ลีลาวดี มันเป็นตราบาปให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกระทำ แล้วเวรกรรมมันก็หวนกลับมา สู่จุดเริ่มต้น…

ลีลาวดี

เรามักจะได้ยินว่า การสร้างบ้านมักจะสร้างขึ้นจากความฝัน แต่โรงแรมแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาจากความแค้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องของลุงสมบัติ ซึ่งแกได้มาเล่าให้คุณเอ็มฟัง ในช่วงที่คุณเอ็มอยู่ที่บ้านแพ้ว ลุงสมบัติมาพูดในทำนองว่า ชีวิตของเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาพบเจอกับสิ่งที่ตัวเองเคยกระทำไว้ในอดีต

ก่อนที่ลุงสมบัติจะเกษียณ แกมีอาชีพเป็นนายหน้าค้าที่ดิน แกทำอาชีพนี้มานาน จนมีเงินทองมากมาย พูดได้ว่า ต่อให้พี่แกเที่ยวทั้งชาติจนสิ้นอายุขัย ชาตินี้เงินของพี่แกก็ยังใช้ไม่หมด 

ลุงสมบัติมีลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวแกมีนิสัยที่ค่อนข้างจะอินดี้ ชอบทำในสิ่งที่ตัวเองรัก จึงเลือกทำอาชีพไกด์นำเที่ยว ซึ่งตอนนั้นเป็นยุคเฟื่องฟูของอาชีพไกด์เลยก็ว่าได้ มีกรุ๊ปนักท่องเที่ยวจากไต้หวันและจีนเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

ซึ่งนักท่องเที่ยวจากจีนและไต้หวัน ส่วนใหญ่เขาจะดูความคุ้มค่า สถานที่เที่ยว ว่ามันคุ้มกับเงินที่เขาเสียไปหรือไม่ ฉะนั้นการที่เราจะนำโปรแกรมการเที่ยวไปเสนอให้กรุ๊ปทัวร์จึงต้องทำการบ้านให้ดีๆก่อน 

ช่วงนั้นเป็นช่วงปีใหม่ จะมีกรุ๊ปทัวร์จีนมาลงที่จังหวัดจังหวัดหนึ่ง ลูกสาวของลุงสมบัติจึงต้องหาดิวโรงแรมที่พักในจังหวัดนั้น ก็หากันอยู่หลายวันจนได้ไปเจอกับโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่มีความหรูหราอลังการสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียงกับโรงแรม 5 ดาวมาก 

ลูกสาวลุงสมบัติก็เลยลองทักไปถามดู ปรากฏว่า ราคาที่พักถูกมาก ทางโรงแรมบอกลดราคาค่าห้องเหลือเพียงคืนละ 500 เท่านั้น!! มันใช่หรอ ที่พักระดับ 5 ดาว อย่างน้อยขี้เหร่สุดเลยต้องมีคืนละ 1–3,000 บ้างแหละ แต่อันนี้บอก 500  ลูกสาวลุงสมบัติจึงโทรไปถาม 

“น้องคะ น้องเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า พี่ต้องการห้องสวีท หรือห้อง VIP นะคะ ไม่ใช่ห้องกระจิ๊กกระจ๊อกธรรมดา” 

“ก็นี่แหละครับ ห้องสวีทระดับ VIP ของโรงแรม” 

“สภาพโรงแรมทุกอย่างตามที่รีวิวเลยหรือเปล่าค่ะ” 

“ทุกอย่างแน่นอนครับ ผมเป็นเจ้าของโรงแรม ลงมารับหน้าที่ตรงนี้ด้วยตัวเองเลย เพราะเห็นลูกน้องบอกว่าลูกค้าต้องการจองห้อง 5 วัน 4 คืน ทั้งหมด 15 ห้อง

หลังจากตกลงราคากันเสร็จ ก็คุยกันถึงเรื่องโปรแกรมเที่ยว แล้วก็เสนอไปทางกรุ๊ปทัวร์ เค้าก็ตกลงจะเดินทางมาไทยประมาณวันที่ 1 มกราคม 

คราวนี้พอลุงสมบัติเห็นลูกสาวแชร์ที่พักแห่งนี้  ความที่เกษียณอายุพอดี อยู่บ้านก็เบื่อ ๆ  ก็เลยอยากจะไปเที่ยวกับลูกสาวด้วย จึงบอกให้ลูกสาวจองห้องเผื่อตัวเองด้วยห้องนึง 

