Home กฎแห่งกรรม ตามยันบ้าน นั่งอยู่ไฟอยู่ใต้เถียงนา ได้ยินเสียง ลำดวน ๆ

ตามยันบ้าน นั่งอยู่ไฟอยู่ใต้เถียงนา ได้ยินเสียง ลำดวน ๆ

ตามยันบ้าน นั่งอยู่ไฟอยู่ใต้เถียงนา ได้ยินเสียง ลำดวน ๆ

เรื่องนี้คุณท๊อฟฟี่ได้รับฟังมาจากคุณแม่ เกิดขึ้นเมื่อราวปีพ.ศ 2520 ตั้งแต่คุณท๊อฟฟี่ยังไม่เกิด สมัยนั้นหลายจังหวัดในภาคอีสานถูกจัดให้เป็นพื้นที่สีแดง เพราะมีกำลังพลของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เห็นต่างกับรัฐบาล ถือปืนเข้าไปแทรกซึมอยู่ตามพื้นที่ของป่า ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์ถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เลย 

คุณพ่อได้เล่าให้ฟังว่า ตรงนั้นเป็นฤดูทํานา แกได้พาแม่ที่กำลังท้องพี่สาวของคุณท๊อฟฟี่และพี่ชายอายุประมาณ 11 ขวบ เข้าไปปักหลักอยู่ที่สร้างเถียงนาอยู่ในแปลงนาซึ่งอยู่ติดกับตีนเขาลูกนึง ด้วยความที่คุณพ่อเป็นหมอยาสมุนไพร แกจึงปลูกพวกพืชสมุนไพรต่างๆไว้ตามปลายนาที่ติดอยู่ติดกับตีเขาด้วย 

และอีกเรื่องที่น้อยคนนักที่จะรู้ คือหมอยาสมุนไพรคุณพ่อยังเป็นช่างทำปืนด้วย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คุณพ่อมาสร้างเถียงนาอยู่ตรงนี้  เพราะถ้าใครรู้ว่าพ่อทำปืนเป็น ก็อาจจะโดนเพ่งเล็งจากทางรัฐ หรือจากกลุ่มคนที่อยู่ในป่าด้วย

นาแปลงที่อยู่ติดกันมีผัวเมียคู่หนึ่งอาศัยอยู่ ผัวชื่อลุงตาล เมียชื่อป้าลำดวน ลุงตาลแกเป็นคนที่ติดการพนันไก่ชน ในช่วงบ่ายของทุกวันแกจะอุ้มไก่ปั่นจักรยานเข้าไปในหมู่บ้าน วันไหนที่แกได้พนัน แกก็จะปั่นจักรยานเมากลับมา บางทีก็เห็นแกปั่นจักรยานล้มนอนร้องเพลงให้ไก่ฟังอยู่ที่คันนา แต่วันไหนที่แกเสียการพนัน แกจะกลับทะเลาะตบตีกับป้าลำดวน เสียงดังมาถึงที่เถียงนาเลย

ปีนั้นป่าอุดมสมบูรณ์อยู่ ด้วยความที่พ่อจะปลูกพวกพืชผักสวนครัวไว้ที่ริมป่า ทำให้มีพวกสัตว์ป่าลงมาแอบกินบ้าง พ่อก็จะคอยดักซุ่มอยู่ในซุ้มที่สร้างไว้ เพื่อคอยดักยิงพวกสัตว์พวกนั้น บางวันก็ได้หมูป่ากลับมาทำเป็นอาหาร 

จนกระทั่งบ่ายวันนึง แม่รู้สึกเจ็บท้องหน่อย ๆ พ่อก็คิดว่าแม่ใกล้คลอด จึงเดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อไปตามยายซึ่งเป็นหมอตำแยให้มาดูแม่ 

ระหว่างที่พ่อเข้าไปตามยายในหมู่บ้าน แม่ได้พาพี่ชายไปเก็บถั่วฝักยาว และได้เจอกับคนกลุ่มหนึ่งที่มีอาวุธครบมือ ประมาณ 4-5 คน เดินเข้ามาล้อมตัวแม่ ด้วยความตกใจแม่จึงกอดพี่ชายไว้แน่น

ระหว่างนั้นมีทหารหญิงคนหนึ่งเห็นว่าแม่อยู่ในท่าทางที่ตกใจ จึงเข้ามาหยอกเลยกับพี่ชาย พร้อมกับยื่นปืนที่พกมาด้วยให้พี่ชายดู จนพี่ชายเริ่มหายกลัว พวกทหารก็เริ่มชวนคุย

