ชายคนหนึ่งได้เข้าพัก ณ บ้านพักริมทะเล แต่มันไม่ใช่บ้านพักธรรมดา เคยมีประวัติว่าคนที่มาเข้าพัก เกือบเสียชีวิตไปหลายราย ทางเดียวที่จะป้องกัน ก็คือการมีผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณติดอยู่ในบ้าน แต่เหตุการณ์กลับไม่ง่ายเช่นนั้น จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นนั้นเชิญไปอ่านกันได้เลยครับ
ณ หมู่บ้านชายทะเลที่มีกิจการให้เช่าบ้านสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อน ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ เป็นช่วงที่มีลูกค้าเข้ามาพักกันเยอะมาก บ้านทุกหลัง ห้องพักทุกห้อง ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้ที่ไม่ได้จองล่วงหน้า
บ้านของลุงทิมก็เช่นกัน แกมีบ้านเช่าหลายหลังสำหรับไว้รับรองลูกค้า แน่นอนว่าช่วงนี้ทุกบ้านมีคนจองไว้หมดแล้ว หากมีนักท่องเที่ยวคนไหนมาขอเช่า คำตอบของลุงทิมก็คือไม่
แต่คำปฏิเสธเช่นนั้น กับใช้ไม่ได้กับผู้ชายที่มีนามว่าแจ็คสัน มิสเตอร์แจ็คสัน เป็นฝรั่งกระเป๋าหนัก พร้อมจ่ายไม่อั้นเพื่อแลกกับทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ
ตอนที่ลุงทีมรู้ว่าแจ็กสันต้องการบ้านหนึ่งหลังสำหรับพักผ่อน มันก็สร้างความลำบากใจให้แกพอสมควร ฝรั่งคนนี้ยอมจ่ายแพงกว่าคนอื่นถึง 3 เท่า ซึ่งมันเป็นข้อเสนอที่ทำให้คนละโมบอย่างลุงทิมรู้สึกเลิกลัก
แต่การจะไปไล่ให้แขกที่มาอยู่ก่อนออก มันก็ไม่ใช่เรื่องสักเท่าไหร่ แล้วแกจะไปหาบ้านเช่าจากไหนมาให้มิสเตอร์แจ็คสันเช่าล่ะ
แต่พอลุงทิมคิดไปคิดมา อันที่จริงแกก็มีบ้านหลังหนึ่งเหลืออยู่ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลงามพอสมควร แต่เหตุที่ลุงทิมไม่เปิดบ้านหลังนั้นให้ใครเช่า เพราะมันเต็มไปด้วยประวัติอันน่าสยดสยอง
แกจำได้ดีว่าแค่คนแรกที่เข้ามาพัก อยู่ได้ไม่เกิน 1 คืน ก็ต้องหนีออกมา เพราะทุกสิ่งที่อยู่ในนั้นหลอกหลอนจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แล้วแขกคนอื่นก็ไม่ต่างกัน สิ่งที่สิงสถิตอยู่ในที่ดินผืนนั้น ตามหลอกหลอนผู้เช่าทุกราย แต่รายสุดท้ายนี่แหละ เป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงคิมไม่กล้าเปิดให้ใครเช่าอีก
แขกคนนั้นถูกมันทำบางอย่าง จนเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก่อนจะบังคับให้เดินใจลอยออกไปที่ด้านหน้าระเบียง แล้วทิ้งตัวเอาหัวร่วงลงมาจากชั้น 2 ของบ้าน แต่โชคยังดีที่ตอนนั้นมีการก่อสร้าง ร่างเขาตกลงมาบนกองทราย แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็โชคดีที่ไม่ถึงตาย
หลังจากนั้นลุงทิมก็ทำทุกวิถีทางเพื่อจะไล่วิญญาณตนนั้นออกไปจากบ้าน แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนหมอผีเข้ามากี่คน ก็ถูกวิญญาณร้ายเล่นงานจนเปิดหนี้กลับไปทุกราย