ก่อนถึงวันนัดหมาย คืนนั้นลุงสมบัติฝันเห็นบรรพบุรุษมายืนรายล้อมรอบแก ชี้บอก “มึงอย่าไป” แกก็คิดว่าเป็นแค่ฝัน อีกอย่างอายุก็แก่ปูนนี้แล้ว ถ้าตายไปก็ไม่เสียดายอะไร ใช้ชีวิตที่เหลือกับเงินที่มีอยู่ให้มันคุ้มค่าดีกว่า 

พอถึงวันนัดหมาย  เตรียมสัมภาระเสร็จ ก็ขึ้นรถตู้ 10 กว่าคันไปรับกรุ๊ปทัวร์ที่สนามบิน แล้วเดินทางที่โรงแรม  แต่ปรากฏว่าพอมาถึง สิ่งที่ทำเอาเซอร์ไพรส์คือ ทางโรงแรมได้ติดป้ายว่ายินดีต้อนรับ พร้อมกับปิดโรงแรมให้กรุ๊ปทัวร์นี้โดยเฉพาะเลย ทั้งๆที่จองห้องแค่ 15 ห้อง แต่ดูแล้วห้องของโรงแรมน่าจะมีมากกว่า 40 ห้อง แถมเจ้าของโรงแรมยังลงมาดูแลเทคแคร์ด้วยตัวเองอีกด้วย 

หลังจากที่ทุกคนเช็คอินและนำกระเป๋าไปเก็บเรียบร้อย ก็เป็นช่วงให้ลูกค้าได้พักผ่อนกัน ก่อนที่จะออกไปดินเนอร์คืนนี้ และต่อด้วยกิจกรรมพาเที่ยวเมืองในเวลากลางคืน 

ลุงสมบัติบอกกับลูกสาวว่า ตอนกลางคืนพ่อขอไม่ออกไปเที่ยวด้วยนะ พ่อเหนื่อยอยากพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม 

เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ขณะที่ลูกสาวพากรุ๊ปทัวร์ออกไปเที่ยว ลุงสมบัตินอนอยู่ในห้องคนเดียว จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู ลุงสมบัติก็ถามว่า “ใครครับ” มีเสียงพนักงานตอบกลับมาว่า “เอาอาหารมาส่งค่ะ” แกคิดในใจ มีใครสั่งมาให้ตัวเองหรือเปล่า จึงลุกจากที่นอนเดินไปเปิดประตู 

พอเปิดประตูออกไป ก็เห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวดี อายุไล่เลี่ยกับลุงสมบัติ เธอบอกว่า “สวัสดีค่ะ ได้ยินว่าพี่เป็นพ่อของเจ้าของทัวร์ ดิฉันเลยอยากเอาอาหารมาสมนาคุณ” 

ทั้งสองพูดคุยทำความรู้จักกันอยู่พักนึง ในความรู้สึกของลุงสมบัติ แกรู้สึกคับคล้ายคับคลากับผู้หญิงคนนี้มาก รู้สึกถูกตาต้องใจเหมือนคุยกับคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หลังจากคุยกันเสร็จ ทั้งสองก็แยกย้ายกัน ลุงสมบัติก็กลับเข้าห้องมานอน

จนกระทั่งรุ่งเช้า กิจกรรมต่างๆก็ดำเนินไป ช่วงก่อนที่จะออกไปทำกิจกรรม ลุงสมบัติก็ได้ยินพนักงานซุบซิบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคุณผู้หญิง ลุงสมบัติก็คิดว่า ผู้หญิงคนเมื่อคืนน่าจะเป็นเจ้าของโรงแรมที่ลงทุนเอาอาหารมาให้ด้วยตัวเองเลย เพื่ออยากผูกสัมพันธ์ เวลามีทัวร์มาลงจะพาได้มาพักที่นี่อีก 

ช่วงเย็น ๆ หลังจากที่กลับมาจากเที่ยวกันเหนื่อย ๆ ทุกคนก็แยกย้ายกันพักผ่อน ตกกลางคืนระหว่างลุงสมบัตินอนอยู่ แกฝันว่าตัวเองได้ย้อนกลับไปในวัยหนุ่ม ไปเที่ยวที่ต่างๆ จนได้ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งแกก็จำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร 

