เชือกผูกคอตาย โบราณว่า ของสิ่งนี้สามารถเอามาทำพิธีขอหวยได้

เชือกผูกคอตาย

เรื่องนี้ถูกเล่าในรายการ ก๊อก ก๊อก ก๊อก โดยคุณพัดหมอผี เกี่ยวความเชื่อความเชื่อหนึ่งที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าและตกทอดมาถึงคุณพัด และทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ เอาละ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คุณพัดได้เล่าว่า…

เคยได้ยินเรื่อง “เชือกผูกคอไหม” ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ คนสมัยก่อนเชื่อกันว่า เมื่อมีคนที่ตายด้วยการผูกคอตาย เขาจะสามารถนำเชือกที่ใช้ผูกคอของคนตาย มาทำพิธีขอหวยได้ ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าของผม ซึ่งผมก็เคยเข้าไปร่วมในพิธีด้วย จนตกทอดมาถึงรุ่นของผม ซึ่งผมได้เรียนรู้มันจากตำราเขียนมือที่เขียนด้วยลายมือของคุณปู่เอง ท่านมอบไว้ให้ผม

เรื่องมันมีอยู่ว่า วันนั้นได้มีลูกศิษย์ของผมเข้ามาคุยด้วย…

“อาจารย์ ทำหวยเป็นไหม” 

“เป็นสิ มีตำราอยู่ ทำไม”

“พอดีลูกน้องผมที่เป็นคนต่างดาวมันผูกคอตาย ผมก็เลยอยากจะนำเชือกคนตายมาทำหวย และอีกอย่าง  มันมีเพื่อนผมคนหนึ่ง มันเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องพวกนี้เลย ค่อนข้างไปทางที่ท้าทายด้วยซ้ำ แต่อยากลองพิสูจน์ และอยากจะได้โชคได้ลาภ” 

“ได้สิ งั้นเตรียมเชือกคนตายมาให้กู” 

โดยปกติเชือกผูกคอตายจะนำไปพิธีกรรมอื่นไม่ได้เลย นอกเสียจากเอามาทำหวยนี่แหละ  ผีผูกคอตาย ผีจมน้ำตายจะไม่สามารถนำไปทำพิธีกรรมใด ๆ ได้เลย เนื่องจากโบราณเชื่อกันว่าผีผูกคอตายหรือผีจมน้ำตาย เป็นผีที่หูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ พวกเขาจะไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน หรือพูดได้ เนื่องจากเวลาตายลิ้นจะจุกปาก ขาดอากาศหายใจ ตาถลนเบิกโพรง บางรายลูกตาออกมานอกเป้าก็มี หูหนวกอุดการได้ยิน มันเป็น 3 อาการ ของคนที่ขาดอากาศจากการผูกคอตายหรือจมน้ำตาย 

โดยขั้นตอนการเก็บเชือกผูกคอตายมานั้น จะมีข้อห้าม 2 ข้อคือ

1.ห้ามตำรวจจับโดนเชือก 

2.ห้ามตัดเชือก ให้ใช้วิธีแก้ปมเท่านั้น

หลังจากบอกลูกศิษย์ไป ลูกศิษย์มันก็กลับไปเอาเชือกผูกคอตายกลับมาให้ผมทันที เราจึงนัดแนะกันว่า จะไปทำพิธีกันที่ป่าช้าของวัดวัดหนึ่ง ตอนหัวค่ำ เพราะการทำเชือกผูกคอตายมันต้องใช้สถานที่ที่เงียบสงัดมาก ๆ 

จนกระทั่งถึงวันนัดหมาย ช่วงหัวค่ำ ไอ้ลูกศิษย์ผมมันก็ขับรถกระบะ 4 ประตูมารับที่บ้าน พร้อมกับเพื่อนที่น่งมาด้วยอีก 2 คน แล้วเราก็ออกเดินทางไปที่ป่าช้าแห่งนี้ โดยผมนั่งเบาะผู้โดยสานตอนหน้า ลูกศิษย์ผมเป็นคนขับ ส่วนเพื่อนมันอีกสองคนนั่งเบาะหลัง 

เอ้อลืมบอกชื่อพวกมันไปเลย สมมติว่าลูกศิษย์ผมจะให้ชื่อว่า เอก แล้วกัน ส่วนเพื่อนมันอีก 2 คน คนแรกชื่อ บี ส่วนอีกคนชื่อ ซี  

