ผ่องศรีเป็นลูกสาวคนเดียวของยายเอิบ สมัยยังสาวเธอมีรูปร่างหน้าตาที่สะสวยมาก หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาขายขนมจีบกันมากหน้าหลายตา เรียกว่าหัวบันไดบ้านไม่เคยแห้งกันเลยทีเดียว แต่ความที่ยายเอิบแกเป็นแม่ม่ายผัวตาย ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน แกเลี้ยงลูกสาวมาคนเดียว จึงเป็นคนหวงลูกสาวมาก ไม่ยอมตกลงปลงใจยกลูกสาวให้ใครง่าย ๆ
ชายหนุ่มทั้งในและนอกหมู่บ้านต่างพากันมาเที่ยวหาผ่องศรีไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงถาวรไอ้หนุ่มคนบ้านเดียวกัน ที่รุ่นราวคราวเดียวกับผ่องศรี เป็นเพื่อนซี้เล่นกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ฐานะทางบ้านของถาวรดีกว่า จึงมักให้ความช่วยเหลือด้านเงินทอง หรือเรื่องการงานแก่ทางบ้านของผ่องศรีอยู่เป็นประจำ จนโตเป็นหนุ่ม ถาวรก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย เคยช่วยยังไงก็ยังช่วยอยู่อย่างนั้น คนทั้งสองสนิทกันมาก เรียกว่าเห็นผ่องศรีที่ไหนก็มักเห็นถาวรที่นั่น
ถาวรคิดเกินเลยกับเพื่อน แต่ผ่องศรีกลับมองเห็นไอ้หนุ่มข้างบ้านเป็นเพียงเพื่อนสนิทเท่านั้น ไม่เคยมีใจให้ถาวรมากกว่าคำว่าเพื่อนเลย แถมคิดยังไงก็พูดออกไปอย่างนั้นอีก จนบางคำพูดของเธอก็เผลอไปทำร้ายจิตใจของถาวรเข้า
ต่อมาผ่องศรีไปรู้จักกับหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนกรุงเทพ ชื่อสมเกียรติ ผ่องศรีมีใจให้กับผู้ชายคนนี้ สมัยนั้นหนุ่มสาวเขาติดต่อกันทางคอลัมน์หาคู่ในนิตยสารฉบับหนึ่ง
จีบกันอยู่พักใหญ่ ต่อมาคนทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจจะแต่งงานกัน ยายเอิบเห็นชายหนุ่มมีหน้าที่การงานดี ฐานะร่ำรวย ลูกสาวของตัวเองก็ชอบพอกัน แกเลยตกลงใจจะยกให้ ข่าวหนุ่มชาวกรุงจะแต่งงานกับสาวงามประจำหมู่บ้าน ได้แพร่สะพัดออกไปในเวลาอันรวดเร็ว
วันที่สมเกียรติยกขบวนรถบัสพาพ่อแม่ตัวเองมาเจรจาค่าสินสอด ผ่องศรีมีแต่ความดีใจ ผิดกับเพื่อนชายของเธอที่มีอาการเหมือนคนหัวใจสลาย ถาวรมีสีหน้าที่เศร้าหมอง แยกตัวออกมา ไม่ค่อยพูดจากับใคร ไม่ยอมกินข้าวกินปลา เวลาทำงานก็เอาแต่เหม่อลอย ถาวรกับผ่องศรีห่างกันอย่างอัตโนมัติ ทั้งที่เมื่อก่อนสองคนแทบจะตัวติดกัน
ก่อนวันที่สมเกียรติจะยกขันหมากมา คืนนั้นถาวรได้มาหาผ่องศรีถึงที่บ้าน แต่หญิงสาวรู้สึกรำคาญเพื่อนชาย และไม่ชอบใจที่เห็นเขาเข้ามาจุ้นจ้านกับชีวิตส่วนตัวของเธอ จึงปฏิเสธไม่ยอมออกมาพบหน้า ตกหนักที่ยายเอิบต้องเข้ามาช่วยพูด แกบอกกับลูกสาวว่า
