ตุ๊กตาตัวนั้น…เมื่อตอนที่ผมบวช

ตุ๊กตาตัวนั้น

เนื่องด้วยจากที่ผมเบื่อๆเวลาทำงาน จึงเข้ามาอ่านกระทู้พันทิปเกี่ยวกับเรื่องผี ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าจริงๆแล้วตัวผมเองก็เคยพบเจอและผ่านเรื่องราวมาบ้างเหมือนกันก็เลยลองยืนยันตัวตนอีกที ครั้งนี้ผ่านแล้วครับบ ในวันนี้ก็อยากจะมาเล่าเรื่องราวที่ผมเคยได้เจอเมื่อตอนที่ผมบวชให้ฟัง 

ผมไม่ได้บวชเพราะที่บ้านขอนะครับไม่ได้บวชตามประเพณี แต่เพราะช่วงนั้นผมพบเจอมรสุมชีวิตถาโถม ผมจึงดรอปเรียนไปบวช ผมบวชที่วัดแห่งหนึ่งในซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ จะไม่ขอบอกว่าวัดไหน ที่ผมเลือกบวชที่นี่เพราะอยู่ใกล้ๆบ้านครับ

ตอนนั้นผมบวชมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้วครับ วันนั้นผมมีนัดเข้าไปคุยกับหลวงตาซึ่งเป็นเจ้าอาวาส  ไปปรึกษาเกี่ยวกับฤกษ์สึก เพราะว่ามีกำหนดการที่จะกลับไปเรียนต่อ ผมห่มจีวรเต็มยศพระไปหาหลวงตาเลย เพราะว่าค่อนทางจะเป็นทางการก็เลยต้องสุภาพครับ 

หลังจากที่ได้ฤกษ์สึกแล้วผมก็กลับมาที่กุฏิ ต้องขอบอกอย่างนี้นะครับ กุฏิของวัดนี้มีอยู่ 3 กุฏิ ด้านล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ มีชั้นละ 3 ห้อง ผมอยู่กุฏิที่ 2 

เมื่อผมกลับไปถึงกุฏิ พระวัยรุ่น 2 รูป ได้มาชวนผมไปสำรวจวัด….

“ไปสำรวจวัดกันไหมหลวงพี่” เขาพูดอย่างนี้จริง ๆ นะ

ด้วยความที่ผมไม่ได้คิดอะไร และตอนนั้นก็เย็นแล้ว ผมตัดสินใจไปครับ เพราะผมเรื่อยๆยังไงก็ได้ ไม่ได้มีอะไรให้ทำอยู่แล้วครับ 

กุฎิของเราอยู่ติดกับศาลาสวดศพนะครับ แค่มีกำแพงกั้น และมีประตูเหล็กเท่านั้น…ก่อนอื่นเลย พวกเราเดินไปที่เมรุครับ พระวัยรุ่น 2 รูปนั้นก็หยิบจับอะไรไปทั่ว ชวนให้ผมทำแผลงๆบ้าๆบอๆแต่ผมไม่ทำนะครับ แค่มาด้วยเฉยๆ 

หลังจากสำรวจเมรุเสร็ดแล้ว พวกเราไปต่อกันที่ที่เก็บศพครับ ใช่ครับที่เก็บศพจริงๆ อันนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับ เนื่องด้วยจากที่วัดเป็นวัดมอญ คนตายที่อายุยังไม่ถึง 15 18 หรือ 20 ปี ผมไม่แน่ใจ เขาจะยังไม่ทำพิธีทางศาสนา จะยังไม่เผาครับ เขาจะเก็บไว้จนถึงอายุเท่าที่กำหนดก่อนนำออกมาทำพิธีตามศาสนา 

พระ 2 รูปนั้นชวนให้ผมส่องเข้าไปดูจากช่องลมของกำแพง แต่ผมไม่ทำครับ ผมบอกว่าอยากเห็นก็ส่องเองดิ…

นั่นจากนั้นเราทั้งสามก็มานั่งเล่นที่ม้าหินอ่อนก่อนที่จะกลับกุฎิครับ เราพากันเดินกลับมาทางฝั่งของเมรุ ซึ่งมันต้องผ่านประตูเหล็กก่อนที่จะเข้าไปทางกุฎิครับ… และดันเป็นผมที่เป็นคนสุดท้ายซะด้วย!! ก่อนจะเข้า ผมจึงต้องเป็นคนปิดประตู 