เอกบอกว่าไอ้เจ้า ซี เนี้ยมันเริ่มปากพล่อยตั้งแต่ปีนขึ้นไปเอาเชือกลงมาแล้ว มันพูดประมาณว่า “กูไม่เชื่อ เรื่องพวกนี้หรอก มันไร้สาระ มันไม่มีในหลักวิทยาศาสตร์ ถ้าเกิดว่ามีจริงก็ออกให้กูเห็นเลย กูละอยากเจอจริงๆ”  

ระหว่างที่เดินทางไปยังป่าช้า ผมก็จะสังเกตเห็นว่าไอ้เจ้า ซี เนี่ย นั่งนิ่งอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเดินทางมาถึงป่าช้า ผมเดินนำเข้าไปในป่าช้า โดยมีลูกศิษย์และเพื่อน ๆ ของมันเดินตามหลัง  แต่ ไอ้เจ้า ซี เนี่ย มันก็ยังคงเงียบขรึมไม่พูดไม่จากับใครเหมือนเดิม  ไหนบอกว่ามันเป็นคนพูดมาก อวดเก่งชอบท้าทายไง ไม่เห็นเหมือนที่บอกเลย  

จนเราเดินไปถึงเขตป่าช้า ผมก็นำเครื่องเซ่นที่เตรียมมาด้วยออกมา เพราะการที่จะทำพิธีอะไรก็แล้วแต่ในป่าช้า เราจะต้องตั้งเครื่องเซ่นก่อน ก็จะเป็นพวกกุ้งพล่าปลายํา มีขนมต้มแดงต้มขาว เหล้าขาว เพื่อนำมาเซ่นนายป่าช้า 

ซึ่งทางเข้าป่าช้า จะมีศาลตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้า เราจะนำเรื่องเซ่นที่เตรียมมาไปเซ่นที่ศาลนี้ เพื่อขออนุญาตใช้พื้นที่จากนายป่าช้า นั่นก็คือยายกะลาตากะลี ตามโบราณเชื่อว่ายายกะลาตากะลีคือเจ้าป่าช้าหรือนายป่าช้า หรือเป็นคนคุมเฝ้าป่าช้า

ทีนี้หลังจากที่นำเครื่องเซ่นมาวางเสร็จ เราก็จะมีการกล่าวบอก เพื่อขอทำพิธีเสี่ยงทาย ว่าหากยายกะลาตากะลีรับรู้ อนุญาตให้เข้าไปทำพิธี หรือเกิดเหตุเภทภัยอะไรต่างๆ ขอให้ธูปที่ปักไว้ดับครึ่งดอก แต่หากไม่อนุญาตก็ขอให้ธูปไหม้จนหมดดอก 

หลังจากปักธูปเสร็จเราก็นั่งรอกันอยู่พักหนึ่ง จนธูปไหม้หมดดอกและดับลง นั่นหมายความว่ายายกับตาอนุญาตแล้ว เราจึงเตรียมของเพื่อจะเข้าไปในป่าช้า เมื่อเข้าไปในเขตป่าช้าเราก็ต้องมีการกลึงป่าช้าอีก 

การกลึงป่าช้าคือการกันไม่ให้พวกภูตผีปีศาจ เข้ามากวนหรือทำลายพิธีในระหว่างที่กำลังทำพิธี ซึ่งอาจารย์ผู้มีอาคม จะทำการกล่าวคาถามหาพิทักษ์ คะเตสิ คะเตสิ กิงกะระนัง ชานามิ ชานามิ  จากนั้นก็นำมีดหมอมาปักดินทิ้งไว้ให้มิดด้าม ตามด้วยคาถา จิตติ จิตตัง นะกรึง คะรัง เพื่อเป็นการกลึงป่าช้า

หลังจากผมทำการกลึงป่าช้าตามวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา ปักมีดหมอทิ้งไว้เสร็จ แล้วก็พากันเดินเข้าไปในป่าช้า จนมาถึงปากหลุมศพผีตายโหง ก็เตรียมการตั้งพิธี ด้วยการตั้งเสาไม้ไผ่สี่มุม และขึงด้วยสายศิลป์เป็นสี่เหลี่ยม ตามด้วยปูผ้าขาว เหมือนที่เราเคยเห็นในหนังผีนั่นแหละ จากนั้นก็ให้ทุกคนเข้ามาอยู่ในปะรำพิธี 

