Home กระทู้ผีพันทิป กระบะออฟฟิต ข้างบ้านมาบอกว่าเห็นลูกชายนอนในรถ แต่ผมนอนอยู่กลับแม่

กระบะออฟฟิต ข้างบ้านมาบอกว่าเห็นลูกชายนอนในรถ แต่ผมนอนอยู่กลับแม่

กระบะออฟฟิต ข้างบ้านมาบอกว่าเห็นลูกชายนอนในรถ แต่ผมนอนอยู่กลับแม่

เรื่องมาเกิดขึ้นหลังจากที่ผมนำรถของออฟฟิตมาใช้และจอดไว้ที่หน้าบ้าน เป็นกระบะรถญี่ปุ่นตอนเดียว ช่วง 3 วันแรกมันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติหรอกครับ จนกระทั่งวันที่ 4 คนข้างบ้านก็มาถามแม่ของผมว่า…

“ทำไมลูกชายถึงนอนในรถล่ะ ทำไมไม่เข้าไปนอนในบ้าน ไม่ต้องกลัวหรอก จอดรถไว้แถวนี้ไม่หายหรอก”

แม่ก็เลยมาถามผม ว่าผมไปในรถทำไม แต่ผมก็ได้ปฏิเสธไปว่าผมก็นอนในบ้านปกตินะ ไม่ได้ไปนอนในรถ แล้วผมกับแม่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กันอีก……

จนเวลาล่วงเลยมาประมาณ 2-3 อาทิตย์ ก็มีคนมาบอกกับแม่ของผมอีก ว่าทำไมลูกชายถึงไปนอนในรถ

ซึ่งผมก็บอกแม่กลับไปว่า “ผมจะไปนอนในรถได้ยังไง ในเมื่อเมื่อคืนผมก็นอนอยู่กับแม่ แม่ก็เห็นอยู่ 

ในตอนนั้นผมเอะใจว่า อาจจะเป็นโจรมางัดแงะรถหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อน เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับผม คืนนั้นช่วงเวลาประมาณตี 1 จู่ๆก็มีเสียงหมาหอนเกรียวกราว ด้วยความเป็นห่วงรถ ผมจึงเดินออกมาดู พบว่าไฟภายในรถเปิดอยู่

“เอ๊ะ…นี่ผมไม่ได้ปิดไฟเหรอ??” ผมคิดในใจ

ผมจึงหันหลังเดินกลับเข้าบ้านเพื่อไปเอากุญแจรถ แต่พอกลับออกมา กำลังจะเปิดประตูบ้านออกไป ปรากฏว่าไฟในรถได้ดับไปแล้ว

ผมตัดสินใจเดินออกมาและลองเปิดรถตรวจดูความเรียบร้อยภายใน พอเห็นว่าทุกอย่างดูปกติดี จึงกลับเข้าบ้านไป 

แต่เหตุการณ์มันไม่จบแค่นั้น เมื่อผมกลับเข้าบ้านมายังไม่ถึง 5 นาที หมาก็เริ่มหอนขึ้นอีกครั้ง ด้วยความที่กลัวว่ารถจะหาย ผมจึงออกมาดูรถอีกครั้ง

รถคันนี้จอดอยู่ห่างจากตัวบ้านประมาณ 100 เมตร โดยหันหน้าออกไปยังถนน หันหลังให้กับบ้าน

ผมมองออกมาจากในบ้าน พบว่าไฟในรถยังคงเปิดอยู่…

แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้น คือผมเห็นเงาของไหล่คนนั่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับ !!

ผมตกใจมาก คิดว่าเป็นขโมย จึงรีบหยิบกุญแจรถ เปิดประตูบ้านออกมา แล้ววิ่งอ้อมไปยังหน้ารถ

แต่ทันทีที่ผมไปถึงหน้ารถ….ไฟในรถก็ดับลง และไม่มีใครอยู่ในรถเลยสักคน ผมจึงไขกุญแจเปิดประตูรถเข้าไปดูอีกครั้ง… รอบตัวมีแต่ความเงียบ ไม่มีอะไร และ…ไม่มีใคร

ผมงงมาก มันเป็นไปได้ไง ช่วงเวลาเพียงแค่ 3 วินาทีที่ผมหันไปหยิบกุญแจรถ ถ้าหากจะมีใครอยู่ในรถแล้วหนีออกมาจากรถ อย่างน้อยๆ ผมก็ควรจะได้ยินเสียงปิดประตูรถบางแหละ แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย…..