จังหว่ะที่ผมกำลังจะปิดประตูเหล็กบานนั้น ฟู่วววววววว~ ~  ลมตีหน้าผมครับ ณ ตอนนั้นผมมีความรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ผมรู้สึกว่ามันไม่ปกตินะครับ จังหว่ะมันได้เลย จะว่าผมคิดไปเองก็ได้ ผมจึงพูดลอยๆไปว่า…. “ถ้าจะตาม ตามพระ 2 รูปนั้นนะ พวกเขาหน่ะอยากไปดูคุณ ผมแค่ไปด้วยเฉยๆผมไม่รู้เรื่อง” ผมพูดแบบนั้นจริงๆนะครับ พูดลอยๆ เอาตัวรอดไว้ก่อนครับตามความรู้สึกของตัวเอง 55555555

กลับมาถึงกุฎิ ทุกคนก็แยกย้ายกันครับ ผมอยู่กุฎิที่ 2 ส่วนพระ 2 รูปนั้นอยู่กุฎิที่ 1 ผมพักอยู่ชั้น 2 ครับ มี 3 ห้อง ผมพักที่ห้องตรงกลาง ด้านล่างจะมีพระผู้ใหญ่จำวัดอยู่ 2 รูปครับ พอมาถึงกุฏิก็เย็นมากแล้ว ผมก็เตรียมตัวที่จะสวดมนต์ทำวัตรเย็นก่อนนอน เริ่มด้วยการเดินจงกลม ก็เดินอยู่ตรงหน้าห้องตัวเองบนชั้น 2 แหละครับ… ก่อนที่ผมจะกลับเข้ามาในห้องเพื่อที่จะสวดมนต์นั่งสมาธิต่อ 

ในห้องผมมีพระประธานตั้งเป็นหิ้งพระ ผมจัดไว้เพื่อที่จะสวดมนต์ก่อนจำวัตร หลังจากที่ผมปิดประตู หันหน้าเข้าหาพระประธานแล้วจะเริ่มสวดมนต์นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมา… ก๊อก ก๊อก ก๊อก ที่ประตู!! 

ผมรับรู้ถึงสิ่งที่ผิดปกติ เนื่องด้วยกุฏิชั้น 2 ที่เป็นไม้ ไม่ว่าทางขึ้นบันไดหรือพื้นก็เป็นไม้ การที่จะมีคนเดินมาเคาะประตูนั้นมันต้องได้ยินเสียงไม้ลั่นอย่างแน่นอน โดยที่จะหลีกเลี่ยงได้ยาก ขนาดผมเป็นคนเท้าเบาชอบเดินลงปลายเท้าก็ยังไม่วายที่ไม้จะลั่นให้รำคาญหูอยู่ทุกครั้ง…

หลังจากที่ผมได้ยินเสียงเคาะประตู ผมได้พิจารณาดูแล้วว่ามันไม่น่าจะใช่คน ความรู้สึกของผมบอกว่าอย่าเปิดประตู ถ้าเปิดแล้วมันจะเข้ามา ใช่ครับผมไม่เปิดประตู ถึงแม้ผมจะหันไปมองมันด้วยความสงสัยอยู่ชั่วครู่ 

ผมตัดสินใจที่จะไม่เปิดประตู เพื่อกลับมานั่งสวดมนต์ต่อ ผมบอกกับตัวเองว่าวันนี้ผมจะไม่ออกไปข้างนอกอีก ถ้าออกไปแล้วมันจะเข้ามาอยู่ในห้อง แต่…ไม่เลย

ในจังหวะที่ผมกำลังจะหันกลับมาเพื่อที่จะสวดมนต์ต่อ ปรากฏว่ามีตุ๊กตาตัวนึงมาตั้งอยู่บนที่นอนของผมได้อย่างไรก็ไม่รู้!!  ตุ๊กตาตัวนั้นผมไม่คุ้นเคยมาก่อนว่าเป็นตุ๊กตาอะไร ผมไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร ผมจึงไปหาข้อมูลในเน็ต เขาเรียกว่าตุ๊กตาชะนีครับ เป็นตามรูปด้านล่างนี้

ภาพตตุ๊กตาลิง

แต่ผิดกันตรงที่ว่า ตุ๊กตาตัวที่ถูกวางอยู่บนที่นอนผม มันสีออกส้มกว่านี้และดูเก่ากว่าในรูป ส่วนหน้าของมันเป็นกระดาษสีขาวและถูกวาดอย่างชุ่ยๆ ดูน่ากลัว 

หลังจากที่ผมเห็นตุ๊กตาตัวนั้นวางอยู่บนเตียง ขนผมลุกขึ้นมาทั้งหัว…ทั้งๆที่หัวโล้น ผมรู้สึกอึดอัดใจมากจริงๆ ผมไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้ว่า ตุ๊กตาตัวนี้เข้ามาอยู่ที่ตรงนี้ได้ยังไง มันไม่มีเหตุผลที่มันจะเข้ามาได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่ผมเข้ามามันก็ไม่มี มันพึ่งจะปรากฎตัวหลังจากเสียงเคาะ 3 ครั้ง