แล้วพอสืบย้อนกลับไป ถึงได้รู้ว่าที่ดินตรงนั้น เคยเป็นที่ฝังศพของอดีตเจ้าพ่อคนหนึ่ง ที่เคยเป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดนี้ เขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่มีนิสัยโหดเหี้ยม ทางการถึงกับต้องส่งมือปราบเข้ามาจัดการ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร จนสุดท้ายตำรวจก็วิสามัญเจ้าพ่อคนนั้น
แต่ถึงชีวิตจะจบสิ้นแล้ว ก็ยังมีวิญญาณออกมาตามหลอกหลอนผู้ที่อยู่โดยรอบที่ดินผืนนั้น สร้างความเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้นเหมือนกับตอนที่มีชีวิตอยู่
กลับมาที่ปัจจุบัน ถึงลุงทิมจะรู้ว่าการที่เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นมันจะอันตรายขนาดไหน แต่เมื่อแกนึกถึงเงินก้อนโตที่จะได้จากมิสเตอร์แจ็ค ลุงทิมก็ไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองไหว
“ว่ายังไง สรุปมีบ้านให้ฉันอยู่ไหม”
“มีครับมิเตอร์ บ้านหลังนี้ทำเลดีมากเลย ติดริมทะเล วิวสวย ผมพึ่งส่งเด็กเข้าไปทำความสะอาดอีกรอบ เพื่อมิเตอร์ โดยเฉพาะเลย”
“Very good งานดีตลอดเลย เอาไว้คราวหน้า ไอจะพาเพื่อนจากอเมริกาเข้ามาเช่าบ้านของยูทุกหลังไปเลย”
ลุงทิมแววตาลุกวาว “โอ้ Thank you very much ครับ มิสเตอร์”
“โอเค ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ไอ ขอตัวก่อนนะ”
“เออ..” ลุงทีมนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง
“เดี๋ยวก่อนมิสเตอร์ ผมยังมีอีกเรื่อง”
“หืออ” แจ็คสันหันกลับมา
“ว่าอย่างไงยู”
“คือแบบนี้ครับมิเตอร์ อันที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ผมขอรบกวนแค่เรื่องเดียว มิสเตอร์อย่าไปยุ่งกับผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณที่แปะอยู่ตามห้องนะ”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น แจ็คสันก็ยืนเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
“โอเคๆ ไอเข้าใจแล้ว” ว่าแล้วมิสเตอร์ก็เดินออกไป
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น มิสเตอร์แจ็กสันก็เดินทางมาถึงบ้านหลังนั้น โดยมีเด็กยกกระเป๋าเดินตามมา สองคน
“ไอขอบใจพวกยูมากๆ แล้วควักเงินในกระเป๋าออกมา เพื่อให้ทริปเด็กยกกระเป๋า ทว่าเมื่อหันกลับไปจะให้ทริป แจ็คสันก็พบว่าเด็กยกกระเป๋าทั้งสอง ก้าวเท้าสวบ ๆ จากไปเสียแล้ว
“อ้าว อะไรของพวกมันวะ” แจ็คสันส่ายหน้าเบาๆ เดินเข้าไปในบ้าน แล้วทำการปิดประตู
ที่นี่สร้างความประทับใจให้มิสเตอร์แจ็คอยู่ไม่น้อย บ้านหลังใหญ่มีวิวทะเลเห็นพระอาทิตย์ตกดิน อีกทั้งบรรยากาศรอบๆก็เงียบสงบ ตั้งแต่เข้ามาอยู่แจ็กสันยังไม่เห็นชาวบ้านคนไหนเดินผ่านมาแถวนี้เลย เขายิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ คืนนี้คิดว่าจะสอยสาวๆเข้ามาค้างที่นี่ด้วยสักคน
