หอพักหลอน ย่านนวมินทร์ ข่าวดัง ผญ ผูกคอล่วงมาค้างอยู่ที่ระเบียงห้อง 215

หอพักหลอน

เรื่องนี้ถูกเล่าในรายการอังคารคุมโปง โดยคุณอ้วน ซึ่งเล่าถึงประสบการณ์สุดหลอนเมื่อครั้งที่ตนเข้ามาเรียนมหาลัยในกรุงเทพ และได้พักอยู่ที่หอพักของมหาลัยแห่งนี้ แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องขอย้ายออกกันยกห้อง สาเหคุเพราะอะไรนั้น เราไปอ่านกันเลยดีกว่า …คุณอ้วนเล่าว่า…

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว  สมัยที่เราเข้าเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางกระปิ มหาลัยแห่งนี้จะมีหอพักชายหญิงอยู่ด้านนอกมหาวิทยาลัย  ซึ่งหอที่เราพักจะอยู่แถวซอย นวมินทร์ 95 โดยชั้น 1 ขอหอพักจะเป็นห้องพักของคณาจารย์และบุคลากรในมหาวิทยาลัย 

ด้วยความที่เราเป็นกระเทยที่ตัวอ้วนมาก ทางอาจารย์ประจำหอจึงกลัวว่าเวลาเดินขึ้นลงหอพักจะเหนื่อย ก็เลยจัดให้เราพักอยู่ชั้น 2 

แต่ละชั้นของหอพักนี้จะมีห้องทั้งหมด 31 ห้อง ซึ่งเราได้อยู่ห้องตรงกลางพอดี นั่นคือห้อง 215 เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องจะมีเตียง 2 ชั้น 2 เตียง เราได้นอนชั้นล่าง เตียงติดประตูฝั่งโถทางเดิน ซึ่งหัวเตียงนอนนั้นจะหันไปตรงกับบันไดทางขึ้นตรงกลางพอดี 

คืนแรกที่เราย้ายเข้ามาอยู่ในห้องนี้ ขณะที่กำลังนอนอยู่ เรารู้สึกหิวน้ำแปลกๆ จึงจะลุกขึ้นไปหยิบขวดน้ำมาดื่ม แต่ปรากฏว่าเราขยับตัวไม่ได้ เป็นอย่างนั้นอยู่ประมาณ 5-10 นาที แล้วอยู่ดีๆก็ขยับตัวขึ้นมาได้  เอาแล้วไง!! เราก็คิดว่าตัวเองนน่าจะโดนผีอำเปล่าวะ

พอเข้าคืนที่ 2 หนักกว่าคืนแรก เราขยับขาไม่ได้ แต่มือยังสามารถขยับได้ ตอนนั้นเรายังคงคิดในทางที่ดีว่า หรือตัวเองจะมีปัญหาด้านสุขภาพหรือเปล่านะ

จนกระทั่งเข้าวันที่ 3 เป็นวันศุกร์ซึ่งตรงกับวันพระพอดี และเป็นคืนที่ทำให้เรารู้ว่า ขนหัวลุกมันเป็นอย่างไง วันนั้นรูมเมททั้ง 3 คน เดินทางกลับบ้าน เหลือเราอยู่ห้องคนเดียว เราก็เลยคิดว่าจะจัดเก็บห้องให้เรียบร้อยซะหน่อย 

ในห้องนี้จะมีตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้อัดสีน้ำตาลเก่า ๆ อยู่ 2 หลัง ซึ่งจะอยู่ตรงหัวเตียงของเราหลังนึง และอยู่ตรงปลายเตียงอีกหลังนึง ลักษณะวางติดกันเป็นตัวแอล 

พอตกกลางคืนขณะนั้นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว เราปิดไฟนอนอยู่คนเดียวในห้อง พอนอนไปได้สักพักหนึ่ง เราก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรอยู่บนหลังตู้ ดัง กุ๊กกิ๊ก กุ๊กกิ๊ก เอี้ยดอ๊าด เหมือนกับไม้มันสีกัน 

เราก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดไฟฉาย ส่องขึ้นไปดูบนหลังตู้ ก็ไม่พบอะไร จึงปิดไฟฉายแล้วนอนต่อ ผ่านไปอีกประมาณ 20 นาที เอาอีกแล้ว เสียงเดิมเลย กุ๊กกิ๊ก กุ๊กกิ๊ก แต่คราวนี้เสียงมันไม่ดังมาจากตู้เดิม  แต่มันไม่ดังอีกตู้นึง เราจึงลุกขึ้นไปเปิดไฟในห้อง เพื่อดูมันเป็นเสียงของอะไร แต่ก็ไม่พบอะไรเหมือนเดิม 

ด้วยความที่อยู่คนเดียว ทำให้เราเริ่มรู้สึกหลอน ๆ ขึ้นมา จึงตัดสินใจเปิดไฟนอน แล้วมันจะมีอยู่จังหวะหนึ่งที่เรากำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น เรารู้สึกเหมือนเห็นคนนั่งอยู่บนหลังตู้แว๊บ ๆ เป็นผู้หญิง นั่งห้อยขาลงมา!! 