ในฝันแกนั่งคิดอยู่พักนึง แกทำท่าจะเข้าไปจีบผู้หญิงคนนั้น แล้วก็เข้าไปจับมือเธอ พอเธอหันหน้ามา ปรากฏว่ามีเลือดออกตามปากตามไรฟันเต็มไปหมด ทำให้แกตกใจสะดุ้งตื่นขึ้น

หลังจากลุงสมบัติตื่นขึ้นมา แกรู้สึกว่าในห้องมันร้อนอบอ้าว จึงอยากออกไปรับอากาศข้างนอกห้อง แต่พอเปิดประตูออกไป ก็เจอผู้หญิงคนที่เอาอาหารมาส่งให้เมื่อคืน ยืนรอแกอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว ด้วยความตกใจ แกแล้วพูดออกไปว่า “เฮ้ย คุณมายืนทำอะไรหน้าห้องผม”

เธอตอบ “พอดีฉันนอนไม่หลับค่ะ คิดว่าคุณยังไม่นอน ก็เลยจะมาคุยเรื่องกรุ๊ปทัวร์ด้วยซะหน่อย” 

ทั้งสองก็นั่งคุยกันเรื่องธุรกิจที่โต๊ะหินอ่อนหน้าห้องไปเรื่อย อยู่ดี ๆ เธอก็พูดขึ้นมาว่า “เรามาเล่าเรื่องความผิดในชีวิตกันไหมคะ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยทำผิดอะไรกันมาบ้าง” 

ลุงสมบัติทำหน้างง แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเล่าก่อน 

“ครั้งหนึ่งในชีวิตฉันเคยขายตัว ฉันเก็บเงินเก็บทองมาซื้อที่ดินตรงนี้ แล้วยกให้ลูกของฉัน ซึ่งจริงๆแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าพ่อของลูกฉันคือใคร” 

พอลุงสมบัติได้ยินอย่างนั้น ก็เลยพูดไปว่า “ชีวิตของคุณนี่น่าสงสารจังเลยนะครับ คงจะผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะ” 

ผู้หญิงคนนั้นก็เลยพูดกลับมาว่า “ใช่ค่ะ ฉันโดนคนชั่วคนหนึ่งมันหลอกมาจากบ้านนอก แล้วมันก็พาฉันมาขายที่ซ่อง ฉันตั้งใจเข้าบางกอกมาหาเงินหาทองส่งให้พ่อแม่ แต่กลับต้องมาเป็นอีตัว” 

พอเธอเล่ามาถึงตรงนี้ ลุงสมบัติสตั้นไปครู่นึง เหมือนแกนึกถึงอะไรบางอย่างออก แต่ก็ยังไม่ได้เล่าออกไป  แล้วลุงสมบัติก็เล่าเรื่องของแกให้ฟังบ้าง 

“ส่วนความผิดของผมที่ผมไม่อยากจะลืม และไม่มีทางลืมมันได้ คือผมนอกใจเมียผม จนเป็นเหตุให้เมียของผมตอมใจตาย”  

แล้วก็ทั้งสองคนกันต่ออีกสักพัก เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วจึงแยกย้ายกัน

จนมาถึงคืนที่ 3 คืนนั้นลุงสมบัตินอนไม่หลับ ไม่ว่าจะทำยังไงก็นอนไม่หลับ เลยเปิดประตูห้องออกมาเหมือนเช่นเคย แต่คืนนี้ไม่เหมือนกับทุกคืนที่ผ่านมา เมื่อแกได้พบกับผู้หญิงที่อยู่ในความฝัน ที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยเลือด มายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องแก  

ด้วยความตกใจ ลุงสมบัติจึงรีบปิดประตูห้องจนเสียงดังสนั่น แล้วแกก็สะดุ้งตื่น สรุปภาพที่เห็นเป็นเพียงความฝัน 

ลุงสมบัติรู้สึกสับสน ว่าทำไมความฝันมันเหมือนจริงขนาดนี้ แกก็เลยตัดสินใจเปิดประตูห้องออกไปดู แล้วแกก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวคนเดิมมานั่งรออยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนที่คุยกันเมื่อคืน ลุงสมบัติถามเธอว่า 

“อ้าวยังไม่นอนอีกหรอ คืนนี้มามีอะไรคุยกันอีกเปล่าล่ะ” 

