Home เรื่องหลอนจากทางบ้าน จองเวร “หนุ่มไปสัญญากับใครอะไรไว้หรือเปล่า” 

จองเวร “หนุ่มไปสัญญากับใครอะไรไว้หรือเปล่า” 

จองเวร “หนุ่มไปสัญญากับใครอะไรไว้หรือเปล่า” 

เรื่องนี้ถูกเล่าในรายการพาเที่ยวเดี๋ยวไปหลอนของคุณเนตร ซึ่งถูกส่งมาจากคุณเจน คุณเจนอายุประมาณ 32 ปี เมื่อคุณเนตรให้ฟังแล้วก็รู้สึกอึ้ง เพราะเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ เราลองไปฟังกันเลยดีกว่า

ย้อนกลับไปสมัยที่คุณเจนกำลังใกล้เรียนจบมหาลัย คุณเจนมีแฟนอยู่คนหนึ่งที่เรียนคณะเดียวกัน ชื่อหนุ่ม ทั้งสองคบกันได้ประมาณ 5-6 เดือน และมีแผนกันว่าหลังเรียนจบแล้วจะแต่งงานกัน 

บ้านของหนุ่มอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  แต่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ส่วนคุณเจนเป็นคนสมุทรสาคร ทั้งสองคนมาเรียนที่กรุงเทพฯเหมือนกัน และก็ได้มาเจอกันที่มหาลัย และพบรักกัน

ทั้งสองคบกันมาเรื่อย ๆ จนเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบ หนุ่มบอกกับเจนว่า เดี๋ยวจะพาไปแนะนำตัวให้พ่อแม่รู้จัก 

พอช่วงวันหยุดยาว หนุ่มก็เลยพาเจนกลับไปบ้านที่ประจวบคีรีขันธ์ด้วย ออกเดินทางจาก กทม. ประมาณทุ่มกว่าๆ ก่อนออกเดินทางหนุ่มก็ได้โทรไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะพาแฟนไปหา ซึ่งพ่อแม่ก็รับรู้อยู่แล้วว่าหนุ่มมีแฟน เพียงแต่ยังไม่เคยเห็นหน้าเห็นตากันก็เท่านั้น 

หนุ่มขับรถออกจากกรุงเทพฯพาเจนผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วก็ไปผ่านจังหวัดเพชรบุรี เพื่อจะยิงตรงไปประจวบคีรีขันธ์ 

ประมาณ 21:00 น ถึง 22:00 น หนุ่มก็ขับมาถึงจังหวัดเพชรบุรี หนุ่มรู้สึกว่าเหมือนยางหลังด้านซ้ายจะรั่ว  เพราะรถมันหน่วงเป๋ไปทางซ้าย น้องหนุ่มก็เลยจอดรถตรงศาลาริมทางด้านซ้ายเพื่อลงไปดู ว่ารถของตนนั้นยังรั่วหรือเปล่า 

ด้วยความที่เป็นช่วงวันหยุดยาว ทำให้มีคนใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก เจนที่กลัวว่าหนุ่มจะโดยรถที่วิ่งตามมาเฉี่ยวชน ก็เลยอาสาบอกว่า “พี่หนุ่มไม่ต้องลง เดี๋ยวหนูลงไปดูเอง”

เมื่อเจนเปิดประตูลงมาจากรถมา ข้างทางมันค่อนข้างมืด จึงเปิดไฟฉายจากมือถือเดินไปส่องดูยางรถด้านหลัง หนุ่มที่นั่งอยู่ในรถก็มองดูผ่านทางกระจกมองข้าง แล้วอยู่ดีๆเจนก็รีบวิ่งกลับขึ้นรถมาด้วยท่าทีตกใจ แล้วปิดประตูเฉยเลย 

“ยางไม่รั่ว รีบไปรีบไป” เหมือนเจนจะรีบให้ หนุ่มออกรถเร็วๆ 

หนุ่มเมื่อได้ฟังอย่างนั้นก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ว่าทำไมน้องเจนถึงได้รีบรนขนาดนั้น เหมือนไปเจออะไรมา 

