ศาลาเก่าริมทาง พวกมึงไปจอดรถกันที่ศาลาหน้าโรงเรียนใช่ไหม?

ศาลาเก่า

เราอยู่จังหวัดชลบุรีค่ะ ย้อนกลับไปตอนเราอายุ 17 ปี เป็นช่วงวัยกำลังเที่ยวเลย คือเช้าไปเรียน เย็นก็ออกเที่ยว.. 

เราเองเป็นคนที่เชื่อเรื่องผีสางมาแต่เด็ก เพราะที่บ้านเรา มีคุณย่าเป็นร่างทรงคอยช่วยเหลือคน และเราเองก็เป็นคนที่มีสัมผัสเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกันค่ะ.. 

เย็นวันศุกร์ของวันหนึ่ง หลังจากเลิกเรียนเราก็นั่งรถกลับบ้าน มาถึงบ้าน ทำการบ้านทำอะไรเสร็จ แฟนเราก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์มารับเราออกไปข้างนอก กลับดึก ๆ แต่ไม่ห่วงเพราะพรุ่งนี้วันเสาร์ค่ะ.. 

เรากับแฟนไปนั่งเล่นกันที่บ้านเพื่อนของแฟน เพื่อนๆ แฟนก็ทยอยมากันเรื่อยๆ จนเกือบครบ ขาดเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ชื่อ ทีม

เวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่า เพื่อนเราชื่อ ธีม ก็โทรมาหาแฟนเรา บอกให้ไปรับหน่อย ไม่มีรถออกจากบ้าน ซึ่งบ้านของธีมก็ไกลเอาเรื่องอยู่ เลยตัดสินใจพากันไปยกกลุ่มเลย 13 คน รถมอเตอร์ไซค์ 7 คัน.. 

ซึ่งทางไปบ้านธีมเนี่ย ขอบอกเลยว่าเปลี่ยวสุดๆ ไม่มีรถผ่านไปมาสักคัน มีบ้านคนริมทางบ้าง แต่เขาก็ปิดไฟกันหมดแล้ว ไฟทางก็มืดบ้างสว่างบ้าง บรรยากาศน่ากลัวมาก.. 

พอไปถึงบ้านธีม ธีมก็บอกให้พวกเรารอก่อนแป๊บนึง รอแม่เลิกงานกลับบ้านมาก่อนค่อยออก แม่ใกล้จะมาถึงแล้ว เรากับแฟน และเพื่อนๆของแฟนก็จอดรถรอกันหน้าบ้านธีมนั่นแหละ 

แต่ปรากฏว่า พอหมาแถวนั้นมันเห็นคนเยอะ มันเลยพากันเห่าเสียงดัง จนคนแถวนั้นเลยออกมาด่าพวกเรา ธีมเลยตะโกนออกมาบอกว่า ให้ไปรอแถวปากซอยกันก่อน หมาจะได้ไม่เห่า แล้วเดี๋ยวจะเดินตามออกไปเอง

ทุกคนก็ขี่รถไปรอกันที่ศาลาริมทาง ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านธีม ศาลานี้จะเก่า ๆ หน่อย ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ข้างศาลาจะมีต้นจามจุรี ส่วนอีกข้างจะเป็นทางเข้าโรงเรียน.. 

ทุกคนเข้าไปจอดรถกันในศาลาเลย แฟนเราก็ขี่ตามเข้าไปจอดเหมือนกัน ก็นั่งคร่อมรถรอกันอยู่อย่างนั้น แต่รถคันของเรามันอยู่นอกชายหลังคา พอเรามองขึ้นไปบนหลังคาแล้วรู้สึกไม่ค่อยดียังไงบอกไม่ถูก เลยสกิดให้แฟนขยับรถเข้าไปอีก แต่มันก็ขยับเดินหน้าไปได้แค่นิดเดียว เพราะติดรถคันอื่นๆ ในศาลา 

ทีนี้กลายเป็นว่า หัวเราอยู่ตรงกับชายหลังคาพอดี.. 

ระหว่างที่รอธีม คนอื่นๆเขาก็คุยกันเฮฮาปกติ แต่อยู่ดีๆ เราก็หูอื้อขึ้นมาเฉยๆ แทบจะไม่ได้ยินเสียงที่คุยกัน จนมีเพื่อนแฟนคนหนึ่งชื่อ ต่อ มาสกิดเราถามเราว่า “เพชรเป็นไรอะไร ทำไมนั่งนิ่งๆ เหงื่อไหลเต็มตัวเลย?” 

เราสดุ้ง ไม่ได้ตอบอะไรกลับ แค่ยิ้มๆ แต่คือเรารู้สึกตัวเลยว่ามันไม่ปกติแน่นอน.. สักพัก ทีมก็โทรมาให้ไปรับ ก็มีเพื่อนแฟนคนหนึ่งอาสาไปรับให้ ส่วนที่เหลือก็รออยู่ที่ศาลา

ตอนนั้นเราเวียนหัวจะอ้วก รู้สึกร้อนอบอ้าวมากๆ เลยเงยหน้าขึ้นกะจะมองฟ้ารับอากาศ เท่านั้นแหละ ปังเลย! 