ผมบอกกับตัวเองว่า…ไม่ได้แล้ว มันเข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรที่เคาะอยู่ข้างนอกเมื่อตะกี้ ตอนนี้มันเข้ามาแล้ว คืนนี้ผมนอนไม่ได้แน่ๆ และผมคงทนอยู่กับสิ่งสิ่งนี้ในห้องไม่ได้ ผมจึงเลือกที่จะเปิดประตูแล้วนำมันไปไว้ข้างนอกหรือที่ใดซักที่ที่ไม่ใช่ในห้องของผม

ผมถือตุ๊กตาเดินลงบันไดลงไปข้างล่าง เจอพระผู้ใหญ่ 2 รูปนั่งคุยกันอยู่ ท่านเห็นผมถือตุ๊กตาตัวนี้ ก็ถามว่าเอามาจากไหน ผมบอกว่าผมไม่รู้ อยู่ดีๆมันก็เข้ามาอยู่ในห้อง ผมไม่ได้เล่าอะไรมากมายไปกว่านี้ สีหน้าแววตาผมคงจะบ่งบอกถึงความไม่สะบายใจอย่างเห็นได้ชัด หนึ่งในพระ 2 รูปนั้นบอกให้ผมเอาไปทิ้งแล้วไม่ต้องไปสนใจ…

ผมกำลังเดินถือตุ๊กตาไปทิ้ง กำลังจะเดินผ่านกุฏิที่ 1 มีพระวัยรุ่นนั่งเล่นโทรสัพท์อยู่ เขาก็ตะโกนถามมาว่า “หลวงพี่จะไปไหน” ผมหันไปมองแล้วไม่ได้ตอบอะไร รีบตรงไปทิ้งตุ๊กตาลงในถังขยะที่ใกล้ที่สุด แล้วก็เดินกลับมาที่กุฏิผมครับ… มานั่งกับพระ 2 รูป แล้วพวกเขาก็ถามผมว่าไปได้มาจากที่ไหน ผมบอกว่าผมไม่รู้ อยู่ดีๆก็มาอยู่ในห้อง พระเขาเลยก็เล่าว่า…

ก่อนหน้าที่ผมจะบวช เคยมีพระรูปนึงมาบวชเพราะเพื่อนเสีย เขาเป็นช่างซ่อมลิฟท์ เหมือนเพื่อนเขาตกลิฟท์ตาย เขาเลยมาบวชให้เพื่อน ก็เจอตุ๊กตาแบบผมเหมือนกัน เห็นเขาเดินเอาออกไปทิ้งทั้งคืนแล้วก็โวยวาย จนโยนลงน้ำ!! 

ผมได้ฟังเรื่องราวเท่านี้ยังไม่ทันจบ พระวัยรุ่นรูปนั้นที่ผมเดินผ่านไปเมื่อสักครู่ เดินโวยวายมาแต่ไกลพร้อมกับถือตุ๊กตาตัวนั้นและบอกว่า 

“หลวงพี่เอามันมาแขวนไว้หน้าห้องน้ำผมทำไม ผมจะอาบน้ำ” 

ผมงุนงงและตอบกลับไปว่าไม่ได้เอาไปแขวนไว้ พระรูปนั้นก็ยังคงยืนกรานว่าเป็นของผม เห็นผมถือเดินไปเดินมา เถียงกันอยู่พักใหญ่จนผมได้เตือนสติเขาแล้วบอกไปว่า “ใช่ จะว่าผมถืออยู่มันไม่ผิดหรอก แต่ตอนที่ผมถือไปผมเดินผ่านคุณไปแล้ว ตอนที่กลับมาคุณเห็นผมถือกลับมาด้วยหรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ถือกลับมาแล้วมันจะแปลว่าผมเอาไปไว้หน้าห้องน้ำของคุณได้อย่างไร?” 

พระรูปนั้นหยุดเถียง พร้อมกับยื่นตุ๊กตาตัวนั้นกลับมาให้ผม “ผมไม่รู้ละ ยังไงก็ของหลวงพี่ หลวงพี่เอามันคืนกลับไปเลย” ผมจึงรับมันกลับมาพร้อมด้วยความไม่สบายใจ

ตอนนั้นมืดแล้วครับ ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆที่มันกลับมาอยู่ที่ผมอีกแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าจะต้องกำจัดมันออกไปให้ได้ ผมไม่รู้ว่าผมถูกแกล้งหรือเปล่าแต่ทำไปแล้วพวกเขาจะได้อะไร?? ผมยังหาคำตอบให้ตัวผมเองไม่ได้เหมือนกัน… 