จุดประสงค์ที่ทหารกลุ่มนี้ออกมา ก็เพียงแค่จะออกมาอาหารเข้าไปประทังชีวิต แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไปเอาไปฟรีๆนะ พวกเขาจะนำเนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้มาแลกกับข้าวปลาอาหารและผักที่พวกเขาไม่สามารถหาได้

พอแม่เห็นว่าพวกทหารเข้ามาชิดตัวพี่ชาย ก็เลยรีบไปเอาข้าวปลาอาหารมาให้ และก่อนที่พวกเขาจะจากไป ก็ได้หันมาพูดหยอกกับลูกชายว่า “โตขึ้นถือปืนเข้าป่าเหมือนพี่นะ”

ตั้งแต่วันนั้น คนกลุ่มนี้ก็จะมาที่เถียงนาเรื่อยๆ แต่จะมาตอนกลางคืนดึกๆ จนรู้สึกสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง ซึ่งวันไหนที่พวกเขาจะมา พวกเขาจะทำการส่งสัญญาณ ให้พ่อรู้ก่อน ซึ่งคุณพ่อจะรู้อยู่คนเดียว 

จนกระทั่ง แม่หลังจากแม่คลอดก็ต้องลงมาอยู่ไฟที่ใต้ถุนเถียงนา คืนนั้นเวลาประมาณ 02:00 น. กว่าๆ คุณพ่อได้ยินเสียงสัญญาณของคนกลุ่มนั้น แต่ทว่าครั้งนี้มันแปลกไปจากทุกครั้ง คือพวกเขาไม่รอให้คุณพ่อเตรียมข้าวของแล้วนำไปให้ที่ชายป่า แต่พวกเขาได้เข้ามาถึงเถียงนาเลย 

มาถึงก็บอกให้พ่อเตรียมข้าวของ แต่จะมีของเพิ่มเติมจากเดิมที่เคยขอทุกครั้ง ยาสมุนไพรทั้งหมดที่พ่อมี พร้อมกับพาตัวคุณพ่อเข้าป่าไปด้วย พวกเขาบอกกับแม่ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง และห้ามหนีไปไหน ให้ทำตัวเป็นปกติเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรารับปากว่าจะพาผัวเอ็งกลับมาอย่างปลอดภัย” 

แล้วพวกเขาก็บอกกับพ่อว่า “ไม่ต้องถาม ไม่ต้องสงสัยอะไร ถ้าอยากให้ลูกเมียปลอดภัย” พ่อจึงต้องจำใจตามพวกเขาเข้าไปในป่า 

คนกลุ่มนี้จะเดินต่อแถวเรียงหนึ่งไปอย่างเงียบๆ ไปมาอย่างไร้ร่องรอย และคงมีความชำนาญป่ามาก  มิเช่นนั้นคงเดินในความมืดไม่ได้ 

คนกลุ่มนี้เดินต่อแถวเรียงหนึ่ง พาพ่อเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อย ๆ ไปอย่างเงียบๆ ดูแล้วพวกเขาคงมีความชำนาญพื้นที่เขาลูกนี้มาก  มิเช่นนั้นคงเดินในความมืดไม่ได้ แต่ด้วยความที่คุณพ่อก็เคยเข้ามาหาสมุนไพรในป่าลึกแห่งนี้เหมือนกัน บางครั้งก็ต้องพักอ้างแรง จึงมีความชำนาญเส้นทางอยู่พอสมควร แต่ก็ยังไม่ชำนาญขณะเดินในความมืดได้ 

คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย พอเข้าไปถึงในป่าที่ลึกมากๆ คนกลุ่มนี้ก็เริ่มเปิดไฟฉาย พ่อทำเนียนเป็นไม่รู้ทิศรู้ทาง เดินตามพวกเขาไปตามปกติ

จนพ่อกระทั่ง คุณพ่อเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ สิ่งแรกที่คุณพ่อรู้สึกได้เลยคือ กลิ่น!! กลิ่นเหม็นเน่า ที่รุนแรงมากๆ  สายตาของพ่อเริ่มปรับเข้ากับความมืดได้ จนมองเห็นสองข้างทางชัดเจน ทำให้สังเกตเห็นว่ามีเศษผ้าห้อยปะปนอยู่ตามใบไม้ เป็นระยะ ๆ 