“ออกไปคุยกับไอวรมันดี ๆ เถอะผ่องเอ้ย บอกเขาว่าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน ถาวรมันคงเข้าใจ”
“ไม่อยากออกไปอ่ะแม่ วรมันพูดไม่รู้เรื่อง บอกหลายครั้งแล้วว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน มันก็ยังเซ้าซี้ให้ฉันเลิกกับพี่สมเกียรติอยู่นั่นแหละ ใครมันจะไปเลิก คนเขาจะแต่งงานกันอยู่แล้ว”
เธอตอบแม่ทำหน้ามุ่ย บ่นพึมอย่างเบื่อหน่าย
“ก็ไปบอกมันดี ๆ แบบที่พูดกับแม่เมื่อกี้นั่นแหละ บอกว่าเอ็งคิดกับมันเป็นเพื่อน แล้วก็กำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว เพื่อนควรแสดงความดีใจกับเพื่อนถึงจะถูก เอ็งไม่ออกไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง มันก็คงไม่ยอมกลับไปบ้านง่าย ๆ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันพอดี มันร้องเรียกอยู่แบบนี้อายข้างบ้านเขาจะว่าเอา”
ในที่สุดผ่องศรีก็ใจอ่อน ยอมออกมาพบกับถาวรที่หน้าบ้าน แต่หญิงสาวไม่ได้ทำตามที่แม่บอก พอออกมาพบก็ทำหน้าบึ้งใส่ ถามเพื่อนเสียงห้วนว่า
“เอ็งมาทำไมอีกไอ้วร ข้ากำลังจะเข้านอนอยู่แล้วนะ”
“ข้าจะมาถามเอ็งให้หายข้องใจ เอ็งตกลงจะแต่งงานกับสมเกียรติจริงเหรอ”
“เออ” ผ่องศรีตอบเสียงห้วนสั้น แต่ได้ใจความชัดเจน
“ผ่อง…ข้าขอถามเอ็งสักคำ เอ็งไม่เคยรักข้าเลยใช่ไหม”
คราวนี้ผ่องศรียกมือเกาหัวอย่างรำคาญ
“ข้ารักเอ็งเหมือนเพื่อน เข้าใจไหม ไม่ได้รักแบบแฟน บอกครั้งที่ล้านแล้วนะ”
“ก็แล้วข้ามันเป็นยังไง เอ็งถึงรักข้าแบบแฟนไม่ได้ ไหนเอ็งเคยบอกว่ามีข้าเป็นคนรู้ใจเอ็งที่สุดไง”
ถาวรไม่ยอมรับฟัง ยังทวงถามถึงความหลังอยู่อีก โดยมีท่าทีหงุดหงิดใจของผ่องศรีเป็นคำตอบ
“เอ็งนี่ทำไมมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้นะ ก็ข้าบอกไปแล้ว ข้ารักเอ็งเหมือนเพื่อน ไม่ได้รักแบบแฟน จะให้บอกอีกกี่ครั้งกัน ฟังให้ชัด ๆ อีกครั้งนะ ชาตินี้ข้าก็ไม่รักเอ็ง ชาติหน้าข้าก็ไม่รักเอ็ง ต่อให้ทั้งโลกเหลือเอ็งคนเดียวข้าก็ไม่รักเอ็งเป็นแฟน ได้ยินชัดหรือยัง”
ผ่องศรีเห็นถาวรผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ดวงตาของเขาที่จ้องหน้าเธอแดงก่ำ อย่างคนที่เจ็บช้ำน้ำใจเป็นที่สุด
“เอ็งจำคำของเอ็งไว้ให้ดีว่าชาติไหน ๆ เอ็งก็จะไม่รักข้า”
“เออ คำพูดของข้า ทำไมข้าจะไม่จำ เอ็งก็จำเอาไว้ว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายกับข้าอีก ข้ากำลังจะแต่งงานแล้ว”
ถาวรไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินคอตกกลับบ้านไป ผ่องศรีเองก็กลับเข้าบ้าน โดยไม่นึกสนใจถาวรอะไรมากมายนัก ใครจะไปนึกว่าถาวรจะรักแรงแค้นแรง ถึงขนาดยอมตาย!!!
