บ้านร้างแรงคุณไสย

บ้านร้างคุณไสย

บ้านหลังนี้ผมไปพบเจอโดยบังเอิญ ขณะที่กำลังไปหาหลวงพ่อที่ผมนับถือ ซึ่งบ้านหลังนี้จะอยู่ริมถนนใหญ่ คือพอผ่านแล้วต้องถอยหลังกลับมาดูทันที เพราะความใหญ่ของตัวบ้านและเนื้อที่ดินคือกว้างใหญ่มากถ้ามองด้วยสายตาเกือบ 2 ไร่ได้ 

ผมคิดเลยว่าบ้านใหญ่ขนาดนี้เจ้าของต้องเป็นคนที่มีฐานนะร่ำรวยมากๆๆ เพราะระหว่างทางที่ผมผ่านสองข้างทางจะพบเจอแค่บ้านชาวแบบทั่วไป ตามภาษาชาวบ้านเกษตรกร

พอผมเดินไปถึงหน้าบ้านก็พบ ผู้ชายคนหนึ่ง เหมือนจะก่อกองไฟทำอาหารอยู่ข้างบ้าน น่าจะเป็นคนเก็บของเก่ามาอาศัยอยู่ ผมเลยจะเข้าไปทักทายเผื่อว่าเขาจะรู้อะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้บ้าง  

พี่เขาก็ใส่เสื้อผ้า เก่าๆเนื้อตัวมมอมแมม ข้างๆก็มีกองขวดต่างๆที่เก็บมา ผมก็สอบถามกับแก เกี่ยวกับสิ่งที่ผมอยากรู้ ….แต่คำตอบที่ผมได้ยินมาทำให้ผมอึ้งไปเลยครับ เชื่อไหมเขาตอบมาว่า..เรื่องเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ผมรู้ดีที่สุดเพราะ….ผมคือลูกชายเจ้าของบ้าน ..

สิ่งที่ผมคิดอันดับแรกคือไม่เชื่อแน่นอนครับ ..แต่ผมก็เออ ออ ตามเขาดูก่อน 

เขาเล่าให้ฟังว่าเดิมทีครอบครัวเขา คุณพ่อเขาเป็นคนจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ แต่คุณแม่เป็นคนที่นี่ (ขอสงวนไม่บอกนะครับว่าที่ไหน) เดิมทีครอบครัวเขา ทำธุรกิจงานถมที่ ที่นั้นกิจการก็รุ่งเรืองดีไปได้สวยเลย  

จนอยู่มาวันหนึ่งแม่ของเขาคิดถึงบ้านเกิด จึงชวนพ่อย้ายมาทำธุรกิจที่บ้านเกิดแม่ พ่อเขาก็เลยย้ายมาเริ่มธุรกิจ รับถมที่ วิ่งขนดินที่นี่ และมาสร้างบ้านที่ตรงนี้ ซึ่งเป็นที่ดินเดิมของแม่เขา 

พอเริ่มทำธุรกิจไปได้สักพัก ปรากฏว่ารายได้ดีกว่าเดิมมาก เพราะแถวนี้ยังไม่มีใครทำธุรกิจนี้กัน จนครอบครัวเขากลายเป็นเศรษฐี ร่ำรวยที่สุดในตำบลนี้เลย 

เขาก็ทำธุรกิจมาได้เรื่อยๆ ก็เริ่มมีชาวบ้านมาขอความช่วยเหลือบ้าง เอาที่ดินมาจำนองบ้าง และเริ่มมีญาติพี่น้องเริ่มเข้ามาขอความช่วยเหลือ เอาที่ทางมาจำนองบ้าง มาขอยืมเงินไปลงทุนบ้าง ทางพ่อเขาก็ช่วยเหลือตลอด ช่วยกันทีคือหลักแสน หลักล้านกันเลยทีเดียว 

แต่พอนานวันเข้า ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจมาถ่ายถอนที่คืน ค่าดอกก็ไม่มีใครยอมจ่ายยอมให้ ทั้งที่คิดดอกเบี้ยในราคาที่ต่ำมาก 

ด้วยความที่ธุรกิจก็ต้องมีเงินหมุนเหมือนกัน ทำให้คุณพ่อเขาจำเป็นต้องออกไปทวงถามตามบ้านญาติ ตามบ้านชาวบ้านที่เป็นลูกหนี้ที่ละหลังๆ แต่ก็ถูกขับไล่ จากทั้งญาติพี่น้อง และชาวบ้านเหล่านั้น ทางพ่อเขาก็เลยตัดใจจะไม่ช่วยเหลือใครอีกต่อไป และทำมาหากินต่อไป 

พอหลังๆมา ทางญาติพี่น้องที่เดือดร้อนมาขอความช่วยเหลืออีก ทางพ่อเขาก็เลยปฎิเสธไปทั้งหมด ทำให้ญาติพี่น้องเริ่มโกรธเคืองพ่อเขา มาด่าเสียๆหายๆ บางทีก็ให้คนมายิงปืนขู่หน้าบ้านบ้าง เอาคนมาคอยขู่ว่าจะทำร้ายบ้าง ทำให้ครอบครัวเขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขอีกต่อไป 