ผมเริ่มเอะใจกับสิ่งที่ผมเห็นและคำพูดที่ได้ยินมาจากคนที่มาเล่าให้แม่ผมฟัง 

ผมกลับมานอนคิดทบทวน จนนึกถึงสิ่งที่น่าแปลกได้ คือในรถออฟฟิตทุกคัน จะมีการนิมนต์พระมาตั้งไว้ที่ด้านหน้ารถทุกคัน  ยกเว้น…รถคันนี้คันเดียว เช้าวันรุ่งขึ้น ผมจึงนิมนต์สร้อยพระที่บ้านมาคล้องไว้ในรถ

กระทั่งคืนนั้น…เวลาประมาณตี 4 คุณแม่ผมออกมาเตรียมตัวจะไปขายของที่ตลาด แม่ผมเห็นว่ามีคนนั่งอยู่บนฝากระโปรงรถ ขณะที่แม่กำลังมองด้วยความสงสัย จู่ๆเงาที่นั่งอยู่บนฝากระโปรงก็ลุกขึ้นแล้วชี้มาทางแม่

แม่บอก ไม่แน่ชัดว่าเงาที่เห็นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เขามีท่าทางที่สื่อให้เห็นว่ามีความโกรธแค้นอยู่มาก

ด้วยความตกใจกลัว แม่จึงรีบเข้าบ้านมาเรียกผม ผมก็ว่าจะเป็นโจรหรือเปล่า จึงรีบวิ่งออกไปดู แต่ก็ไม่เจออะไรเลย

ด้วยความสงสัยว่าสิ่งที่ผมเจออยู่เนี่ย มันคืออะไรกันแน่ ผมจึงตัดสินใจโทรไปสอบถามถึงอดีตของรถคันนี้กับรุ่นพี่ออฟฟิต… แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ารถคันนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร รู้แต่เพียงว่าเป็นรถมือสองที่ซื้อต่อมาจากอีกบริษัทหนึ่งอีกที

ผมจึงสอบถามประวัติรถคันนี้จากเพื่อนของผมที่ทำอยู่ที่บริษัทประกันของรถคันนี้ เพื่อนก็สืบเสาะหาประวัติให้จนพบว่า เมื่อนานมาแล้วรถคันนี้เคยเกิดอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งชนคน จนลำตัวขาดครึ่ง เสียชีวิตคาที แถวๆมอเตอร์เวย์

อุบัติเหตุครั้งนั้นรุนแรงมากถึงขั้นต้องตัดท้ายรถออก ทางบริษัทเจ้าของรถจึงได้นำรถคันนี้มาซ่อมจนกลับมาอยู่ในสภาพเดิม แล้วทำการขายต่อทันที 

หลังจากผมรู้ประวัติรถคันนี้แล้ว ขนผมนี่ลุกขึ้นมาทันทีเลย แต่ผมก็ยังต้องใช้รถคันนี้ต่อ  

จนเมื่อสามวันก่อน ตอนผมขับรถไปแถวๆนวมินทร์ ตอนนั้นดึกมากแล้ว อยู่ดี ๆ ผมก็นึกขึ้นมาในใจว่า 

“หากผีมีอยู่จริง จะอยู่ในรถคันนี้ก็อยู่ได้ แต่ต่างคนต่างอยู่ เพราะรถคันนี้ไม่ใช่ของคุณแล้ว”

ที่ผมพูดออกไปเพราะผมรู้ดีว่าในรถคันนี้มีวิญญาณทั้งคนที่ถูกชนและคนที่ขับชน

หลังจากผมขับไปได้เรื่อยๆ จนถึงมาถึงช่วงประมาณรังสิต อยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกว่าพวงมาลัยรถเริ่มบังคับไม่ได้ เหมือนกับว่ามันพยายามที่จะหมุนไปหมุนมาเอง ผมจึงตัดสินใจจอดรถเข้าข้างทาง ..เปิดประตูลงมาจากรถแล้วพูดออกมาว่า

“ถ้าคุณจะทำแบบนี้นะ คุณลงมาเดี๋ยวนี้เลย ถ้าหากไม่ลง พรุ่งนี้ผมจะไปวัดแล้วคุณเชิญคุณออกไป”

หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทางออฟฟิตเองก็ไม่ได้จัดการใดๆกับรถ เนื่องจากที่บริษัทเป็นบริษัทจีน ซื้อต่อมาก็ไม่เคยเจิมหรืออะไร

ทุกวันนี้ผมก็เอาพระออกจากรถไปแล้ว เพราะถือว่าได้สัญญากันไว้แล้วว่าหาก ถ้าคุณอยากอยู่ จะอยู่ก็อยู่ได้ แต่ถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมา ผมก็จะไม่ให้คุณอยู่แล้ว เพราะผมคิดว่า ถ้าวันหนึ่งวันใด หากเขาหมดกรรม เขาก็คงไปเอง

ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร หรืออยากให้ผมเป็นตัวตายตัวแทนของเขาหรือเปล่า..แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วนะครับ ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว….

..แต่ช่วงประมาณตี 1-2 ของทุกวัน หมาจะพาากันเห่าหอนเป็นประจำ เหมือนกับว่าเค้าออกมาปรากฏตัวให้เห็น….

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here