เท่านั้นแหละ ตาสว่างเลย เราลุกขึ้นมาเปิดประตูห้องวิ่งออกมาจากหอพักเลย แล้วก็เดินไปถามเพื่อนที่อยู่ข้างนอกว่า เราเจอผี แกเคยเจอบ้างไหม แต่เพื่อนไม่เชื่อ แล้วเพื่อนก็บอกเราว่า ผีเผออะไร ที่นี่ไม่มีหรอก มึงคิดเยอะแล้วล่ะ มึงหลอนแล้ว ไปนอนไป!! 

เมื่อเพื่อนไม่เชื่อ ที่พึ่งสุดท้ายคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะ เรานึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เข้าพักที่นี่ เรายังไม่ได้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเลย  เราก็เลยตัดสินใจไปจุดธูปบอกศาลพระภูมิ  

ศาลพระภูมิต้องช่วยฉัน!! เราจุดธูป 7 ดอก บอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าที่เจ้าทางผีหอผีเรือนหอพัก ว่าช่วยลูกช้างด้วยเถิด แล้วเราก็ปักธูปลงกระถางธูป หลังจากปักธูปลงไปได้พักนึง อยู่ดีๆธูปก็ดับพร้อมกันหมดทั้ง 7 ดอกเลย 

เราพยายามคิดในทางที่ดีว่า เจ้าที่เขาคงรับรู้แล้วมั้ง หรือไม่ก็ธูปมันคงชื้น มันเลยดับพร้อมกัน แล้วก็เดินกลับขึ้นห้อง 

พอเดินมาถึงหน้าห้อง เราตกใจ ยืนนิ่งอยู่ครู่นึง คิดว่าจะเข้าไปดีไหม เพราะเราจำได้ว่าตอนที่เราวิ่งออกจากห้องมา เราไม่ได้ปิดไฟในห้อง แต่ไฟกลับถูกปิดอยู่ ใจนึงก็กลัว แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือ ตัดสินใจเดินเข้าไปเปิดไฟในห้องทุกดวง ไล่ตั้งแต่ไฟกลางห้อง ไฟห้องน้ำ ไฟระเบียง เปิดหมดเลย 

เรามองดูนาฬิกา ขณะนั้นเวลาตี 2  แล้วพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ เราต้องเข้าคณะไปทำธุระ จึงตัดสินใจนอนคว่ำหน้ามันซะเลย นอนไปได้พักเดียว เราก็ต้องสะดุ้งตัว เพราะเรารู้สึกเหมือนมีผมของผู้หญิงมาคลอเคลียเบา ๆ อยู่ที่ใบหน้าและข้างหู แต่เราขยับตัวไม่ได้ 

ด้วยความที่เตียงทำจากสแตนเลส หางตาเราเหลือบไปเห็นเงาสะท้อนที่เหล็กตรงหัวเตียง เราเห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ห้อยหัวลงมาจากเตียงชั้นบน!! เท่านั้นแหละ คุณเอ๊ยยยย เราก็เลยหลับตาปี๋แล้วเริ่มท่องคาถาชินบัญชร  แต่เชื่อไหม ขณะที่เรากำลังท่องคาถาอยู่ อีผีที่อยู่ในห้องมันก็สวดสวนกลับมาเช่นกัน  

เราก็พยายามท่องต่อไป อีผีตนนี้มันก็ต้องตามเราไปอีกกกก จนเราไม่ไหวแล้ว ก็เลยนึกถึงอาม่าที่นับถือ ซึ่งท่านเป็นร่างทรงเปิดประตูนรก – สวรรค์ได้ จนในที่สุดเราก็สามารถลุกขึ้นมาจากเตียงได้ 

จังหวะที่ลุกขึ้นมา เรารู้สึกหอบเหนื่อยและหมดแรงมาก ก็พูดออกไปว่า “ทำไมต้องมาทำกันแบบนี้ด้วย อยากได้อะไรทำไมไม่บอกดีๆ มีอะไรก็บอกสิ แล้วทุกอย่างก็เงียบเป็นปกติยันเช้า 

เช้าวันเสาร์ หลังจากไปทำธุระในมหาลัยเสร็จแล้ว ระหว่างทางขากลับเราจึงตัดสินใจแวะวัดก่อน เพื่อไปทำบุญแผ่เมตตาถวายน้ำมันตะเกียง เสร็จแล้วก็นั่งแท็กซี่กลับมาที่หอพัก ก่อนขึ้นห้องเราแวะเข้าไปคุยกับอาจารย์ประจำหอว่าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ ๆมา แต่อาจารย์กลับบอกเราว่า