“มี ฉันมีความจริงจะถาม” 

“จะถามอะไรผมหรอครับ” 

“ตอนฉันถามคุณ ฉันขอจับมือคุณหน่อยได้ไหม” 

ลุงสมบัติเริ่มรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย ว่าทำไมเธอต้องขอจับมือกันด้วย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ยื่นมือไปให้เธอจับ 

ในขณะที่เธอจับมือของลุงสมบัติอยู่ ลุงสมบัติรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่มันร้อนเกินกว่าคนทั่วไป ตรงข้อมือที่โดนเธอจับอยู่

ลุงสมบัติถามว่า “มีอะไรจะถามหรอครับ ถามมาได้เลย” 

แล้วเธอก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เกรี้ยวกราด “มึงเคยหลอกใครไปขายหรือเปล่า ไอ้บัติ” 

สิ่งที่ได้ยินทำให้ลุงสมบัตินึกถึงสิ่งที่ตนเองเคยทำชั่วเมื่อในอดีตได้ทันทีว่า สมัยก่อน ก่อนที่ลุงสมบัติจะตั้งตัวมาเป็นพ่อค้าบ้านและที่ดิน ตัวแกเคยเป็นแมงดาอยู่ในบางกอก มีหน้าที่คอยไปหลอกผู้หญิงที่อยู่บ้านนอกให้มาขายร่างกายในบางกอก 

หลังจากสิ้นเสียงพูดของเธอ จากใบหน้าของหญิงวัยกลางคน ก็เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่งที่ลุงสมบัติจำได้ขึ้นใจ “น้องดี” หรืออีกชื่อหนึ่งของเธอคือ “ลีลาวดี” หญิงสาวคนแรกที่ลุงสมบัติหลอกมาขายบริการในกรุงเทพฯนั่นเอง 

เธอพูดต่ออีกว่า “มึงยังจำกูได้แล้วใช่ไหม” 

ลุงสมบัติเล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงคนนี้ เป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดีมาก เธอได้รับใบโบรชัวร์จากเพื่อนต่างหมู่บ้าน แต่ความจริงแล้วมันคือการหลอกกันเป็นทอด ๆ  คนที่เคยถูกหลอกมาก่อนก็จะกลับมาทำทีชักชวนหญิงสาวในหมู่บ้านไปทำงานโรงงาน แต่หารู้ไม่ มันคือการหลอกเอาไปขายตัวในบางกอก 

วันแรกที่ น้องดี ถูกหลอกมาขายบริการในกรุงเทพฯ ตอนนั้นลุงสมบัติก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ลุงสมบัติยืนดูพวกแมงดาด้วยกันรุมโทรมเธอ จนในที่สุดเธอก็ต้องเข้าไปอยู่ในวงจรของการค้าบริการ 

แรกๆผู้หญิงที่ถูกหลอกมักจะยังไม่สมยอม แต่พอทำไปทำมา มันไม่สามารถพลิกลำกลับได้ จึงทำมาเรื่อยๆเพื่อเก็บเงินไถ่ถอนตัวเอง 

ด้วยความกลัว ลุงสมบัติจึงบอก “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยฉันไปเถอะ” เธอบอก “กูจะไม่ปล่อย มึงต้องไปกับกู มึงทำให้ชีวิตกูแย่ได้ถึงขนาดนี้ กูไม่เคยลืม” 

ลุงสมบัติพยายามสะบัดมือให้หลุดจาก ลีลาวดี  เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกสาวแกเดินมาพอดี ลูกสาวแกก็ถามว่า “พ่อเป็นอะไรพ่อหรือป่าว”  ลุงสมบัติบอก “ช่วยพ่อด้วยลูก ช่วยพ่อด้วย ผะ ผี ผีลีลาวดีมาหลอกพ่อ”

“ไหนผีลีลาวดี ก็โรงแรมนี้ชื่อลีลาวดี แล้วผีลีลาวดีคืออะไร หนูไม่เข้าใจ” 

“ฮะ โรงแรมนี้ชื่อโรงแรมอะไรนะ” ลุงสมบัติถามย้ำ

“ก็ชื่อโรงแรมลีลาวดีไงพ่อ” 