ผมพระวนกระวายมากครับ ก่อนที่ผมจะไปขอร้องพระรูปอื่นๆให้พาผมไปทิ้งซักที พระวัยรุ่นกับพระผู้ใหญ่รวมผม 5 รูปมานั่งปรึกษากัน พระรูปอื่นๆก็ไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่ผมเจอ อาจจะคิดว่าผมเล่นตลก ผมเองก็คิดว่าถูกแกล้งอยู่เหมือนกัน

ไม่นานหลังจากนั้น ด้วยความที่มันก็ใกล้ที่จะดึกพอสมควรแล้ว เราเลยตกลงกันว่า จะนำมันไปทิ้งไว้ที่ป่าช้า…เขาเรียกอย่างนั้นแต่ความจริงมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะครับ มันไม่ใช่ป่า มันเป็นแค่เพียงที่ที่รวมที่บรรจุอัฐิหรือสุสานอะไรประมาณนี้นะครับ 

ผมและพระวัยรุ่น 2 รูปได้ถือตุ๊กตาตัวนั้นไปไว้ที่สุสานครับ เรานำไปไว้ที่ต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง…. เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันเดินกลับกุฏิ ผมก็กลับมาในกุฏิผมอีกครั้ง ได้พูดคุยกับพระผู้ใหญ่สัพเพเหระก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนห้องที่ชั้น 2 ผมคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันคงจบแล้วแต่ไม่เลย… 

ผมเปิดประตูกำลังจะเข้าห้อง สิ่งที่ผมเห็นคือตุ๊กตาตัวนั้นตัวเดิมวางอยู่บนเตียงครับ!! ผมตะโกนเรียก “หลวงพี่” แล้ววิ่งลงมาจากชั้นบน ตึ่งๆ เสียงลงบันไดด้วยความรวดเร็วพร้อมกับน้ำเสียงอันสั่นเครือ และบอกหลวงพี่ว่า “หลวงพี่ มันอยู่ในห้อง” หลวงพี่โมโหในทันที่ ตะเบงเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิดว่า มันอะไรนักหนาวะ พร้อมกับเดินขึ้นไปที่ชั้นบน แล้วหลวงพี่ก็ตะโกนกลับมาว่า “ไหนวะ ไม่เห็นจะมีเลย” พร้อมกับเดินลงมา

ผมเห็นจริงๆนะครับ ผมไม่คิดว่าผมจะตาฝาด ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยตาฝาดเลย… อันนี้ผมบอกผู้อ่านนะครับไม่ใช่หลวงพี่ ผมเถียงกับหลวงพี่อธิบายให้แกฟังสักพัก แต่หลวงพี่กลับบอกผมว่า “ไม่มีอะไรแล้วให้ผมกลับไปจำวัตร…” 

แต่จิตใจผมตอนนั้นมันไม่โอเคแล้วครับ ผมไม่กล้านอนคนเดียวแล้วจริงๆ ผมทำใจซักพัก ใจดีสู้เสื้อกลับขึ้นไปบนห้อง คราวนี้ไม่มีอะไรครับ คืนนี้ผมคงต้องนอนอยู่กับความหวาดกลัวจริงๆหรือเนี่ย ผมได้แต่ถามตัวเอง

ทันใดนั้น เสียงปึ้งปั้งดังมาจากศาลาสวดศพที่อยู่ติดกันกับห้องนอนผมโดยมีแค่เพียงกำแพงกั้น เหมือนแสดงถึงอะไรบางอย่างที่ไม่มีตัวตนแต่อยากจะมีตัวตน… ผมคุมสติไม่อยู่จริงๆ หลังจากที่ผมไม่ได้เปิดโทรศัพท์มานานเพราะตั้งใจจะอยู่อย่างสงบ ผมเปิดโทรสัพท์โทรเรียกพี่ชายให้มานอนเป็นเพื่อนครับ!!

ถ้าเพื่อนๆสงสัยว่าหลังจากนั้นพี่ชายมานอนด้วยทุกคืนเลยหรอ หรืออยู่ยังไงต่อไป…?? เปล่าครับ ผมย้ายวัดในอีกวันรุ่งขึ้นครับ!! ทุกๆครั้งที่ผมย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ผมก็ได้แต่คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่… สิ่งที่ผมเจอมันคืออะไร แต่ที่แน่ๆผมไม่ได้คิดไปเอง ผมมั่นใจว่าอย่างนั้น

ในเช้าวันรุ่งขึ้นตุ๊กตาตัวนั้นที่เรานำไปทิ้ง ไม่ได้อยู่ที่เก่า… อาจจะมีคนแกล้งผม หรือผมอาจจะหลอนไปเอง ผมก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลย

Cr. สมาชิกพันทิปหมายเลข 4245901 

Previous articleห้องพัก 201 เช่าห้องอยู่เจอทวงห้อง
Next articleฝึกงานที่วัดป่า ประสบการณ์หลอนก่อนเรียนจบ