อาจารย์ : “เอ็งไม่ได้เจอแค่คนเดียวหรอก เมื่อก่อนเขาก็เจอกัน” 

เรา : “อ้าว แล้วอาจารย์ให้หนูพักห้องนี้ทำไมอ่ะ” 

อาจารย์ : “เอ็งพักห้องไหน เขาก็ตามเองไปได้หมดแหละ”

เรา : “ทำไมอ่ะอาจารย์ ทำไมเขาถึงตามไปได้” 

อาจารย์ : “อยู่ๆไปเถอะ ไม่มีอะไรหรอก บอกเขาเดี๋ยวเขาก็ไปเอง”

พอได้ฟังอาจารย์พูดอย่างนี้ เราก็ยิ่งไม่อยากกลับเข้าห้องใหญ่เลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีที่จะไป จึงต้องจำใจเดินกลับขึ้นห้องไป เอาวะ!! คืนนี้เป็นไงเป็นกัน 

เราอยู่ในห้องจนเวลา 2 ทุ่ม ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่ง 4 ทุ่ม เราเริ่มง่วงนอน จึงลุกขึ้นไปปิดไฟในห้อง และเปิดไฟที่ระเบียงทิ้งไว้ดวงนึง เพื่อเตรียมตัวเข้านอน 

นอนไปได้พักเดียว จู่ๆเราก็ตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนเอาอะไรมาฟาดที่ตู้ดัง ปัง!! ลั่นห้อง ดังจนห้องอื่นเดินมาเคาะประตูถามเราว่า เกิดอะไรหรือเปล่า เราก็เลยเปิดประตูออกไปบอกว่า “ไม่มีอะไรแค่ปิดประตูเสียงดังเฉยๆ” 

พอปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง ด้วยความด้วยที่เรารู้สึกไม่ไหวแล้ว เป็นไงเป็นกัน ผีก็ผีเถอะ มาลองกันสักตั้ง!!

จังหวะที่เรากำลังนอนอยู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง  สิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเจอคือ แทนที่ผู้หญิงคนนี้มันจะนั่งอยู่บนหลังตู้แล้วเอาขาห้อยลงมาเหมือนเดิม มันกลับนอนอยู่บนเตียงข้างบน แล้วเอาห้อยหัวลงมา ปลายผมนี่ร่วงลงมาประจันกับหน้าเราเลย 

อยู่ไม่ไหวแล้ว เรากลัวมาก รีบเปิดประตูวิ่งออกจากห้อง ลงไปบอกอาจารย์ที่ชั้น 1 ว่า “อาจารย์ หนูอยู่ไม่ได้แล้ว หนูขอย้ายห้องได้ไหม” อาจารย์ก็เลยบอกว่า “เอาอย่างนี้ ถ้างั้นเอ็งย้ายไปนอนที่ห้อง 203 ละกัน ห้องนั้นยังว่างอยู่” 

เราก็ถามอาจารย์ว่า “อาจารย์หนูขอถามอาจารย์ครั้งสุดท้าย ทำไมอาจารย์ถึงให้หนูนอนห้องนี้” อาจารย์ก็เลยบอกว่า “เอ็งก็ลองขึ้นไปถามเพื่อนเองที่ห้อง 315 หรือ 415 ดูสิ ทุกคนที่พักห้อง 15 ไม่ว่าจะเป็น 315 หรือจะ 415 อาจารย์เชื่อว่า ทุกคนก็เจอผู้หญิงคนนั้นเหมือนกันหมด อย่างที่อาจารย์บอก เขาไปทุกชั้นจริงๆ”

แต่ด้วยความที่เราอยากรู้ว่าเรื่องราวความเป็นมามันเป็นอย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เราก็เลยไปถามป้าแม่บ้าน ป้าแม่บ้านก็เลยเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนหอพักนี้ยังไม่เป็นหอพักนักศึกษา มีผู้หญิงคนหนึ่งพักอยู่ที่ห้อง 415 แต่เกิดอะไรขึ้นกับเธอไม่รู้ คืนนั้นเธอผูกคอตายกับริมระเบียงของห้องเธอ แล้วร่างเธอก็ล่วงลงมาค้างอยู่ที่ระเบียงของห้อง 215 นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมห้องที่อยู่ในแนวเดียวกันนี้ถึงเจอกันหมด!!  