ลุงสมบัติคิดและสงสัยว่าทำไมชื่อของผู้หญิงคนนั้นกับโรงแรมมันถึงได้คล้องจองกันอย่างนี้ แกก็เลยตัดสินใจเล่าความจริงทุกอย่างให้กับลูกสาวฟัง พอลูกสาวได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็ทำท่าเหมือนจะเคืองในสิ่งที่พ่อได้กระทำลงไป แต่มันก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว จึงบอกพ่อว่า

“งั้นพรุ่งนี้พ่อเช็คอินกลับบ้านไปก่อน เดี๋ยวคืนนี้หนูจะนอนเป็นเพื่อน พอหลังจากจบกรุ๊ปนี้แล้วเดี๋ยวหนูจะรีบตามไปหา” 

หลังจากที่สองพ่อลูกเข้าหลับเข้านอน คืนนั้นลุงสมบัติก็ฝันถึงเรื่องเลวร้ายของตัวเองที่เคยหลอกผู้หญิงคนนั้น คนนู้น คนนี้มาขายบริการกับซ่องที่แกเป็นแมงดาอยู่ 

พอตื่นเช้ามา ลุงสมบัติก็บอกกับลูกสาวว่า พ่อไม่อยากอยู่ในห้องนี้ พ่อขอไปเดินชมวิวรอบๆโรงแรมหน่อยละกัน 

ระหว่างที่ลุงสมบัติเดินชมต้นไม้ในสวน แกก็สังเกตุเห็นว่า ป้ายบอกชื่อต้นไม้แต่ละต้นถูกเขียนแทนด้วยคำที่เกี่ยวกับการล้างแค้น  เช่นต้นลีลาวดี  แต่เขียนว่า โดนหลอกลวง ต้นคุณนายตื่นสาย แต่เขียนว่า ไม่มีวันลืมสิ่งที่ต้องทำ 

มันทำให้ลุงสมบัติกลัว รู้สึกว่าอยู่ที่โรงแรมนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงรีบกลับห้องไปเก็บกระเป๋าเพื่อเช็คเอาท์ทันที แต่พอแกกลับมาถึงห้อง แกก็พบกับเบลบอยคนนึงกำลังจะลากกระเป๋าของแกออกมาจากห้อง

เบลบอยบอกกับลุงสมบัติว่า “อ๋อ พอดีผมได้ยินว่าคุณลุงกำลังจะเช็คเอาท์  ผมก็เลยมาหิ้วกระเป๋าเอาไปส่งให้ที่รถให้ คุณลุงจะได้ไม่ต้องแบกให้เหนื่อย”

ลุงสมบัติคิดว่า สงสัยลูกสาวเป็นคนไปแจ้ง จึงไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเด็กเบลบอยเอากระเป๋าไปใส่รถตู้เสร็จ แกก็เดินตามมาขึ้นรถตู้ แล้วเดินทางกลับบ้านทั้งที 

พอกลับมาถึงบ้านก็จัดแจงเก็บกระเป๋า ขึ้นห้องไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน และแล้วกลางดึกคืนนั้น ขณะที่แกกำลังนอนอยู่ แกก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเปิดประตูห้องของนอนของแกเข้ามา ดังแอ๊ดดดดด (ประตูเป็นประตูไม้) แกจึงลุกขึ้นมาดู สิ่งที่เห็นคือ ลีลาวดี มายืนอยู่ตรงหน้าประตู!! 

“มึงคิดว่ามึงจะหนีพ้นใช่ไหม” 

ด้วยตกใจกลัว ลุงสมบัติไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จะวิ่งออกทางประตูก็ไม่ได้ เพราะผีลีลาวดีอื่นขวางอยู่ แกเลยตัดสินใจกระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง นั่นทำให้ขาของแกหักในทันที แต่โชคยังดีที่คนสวนในบ้านมาเห็นเหตุการณ์พอดี จึงรีบโทรแจ้งรถพยาบาล 

เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ลูกสาวของลุงสมบัติต้องทิ้งงาน ปล่อยให้ลูกน้องดูต่อ แล้วรีบกลับมาดูพ่อที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

ลุงสมบัติเล่าให้ลูกสาวฟังว่า “ลีลาวดีตามพ่อมา แต่ไม่รู้ว่าเธอตามเข้ามาในบ้านได้อย่างไร หน้าบ้านเราก็มีศาลเจ้าที่อยู่ อีกอย่างก่อนเข้าบ้าน พ่อก็ได้พูดบอกกล่าวเจ้าที่ ผีบ้านผีเรือนแล้วว่า ใครที่ตามมาไม่อนุญาตให้เข้านะ” 