เราเห็นผู้หญิงในชุดขาว นั่งก้มหน้าอยู่บนชายหลังคาศาลา เพ่งมองลงมา โดยที่ขาของเธอเหยียบลงมาที่ไหล่เราพอดี! ตอนนั้นเราช็อคมากกก! หน้านี่ชา ทำอะไรไม่ถูกเลย 

เรารีบหลับตาก้มหน้าลง แล้วบอกแฟนให้พาออกไปจากศาลาที แฟนก็ไม่พาออกไป ได้แต่ถามเราว่า “เป็นอะไร?” 

ตอนนั้นที่ไหล่เราก็เริ่มรู้สึกหนักขึ้นๆ เราถึงกับร้องไห้ออกมา จนทุกคนตกใจกันหมด ถามว่าเราเป็นอะไร? เราตอบกลับไปแค่ว่า “พาเราออกไปจากศาลาที!” ทุกคนเลยขี่รถออกจากศาลากันหมดด้วยความงุนงง แล้วมาจอดกันริมถนนแถวนั้น เพื่อรอเพื่อนอีกคนที่ไปรับธีมที่บ้าน.. 

เรานั่งตัวสั่นร้องไห้เสียงดัง พอมองกลับไปที่ศาลา เรายังคงเห็นผู้หญิงชุดขาวนั่งอยู่ที่เดิม แต่กลับไม่มีขาห้อยลงมา พอมองที่ไหล่ตัวเอง ปรากฏว่าขาของผู้หญิงคนนั้นยังคงเหยียบที่ไหล่เราอยู่! 

เราแทบสติแตก กรีดร้องโวยวายลั่นเลยทีนี้ แฟนเราเลยให้ ต่อ มาซ้อนท้าย เพื่อจับเราไว้กันเราตกรถ แล้วรีบออกรถไปที่อื่น 

ต่อ กอดเราแน่นมากๆ ด้วยความที่กลัวกับขาดสติ เราร้องไห้ไปตลอดทาง เพื่อนคนอื่นๆ ก็ตามกันมาหมด รวมถึงธีมด้วย

จนมารวมตัวกันที่หน้าเซเว่น ต่อพยุงเราลงจากรถ พยายามเขย่าตัวเรา เรียกชื่อเรา แต่เราก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด แฟนเราจึงเข้ามากอดและพยายามเรียกชื่อเรา จนธีมพูดขึ้นมาว่า 

“พวกมึงไปจอดรถกันที่ศาลาหน้าโรงเรียนใช่ไหม?” 

ทุกคนก็ตอบว่า “ใช่..จอดในศาลาเลย..” ธีมเลยบอกว่า “เพชรเจอผีแน่เลยว่ะ ผีเข้าป่าววะ?” แฟนเราเลยบอกว่า “แต่เพชรใส่พระนะ..” พร้อมกับจับที่คอเรา แต่ปรากฏว่าสร้อยพระเราขาดหายไปเมื่อไรก็ไม่รู้ แฟนเราเลยถอดสร้อยพระของตัวเองมาให้เราใส่ ..

สักพักหนึ่ง พอเราเริ่มสงบ ทุกคนจึงตัดสินใจไม่ไปไหนต่อละ ย้อนกลับไปที่บ้านเพื่อนที่ไปที่แรกกันทั้งหมด.. พอไปถึง เราก็เล่าให้ทุกคนฟังว่า “มีผู้หญิงชุดขาวนั่งก้มหน้าอยู่บนชายหลังคาศาลา เท้าเธอเหยียบที่ไหล่เพชร พอออกมาจากศาลามาจอดริมทาง ก็ยังเห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ที่เดิม แต่ไม่มีขา พอมองที่ไหล่ตัวเอง เท้าเธอก็ยังเหยียบอยู่ และหนักขึ้นๆ เรื่อยๆ แล้วสร้อยพระก็ไม่รู้บังเอิญหายไปตอนไหน..”

ธีมบอกว่า “เวลาดึกๆ ใครผ่านไปมาแถวนี้เจอกันหมด เอาเข้าจริงๆ ก็เคยได้ยินเรื่องเล่านี้มาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นศาลานั้น..” 

เราบอกแฟนว่าปวดไหล่ แฟนเลยมาบีบไหล่ให้ และถกคอเสื้อดูไหล่เรา ปรากฏว่าไหล่เราเป็นรอยช้ำๆ ทั้ง 2 ข้างเลย 

แฟนเห็นก็ตกใจ เพื่อนๆ เห็นก็ตกใจ คืนนั้นทุกคนนี่หลอนกันจนไม่กล้ากลับบ้าน ต้องนอนค้างรวมกันหมด.. จนเช้าอีกวันเลยชวนกันไปทำบุญให้ผู้หญิงคนนั้น 

เธอคนนั้นเป็นใครมาจากไหน ถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครรู้ แต่เป็นที่รู้กันว่า เธอจะมานั่งอยู่บนหลังคาศาลานั้นทุกคืน ถ้าใครโชคดีผ่านไปแล้วมองก็อาจจะเห็น.. 

Cr.ขอบคุณเรื่องหลอน ๆ จาก thehouse.online Story by คุณน้ำเพชร

Previous articleเจ้าถิ่นหวงที่..ถึงกับนอนไม่ได้  เหตุเกิดที่น้ำตกทีลอซู  จ.ตาก
Next articleพระบวชใหม่ ท่านเชื่อว่าผีมีจริงไหม ถ้าไม่ลองท่องมนต์บทนี้ดู