แต่ก่อนจะออกไปปาร์ตี้ มิสเตอร์แจ็คก็โทรไปหามิสเตอร์จอห์น เพื่อนสนิทที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อชักชวนให้มาเที่ยวด้วยกันในครั้งหน้า
“ที่นี่สวยมากเลยนะจอห์น บรรยากาศอะไรก็ดีไปหมด แถมราคาก็ไม่แพงมาก ผู้หญิงก็มีแต่เด็ดๆอีกต่างหาก ถ้ารอบหน้ายูมาด้วยนะ ไอมีที่พักจะแนะนำ ที่นี่เขาบริการดีมาก”
“อ๋อ”
“ห้องที่นี่สวยมากเลยนะ เดี๋ยวไอถ่ายรูปไปให้ดู”
ว่าแล้วแจ็คสันก็ยกกล้องขึ้นมา เดินเลือกหามุมเหมาะ ๆ จนไปเจอกับผนังบริเวณที่มีผ้าสีแดงแปะอยู่ แจ็คสันเห็นว่ารูปที่อยู่บนผืนผ้าสวยดี จึงเซลฟี่คู่กับตัวเอง แล้วส่งไปให้เพื่อนดู
“เป็นยังไง เห็นไหมว่าเขาตกแต่งดีมาก ดูสิ มีการเอาภาพวาดอะไรก็ไม่รู้มาติดผนังด้วย คล้ายๆกับสถาปัตยกรรมในอินเดีย”
“ฮะ ว่าไงนะ อยากดูใกล้ๆหรอ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ว่าแล้วมิสเตอร์แจ็คก็เดินไปดึงผ้าแดงที่แปะอยู่บนผนังออกมา แล้วถ่ายรูปส่งไปให้เพื่อนดูชัดๆ
“เป็นยังไงจอห์น สวยไหม”
ทว่าในตอนนั้นเองก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“ฮัลโหล จอห์น ได้ยินไหม ฮัลโหล”
ปรากฏว่าจู่ ๆ สัญญาณโทรศัพท์ก็หายไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อ้าว นี่มันบ้าอะไรวะ”
เมื่อแจ็คสันดูโทรศัพท์ก็พบว่าสัญญาณมันขาดหาย เขาจึงเก็บมันเข้ากระเป๋าด้วยความหัวเสีย แล้วในตอนนั้นเองเรื่องแปลกๆก็ยังไม่จบ เมื่ออยู่ดี ๆ ไฟในบ้านหลังนี่ก็มีอาการติดๆดับๆ มิสเตอร์แจ็คเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“อะไรอีกวะ ทำไมปัญหามันเยอะอย่างนี้”
มิสเตอร์แจ็คเดินไฟเปิดปิดสวิตช์ไฟ แต่ก็พบว่าอาการของหลอดไฟในห้องก็ยังไม่ดีขึ้น ตอนนั้นสีหน้าของแจ็คสันเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ
“ให้มันได้แบบนี้สิวะ”
เขาเดินไปในห้องรับแขกของบ้าน ยกหูโทรศัพท์บ้านขึ้นมา แล้วกดโทรไปยังแผนกบริการลูกค้า แต่ทว่าโทรศัพท์บ้านไม่สามารถใช้งานได้ แจ็คสันจึงออกอาการหัวเสีย กระแทกหูโทรศัพท์ดังปัง
“โอ๊ย บริการห่วยชะมัดยาก”
แล้วในตอนนั้นเอง หูของแจ็คก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ดังมาจากทางเดินของบ้าน เขาหันควัก แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อพบร่างของชายคนหนึ่ง ปรากฏตัวอยู่กลางทางเดินของบ้าน เป็นชายวัย 40 เศษ สวมเสื้อแขนกุด กางเกงยีนส์ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกจิ๊กโก๋ในหนังไทยสมัยก่อน
“เฮ้ ยูเป็นใคร เข้ามาในบ้านของไอได้ไง”
ร่างของชายคนนั้นเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก
“ใคร บอก ว่า ที่ นี่ เป็น บ้าน ของ มึง กูอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว”
“อะไรของยู หมายความว่ายังไง” แล้วแจ็คสันก็ยิ้ม
“อ๋อ ยูเป็นพนักงานใช่ไหม ไอเข้าใจแล้ว คงจะมาแก้ปัญหาให้ไอสินะ แหม ที่นี่บริการได้รวดเร็วทันใจจริงๆ”
“พนักงานบ้านมึงสิ กูกำลังจะฆ่ามึง” ว่าแล้วใช้คนนั้นก็ควักมีดแหลมออกมาจากข้างเอว
“ไม่ได้ลิ้มรสเลือดมานานแล้ว ได้ชิมของนอกสักหน่อยก็ดี ว่าแล้วชายคนนั้นก็ง้างมีดขึ้น ก่อนจะพุ่งพรวดตรงเข้ามายังแจ็คสัน
“เฮ้ยหยุด ยู จะทำอะไร”
แจ็คสันยกสองมือขึ้นตั้งการ์ด ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบคมมีด แล้วชกชวนเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าของชายคนนั้น จนร่างอีกฝ่ายหงายลงไปกระแทกพื้น นั่นสร้างความตกใจให้เขาเป็นอย่างมาก
“เฮ้ย เป็นไปได้ยังไงวะ ทำไมมึงชกกูได้ล่ะ”
แจ็คสันไม่รอให้คำตอบ ยกเท้าขึ้นเหนือพื้น แล้วกระทืบลงไปที่หน้าชายคนนั้นเต็มแรง
“โอ๊ย”
เขาร้องออกมาดังลั่น มีดในมือร่วงหล่น พยายามตะเกียกตะกายผ่านร่างของตัวเองออกจากที่นี่ แต่แจ็คสันไม่สน ดึงร่างนั้นกลับมา ก่อนจะกระทืบซ้ำลงไปอีก 4-5 ที แล้วปิดท้ายด้วยการกระชากร่างนั้นขึ้นมา ชกเปรี้ยงเข้าที่หน้า
เมื่ออีกฝ่ายหมดสภาพแล้ว แจ็คสันก็รีบหาเชือกมามัดตัวไว้กับเสาบ้านก่อนที่ตัวเองจะเปิดประตูออกไปข้างนอก เพื่อหาทางแจ้งตำรวจ
เรื่องนี้ดังไกลไปทั่วชายหาด ทำเอาชาวบ้านแห่กันเข้ามาดู แจ็คสันเล่าว่าถูกชายแปลกหน้าบุกเข้ามาในบ้าน แล้วพยายามทำร้ายร่างกาย แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะตอนที่ตำรวจมาถึง คนร้ายกับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
แน่นอนว่าลุงทิมต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาให้แจ็กสันพักฟรีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย พร้อมกับก้มหัวขอโทษขอโพย จนแทบจะลงไปกราบเท้า
แจ็คสันก็พยักหน้าเข้าใจ เขาไม่ได้ติดใจเอาความกับเจ้าของรีสอร์ทหรอก แต่คงจะไม่กลับมาที่นี่อีก เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
เรื่องทั้งหมดนี้สร้างชื่อเสียให้กับลุงทิมพอสมควร อีกทั้งตำรวจยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ พวกเขาไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของมันคืออะไร แต่ก็พบว่าไม่มีทรัพย์สินอะไรหายไปจากบ้านหลังนี้ นอกจากผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณผืนนั้น…จบ
ขอขอบคุณเรื่องเล่าจากช่อง คลื่นสยอง เรื่อง กฎบอกว่า อย่ายุ่งกับผ้ายันต์ท้าวเวชสุวรรณ
บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามนำไปทำซ้ำลง Youtube หรือ พอดแคสต์ หรือคัดลอกเนื้อหาไปลงที่อื่นใด