ หมู่บ้านในตอนนั้นมีคุณลุงท่านนึงเป็น แกเป็นชาวบ้านธรรมดาๆนี่แหละ ไม่ได้ถือศีลกินเจหรือมีองค์อะไร เพียงแต่เป็นคนที่มีของ คุณแม่จึงได้เชื้อเชิญมาให้ไปช่วยดูลูกสาวคนโตหน่อยว่ายังเป็นคนปกติดี เหมือนเดิมไหม หรือมีอะไรแอบแฝงมันหรือเปล่า…

คุณลุงคนนี้ไม่ได้อยู่ฝั่งบ้านเราแต่อยู่อีกฝั่งนึง แกก็พายเรือข้ามมาขึ้นทางด้านหลังบ้าน พอเห็นหน้าพี่สาวเท่านั้นแหละ แกก็ชี้หน้าทันทีพร้อมกับพูดว่า “อีนี่มันโหงพรายนะ มันไม่ใช่คน” 

ทุกคนล้อมวงระดมความคิดกันว่าจะเอายังไงกันต่อดี  โดยปกติแล้วคนที่โดนของทั่วไปจะต้องมีอาการโวยวายแต่นี่คือ ไม่… มันเนียนมาก…เหมือนคนธรรมดา 

ในตอนที่ลุงแกบอกให้พี่สาวขึ้นไปรออยู่บนบ้าน พี่สาวก็เดินขึ้นไปอย่างง่าย ๆ ไม่มีปฎิกิริยาตอบโต้อะไร 

เมื่อตกลงหาวิธีแก้กันได้แล้ว ทั้งหมดก็พากันขึ้นไปบนบ้าน ฉันยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี พอมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นคนในหมู่บ้านก็เริ่มพูดกันปากต่อปาก ชาวบ้านพากันออกมามุงดู 

ลุงแกให้ฉันไปหากะละมังใบใหญ่มา ฉันก็ปั่นจักรยานไปขอยืมของที่วัดเพื่อมา เมื่อได้มาแล้วก็เอามาวาง แล้วให้พี่สาวเข้าไปนั่งอยู่ในกะละมังนั้น 

ขั้นตอนต่อไปลุงแกก็ให้ฉันไปตักน้ำในห้องน้ำมา 1 กะละมัง แล้วให้คุณแม่เข้าไปในห้องน้ำใช้น้ำนี้ล้างไปที่อวัยะเพศของคุณแม่ หลังจากล้างเสร็จก็นำน้ำมาให้ลุงแก 

ลุงแกสาดน้ำนั้นไปที่พี่สาวโครมใหญ่ เท่านั้นแหละพี่สาวก็เริ่มร้องกรี๊ด โวยวาย ตะเกียดตะกายพยายามจะออกจากกะละมังให้ได้  แต่พี่สาวกลับออกไม่ได้ เหมือนโดนอะไรขังเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่แค่ก้าวขาก็ออกจากกะละมังได้แล้ว 

พี่สาวดิ้นรนเหมือนกับคนโดนน้ำร้อนลวก ฉันได้แต่งงว่าเกิดอะไรขึ้น 

หลังจากที่พี่สาวเริ่มสงบลง จนรู้สึกได้ว่าพี่สาวคนเดิมของฉันได้กลับมาแล้ว ลุงจึงให้พี่สาวออกจากกะละมัง แล้วเอาน้ำในกะละมังนั้น รินใส่ขันเพื่อนำไปทำพิธีต่อ 

คุณลุงอธิบายว่า โหงพรายมันคือของต่ำ ที่ต้องใช้น้ำอันนี้ชำระล้างก็เพราะว่าของต่ำมันก็ต้องเจอกับของต่ำด้วยกันถึงจะแก้ทางกันได้  แต่ของต่ำที่มาจากแม่ แม่ที่มีความรักอันบริสุทธิ์ ของพวกนี้ก็จะกระเจิงหมด ตามความเชื่อของคนส่วนใหญ่ที่ปกติเวลาโดนของก็มักจะให้ลอดผ้าถุงแม่ 

คุณลุงใช้สองมือประคองขันเดินเข้าไปทางหลังบ้าน ไปตรงบริเวณจุดเกิดเหตุที่พี่สาวเจอเรือลำนั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า คุณลุงคนนี้เอาน้ำในขันไปทำอะไร ฉันจึงแอบขึ้นไปดูตรงหน้าต่างในครัว ช่วงนั้นเป็นเวลาบ่าย ๆ ฉันปีนขึ้นไปเปิดหน้าต่างแง้มออกดู ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังพูดคุยกัน 

และฉันก็รับรู้ได้ว่า คุณลุงคนนี้ไม่ได้พูดคนเดียว แต่กลับมีเสียงผู้หญิงคนนึงพูดคุยโต้ตอบกลับมา ฉันพยายามมองว่าคุณลุงกำลังพูดคุยกับใคร เพราะเท่าที่เห็น ฉันเห็นแกยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว 

แต่ด้วยพยายาม ฉันขยับหามุมจนได้ และสิ่งที่เห็นคือ มีศรีษะของผู้หญิงคนนึงโผล่ขึ้นมาจากขันน้ำ แบบมาแค่ครึ่งหน้า กำลังพูดคุยโต้ตอบ 

จากนั้นคุณลุงก็ท่องคาถาหรืออะไรสักอย่างแล้วเดินไปเทน้ำในขันลงคลอง ป้าสมจิตรเห็นเป็นผู้หญิงไหลออกมาจากขันน้ำลงไปในคลองและแวกว่ายหายไป พอป้าสมจิตรเห็นดังนั้นก็รีบเดินมาเล่าให้คุณแม่ฟัง คุณแม่ได้แต่สงสัยว่ามันคือเรื่องจริงหรอ 

ป้าสมจิตรจึงบอกว่าถ้าแม่ไม่เชื่อก็ต้องไปถามคุณลุง เมื่อคุณลุงกลับมาคุณแม่จึงเข้าไปถามหาความจริง ว่าสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันคืออะไร ปรากฏว่าจากที่คุยและสนทนากัน คุณลุงบอกว่า เป็นโหงพรายที่มาจากฝั่งโน้น ในทุกคืนวันพระวันโกน พวกหมอผี หมอธรรม หรือพวกทำของเวท คุณไสย สายดำ มักจะมาโยนของลงน้ำ เพื่อให้พวกมันไปหากินเอง บ้างก็เลี้ยงไม่ไหว คุมไม่อยู่ก็เอามาปล่อยลงน้ำ 

แต่ดวงดันมาซวยตรงที่พี่สาวเจอ เขาปล่อยโหงพรายใส่กระอับเล็กๆ ลงเรือลอยตามน้ำมา ประมาณว่าช่วงนี้ดวงใครตก จังหวะใครที่จะโดนก็เลยโดน 

คุณลุงยังบอกอีกว่า แต่โหงพรายมาลักษณะแบบนี้แค่มาสิง มาแฝงเฉย ๆ ซึ่งถ้าครบวันพระ มันก็อาจจะไป ไม่ได้ทำอันตรายหรือน่ากลัวอะไร 

แต่สำหรับผมแล้ว ผมก็มองว่าอะไรที่ไม่ปกติก็อันตรายอยู่ดี….. และเรื่องราวก็จบลงเพียงเท่านี้

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเนตร ธนัชพงศ์ ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง มากับน้ำ

บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำลง Youtube หรือ พอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here