ช่วงที่ลุงสมบัตินอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ลูกสาวแกก็นอนเฝ้าอยู่ด้วย ก่อนนอน ด้วยความอยากจะถ่ายโทษให้กับคุณพ่อ ลูกสาวแกก็ได้สวดมนต์และบอกกล่าวว่า “น้าลีลาวดีค่ะ ไม่ว่าพ่อหนูจะทำอะไร แล้วน้าต้องการอะไร น้ามาบอกหนูคืนนี้ได้ไหมคะ” แต่ดูเหมือนว่าคำพูดแค่นี้ มันไม่เพียงพอที่จะลบล้างตราบาปของลุงสมบัติเคยกระทำไว้ได้

ในคืนนั้นเอง ขณะที่ลูกสาวของลุงสมบัตินอนหลับอยู่ เธอก็รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว มือไม้หนักไปหมด  พอเธอลืมตาตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าเห็นภาพชายฉกรรจ์ประมาณสามคน กำลังรุมข่มขืนตัวเองอยู่ ความรู้สึกของเธอตอนนั้นมันทรมานมาก เธอพยายามจะดิ้นให้หลุดพ้น พยายามตะโกนสุดเสียง แต่กลับไม่มีใครได้ยิน เพราะเสียงของเธอมันเล็กมากๆ 

กระทั่งปลายเท้าของเธอถีบไปโดนเสาหัวเตียงของลุงสมบัติดังปึ้ง ชายฉกรรจ์สามคนนั้นเลยกระโดดออกจากตัวเธอ แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ 

จังหวะนั้นเอง เธอก็เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวโบราณๆ มาบอกเธอว่า “รู้สึกอย่างไรบ้าง นี่แหละสิ่งที่พ่อมึงทำกับกู แล้วมึงคิดว่ากูจะให้อภัยพ่อมึงได้ไหม”  

ด้วยความกลัว ลูกสาวของลุงสมบัติจึงวิ่งลงมาข้างล่าง มาหาแม่บ้าน แล้วก็บอกว่าให้มาอยู่เป็นเพื่อนหน่อย

รุ่งเช้า ลูกสาวตื่นขึ้นมาก็พบว่าพ่อตัวเองกำลังนอนอยู่น้ำตาไหลท่วมหน้าอยู่บนเตียง ลุงสมบัติเล่าให้ฟังว่า “เมื่อคืนลีลาวดี มานั่งค่อมตัวพ่อ เธอเอามือถ่างตาพ่อ ให้เห็นภาพทุกอย่างที่ลูกถูกกระทำ พ่อเหมือนใจจะขาด ลีลาวดียังบอกพ่ออีกว่า สิ่งที่มึงทำ ความรู้สึกกูตอนนั้น มันไม่ได้เสี้ยวของความเจ็บของกูหรอก” 

ลุงสมบัติรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว หากตนเองจะต้องตาย ก็ขอไม่ตายที่โรงพยาบาล ขอกลับไปตายที่บ้านดีกว่า ลูกสาวจึงทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้

หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาได้ ลุงสมบัติก็ได้บอกให้ลูกสาวพาไปหาพระอาจารย์ที่ตนนับถือ เพื่อหาวิธีแก้ไข

พระอาจารย์ท่านนี้เป็นพระสายธุดงค์ ซึ่งจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่พอไปถึง ปรากฏว่าท่านได้ออกธุดงค์ไปแล้ว ลุงสมบัติและลูกสาวก็เลยไล่ออกตามหาว่าท่านไปธุดงค์อยู่แถวไหน จนดั้นด้นไปถึงจังหวัดหนึ่งของภาคอีสาน ถึงได้เจอกับพระอาจารย์ท่านนี้ 

พระอาจารย์ท่านบอกว่า “โยมนำสิ่งที่เป็นตัวตนของเขาติดกลับมาบ้านด้วยนะ” ลุงสมบัติก็บอกว่า “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ผมไม่ได้เอาอะไรมาเลยนะครับพระอาจารย์ แม้แต่ดอกไม้อะไรผมก็ไม่ได้แตะต้องเลย” 