คราวนี้เราก็เลยขึ้นไปถามเพื่อนที่อยู่ห้อง 315 และ 415 ซึ่งเป็นห้องของรุ่นพี่ ซึ่งทุกคนก็บอกเหมือนกันว่าเจอเหมือนกันหมด และทุกคนก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน และตัดสินใจย้ายออกจากห้องเหมือนกัน หลังจากนั้น 3 ห้องนี้ก็โดนปิดไป 

จนกระทั่งเราขึ้นปี 3 ด้วยความที่นักศึกษาเริ่มเยอะขึ้น อาจารย์ก็เลยเปิด 3 ห้องนี้ให้พักอีกครั้ง ปรากฏว่าเด็กปี 1 ทุกคนที่ได้เข้าห้องพัก 3 ห้องนี้ เจอดีเหมือนกันหมดทุกคน เป็นผู้หญิงผมยาว ตัวเธอดูขาวซีด บางคนก็บอกว่าเจอนั่งอยู่ในตู้ บางคนก็บอกว่าเจอห้อยหัวลงมา บางคนก็ได้ยินเสียงคนไอ ทั้งๆที่อยู่คนเดียวในห้อง 

หลังจากที่เราเรียนจบปี 4  ปี หอนี้ก็ยังคงเปิดเป็นหอพักนักศึกษาได้อีกประมาณ 3-4 ปี จนกระทั่งหอพักหมดสัญญากับมหาลัย ตอนนี้ได้กลายเป็นหอพักให้คนทั่วไปพักแล้ว

เราได้ไปถามคนแถวนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้ ก็ได้มีคุณลุงคนหนึ่งแกเล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ แล้วเผลอไปมีอะไรกับผู้จัดการตนเอง ทางผู้หญิงอีกคนของผู้จัดการรู้เรื่องว่าทั้งคู่คุยกัน ก็เลยทำการประจานผู้หญิงคนนี้ สร้างความอับอายให้ผู้หญิงคนนี้ จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไหน ก็เลยตัดสินใจผูกคอตายในห้องพักนั้น

และด้วยความที่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนชอบเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง จึงไม่ค่อยมีใครสังเกตหรือผิดสังเกตอะไร สุดท้ายพอผ่านไป 2 วัน ก็มีข่าวผู้หญิงคนนี้ผูกคอกับราวระเบียงห้องของตัวเอง แล้วกระโดดลงมา ร่างล่วงไปกระแทกกับราวระเบียงห้อง 315 แล้วร่วงลงไปที่ระเบียงห้อง 215 เหตุการณ์นี้เป็นข่าวดังข่าวใหญ่ในช่วงนั้นเลย

และเมื่อไม่นานมานี้ เราได้ไปเล่าเรื่องนี้ในรายการรายการหนึ่ง แล้วดันมีคนที่ติดตามเราอยู่คนนึง ได้พักอยู่ที่หอนี้ และอยู่ห้องนี้พอดี ห้องเดียวกับที่เราเคยพัก คนๆนี้ก็เลยทัก inbox ถามเราว่า “คุณอ้วนคะ ห้องที่คนอ้วนเคยอยู่ มันคือห้องนี้ใช่ไหมคะ ที่นี่ใช่ไหม นวมินทร์นี้ใช่ไหม” คนอ้วนก็บอกว่า ใช่!!

พอช่วงสายของวันรุ่งขึ้น คนๆนี้ก็ส่งรูปมาให้เราดู แล้วบอกว่า “หนูย้ายออกแล้วนะ!!” 

แถมคนๆนี้ยังเล่าต่ออีกว่า เธอก็เจอเหมือนกัน จนนอนไม่ได้เลย แฟนเธอก็เจอเหมือนกัน ถ้าวันไหนไม่กินเหล้าเมานะนอนไม่หลับเลย!!

ทุกวันนี้ถึงแม้หอพักนี้จะไม่ได้เป็นหอพักของมหาลัยแล้ว แต่ก็ยังเฮี้ยนอยู่ สงสัยผู้หญิงคนนั้นจะยังคงเวียนวนเวียนอยู่แถวนั้นไม่ไปไหน  ถ้าใครอยากให้พิสูจน์ก็ไปพิสูจน์ได้เลย หอพักนี้เฮี้ยนจริงๆ และยังอยู่กลางเมืองอีกต่างหาก 

ขอขอบคุณที่มาเรื่องเล่าจากรายการ อังคารคลุมโปง ช่อง AtimeOnline เรื่องเล่าสุดหลอน หอพักหลอนย่านนวมินทร์ คุณอ้วน

บทความ Rewrite ห้ามคัดลอก หรือนำไปเล่าลง Youtube หรือ พอดแคสต์

Previous articleบ้านเช่าผีอยู่ ใครอยุ่ห้องข้างล่าง! ประสบการณ์เจอผีต่างแดน
Next articleมันต้องเป็นคนยังไง รสนิยมของเพื่อนโครตประหลาดพิศดาร! พร้อมกับจุดจบแบบพิศดาร!