แล้วอยู่ดี ๆ คนกลุ่มนี้ก็หยุดเดิน พร้อมกับหันกระบอกไปไฟฉายทุกดวงมาที่ตัวคุณพ่อ ด้วยความตกใจคุณพ่อก็พยายามยืนให้นิ่งที่สุด เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำอะไรกับตน

จนกระทั่งมีสหายผู้หญิงคนหนึ่ง เดินเข้ามาบอกให้คุณพ่อนั่งคุกเข่าลง แกก็ทำตาม แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ใช้ผ้าขาวม้าปิดตาคุณพ่อ พันอยู่หลายรอบจนแน่ชัดแล้วว่าคุณพ่อมองไม่เห็น จากนั้นก็บอกให้คุณพ่อนอนหงาย 

คุณพ่อจึงพยายามใช้ประสาทสัมผัสการฟังและการดม จากนั้นก็มีคนใช้มือจับขาคุณพ่อหมุนเป็นวงกลม ประมาณ 4-5 รอบ แล้วก็ปล่อยให้นอนนิ่ง ๆ อยู่พักนึง จากนั้นก็มีคนสองคนหิ้วแขนของพ่อยืนขึ้น แล้วก็พาคุณพ่อเดินต่อไป 

ด้วยความที่คุณพ่อก็ชำนาญป่าแห่งนี้เหมือนกัน แกรับรู้ได้ว่าพวกเขาไม่ได้พาแกเดินตรงเข้าไปในป่าอย่างเดียว แต่กลับพาเดินวนเป็นสามเหลี่ยม 

เหตุที่คุณพ่อรู้ก็เพราะว่าในป่าแห่งนี้มันจะมีสมุนไพรบางชนิด ที่เวลาใบมันร่วงหล่น มันจะมีกลิ่นเฉพาะของมัน พ่อจะรู้ว่าสมุนไพรชนิดนี้ขึ้นอยู่ตรงจุดไหนของป่า ซึ่งคนพวกนี้ได้พาคุณพ่อเดินผ่านจุดนี้ 3 รอบ 

คุณพ่อก็คิดว่าคนกลุ่มนี้น่าจะพาคุณพ่อเดินวนไปมาเพื่อต้องการให้แกกะระยะเส้นทางผิดพลาด ให้คุณพ่อเข้าใจว่ามันไกลมาก เพื่อป้องกันที่ซ่องสุมกำลังของพวกเขาให้เป็นความลับต่อไป 

เดินลึกเข้าไปในป่าได้สักพักนึง คุณพ่อก็รู้สึกว่าป่ามันโล่งเริ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่มได้ยินเสียงของผู้คน มากมาย  สักพักพวกเขาก็เริ่มเปิดผ้าปิดตาคุณพ่อออก ทำให้เห็นบังเกอร์กระสอบทรายขนาดใหญ่ 

พวกเขาได้ขอร้องให้พ่อช่วยรักษาสหายคนหนึ่ง ที่กำลังนอนป่วยจากไข้ป่าอยู่ในค่ายมาหลายวันแล้ว ด้วยความที่คุณพ่ออยากจะกลับไปหาลูกเมีย จึงได้ใช้สมุนไพรที่ติดตัวมาต้มยาให้ชายคนนี้ดื่ม 

ตัดกลับมาที่คุณแม่ ช่วงโพล้เพล้ ยายมาเล่าให้แม่ฟังว่า ตอนยายเข้าไปช่วยทำคลอดคนในหมู่บ้าน ขากลับระหว่างที่ยายกำลังเดินผ่านเถียงนาของลุงตาล ยายสังเกตเห็นป้าลำดวนลุกลี้ลุกลนวิ่งหอบข้าวหอบของออกจากเถียงนามา 

ยายก็คิดว่าป้าลำดวนคงทะเลาะตบตีกับลุงตาลแล้วหอบข้าวหอบของวิ่งหนีเข้าหมู่บ้านหรือเปล่า ยายกำลังจะเอ่ยปากถาม แต่ป้าลำดวนรีบวิ่งสวนไปซะก่อน 

พอยายเดินกลับมาถึงเถียงนา แม่ก็เล่าให้ยายฟังว่า รู้สึกเป็นห่วงพ่อ เพราะปกติพ่อไม่เคยหายไปนานขนาดนี้ ยายก็บอกว่า ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเขาจะทำอันตรายอะไรพวกเรา เขาคงฆ่ายกครอบครัวไปนานแล้ว ถ้าเขาบอกว่าจะพากลับมา พวกเขาก็คงจะรักษาคำพูดแหละ 

ต้องอธิบายให้ฟังถึงเถียงนาก่อนนะครับ เถียงนาจะยกพื้นสูง ด้านล่างมีแคร่ไว้สำหรับนั่งเล่น ซึ่งพี่ชายจะนอนอยู่บนเถียงนา ส่วนคุณแม่จะมานอนอยู่ไฟที่ใต้ถุน โดยเสื่อขึงปิดด้านซ้าย ด้ายขวาและด้านหลัง เหลือแค่ด้านหน้า 

หลังจากที่ยายเดินขึ้นไปบนเถียงนา คุณแม่ก็ได้ยินเหมือนมีใครเอามือมาลูบที่เสื่อด้านหลัง ก็ดีใจคิดว่าพ่อกลับมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้หลุดปากทักออกไป 

สักพักมีเสียงกระแอม แหบๆแห้งๆ ทำให้แม่รู้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของพ่อ จึงอุ้มพี่สาวมากอดไว้ ทันใดนั้นมีเสียงแหบเบาๆ พูดขึ้นมาว่า 

“เห็นยายลำดวนไหม” 

แม่จำได้ว่านั่นเป็นเสียงของลุงตาลก็เลยตอบกลับไปว่า 

“ไม่เห็น” 

เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณยายเดินจูงมือหลานชายเปิดเสือเข้ามา และภาพที่แม่เห็นคือ คุณยายเดินขาสั่น หน้าซีด ส่วนพี่ชายกอดผ้าถุงยายแน่นเลย 

คุณยายทำมือ จุ๊บๆ เป็นสัญญาณบอกให้แม่เงียบๆ  แล้วคุณแม่ก็ได้ยินเสียงของลุงตาลเดินแหวกหญ้ากลับไปทางเถียงนาของแก พร้อมเรียก ลำดวน ลำนวน 

พอยายตั้งสติได้ ยายก็เล่าให้แม่ฟังว่า ก่อนที่ยายจะขึ้นไปหาหลาน ยายกำลังล้างหน้าอยู่ตรงตุ่มน้ำข้างเถียงนา แล้วอยู่ดีๆยายก็ได้ยินเสียงสาวเท้าก้าวเข้ามา สวบ สวบ สวบ แกจึงไปแอบมองอยู่ข้างตุ่ม

พอเสียงเท้านั้นก้าวเข้ามาจนถึงระยะที่แสงเทียนจะเทียงนาพอมองเห็นได้ ยายเห็นเป็นลุงตาลที่กำลังวิ่งมา ตัวของแกชุ่มไปด้วยเลือด คอห้อยลงมาเกือบขาด แกว่งรุ่งริ่งไปมา ทำเอายายนั่งเกาะตุ่มตัวสั่นพับ ๆ อยู่อย่างนั้น 

พอลุงตาลเดินผ่านยายไป ยายจึงขึ้นไปหาหลายชายบนเรือน แล้วจุงลงมาหาแม่ มาเล่าให้แม่ฟังนี่แหละ 

พอรุ่งเช้าได้มีผู้ใหญ่บ้านตำรวจและญาติของลุงตาล มากันเต็มบ้านของลุงตาลเลย จึงได้รู้ว่า วันนั้นลุงดำแกเสียพนันไก่ชนเมากลับมาที่บ้าน มาถึงก็ทะเลาะตบตีเมีย ด้วยความที่ป้าลำดวนแกทนมานานแล้ว แกก็เลยไปคว้าเคียวเกี่ยวข้าวมาปาดคอลุงตาลจนเกือบขาด จนลุงดำแก่ล้มลงไปนอนชักกระตุกกระตุกจนขาดใจตาย นี่คือสาเหตุที่ป้าลำดวนรีบเก็บข้าวเก็บของเข้าไปในหมู่บ้าน

ส่วนป้าลำดวน ทางญาติ ๆ ของแกก็พยายามเกลี้ยกล่อมแกให้ไปมอบตัวกับตำรวจ จนแกยอมไปมอบตัวกับตำรวจในที่สุด 

ผ่านไป 4-5 วัน พ่อก็ยังไม่กลับมาจากป่า ส่วนทางคุณแม่ ก็ต้องพบเจอกับลุงตาลที่เดินมาถามหาป้าลำดวนที่เถียงนาอยู่ทุกวัน ไอ้ครั้นจะหอบลูกพาแม่กลับเข้าไปในหมู่บ้าน ก็กลัวว่าพวกทหารจะทำร้ายพ่อ มันไปไหนไม่ได้ เป็นอะไรที่กดดันมากๆ จึงต้องอยู่รอพ่อด้วยความหวังที่ว่าพ่อจะกลับออกมา 

กลับมาที่ทางฝั่งของคุณพ่อ พ่อก็ได้รักษาสหายที่นอนป่วยด้วยอาการไข้ป่าจนหาย จึงได้รู้ว่าเขาเป็นเสนารักษ์จองกลุ่มคอมมิวนิสต์ หรือเรียกง่ายๆก็คือหมอนั่นเอง 

คนกลุ่มนี้ก็พยายามพูดดึงให้พ่อมาเป็นพวกให้ได้ แต่พ่อปฏิเสธ เมื่อพูดดีๆแล้วไม่ยอม พวกเขาจึงขู่ว่าจะทำร้ายพ่อ พ่อก็เลยบอกว่า 

“ปล่อยฉันไปเถอะ ลูกฉันยังเล็ก และเมียก็เพิ่งคลอดลูกอีกคน” 

ด้วยความเห็นอกเห็นใจและสงสาร คนกลุ่มนี้ก็เลยยอมและได้พาพ่อออกจากป่ามาในคืนนั้น 

คนกลุ่มนี้ได้ปิดตาพาพ่อเดินออกมาทิ้งไว้กลางป่า ก่อนกลับพวกเขาได้บอกกับพ่อว่า ถ้ายังอยากเจอลูกเมียอยู่ ห้ามเปิดผ้าจนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณ พ่อก็นั่งรออยู่อย่างนั้น จนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกคนเหล่านั้น 

ท่ามกลางความมืดมิดในป่า ทุกอย่างเงียบสงัด มีเพียงเสียงจิ้งหรีดที่ร้องระงมทั่วป่า พ่อก็พยายามนั่งฟังว่าเสียงสัญญาณจะมาเมื่อไหร่  จนตัวของพ่อชุ่มไปด้วยเหงื่อ เริ่มมีเสียงยุงบินเป็นฝูงรุมกัดจนพ่อเริ่มทนไม่ไหว 

ทันใดนั้นก็ได้มีลมพายุเหมือนฝนจะตกพัดผ่านมา พร้อมด้วยกลิ่นเหม็นที่รุนแรงมาก แต่ไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เงียบสงัด แต่กลิ่นเหม็นยังคงฟุ้งอยู่รอบ ๆ  

พ่อยังคงพยายามตั้งใจฟังว่าเสียงสัญญาณจะดังขึ้นเมื่อไหร่ สักพักพ่อก็ได้ยินเสียงของคนกลุ่มหนึ่ง ฟังดูแล้วน่าจะเยอะกว่ากลุ่มคนที่มาส่งพ่อ 

พ่อค่อยๆเปิดตาออกแล้วไปซุ่มดูอยู่ในพุ่มไม้ แล้วเสียงเดินของคนเหล่านั้นก็หายไป สักพักก็เริ่มดังขึ้นอีก พ่อก็พยายามมองหาว่ามันมาจากทางไหน แต่ก็ไม่มี

จนกระทั่งได้ยินเสียงสัญญา เท่านั้นแหละ พ่อก็รีบจ้ำเอ้าเดินออกจากป่าเลย พ่อมั่นใจว่าทางที่เดินไปนั้นไม่ผิดทางแน่นอน จนแกเดินมาถึงจุดที่เห็นเศษผ้าติดตามใบไม้ในตอนแรก ขอก็งงว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ตรงจุดนี  จึงตั้งสติ คิดว่าจะทำยังไงดีถึงออกไปจากตรงนี้ได้

พ่อเริ่มก้าวเท้าเดินไปตามทางที่คิดว่าจะออกจากป่านี้ แต่กลับเดินวนกลับมายังจุดเดิม เดินวนอยู่อย่างนี้ประมาณ 3 รอบ แกจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้า เริ่มเดินใหม่อีกครั้ง เดินไปสักพัก ก็เหมือนได้ยินเสียงกลุ่มคนกำลังเดินอยู่ จึงซุ่มตัวในพุ่มไม้อีกครั้ง 

เสียงกลุ่มคนยังเดินวงเวียนอยู่รอบ ๆ  ทำให้แกไม่สามารถไหนได้ จึงตัดสินใจซุ่มตัวรออยู่จนเช้า 

จนกระทั่งฟ้าใกล้สว่าง เสียงไก่ป่าขันดังอยู่ไกลๆ พ่อก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าอีกครั้ง แกจึงเริ่มเดินสำรวจหาต้นตอของกลิ่น ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแกไปเจอหลุมระเบิดขนาดใหญ่ มีแมลงวันตอมเศษชิ้นส่วนเป็นเนื้อเน่า ๆ ของมนุษย์ที่โดนระเบิด 

พ่อมานั่งประมวลคิดเหตุการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนจำได้ว่าเมื่อ 2 วันก่อนที่พ่อจะถูกจับตัวเข้าป่า ได้มีชาวบ้านกับกลุ่มนึงเข้าป่ามาหาเก็บเศษซากปลอกกระสุน เศษซากระเบิด เพื่อนำไปขายให้กับนายพราน ไม่ก็วนเวียนมาให้กับกลุ่มสหายบ้าง ชาวบ้านกลุ่มนี้คงไปเจอระเบิดที่ยังสามารถใช้งานได้ ยระเบิดใส่ จนกลุ่มนี้ตาย

พ่อจึงนั่งสมาธิแผ่เมตตาพูดไปว่า “ถ้าอยากกลับบ้าน ให้ตามฉันออกมานะ ให้โดนจิตโดนใจให้ฉันออกไปได้นะ”  ในที่สุดพ่อก็สามารถเดินออกมาจากป่าได้  กลับมาถึงบ้าน ก็เห็นว่ามีคนในหมู่บ้านพากันมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน ตามประสาคนบ้านนอกเวลามีใครคลอดลูก 

ชาวบ้านก็ถามว่าพ่อหายไปไหนมาตั้งหลายวัน พ่อบอกว่าก็เข้าไปหาสมุนไพรมาให้คนเพิ่งคลอดลูกนี่แหละ แต่ไม่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่โดนจับตัวไป

พ่อเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า พบซากศพชาวบ้านโดนระเบิด ชาวบ้านก็เลยบอกว่ามีคนหายไปนะ เป็นชาย 7 คน พวกญาติเขาออกตามหากันอยู่ น่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน

ชาวบ้านจึงได้เอาเหล้าสาโทที่หมักไว้ แล้วให้ยายเตรียมสำรับกับข้าวไปเซ่นเจ้าป่าเจ้าเขา เพื่อเปิดทางให้ดวงวิญญาณที่ตามพ่อมากลับเข้าหมู่บ้าน 

หลังจากนั้นชาวบ้านเดินทางกลับเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ พอญาติๆของกลุ่มชาย 7 คนทราบข่าวต่างพากันร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจกันยกใหญ่ แล้วอยู่ดีๆก็มีเด็กคนหนึ่งอายุประมาณ 12 ขวบ เดินเข้ามากลางกลุ่มชาวบ้าน มายืนตัวสั่นร้องไห้ ชาวบ้านเริ่มมามุงดูกัน แล้วเด็กคนนั้นก็พูดออกมาว่า  

“ข้าชื่อ ตาแสง  เป็นคนที่พากลุ่มคนนี้เข้าไปหาระเบิด  พวกข้าไปเจอระเบิด ก็เลยลองเคาะดู แต่ปรากฏว่ามันเป็นระเบิดที่ยังสามารถใช้งานได้ พอทุกคนไปรุมช่วยกันยกขึ้นมาเคาะ ๆ ดู จู่ ๆ ระเบิดก็ทำงานทันที ทำให้ทุกคนโดนระเบิดตายหมด”

เด็กคนนั้นบอกต่อว่า “ข้าหิวมากทรมานเหลือเกิน” ญาติของผู้ตายก็เลยเอาสำรับกับข้าว มาให้เด็กคนนี้กิน เชื่อไหม เด็กคนนี้กินข้าวเหนียว 7 กระติ๊บและอาหารที่ชาวบ้านเอามาให้หมดเลย 

แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ให้พ่อพาไปยังจุดที่พบศพชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้เก็บเศษซากของผู้ตายกลับมาบำเพ็ญกุศล 

หลังจากนั้นก็ได้เกิดการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มคอมมิวนิสต์และเจ้าหน้าที่รุนแรงมาก พ่อก็เลยพาครอบครัวย้ายไปอยู่กับญาติที่มหาสารคาม จนกระทั่งเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มสงบลง พ่อจึงพาครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่กาฬสินธุ์เหมือนเดิม…และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเนตร ธนัชพงศ์ ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง ตามถึงบ้าน 

บทความนี้ถูกเรียบเรียงจาก Youtube ห้ามคัดลอก ดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนไปลงที่อื่น และนำไปทำซ้ำลง Youtube หรือ พอดแคสต์

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here