พระอาจารย์ท่านก็เลยบอกว่า “โยมคิดดีๆ วันสุดท้ายก่อนที่ยอมจะออกมาจากที่ของเขาน่ะ” ลุงสมบัติพยายามนึก แต่เท่าไรก็นึกไม่ออก” พระอาจารย์ท่านจึงบอกว่า “กลับไปบ้าน ไปรื้อกระเป๋าตัวเอง แล้วนำสิ่งนั้นกลับมาให้อาตมา” 

หลังจากที่ลุงสมบัติกลับบ้านไปรื้อกระเป๋าของตัวเองจนหมด ก็พบเข้ากับอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนกับผงทรายขาว ๆ  แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็เลยยกกระเป๋าทั้งใบมาให้พระอาจารย์ 

พอพระอาจารย์ได้รื้อของทั้งหมดออกจากกระเป๋า จนเจอเข้ากับผงขาวอันเดียวกับที่ลุงสมบัติเจอ ท่านก็นำมันออกมากองตรงหน้า แล้วท่องคาถาอะไรสักอย่าง จนเสร็จท่านก็บอกกับลุงสมบัติว่า… 

“ที่โยมเอามาเนี่ย มันเป็นเถ้ากระดูก ซึ่งอาตมาคิดว่า ลูกชายของเขานั่นแหละที่รู้ดี ว่าเถ้ากระดูกนี้คือเถ้ากระดูกของแม่เขา แล้วเขาก็จงใจให้ใครสักคนนำมาไว้ในกระเป๋าของโยม” 

นั่นทำให้ลุงสมบัตินึกย้อนไปถึงตอนที่เจอเบลบอยคนที่แกเจอในห้อง แกคิดว่าเบลบอยคนนั้นแหละที่เป็นคนนำเถ้ากระดูกนี้มาใส่ในกระเป๋าของแก

หลังจากที่ได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ลุงสมบัติจึงได้เดินทางกลับไปที่โรงแรมนั้นอีกครั้ง ไปถึงก็เข้าไปกราบเท้าเจ้าของโรงแรม ลูกชายของลีลาวดีทันที 

ลุงสมบัติบอกว่า “มันไม่สมควรให้อโหสิกรรม ไม่ว่าจะให้หรือไม่ให้ พี่ขอทำ และพี่ขอรู้ความจริงทุกอย่างได้ไหม” ลูกชายของลีลาวดี จึงบอกว่า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็มึงเจอแล้วนี่” 

ลุงสมบัติได้แต่ก้มหน้ารับฟัง เนื้อหาใจความประมาณว่า 

“ก่อนแม่จะตาย ท่านร้องทรมานมาก ท่านบอกว่าท่านจะไม่ไปไหน ห้ามเผาศพท่านเด็ดขาด ให้เผาบางส่วน แต่เก็บบางส่วนไว้ แต่ด้วยกฎหมายนะตอนนั้น จึงจำเป็นต้องเผาหมด ก็เลยเลือกที่จะเก็บเถ้ากระดูกของแม่ไว้ 

หลังจากที่เก็บเถ้ากระดูกไว้ คำสั่งเสียของแม่คือ จะต้องมีสักวัน ที่เอาเศษชิ้นส่วนบางส่วนของแม่ ให้กับคนที่แม่เครียดแค้น แม่ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อน หลังจากที่แม่โดนรุมโทรม ท่านต้องรับแขกวันนึงหลายคน จนไม่ได้หลับได้นอน แถมยังเป็นโรคติดต่ออีก ท่านทำงานหนักจนกระทั่งถ่ายถอนตัวเองออกมาได้ และมาซื้อที่ดินแห่งนี่

หลังจากที่แม่กูหลุดพ้นจากกงกรรมกงเกวียนนั้นมาได้ ท่านก็ได้พบรักกับใครผู้ชายคนนึง หลังจากคบหากันได้สักพัก ก็ตกลงคบหาเป็นแฟนกัน ท่านก็คิดกันว่าจะสร้างบ้านเช่าให้คนอยู่ และปีหน้าจะแต่งงานกัน 