ซึ่งในปะรำพิธีด้านหน้าผู้ทำพิธีจะมีผ้าขาวพระอยู่ผืนนึงพับไว้ จากนั้นนำเชือกผูกคอตายมาวางไว้บนผ้าขาวเป็นแนวยาว แล้วจึงเริ่มการทำพิธีเรียกผีที่อยู่ในหลุมตรงหน้าออกมาเพื่อขอหวย 

ในระหว่างที่กำลังทำพิธี ผมก็สังเกตเห็นว่าไอ้เจ้า ซี มันเงียบผิดปกติ แถมก่อนหน้านี้ที่ทำพิธีกลึงป่าช้า มันยังหายไปพักนึงอีกต่างหาก ระหว่างที่เตรียมของตั้งปะรำพิธี มันก็หายไปพักนึง พอกลับมานั่งอยู่ในปะรำพิธีมันก็เงียบอีก ไม่พูดไม่จากับใคร 

ในระหว่างที่กำลังเริ่มทำพิธี  ได้เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น อยู่ดีๆมีลมกรรโชกแรง เหมือนพายุจะเข้า ผมรับรู้ได้ทันทีว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ เพราะหากทำพิธีกลึงป่าช้าแล้วไม่น่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 

ตามมาด้วยเสียงหวีดหวิวเหมือนคนร้อง วี๊ดดดดดดดดดด ลากเสียงยาว ๆ  ลอยมาตามลม ถ้าตามความเชื่อของผู้เรียนวิชา ถือว่าเป็นอาเพศหรือผลของการทำพิธี เช่นเราไม่ได้ขอยายกะลาตากะลีเพื่อเข้ามาในป่าช้าแห่งนี้ หรือเราไม่ได้ทำพิธีกลึงป่าช้าจึงทำให้ผีสางนางไม้ที่อยู่ในอาณาบริเวณนี้มากวน ไม่พอใจ ถึงเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ได้ 

แต่นี่เราได้ทำตามพิธีทั้งหมดแล้ว ตายายก็อนุญาตแล้ว ทำไมยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่ แต่เมื่ออยู่ในพิธีกรรมแล้วจะไม่สามารถหยุดได้ จึงเริ่มทำพิธีกันต่อไป เสียงหวีดหวิวร้องโหยหวนก็ยังคงดังกึกก้องทั่วป่าช้า พวกที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ตื่นตระหนกตกใจกลัว มีเจ้า ซี คนเดียวที่ยังคงนั่งนิ่ง ผมจึงบอกกับพวกมันว่า ห้ามออกไปนอกปะรำพิธีเด็ดขาด หรือถ้ากลัวนักก็ให้หลับตาไปเลย

ผมนั่งทำวิธีต่อได้สักพัก อยู่ดีๆ เจ้า ซี ก็ร้องโวยวายลั่นบอก “อาจารย์ช่วยด้วย ๆ” ผมก็หันมาเขย่าตัวมันถามว่าเป็นอะไร” มันก็บอกว่า “มันเอาผมแล้ว มันเอาผมแล้ว” ผมก็ถามว่า “เอาอะไร” เจ้าซีบอกว่าเห็นกลุ่มคนมายืนมองมัน ทั้งอยู่บนต้นไม้ อยู่ตรงโคนต้นไม้ หนักยิ่งกว่านั้นคือ เห็นคนที่ผูกคอตายเจ้าของเชือก มานั่งกอดเข่าโยกตัวไปมาอยู่ข้างๆมันด้านนอกสายสิญจน์ ในสภาพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนออกนอกเป้า ใบหน้าบวมอืด จนเขียว 

นอกจากนั้นยังเห็นกลุ่มคนที่มีเพียงท่อนบน ไม่มีท่อนล่าง ใช้มือสองข้างยันพื้น พยายามคานมาหามัน  ลำไส้และอวัยวะภายใน ลากมากับพื้น และพยายามเอื้อมมือมาจับมัน 

เจ้า ซี ร้องโวยวายอยู่คนเดียวเพราะมันเห็นอยู่คนเดียว ส่วนคนอื่นได้ยินแค่เสียงและเงาดำลางๆ 

ณ เวลานั้นผมรู้สึกแปลกใจมาก ตั้งแต่ทำพิธีมาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย  ผมก็เลยบอกกับเจ้า ซี ว่า “เอาหนะ จะยังไงมึงก็ห้ามออกไปจากสายสิญจ์เด็ดขาด ไม่งั้นมึงตายสถานเดียว” 