ก่อนวันวิวาห์ของผ่องศรีสามวัน มีคนมาเล่าให้ฟังว่าถาวรผูกคอตายในบ้านตัวเอง ยายเอิบรู้ก็รีบวิ่งไปดู ส่วนผ่องศรีดูเหมือนจะช็อกไปเลย
หญิงสาวกลัวมาก ไม่กล้าไปดูศพของเพื่อนรัก ได้แต่รอให้ยายเอิบกลับมาเล่าให้ฟัง แม่เธอบอกว่าสภาพศพของถาวรเป็นแบบที่เรียกว่าตายตาไม่หลับ ลิ้นแลบออกมาคาปาก กางเกงเปียกไปด้วยของเสีย สงสัยจะตายมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ข้างศพพบจดหมายลาตายฉบับหนึ่ง
ยายเอิบกับผ่องศรีไปร่วมงานศพของถาวร ท่ามกลางสายตาของคนในงานที่มองผ่องศรีแปลก ๆ โดยเฉพาะญาติของถาวร เธอได้ยินเสียงคนนินทาเข้าหูมาว่า
“มันตายเพราะผู้หญิงคนนี้ไงล่ะ มันอกหักจากผ่องศรีถึงได้ผูกคอตาย”
ความรู้สึกผิดจู่โจมในใจ เธอทนอยู่ในงานนานไม่ได้ ต้องรีบกลับมาบ้าน แล้วไม่ยอมมาร่วมงานอีกเลยจนถึงวันเผา
สัปเหร่อที่ทำการเผาศพถาวร เที่ยวบอกใครต่อใครว่า ศพของถาวรตายตาไม่หลับ แกต้องเอามือลูบปิดตาให้ แต่ก็ปิดไม่สนิท
งานศพของถาวรผ่านไปแล้ว พร้อมกับเสียงนินทาก็ค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ มีแต่ผ่องศรีเท่านั้นที่รู้ว่ามีบางสิ่งคอยจับตาจ้องมองติดตามเธออยู่
ผ่องศรีได้แต่งงานกับสมเกียรติสมดังความตั้งใจ ทุกอย่างดูราบรื่นดี เธอครองรักกันกับสามีอย่างมีความสุข แต่เนื้อความในจดหมายลาตายฉบับนั้นของถาวร ยังคอยตามหลอกหลอนจิตใจเธออยู่
“กูจะตามเอาคนที่มึงรักทุกคนมาอยู่ด้วย จะตามไปทุกที่ ทุกชาติ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า มึงจะไม่เหลือคนที่มึงรักเลย จำคำกูไว้”
ข้อความในจดหมายมีคนเอามาเล่าให้ฟังอีกที ผ่องศรีฟังแล้วก็แอบใจเสีย นึกเป็นห่วงสามี แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่ไปวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ถาวร หวังว่าวิญญาณของเพื่อนจะยอมใจอ่อน คำสาปแช่งในจดหมายของเขาจะไม่เกิดขึ้นจริง แต่ดูเหมือนผ่องศรีจะผิดหวัง
เพราะหลังจากหญิงสาวเกิดตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะตั้งท้องกี่ครั้ง ลูกในท้องก็จะแท้งไปเสียทุกครั้ง หัวใจของผ่องศรีแทบแหลกสลาย อยากจะตายตามลูกไปเลยทีเดียว
“ทำใจเถอะผ่อง เขาแค่เกิดมาเอาชาติ”
ยายเอิบปลอบใจลูกสาวเมื่อเห็นผ่องศรีเสียใจอย่างหนัก เพราะแท้งลูกในท้องไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ผ่องศรีอยู่กินกับสามีมาประมาณแปดปี ตั้งท้องสี่ครั้ง แต่ทุกครั้งเธอต้องแท้งไปเสียก่อนจะครบกำหนดคลอด ที่สำคัญก่อนวันจะแท้ง เธอมักฝันเห็นถาวรมายืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน จ้องมองเธอด้วยสายตาแสดงความอาฆาต ทำท่าเหมือนยิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก ก่อนที่คอจะหักพับลงมา ตาถลนออกนอกเบ้า ทว่าปากยังคงยิ้มอยู่ ดูน่าสะพรึงกลัวมาก
พอสะดุ้งตื่นก็จะเริ่มปวดท้อง ก้มลงมองก็เห็นเลือดสด ๆ ไหลท่วมขา บางทีก็ตกลงมาเป็นกอง ๆ เหม็นคาวเลือดตลบอบอวลไปหมด เป็นแบบนี้ทุกท้อง หมอตรวจร่างกายดูก็พบว่ามดลูกปกติดี หมอเองไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่แนะนำให้พักฟื้นร่างกายและให้ยาบำรุงมากิน
ยายเอิบเริ่มร้อนใจ เร่งควานหาหมอธรรมมาทำพิธีตัดกรรมให้กับลูกสาว พอได้ทำต่างก็พากันโล่งใจ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรอีก แต่ปรากฏว่าคืนนั้นผ่องศรีก็ฝันเห็นถาวรมายืนหัวเราะอยู่หน้าบ้าน หลังจากฝันได้ไม่นาน สมเกียรติก็ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิต ผ่องศรีกลายเป็นหม้ายในวัยกลางคน อย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
“ถาวร เอ็งใช่ไหม เอ็งต้องการอะไรอีก ทำไมต้องจองเวรจองกรรมกับข้าด้วย…”