หลังจากนั้นมาธุรกิจของพ่อเขาจะที่เคยมีงานตลอดไม่เคยหยุด งานก็เริ่มหดหาย การเงินก็เริ่มมีปัญหา ลูกน้องก็เกิดอุบัติเหตุในการทำงานบ่อย  ภายในครอบครัวพ่อแม่เขาก็เริ่มทะเลาะวิวาทกันบ่อยมากขึ้น ทั้งๆที่ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาพ่อแม่เขาไม่เคยทะเลาะกันสักครั้งเลย 

แม้แต่ตัวเขาเองก็มีเรื่องทะเลาะกับพี่สาว ถึงขั้นรุนแรงมาก ซึ่งอย่างที่บอกตัวเขาเองก็ไม่เคยมีปัญหากับพี่สาวของเขา รักกัน ดูแลกันตลอด แต่ตอนนี้ทำไมถึงรู้สึกเกียจขี้หน้ากันมาก 

นอกจากนี้เขายังเริ่มเจอเรื่องแปลกๆๆภายในบ้านอีก เขาบอกว่า เคยพบเจอหญิงสาวมายืนอยู่ตรงหลังบ้าน แล้วก็หายวัปไป บ้างก็มาเข้าฝัน มาบอกว่า “กูจะเอาให้พวกมึงไม่เป็นสุข” บางที่ก็เจอวิญญาณเด็ก วิญญาณร่างสูงใหญ่แต่งตัวเหมืนคนสมัยก่อน เดินไปมาในบ้าน  ทั้งที่เมื่อก่อนที่เขามาอยู่หลายปีก็ไม่เคยพบเจอเรื่องพวกนี้ 

จนกระทั่งมาเจอเรื่องที่หนักสุด ที่ทำให้ครอบครัวเขามาถึงจุดแตกหักกันทั้งครอบครัว เมื่อหุ้นส่วนของพ่อเขาโกงกิจการทั้งหมดของบ้านไป  แม้แต่รถสิบล้อ รถรถแบคโฮ ก็โดนเอาไปหมด ทำให้พ่อเขาเครียดมากไม่เป็นทำอะไร ได้แต่ตรอมใจ จนในที่สุดก็เสียชีวิตลง  

หลังจากครอบครัวหมดสิ้นทั้งเสาหลักของครอบครัว ทำให้พี่สาวและตัวเขาแยกกันไป ไม่นานบ้านก็ถูกยึด จนต้องออกจากบ้านหลังนี้ และนี่คือจุดที่ทำให้ครอบครัวแตกสลาย 

พี่สาวก็ไปหาในกรุงเทพ แม่เขาก็ไปอาศัยอยู่กับญาติที่พอพึงพาได้ ส่วนตัวเขาก็ออกร่อนแร่ไปเรื่อย จนผ่านไปเกือบ 10 ปี เขากลับมาหาแม่อีกครั้ง และได้กลับมาที่บ้านหลังนี้ 

แต่บ้านก็ยังอยู่ในสภาพเดิม ขนาดรูปคุณพ่อเขายังอยู่ในบ้านหลังนี้อยู่เลย ข้าวของบางอย่างของพ่อเขาก็ยังอยู่ รูปเขาสมัยเด็กๆก็ยังมีอยู่ ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งบ้านหลังนี้ แม้แต่ตัวแม่เขาเอง  และตัวเขาก็ไม่อยากเข้าไปในบ้านหลังนี้เช่นกัน 

สักพักก็มีคุณแม่เข็นจักรยานพร้อมถุงขวดเก่ามาเต็มรถ เข้ามาหาทางที่พวกเราคุยกันอยู่ ผมก็ถามน้องผู้ชายไปว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ..เขาก็ตอบมาว่าแม่ผมเอง..

ทีนี่ล่ะเราเริ่มชื่อน้องมันแล้ว เพราะเขาทักทายกันแบบแม่ลูกกันว่า “กินอะไรหรือยัง แม่มีกับข้าวที่บ้านป้าเอามาฝาก” แกก็ใส่เสื้อธรรมดา กิริยาดูเรียบร้อยมาก ไม่ดูเหมือนคนจรคนไร้บ้านเลย  

ผมก็ยิงคำถามแกเลยว่า “นี่บ้านคุณป้าเหรอครับ” คุณป้าตอบแบบยิ้มแล้วก็พูดว่า “ใช่จ๊ะ ….” แล้วแกก็เล่าเรื่องเหมือนที่น้องผู้ชายเล่าให้ผมฟังเลย เป็นอันว่าเราอึ้งทวีคูณเลย  แต่เราก็อดถามไม่ได้ว่าบ้านหลังนี้มันเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้ครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในตำบล กลับกลายมาเป็นคนเก็บของเก่าขายได้… 