แต่เมื่อเริ่มแล้วมันหยุดไม่ได้ จึงต้องทำพิธีต่อไป ในการขอหวยเราก็ต้องให้ผีเป็นคนเขียนหวย โดยการหยดเทียนขาวลงบนเชือกจนเต็มเส้นเชือก หยดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีตัวเลขสีแดงปรากฎขึ้นในเทียน  

แล้วผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อผมหยดเทียนพักใหญ่ แต่ตัวเลขในเทียนก็ยังไม่ขึ้นสักที จึงหยิบตำราออกมาเปิดดู จนได้ความว่า ผีตอนนี้มันไม่ใช่ผีคนไทย แต่มันเป็นผีต่างด้าว มันเขียนภาษาไทยไม่เป็น เขียนเลขไม่ได้ ในตำราได้เขียนไว้ว่า จะต้องนำขี้เถ้าผีตายโหง โรยไปรอบๆเชือกผูกคอตาย เพื่อให้ผีตายโหงจับมือมันเขียน 

ผมจึงทำการเอาขี้เถ้าผีตายโหงมาโรยรอบเชือก ไม่นานตัวเลขสีแดงก็เริ่มปรากฏขึ้นในเทียน หลังจากได้เลขแล้ว ก็เป็นอันจบสิ้นพิธี เก็บของออกกลับได้ แต่ผมก็ยังรู้สึกแปลกใจว่า เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง 

พอเดินกลับออกมา สิ่งแรกที่ผมเห็นเลยก็คือ มีดหมอที่ผมปักดินกลึงป่าช้าไว้ มันกระเด็นออกจากจุดที่ปักไว้ จะบอกว่าลมพัดก็ไม่ใช่ เพราะผมปักไว้มิดด้ามเลย แต่ที่หนักยิ่งกว่านั้นอีกคือ เมื่อเราเดินมาถึงศาลยายกะลาตากะลี เครื่องเซ่นที่ละวางไว้หน้าศาลกระจัดกระจายหมดเลย 

บอกตรงๆตอนนั้น ผมหน้าเสียเลยครับ มองหน้ากันแล้วก็บอกกับพวกมันว่า “ไม่ต้องทำอะไรต่อแล้ว รีบกลับกันเลย!!!” 

วันเวลาก็ผ่านไปจนถึงวันหวยออก ปรากฏว่างวดนั้นเป็นไปตามคาด คนที่ได้เลขไป ถูกกัน 3 ตัวตรงเลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเลข 285 นะ 

เหตุการณ์ก็ดำเนินไปปกติ จนผ่านไปพักหนึ่ง เจ้าเอกก็โทรมาบอกว่าให้ช่วยหน่อย ผมก็ถามมันว่าช่วยอะไรวะ เจ้าเอกมันก็บอกว่า ไอ้ ซี  มันจะตายแล้วครับอาจารย์ ผมก็ถามว่า มันเป็นอะไร เจ้าเอกมันบอก มันหลอนครับอาจารย์ ผมก็ถามว่า มันหลอนอะไรรึ 

จนได้ความว่า วันที่ไปทำพิธี  เจ้า ซี มันไปท้าทายผีคนตายไว้ว่า แน่จริงออกไหมกูเห็นเลย แล้วระหว่างที่นั่งรถไป โดยเชือกผูกคอตายอยู่ท้ายกระบะหลังรถ เจ้า ซี มันบอกว่า เห็นผู้ชายลูกน้องของไอ้เอกที่ผู้คอตาย หน้าเขียวอืด ตาถลน ลิ้นจุกปาก นั่งกอดเข่าอยู่ที่กระบะหลังรถ

เจ้า ซี ด้วยโมโห ที่ผีมาหลอกมัน มันก็เลยก้มหน้าเงียบจนถึงป่าช้า และเข้าไปนั่งอยู่ในปะรำพิธีกับพวกเราจนทำพิธีอะไรเสร็จ 

แต่จะมีช่วงหนึ่งที่เจ้า ซี หายไป  มันบอกว่ามันกลับไปเตะเครื่องเซ่นไหว้ของศาลยายกะลาตากะลี จนกระจัดกระจายหมดเลย และมันยังเป็นคนเตะมีดหมอออกจากจุดที่ปักไว้อีกด้วย คงเป็นสาเหตุที่มันเห็นวิญญาณในป่าช้าอยู่คนเดียว 

ผมก็เลยบอกกับไอ้เอกว่า งั้นก็พามันไปขอขมาเขาแล้วกัน เดี๋ยวกูจะพาไป หลังจากนั้นก็นัดวันที่จะไปขอขมากัน จนกระทั่งถึงวันนัด การขอขมาผ่านไปด้วยดี จึงพากันกลับ จนผ่านไปเป็นอีกอาทิตย์ ไอ้เอกก็โทรมาบอกผมว่า.. 