จนอยู่มาวันหนึ่ง ด้วยความที่สมัยก่อนมันไม่ได้เจริญมากมายเหมือนสมัยนี้ บางจุดในเมืองมันก็ดูเปลี่ยวและมืด บังเอิญคืนนั้นแม่และแฟนกำลังเดินกลับบ้านมาตามทางที่ใช้กลับเป็นประจำ และได้เจอกับพ่อเล้า ที่แม่เคยทำงานอยู่ พวกมันทักแม่ด้วยถ้อยคำหยาบๆ แม่ก็เลยด่าพวกมันกลับไปชุดใหญ่ จึงทำให้แฟนของแม่รู้ความจริงและรับไม่ได้ ก็เลยตีตัวออกห่างจากแม่ไป 

หลังจากที่พวกมันรู้ที่อยู่อาศัยของแม่ พวกมันก็เลยพาคนมาข่มขืนแม่ เพราะหมั่นไส้ที่วันนั้นแม่ด่าพวกมัน 

ตราบาปนี้แม่ก็เลยคิดว่าไม่ได้เป็นเพราะใคร หากแต่เป็นเพราะลุงสมบัติ ที่เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้แม่ลีลาวดี ต้องมาประสบพบเจอกับเรื่องราวพวกนี้ ป้ายชื่อต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ในโรงแรมแห่งนี้ ก็เลยถูกเขียนขึ้นด้วยความแค้นของแม่… 

แล้วรู้ไหม สาเหตุที่ผมลดราคาที่พักให้พวกคุณ ที่ทำให้คุณได้มาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างมันได้ลิขิตไว้หมดแล้ว เพราะแม่ได้มาเข้าฝันบอกผมว่า วันนั้นมาถึงแล้ว ถ้ามีใครติดต่อมา ก็ลดราคาให้เขา และตกลงรับทัวร์เขาซะ แล้วก็มีคนติดต่อมาจริงๆ นั่นก็คือลูกสาวของคุณนั่นเอง… แม่ลีลาวดีท่านรอเวลาตรงนี้มานานแล้ว

มันเป็นตราบาปให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกระทำ แล้วเวรกรรมตรงนั้นมันก็หวนกลับมา สู่จุดเริ่มต้น…

ทุกวันนี้ลุงสมบัติกลายเป็นคนพิการขาหัก จากเหตุการณ์ที่กระโดดลงมาจากชั้น 2 ของบ้านวันนั้น ไม่สามารถเดินได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ต้องนั่งวิลแชร์ตลอดเวลา 

ปัจจุบันโรงแรมลีลาวดีแห่งนี้ก็ยังเปิดให้บริการอยู่ แต่ได้เปลี่ยนเป็นชื่อภาษาอังกฤษแล้ว และไม่ได้รับแขกทั่วไป จะรับเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่มาจากต่างประเทศเท่านั้น 

ต่อมาไม่นาน เจ้าของโรงแรมเขาคิดว่า โกรธอาฆาตกันไปก็มีแต่สร้างเวรสร้างกรรมต่อกัน เขาจึงอโหสิกรรมให้ลุงสมบัติ ทั้งสองจึงได้พูดคุยปรับความเข้ากัน ได้ถ่ายโทษอะไรให้กันหลายๆอย่าง และปล่อยครั้งที่ลูกสาวของลุงสมบัติจะพากรุ๊ปทัวร์มาพักที่โรงแรมแห่งนี้…และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด 

สรุปเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้หญิงคนนึงถูกกระทำมาตั้งแต่แรก ย้อนกลับไปในสมัยนั้น ผมเข้าใจถึงการที่คนคนนึงต้องถูกกระทำแบบนี้ แล้วไม่มีปัญญาที่จะไปฟ้องหรือแจ้งความกับตำรวจได้ เพราะกฎหมายยุคนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับยุคนี้ หากเงินไม่ถึง มีเส้นมีสายก็เข้าถึงยาก ส่วนคนธรรมดาก็เลยต้องตามน้ำ พยายามดิ้นรนด้วยตัวเอง

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจากช่องก๊อก ก๊อก ก๊อก เลี้ยวไปหลอน เรื่อง ลีลาวดี คุณเอ็ม ตุ้มหู

บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามคัดลอก ดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนไปลงที่อื่น และนำไปทำซ้ำลง Youtube หรือ พอดแคสต์

Previous articleเรื่องเล่าจากชาวเก็บศพ “อาสาสมัครมูลนิธิไปเก็บศพที่โรงงานตุ๊กตาไฟไหม้..เจอเรื่องหลอนตามมา…”
Next articleผ้ายันต์ท้าวเวชสุวรรณ ห้ามดึงมันออกเด็ดขาด