คนเป็นแม่ ก็บอกว่าแกก็พึ่งจะมารู้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เพราะคนที่อยู่พื้นที่ด้านข้าง อยากนำรถใหญ่เข้าไปปรับพื้นดิน ในที่ตัวเองแต่หาทางเข้าไม่ได้  พอมาเห็นว่าบ้านด้านข้างเป็นพื้นที่ร้าง แกเลยขอทุบกำแพงบ้านหลังนี้ เพื่อพอให้เอารถแบคโฮเข้าได้ 

หลังจากที่มีการเอาแบคโฮมาขุดปรับผิวดินในจุดที่รถจะผ่าน รถแบคโฮก็ขุดไปเจอเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง เป็นห่อผ้าเก่าๆที่มีของอยู่ด้านใน ทางคนงานเลยแกะดู ก็พบว่าด้านในมีบาตรแตก มีเส้นผมเป็นกระจุก และก้อนดำๆๆอยู่ในผ้าสีแดงที่เขียนเป็นอักขระ 

คนงานก็เลยไปเรียกแม่เขามาดูทำให้แม่เขารู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นใบ้านหลังนี้ ที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก เพราะมีคนทำคุณไสยใส่บ้านนี่เอง แต่ทุกวันนี้แกก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ก็น่าจะเป็นคนที่เกลียดครอบครัวแกแน่ 

เราจึงพูดกับแม่เขาว่า “ของแบบนี้ยังมีอีกเหรอนึกว่าจะมีแต่ในหนัง”  แล้วแม่เขาก็นิมนนต์พระมาทำพิธีถอนของออกไป นำไปเผาทำลาย ส่งของเหล่านี้กลับไปที่ภพภูมิที่ดี 

หลังจากนั้นลูกชายแกก็กลับมา ลูกสาวแกก็ติดต่อกลับมา ว่าอยากจะซื้อบ้านหลังนี้กลับคืน รอรวบรวมเก็บเงินกันอยู่ แม่เขาจึงได้เคยเชิญพระเกจิดังแถวอำเภอนั้นมาทำพิธีถอนของออกจากพื้นที่นี้  

เราก็ถามว่าแล้วแม่เอาเงินทองที่ไหนมาเชิญพระเกจิมา แกบอกอาศัยใบบุญของญาติแกที่เชิญพระมาทำบุญบ้านแกเลยปรับทุกข์กับพระท่าน..ท่านเลยมาช่วย..สาธุ..

ผมเลยขออนุญาติเข้าไปเก็บภาพในบ้าน ทั้งคู่ก็อนุญาต ผมก็ชวนให้เข้าไปเป็นเพื่อนหน่อยนะครับ ตอนแรกทั้งคู่ปฎิเสธไม่ยากเข้าไป จนสักพักน้องผู้ชายก็เดินเข้าไปเป็นเพื่อน  พาเดินสำรวจจุดต่างๆๆ แนะนำภายในบ้าน แล้วยังชี้ให้ดูรูปพ่อเขา ซึ่งหน้าคล้ายน้องผู้ชายมาก  แบบนี้ผมเชื่อแล้ว 

ภายในตัวบ้านใหญ่มาก เป็นบ้านแบบกึ่งไม้กึ่งปูน ห้องต่างๆก็เยอะ ข้าวของเครื่องใช้บางอย่างก็ยังอยู่ครบ 

พอผมถ่ายรูปสำรวจเสร็จ ก็ขอลากลับแต่ก็อดสงสารครอบครัวนี้ไม่ได้ ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ก็เลยควักเงินส่วนตัวให้คุณแม่เขาไป เพื่อเขาจะได้เอาไปสู้ชีวิตต่อ

สุดท้ายนี้ผมก็ขอเตือนนะครับว่าสิ่งแบบนี้ ที่เรียกว่าคุณไสย มันยังมีอยู่จริง เราอย่าไปลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็น อย่างที่เขาบอกไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่ และฝากเตือนคนที่คิดจะทำคุณไสยใส่คนอื่น หยุดเถอะนะครับมันเป็นบาปกรรมใหญ่หลวงต่อตัวคุณเอง และคนอื่น 

สุดท้ายนี้ผมขอให้ครอบครัวนี้ได้กลับมาอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้อย่างมีความสุขตลอดไปนะครับ

ติดตามเรื่องจากหลอนสถานที่จริงอีกมากมายได้ที่เพจ  GHOSTVariety 

Previous articleตามยันบ้าน นั่งอยู่ไฟอยู่ใต้เถียงนา ได้ยินเสียง ลำดวน ๆ
Next articleเรื่องเล่าจากชาวเก็บศพ “อาสาสมัครมูลนิธิไปเก็บศพที่โรงงานตุ๊กตาไฟไหม้..เจอเรื่องหลอนตามมา…”