ยายเอิบพาลูกสาวไปดูดวงกับพระ…พระท่านก็บอกแค่ว่า
“เขายังไม่ไปไหนนะโยม ยังไม่ไปผุดไปเกิด ยังวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ โยมนั่นแหละ”
ผ่องศรีแทบหัวใจวายตาย ความกลัวเข้ามาปกคลุมจนสุดจะทนทำใจได้ และคงเพราะความกลัวประกอบกับความเหงาที่มันรุมเร้าภายในจิตใจ ผ่องศรีจึงตัดสินใจแต่งงานอีกครั้งกับผู้ชายคนใหม่
เขามีชื่อว่าชาติชาย สามีคนนี้ก็เป็นคนดี เป็นคนรักเมียมาก หาเงินได้เท่าไหร่ก็เอามาให้เมียเก็บ ผ่องศรีรู้สึกว่าชาติชายได้เข้ามาชดเชยความรู้สึกสูญเสียของตัวเองเรื่องลูก แต่ถึงอย่างไรเธอกับชาติชายก็ยังล้มเหลวเรื่องมีลูกด้วยกัน แม้จะพยายามวิธีไหนก็ตาม
ผ่องศรีคงคลายความกลัวที่เป็นเสมือนสนิมเกาะกินใจลง…ถ้าไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับชาติชายอีก เขาจมน้ำตายขณะออกเรือไปหาปลาในแม่น้ำ ผ่องศรีกลายเป็นแม่หม้ายผัวตายอีกครั้งหนึ่งแล้ว
สิ่งเลวร้ายน่าจะหยุดอยู่แค่นี้ น่าจะพอเสียที แต่ไม่หรอก เพราะขณะที่ผ่องศรียังไม่ทันเผาศพสามี ยายเอิบก็เกิดเป็นลมล้มพับลงกลางงาน จากงานศพงานเดียวเลยกลายเป็นสองงานอย่างไม่น่าเป็นไปได้
ผ่องศรีแทบอยากจะกลั้นใจตายไปเดี๋ยวนั้นเลย และก็เหมือนกับครั้งก่อน เพราะก่อนหน้าจะมีเหตุร้ายกับยายเอิบ ถาวรได้ปรากฏตัวขึ้นในความฝันของผ่องศรี จนในขณะนี้เธอรู้สึกหวาดกลัวถาวรจนหมดหัวใจ
หลังจากประคองตัวผ่านวิกฤติครั้งนั้นมาได้ ในวัยล่วงเข้าสู่เลขห้า หญิงผู้อยู่ตัวคนเดียวมานาน ก็ตัดสินใจแต่งงานกับพ่อหม้ายคนหนึ่ง ชื่อว่าดิเรก แม้ชีวิตจะรันทดปานใด เพราะสูญเสียคนที่รักอยู่ตลอดเวลา แต่ผ่องศรีก็ยังโชคดี ตรงที่จะมีสามีกี่คนก็ล้วนแต่เป็นคนดี
ดิเรกเป็นทั้งสามีและพ่อที่ยอดเยี่ยม เขามีลูกติดมาด้วยหนึ่งคน เป็นผู้หญิงกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น
ดิเรกมีอาชีพค้าขายวัวควายตามตลาดนัด ทำให้เขาต้องออกเดินทางไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง เขาเลี้ยงดูผ่องศรีและลูกสาวของเขาเป็นอย่างดีเรื่อยมา ลูกเลี้ยงวัยรุ่นก็มีนิสัยน่ารัก รู้จักเอาอกเอาใจแม่เลี้ยง จนผ่องศรีรักเหมือนลูกในไส้ หวังฝากผีฝากไข้เอาไว้กับลูกเลี้ยงคนนี้ ชีวิตอับเฉาของผ่องศรีเริ่มมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง
แต่แล้วเหมือนฟ้าผ่าลงกลางดวงใจ ในคืนหนึ่ง ผ่องศรีฝันเห็นถาวรอีก เขามายืนอ้าปากหัวเราะอย่างสาสมใจให้เห็นที่หน้าประตูบ้าน ผ่องศรีสะดุ้งตื่นจากความฝันอันน่ากลัว พร้อมกับการแจ้งข่าวร้ายทางโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งดิเรกและลูกสาวของเขาถูกโจรดักปล้น และถูกฆ่าตายคารถ ขณะออกเดินทางไปค้าขายต่างจังหวัด ผ่องศรีแทบเป็นลมล้มพับลงคาโทรศัพท์ในมือ
ตอนนี้ผ่องศรีเหลือตัวคนเดียวแล้ว หันหน้าไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน แถมผู้คนต่างโจษขานกันว่าเธอเป็นผู้หญิงกินผัว ผู้ชายคนไหนก็ล้วนแต่หวาดกลัว ไม่มีใครกล้ามาร่วมชีวิตคู่อีก มันจะเป็นเช่นนี้ตราบถึงวันสิ้นลมอย่างเดียวดายในวัยชรา
เรื่องราวชีวิตต้องคำสาปของผ่องศรีเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ ไม่มีบทพิสูจน์ไหนมายืนยันคำสาปแช่งของถาวรในจดหมายต่อผ่องศรีจะมีจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงความประจวบเหมาะของเหตุการณ์เท่านั้น คงต้องแล้วแต่วิจารณญาณของท่านผู้อ่านเอง….สวัสดี
จบ.
เนื้อเรื่องโดย โดย…ล. วิลิศมาหรา
ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ หรือนำไปเล่าลง Youtube โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน