เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่คุณลุงของคุณเป้เล่าให้ฟัง ย้อนกลับไปประมาณเกือบๆ 30 ปี ลุงของคุณเป้ชื่อว่า ลุงไก่ แกรับราชการทหารอยู่ ลุงไก่แกมีเพื่อนสนิทๆอยู่อีก 2 คนคือ ลุงชิต และลุงหมี เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเมื่อ ลุงทั้ง 3 คนถูกย้ายไปประจำที่จังหวัดจังหวัดนึง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักราชการ คนละหลัง ทั้ง 3 คนก็ใช้ชีวิตกันปกติ เลิกงาน ตกเย็น ก็มานั่งคุยและสังสรรค์กัน
ตอนนั้นลุงๆอายุประมาณ 30 ต้นๆ ลุงชิตที่เป็นเพื่อนของลุงไก่เนี่ย แกจะเป็นคนที่หน้าตาดี เจ้าชู้ พอเลิกงานก็ไปนั่งสังสรรค์ตามร้านอาหารแถวๆ ตลาด ประจำ จนลุงชิตไปติดสาวคนนึงเป็นแม่หม้ายที่เปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่ ลุงชิตก็ไปนั่งกินเหล้าที่ร้านนี้เป็นประจำ จนจีบสาวแม่หม้ายคนนี้สำเร็จ จนย้ายไปอยู่กินด้วยกัน ซึ่งบ้านของแฟนใหม่ของลุงชิตก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักราชการที่ลุงชิตเคยอยู่เท่าไร
หลังจากที่ลุงชิตเข้าไปอยู่บ้านแฟนใหม่ได้ประมาณ 1 เดือน มีอยู่วันนึง ช่วงหัวค่ำ แฟนใหม่ของลุงชิตก็ขับรถมาหาลุงไก่และลุงหมี และบอกว่า พี่ๆมาช่วยหน่อย พี่ชิตโดนผีเข้า พอลุงทั้ง 2 คนได้ยินก็รีบไปที่บ้านของผู้หญิง
พอไปถึงบ้าน บ้านจะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ลุงไก่และลุงหมีก็เดินขึ้นไปบนบ้าน ก็เห็นชาวบ้านอยู่บนบ้านประมาณกัน 20 กว่าคน และเห็นลุงชิตนั่งก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จากับใคร
ลุงไก่เรียกลุงชิต แต่ว่าลุงชิตก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ลุงไก่เลยเดินไปที่ลุงชิตแล้วเขย่าตัวลุงชิต แต่ไม่มีเสียงตอบเหมือนเดิม
ลุงไก่ถามแฟนลุงชิตว่าเกิดอะไรขึ้น แฟนลุงชิตก็ตอบว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่งคุยกันอยู่ดีๆ พี่ชิตก็หงายท้องลงไป แล้วลุกขึ้นมาทำตาขวาง ตาเหลือกขึ้นไปจนเหลือแค่ตาขาว หนูก็ทำอะไรไม่ถูก พี่ชิตก็เอาแต่นั่งมองหน้าอยู่อย่างนั้น ก็เลยไปตามชาวบ้านมา
ชาวบ้านให้คนไปรับหมอผีที่อยู่ระแวกนั้นมา ซักพักรถกระบะที่ไปรับหมอผีก็มาจอดที่หน้าบ้าน พอมาถึงหมอผีก็เดินขึ้นบ้านตรงไปที่ลุงชิต ลุงชิตก็เงยหน้าขึ้นมา มองหน้าหมอผีและยิ้ม
ทางด้านหมอผีก็จัดแจงทำพิธี เริ่มสวดมนต์ แต่ระหว่างที่หมอผีสวดมนต์ ลุงชิตแกก็นั่งหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ” เยาะเย้ย อยู่ตลอดเวลา จนหมอผีทำพิธีเสร็จ ก็กำข้าวสารเสกแล้วปาใส่ไปที่ลุงชิต แต่ยิ่งลุงชิตโดนข้าวสารเสกแกก็ยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปอีก หมอผีก็ปาไป 3-4 ที แต่ก็เหมือนเดิม จนหมอผีเริ่มโมโห เลยหยิบหวายเสกขึ้นมา และทำการท่องคาถา เป่าไม้หวาย กะว่าจะฟาดใส่ลุงชิต
แต่จังหวะที่หมอผีง้างมือกำลังจะฟาด ลุงชิตก็ดีดตัวขึ้นมายืน เอามือคว้าหวายของหมอผี ผลักหมอผีออก ก่อนจะถีบเข้ายอดอกของหมอผี จนหมอผีหงายท้องตึง แล้วลุงชิตก็พูดขึ้นมาเป็นเสียงคนแก่ว่า
“ไอดวง มึงแค่ดูดวง ดูฤกษ์ ดูยามได้นิดหน่อย ทำมาเป็นตั้งตัวเองเป็นหมอผีหรอ มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก” แล้วก็ปาหวายใส่หมอผี ด้านหมอผีก็เริ่มลนลาน เพราะเสียหน้าด้วย ก็เลยเดินออกจากบ้านไปเลย ชาวบ้านเห็นทางไม่ดีจึงไปนิมนต์พระรูปนึง ที่มีชื่อเสียง เรื่องเวทมนต์ คุณไสยมา
ระหว่างนั้นลุงชิตแกก็นั่งนิ่งๆอยู่ตรงกลางบ้านไม่พูดไม่จากับใคร จนผ่านไปครึ่งชั่วโมง พระท่านก็มาถึง ท่านอายุประมาณ 40 กว่า พอพระเดินขึ้นบ้านมา ลุงชิตก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็หัวเราะใส่เหมือนเดิม พระก็ถามชาวบ้านว่าเป็นอะไรยังไง พอชาวบ้านเล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟังเสร็จ หลวงพ่อก็ให้ชาวบ้านเอาขันใส่น้ำสะอาดมา หลังจากนั้นหลวงพ่อก็จุดเทียน 9 เล่ม หยดเทียนลงบนน้ำมนต์ทำบริกรรมคาถา
ลุงชิตหันมาหัวเราะใส่หลวงพ่อ เหมือนกับท้าทาย พอหลวงพ่อทำพิธีเสร็จ ก็เอาก้านมะยมจุ่มน้ำมนต์ แล้วก็พรหมใส่ที่ตัวลุงชิต แต่ก็เหมือนเดิม ไม่ได้ผลอะไร ลุงชิตหัวเราะและพูดว่า หลวงพี่บวชอยู่กับวัดดีแล้ว อย่ามายุ่งเรื่องทางโลกเลย เวทมนต์คาถาของหลวงพี่ ทำอะไรผมไม่ได้หรอก พอหลวงพ่อได้ยินก็หน้าถอดสี แล้วก็ลุกขึ้นบอกกับชาวบ้านว่า ผีตนนี้มันแรง หลวงพ่อเอาไม่อยู่หรอก หลวงพ่อขอตัวกลับวัดก่อนนะโยม
พอหลวงพ่อกลับไป ชาวบ้านก็เลยลองถามว่า “มึงเป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร” พยายามถามกันอยู่ซักพัก ตอนนั้นก็เริ่มจะมืดแล้ว ลุงชิตก็ตอบมาว่า “พวกมึงจำกูกันไม่ได้หร”อ ชาวบ้านก็ถามว่าเป็นใคร ลุงชิตก็ตอบมาว่า “กู ไอผิน ผัวเก่าอีเนี่ย ที่มันได้กับไอ้ผู้ชายคนนี้”
ชาวบ้านก็ตกใจถามว่า “เป็นแกจริงหรอ แล้วต้องการอะไร” ลุงผินที่อยู่ในร่างลุงชิตก็ตอบมาว่า “กูไม่ต้องการอะไรหรอก กูแค่จะเอาไอ้ผู้ชายคนนี้ไปอยู่ด้วย แค่นั้นแหละ” ชาวบ้านก็บอกว่า “อย่าเอาไปเลย มันบาป” แต่ลุงผินก็ยืนยันคำเดิมว่า “กูไม่ยอมหรอก กูตายไปไม่ถึงปี มันก็ได้ผัวใหม่แล้ว แถมยังพามาอยู่ในบ้านกูอีก ยังไงกูก็ไม่ยอม”
ทางด้านลุงไก่และลุงหมีก็ถามชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นว่า “ลุงผินแกเป็นใคร” ชาวบ้านก็บอกว่า “แกเป็นผัวเก่าของแฟนใหม่ของเพื่อนเองนี่แหละ ก่อนหน้าแกตายแกเป็นหมอผีที่เก่งคนนึงเลย และด้วยที่อายุแกเยอะแล้วมีเมียที่อ่อนกว่าหลายปี พอแกเสียไป แต่เมียแกยังเด็กอยู่ ก็เป็นธรรมดาที่จะมีผู้ชายมาติด”
ลุงไก่ก็เลยถามลุงหมีว่า จะเอาไงดีวะ ลุงหมีก็หันหน้าไปมองที่ลุงชิตและเดินแหวกชาวบ้านเข้าไปยืนต่อหน้าลุงชิต แล้วพูดว่า “ไอ้ชิต มึงแกล้งทำเป็นผีเข้าใช่มั๊ยเนี่ย นี่มึงขอเงินเมียไม่ได้แล้วแกล้งทำเป็นผีเข้าใช่มั๊ย” ลุงชิตแกก็เงยหน้ามองแบบไม่สบอารมณ์และพูดว่า “กูไม่ใช่เพื่อนมึง กูจะเอาเพื่อนมึงไปอยู่ด้วย”
ลุงหมีจึงพูดกลับไปว่า “ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกู เห็นเขาบอกว่ามึงเป็นหมอผีเก่าไม่ใช่หรอ” ลุงชิตก็ตอบมาว่า “ใช่” แต่ลุงหมีตอบกลับไปว่า “กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงเป็นหมอผีเก่า ถ้าเป็นหมอผีจริง มึงทำอะไรได้บ้าง มึงเสกน้ำมนต์ได้มั๊ย ขันน้ำมนต์ตั้งอยู่ตรงหน้าเนี่ย มึงเสกได้มั๊ย เสกไล่เสนียดจัญไร ไล่ผีได้มั๊ย”
พอลุงหมีพูดจบ ลุงชิตก็หัวเราะและพูดว่า “เรื่องเสกน้ำมนต์กูเนี่ยเก่งที่สุดแล้ว กูสามารถเสกให้น้ำในขันหมุนวนในขันยังได้เลย” ลุงหมีก็บอกว่า “กูไม่เชื่อ แน่จริงมึงเสกให้กุดูหน่อยดิ” แล้วลุงหมีก็เอาเท้าเขี่ยขันน้ำมนต์ไปหาลุงชิตและยืนกอดอกมอง
ลุงชิตมองไปที่ขันน้ำมนต์ ทำปากขมุบขมิบ เหมือนทำพิธีอะไรซักอย่าง ตอนนั้นลุงไก่สังเกตุดูในขัน เห็นน้ำในขันวนๆ เหมือนมีคนเอานิ้วไปวนในขึ้น จนผ่านไป 3-4 นาที เสร็จแล้วลุงชิตก็บอกว่า “นั่นหนะ เห็นรึยังว่ากูทำได้” พอลุงชิตพูดจบ ลุงหมีก็หยิบขันน้ำมนต์สาดใส่ลุงชิตเลย ทีนี้ลุงชิตร้องลั่น “โอ้ยยยยยย พวกมึงหลอกกู” แล้วก็หงายท้องลงไป ประมาณว่าเหมือนมีคนเอาน้ำร้อนไปสาดใส่แก
ชาวบ้านก็รีบพาตัวลุงชิตไปที่วัดไปหาหลวงพ่ออีกรูปนึง ที่เป็นเกจิชื่อดังอยู่แถวนั้น และบอกให้ลุงหมีและลุงไก่ไปด้วย พอไปถึงวัดก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง เล่าเสร็จหลวงพ่อก็หัวเราะ แล้วก็บอกว่าให้พาลุงชิตเข้าไปในโบสถ์และบอกกับลุงหมีว่า วันนี้เองก็ยังไม่ต้องกลับ ให้อยู่ในโบสถ์กับมันนี่แหละ ถ้าเองออกไปเองตาย เพราะเองไปหลอกมันไว้ มันเอาเองแน่ แล้วหลวงพ่อก็เสกด้ายสายสินญ์และผู้ข้อไม้ข้อมือให้
หลวงพ่อบอกพรุ่งนี้เช้าก็มาทำบุญถวายสังฆทานซะและเดี๋ยวจะปัดเสนียดจัญไรให้ และก็ย้ำกับลุงหมีอีกว่า ถ้าเองอยากใหเพื่อนเองมีชีวิตอยู่ต่อ ก็บอกเพื่อนเองให้เลิกกับผู้หญิงคนนี้ซะ ถ้าเกิดยังคบอยู่ ไอ้ผินมันเอาเพื่อนเองตายแน่
พอตอนเช้า ลุงชิตก็รู้สึกตึวขึ้นมา ลุงหมีและลุงไก่ก็พากันไปทำบุญ และลุงหมีก็พูดกับลุงชิตตามที่หลวงพ่อบอก ลุงชิตก็ตัดสินใจเลิกกับผู้หญิงคนนั้นทันที กลับไปทำงานเป็นปกติ และก็เลิกเจ้าชู้ไปเลย
ขอบคุณที่มา เดอะช็อคสิบสาม