เจนพูดย้ำอีกครั้ง “รีบออกรถเถอะ!!” หนุ่มจึงรีบขับรถออกมาจากตรงนั้นทันที ปรากฏว่ารถวิ่งได้ปกติ ไม่มีอาการเหมือนไม่ตอนแรก 

แต่พอขับไปได้ประมาณไม่ถึง 10 นาที จู่ ๆ เจนก็ได้ยินเสียงจากด้านหลังฝั่งตัวเองดังป๊อก ๆ ๆ ๆ เหมือนเสียงมือเคาะกับกระจก เจนก็เลยก็เลยหันหลังไปดูที่เบาะหลัง ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่เสื้อยืดสีขาว กำลังเอาหัวโขกกับกระจกประตูด้านหลังเธออยู่  

เจนตกใจกลัวจนตาเหลือก มองค้างแช่อยู่อย่างนั้นประมาณ 5 วิ แล้วก็หันกลับมา เจนกลัวมากๆเลย เพราะไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน 

สักพักผู้หญิงคนนั้นก็กรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นรถ พร้อมกับตะโกนว่า “มึงออกไปจากรถกู!!” 

เท่านั้นแหละด้วยความกลัว เจนกรี๊ดขึ้นมาลั่นรถ จนหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ตกใจ ว่าน้องเจนเป็นอะไร ก็เลยเลี่ยวรถจอดเข้าข้างทาง 

พอจอดรถยนต์จนหยุดนิ่ง หนุ่มก็มาเขย่าตัวเจน แล้วถามว่าเป็นอะไร ๆ เจนก็บอกว่า ผีหลอก ๆ มีผีอยู่ข้างหลัง เป็นผู้หญิง หนุ่มก็บอกว่า ผีที่ไหน ไม่เห็นมีเลย 

เจนก็เลยบอกว่า หนูเห็นตั้งแต่ตอนที่จอดรถลงไปดูยางรถแล้ว ตอนนั้นเค้าเกาะอยู่ที่หลังรถ เป็นผู้หญิงใส่เสื้อยืดสีขาว แล้วเมื่อกี้นี้หนูหันไปก็เห็นเค้านั่งอยู่ที่ด้านหลังอีก กำลังเอาหัวโขกกระจกอยู่ 

เจ้าหนุ่มที่ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรอย่างที่เจนเห็น จึงทำได้เพียงปลอบใจเจน แล้วบอกว่า “ผีเผลออะไร ไม่เห็นมีเลย อดทนอีกนิดนึงนะ ใกล้จะถึงบ้านแล้ว” แล้วหนุ่มก็จับมือเจนพร้อมกับขับรถไปด้วยตลอดทาง 

กระทั่งขับรถมาถึงบ้าน เวลาค่อนข้างจะดึกแล้ว ด้วยความหวาดกลัวและอะไรหลายๆอย่าง หนุ่มก็เกิดความสงสัยขึ้นมา ว่าเจนเจออะไร เห็นอะไร แล้วทำไมตัวเขาเองถึงไม่เจอ 

พอจอดรถเสร็จ พ่อแม่ก็เปิดประตูออกมารับ ทั้งสองจึงยกมือไหว้สวัสดี  แล้วเดินเข้าบ้านไป พอเข้ามาในบ้านก็นั่งพูดคุยกันนิดหน่อย แล้วขึ้นห้องนอนที่พ่อแม่จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว 

หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ก็เข้านอนกัน ปรากฏว่าน้องเจนนอนไม่ค่อยหลับ พลิกซ้ายขวาไปมาอยู่พักนึง จึงหันไปพูดกับหนุ่มว่า หนูกลัวจังเลย ผู้หญิงคนนั้นจะตามมามั้ย หนุ่มจึงบอกว่า เราปลอดภัยแล้ว ที่บ้านมีผีบ้านผีเรือน ผีเข้ามาไม่ได้หรอก แล้วสักพักเจนก็เผลอหลับ เพราะความเพลียจากการเดินทาง