เจ้าเอก : “อาจารย์ ขอเชิญไปร่วมงาน” 

ผม : “งานอะไรวะ” 

เจ้าเอก : “งานศพ” 

ผม : “ฮะ งานศพใคร”

เจ้าเอก : “งานศพ ซี ครับ” 

ผม : “มันเป็นอะไรตาย”

เจ้าเอก : “มันผูกคอตายครับ”

ผม : “ผูก ยังไง” 

มันเป็นการตายที่แปลกมาก มันผูกคอตายกับหน้าต่าง แถมตายในลักษณะท่านั่ง เหยียดขาตรง คอพับลง เชือกผูกอยู่ที่คอ ซึ่งมันไม่ใช่ที่ที่ควรจะผูกคอตาย สภาพมันนี้ตาเบิกโพลงลิ้นจุกปากหน้าเขียวคล้ำ น่าจะตายมาหลายวันแล้ว

ผมได้เดินทางไปร่วมพิธีศพ เจ้า ซี เสร็จกลับมาตอนกลางคืน ผมฝันว่า มีตากับยายคู่หนึ่งเดินมา หาผม แล้วก็บอกว่าคนอื่นกูให้อภัย แต่กับมันกูไม่ยกโทษให้ พูดเสร็จพวกท่านก็เดินกลับไป แต่สิ่งที่มันพีคคือ ในขณะที่ท่านเดินกลับไปในมือท่านมีเชือกเส้นนึง ผูกอยู่ที่คอของเจ้า ซี แล้วก็ลากมันกลับไปด้วย เจ้าซี ก็คอตกเดินก้มหน้าก้มตาตามยายไป 

รุ่งเช้าวันต่อมาผมก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟัง จนเจ้า บี มาเล่าให้ผมฟัง ว่าเมื่อคืนมันฝันอะไร ปรากฏว่ามันฝันตรงกับผมเลย …

จุดที่มันเฉลยทุกอย่างตอนท้ายเรื่อง คือภาพที่ยายจุงเชือกอยู่แล้วลากเจ้า ซี ไปด้วย นั่นคือสาเหตุว่าทำไม ซี ถึงได้นั่งผูกคอตายอยู่ที่หน้าต่าง 

สรุปการที่เจ้า ซี ไปทำอย่างนั้นมันก็คือการลบหลู่ดีๆนี่เอง นายป่าช้ายายกะลาตากะลีถือว่าดุมาก ไม่ใช่ว่าใครจะไปหยอกจะไปเล่นได้ 

นายป่าช้าตามความเชื่อแล้วมีอยู่หลายความเชื่อ บางความเชื่อก็บอกว่าเป็นผู้ที่สร้างเมรุ แต่ถ้าเป็นตามความเชื่อโบราณจะบอกว่า เป็นผู้ที่สร้างโลก เป็นยายกะตาผู้สร้างโลก แต่พอถึงในยุคที่พราหมณ์และศาสนาเข้ามา พวกท่านจึงถูกลดหน้าที่ตำแหน่งให้เป็น ผู้เฝ้าประตูหลังความตาย ไม่ให้เราพูดผีปีศาจวิญญาณต่างๆ ออกมาก้าวก่ายมนุษย์ 

…และนี่ก็คือเรื่องของเชือกผูกคอตายกับนายป่าช้า

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเนตร ธนัชพงศ์ ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง อาถรรพ์เชือกผูกคอตายกับนายป่าช้า – คุณพัดหมอผี

บทความ Rewrite ห้ามคัดลอก หรือนำไปเล่าลง Youtube หรือ พอดแคสต์

Previous articleเวรกรรม คำสารภาพ กูไม่ให้มึงตายหรอก ให้มึงอยู่อย่างนี้แหละดีแล้ว
Next articleบ้านลุงดำ ประสบการณ์หลอน ณ บ้านท้ายสวน