นอนหลับไปได้นานเท่าไรไม่รู้ เจนก็ฝันเห็นผู้หญิงคนเดิม คนที่เจอในรถ มาดึงมือเจน ดึงแบบกระชาก เหมือนพยายามจะให้เจนออกจากห้องนี้ให้ได้ เจนสู้แรงมัน ยื้อยุดฉุดกระชากไปมาอยู่พักนึง เหมือนจะสู้แรงเธอไม่ไหว กระทั่งเจนกรีดร้องตกใจสะดุ้งตื่นขึ้น

หนุ่มสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของเจน แล้วถามว่า ยังไม่หายกลัวอีกหรอ ปรากฏว่าพอหนุ่มมองไปที่แขนของเจน มันมีรอยเล็บข่วน เลือดไหล ซิบ ๆ หนุ่มคิดว่าตัวเองละเมอไปข่วนแขนเจนหรือเปล่า จึงมองดูที่มือของตัวเอง แต่ก็ไม่มีรอยเลือดหรืออะไรติดอยู่เลย 

ตอนนั้นเจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว นอนไม่หลับไม่กล้านอน จากตอนแรกที่คิดว่าฝันไปเท่านั้น แต่ทำไมถึงถึงมีรอยเล็บข่วนที่แขนตัวเองได้ 

ตอนนั้นหนุ่มเริ่มเชื่อแล้วว่าเจนเจอจริงๆ ก็เลยออกไปเรียกพ่อกับแม่ให้มาช่วยดูอาการของเจน พ่อกับแม่ก็เลยบอกว่าอดทนอีกนิดนึง นี่ก็ 4:30 น แล้ว อีกนิดนึงก็จะเช้าแล้ว  เดี๋ยวพอเช้าพ่อกับแม่จะพาไปหาหลวงพ่อที่วัดนะ พร้อมกับนำสร้อยพระมาคล้องคอให้เจน

กระทั่งฟ้าสาง พ่อแม่และหนุ่มก็ได้พาเจนไปวัด ไปหาพระอาจารย์ที่นับถือกัน พอไปถึงวัดพระอาจารย์ท่านก็ทักขึ้นเลยว่า 

“มีผู้หญิงตามโยมนะ ตอนนี้เค้านั่งคั่นกลางอยู่ระหว่างโยมและแฟน” 

“นั่นไง หนูบอกแล้วว่าหนูเห็นจริงๆ หนูบอกแล้วว่าหนูเห็นจริงๆ หนูไม่ได้โกหก” เจนพูดสวนขึ้นมา 

”เค้าเป็นใครหรือครับ” หนุ่มก็เลยถามอาจารย์ 

ด้วยความที่พระอาจารย์รู้จักครอบครัวของหนุ่มดีอยู่แล้ว ท่านก็เลยบอกว่า “หนุ่มไปสัญญากับใครอะไรไว้หรือเปล่า” 

“ผมไม่เคยสัญญาอะไรกับใครนะ” หนุ่มก็บอก

“ใช่หรอ ผู้หญิงคนนี้เค้าบอกว่าเอ็งไปสัญญาอะไรกับเค้าไว้ เค้าบอกว่าเค้าอยู่เพชรบุรี บ้านเค้ามีปั๊มน้ำมัน และเค้าชื่อ “หนิง” 

พอพระอาจารย์พูดจบเท่านั้นแหละ หนุ่มถึงกับน้ำตาตกเลย 

หนุ่มเริ่มสารภาพว่า หนุ่มได้คบกับหนิงสมัยที่โรงเรียนมัธยมที่เพชรบุรีด้วยกัน จนกระทั่งเรียนจบ เจ้าหนุ่มสอบติดมหาลัย ต้องเขามาเรียนใน กทม. ส่วนหนิงพอเรียนจบป. 6 ก็ได้มาทำงานช่วยพ่อแม่ดูกิจการที่ปั๊มน้ำมัน ไม่ได้เรียนต่อ

ทั้งคู่ก็ยังคบมาเรื่อย ๆ  โทรคุยกันบ้าง ไปมาหาสู่กันบ้าง จนเข้าปี 2 จะขึ้นปี 3 พ่อม่ของหนิงเริ่มแก่มากแล้ว จึงอยากให้หนิงดูแลกิจการปั๊มน้ำมันต่ออย่างเต็มตัว และตัวเองก็เป็นลูกสาวคนเดียว จึงได้เลิกลากันไป

แต่ก่อนที่เจ้าหนุ่มจะเข้ามาเรียนมหาลัย เจ้าหนุ่มก็ได้บอกกับหญิงสาวว่า จะรักหญิงคนเดียว หากเรียนจบแล้วจะแต่งงานกัน

ด้วยความสงสันหนุ่มจึงถามพระอาจารย์ว่า อ้าวแล้วเค้ามาตามผมได้ไงครับ ในเมื่อเขายังไม่เสียชีวิต เพราะว่าตอนที่เราคบกันจนเลิกกันก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย แล้วอยู่ดีๆ เขากลายเป็นผีได้ไงครับอาจารย์”

อาจารย์ท่านก็บอกว่า “อ่อ โยมเค้าเสียชีวิตแล้วนะ เค้าโดนรถชนตายตรงหน้าบ้านเค้านั่นแหละ เมื่อเดือนก่อน

เอาอย่างนี้แล้วกัน โยมทั้งครอบครัวกลับไปที่จุดนั้น แล้วนำทางวิญาญาณเค้ากลับไปส่งที่บ้านเค้า ให้โยมไปที่บ้านของเค้า ไปขอขมาเค้า พ่อแม่เค้าด้วย แล้วก็ไปอโหสิกรรมต่อกันซะ เรื่องราวมันจะได้จบลง อาตมาก็ช่วยได้แค่นี้

ทั้งหมดก็เลยเดินทางไปยังบ้านของหนิงที่เพชรบุรี ซึ่งตรงจุดนั้นเป็นจุดที่เข้าตัวเมืองประจวบแล้ว 

จนกระทั่งเดินทางเมื่อถึงบ้านของหนิง หนุ่มก็ยกมือไหว้สวัสดีพ่อแม่ของหนิง หนุ่มรู้จักกับพ่อแม่เขาเป็นอย่างดี เพราะสมัยก่อนที่เข้ามาในกรุงเทพฯ เวลากลับบ้านก็จะแวะมาหาหนิงอยู่ประจำ 

พอเข้าไปในบ้าน ปรากฏว่าเห็นรูปถ่ายชาตะมรณะ ตั้งอยู่กลางบ้าน สรุป หนิง เสียชีวิตแล้วจริงๆ หนุ่มได้เข้าไปพูดคุยกับพ่อแม่ของน้องหนิง และเล่าเหตุกาณ์ทั้งหมดที่เจอให้ฟัง 

ทั้งหมดคุยกันอยู่พักนึง จนได้รู้ว่า วันนั้นขณะที่หนิงกำลังข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเหมือนข้ามยังไม่พ้น ก็มีรถวิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งชนน้องหญิงจนเสียชีวิตคาที่ตรงนั้นเลย ตรงศาลาริมทาง ที่จะหนุ่มไปจอดดูรถตรงนั้นแหละ 

กลางดึกของแทบทุกคืนชาวบ้านแถวนี้มักจะเห็นวิญญาณของหนิงมานั่งเหมือนรอใครสักคนอยู่ในศาลาหลังนั้น 

หนุ่ม เจนและพ่อแม่ก็เลยขออโหสิกรรมต่อกัน ให้ดวงวิญญาณหญิงไปสู่ภพภูมิที่ดี จะได้หมดห่วงกัน และนี่ก็คือเรื่องราวที่คุณเจนได้ประสบพบเจอมา 

หากบอกว่าเป็นเรื่องจองเวรก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว แต่เป็นเพราะวิญญาณยังยึดติดกับสิ่งหนึ่งอยู่ ยังรอใครสักคนกลับมา ตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้กันไว้ 

ฝากเป็นข้อคิดดีๆไว้ด้วยละกันสำหรับเรื่องนี้ ว่าการให้คำมั่นสัญญาถ้าคิดว่าตัวเอง ทำไม่ได้ก็อย่าไปสัญญากัน เพราะมันจะกลายเป็นการผูกพันต่อกัน มีจิตที่ผูกพันต่อกัน ของคำสัญญานั้น

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง จองเวร

บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำลง Youtube หรือพอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here