Home กฎแห่งกรรม เจ้าถิ่นหวงที่..ถึงกับนอนไม่ได้  เหตุเกิดที่น้ำตกทีลอซู  จ.ตาก

เจ้าถิ่นหวงที่..ถึงกับนอนไม่ได้  เหตุเกิดที่น้ำตกทีลอซู  จ.ตาก

เจ้าถิ่นหวงที่..ถึงกับนอนไม่ได้  เหตุเกิดที่น้ำตกทีลอซู  จ.ตาก

ถ้าพูดถึงจังหวัดตากก็คงหนีไม่พ้นสถานที่เที่ยวที่ถือว่าน่าจะดังที่สุด  นั่นก็คือ “น้ำตกทีลอซู”

“น้ำตกทีลอซู” เกิดจากลำห้วยกล้อท้อไหลมาจากผืนป่า บริเวณทิศตะวัตตกติดชายเแดนพม่า ลำน้ำทั้งสายตกลงจากหน้าผาสูงกลางป่าทึบของป่าทุ่งใหญ่ในเขตพื้นที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 300 เมตร

เมื่อภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของน้ำตกทีลอซูปรากฎสู่สายตานักท่องเที่ยว..จึงทำให้ชื่อเสียงของทีลอซูโด่งดังในระยะเวลาอันรวดเร็ว 

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่น้ำตกทีลอซู ที่เคยยิ่งใหญ่ในครั้งนั้น ต้องถูกลดทอนความงามจากเมื่อในอดีตไปบ้าง  เนื่องจากในช่วงเวลานึงเกิดหน้าผาถล่มเพราะฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน 

เมื่อปริมาณน้ำมีมาก หน้าผารับน้ำหนักไม่ไหวจึงถล่มพังลงมา นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผ่านมานานแล้ว ถึงแม้หน้าผาน้ำตกจะถล่มไปแล้วถึงสองครั้ง แต่ความสวยงามของที่ลอซูที่ยังหลงเหลืออยู่  ก็ยังสวยงามเกินพอที่นักท่องเที่ยวจะอยากเข้าไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

สำหรับประสบการณ์ชวนสยองขวัญในตอนนี้ เป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตที่ทำให้ผมจดจำแทบไม่มีวันลืมเลือนเลย

คือตอนนั้นผมและพรรคพวกได้ไปเที่ยวที่นั่น ในราวปี พ.ศ. 2544  ซึ่งเวลานั้น ทีลอซูยังไม่ได้มีการตัดถนนเข้าไปได้เหมือนปัจจุบัน 

การท่องเที่ยวที่เหนื่อยที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ก็คือการเดินทางเพื่อไปที่น้ำตกทีลอซู นี่แหละครับ เพราะต้องเริ่มจากการเดินทางไปที่อำเภออุ้มผางก่อน  นั่งรถผ่าน 1,250 โค้ง จากนั้นเตรียมตัวล่องแก่ง ประมาณ 7 ช.ม. ผ่าน น้ำตกทีลอเร และน้ำตกเล็ก ๆ อีก 2-3 น้ำตก

จากนั้นก็ต้องเดินป่าเข้าไปในตัวน้ำตก ผ่านเขาหินที่สูงชัน เหนื่อยที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ถ้าหากจะเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เคยได้เดินทางไปตามดอยต่างๆมา ต้องบอกว่าชิดซ้ายไปเลยครับ  เพราะที่นี่หินกว่าเยอะ..!!

ช่วงที่ต้องเดินเท้าไปประมาณ 20 ก.ม. เพื่อนๆ ที่ไปด้วย บางคนถือปลากระป๋อง มาม่า ถือมีดพร้าฟันหญ้าที่รกชัด แต่เดินไปไม่นานก็ต้องทิ้งของหมด  แม้แต่เสื้อตัวเองยังต้องถอดออก  เพราะมันทั้งเหนื่อยและหนักเอามากๆ  ส่วนผมเวลานั้นจะสบายหน่อย  เพราะแทบไม่ได้เอาอะไรไปเลย

ตอนนั้นผมเดินไปถึงเป็นกลุ่มแรก  มีประมาณ 4 คน ถึงที่พักก็ราวทุ่มกว่าๆ ส่วนกลุ่มหลังสุดกว่าจะเดินมาถึงเล่นปาไป 5 ทุ่มเห็นจะได้

สมัยนั้นที่นั่นยังไม่มีไฟฟ้าครับ  เมื่อไปถึงชุดแรกก็ได้เลือกที่พักก่อน ผมเห็นว่ามีบ้านหลังนึงที่ดูใหญ่และน่าพักสุด  แถมอยู่บนยอดเขาสูงสุดด้วย  

พอทางเจ้าหน้าที่อุทยานเขาถามว่าเอาหลังไหน พวกผมก็ไม่คิดอะไรเลย  บอกว่าเอาหลังนี้

ช่วงเวลานั้นพอตกดึกต้องใช้ตะเกียงน่ะครับ จะเข้าห้องน้ำ เดินไปไหน หรือเวลามานั่งทานข้าวรวมกัน ก็ต้องอาศัยแสงจากตะเกียง

จากนั้นเมื่อทานข้าวเสร็จก็พากันเข้าที่พัก ที่พักของผมนั้นตั้งวงเล่นไพ่กันได้สบายเลย และเราก็ไม่พลาดกับกิจกรรมชนิดนี้

ขณะเล่นไพ่อยู่นั้น ก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ ไม่ใช่มีผมที่รู้สึกแบบนั้นแค่คนเดียว แต่คนในวงก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน มันเหมือนมีคนคอยดูพวกเราอยู่ตลอดเวลา..

จนทุกคนเวลานั้น เริ่มไม่กล้าเข้าห้องน้ำตามลำพัง  เนื่องงจากห้องน้ำอยู่ข้างล่าง ข้างบนบ้านไม่มี เพราะเป็นบ้านไม้เก่าๆ

ถึงเวลาอันควรผมก็เข้านอน ตอนนั้นในห้อง มีผมนอนกับเพื่อนอีกคน ซึ่งช่วงเวลานั้นก็ปาเข้าไปตีสองเห็นจะได้ครับ ส่วนคนอื่นๆ ที่ยังอยากเล่นไพ่โต้รุ่งก็เชิญเล่นต่อไป ผมไม่สนอะไรแล้ว

พอตอนเช้าผมตื่นขึ้นมา ก็เป็นมารยาทที่จะถามเพื่อนๆคนอื่นที่ไปด้วยกันว่า  “เมื่อคืนนอนสบายดีไหม?”

มีเพื่อนๆ บางคนมันสวนมาว่า “เมื่อคืนนอนไม่ได้เลย พอจะเข้าไปนอนรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งอยู่ในห้องนั้นด้วย นอนสักพักเลยรีบลุกไม่กล้าเข้าไปอีกเลย”

พอได้ฟังผมก็หวิวๆ แต่ไม่ค่อยเชื่อเพราะคิดว่าเพื่อนอาจคิดไปเองก็ได้มั๊ง

จากนั้นก็เดินมากินข้าวกับเพื่อนอีกกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่นอนบ้านใหญ่ พอไปถึงในวงผมก็ยิงคำถามแบบเดิมไปอีก “ว่าเป็นไงเมื่อคืนนอนสบายกันไหม?”

ปรากฏว่ามีเพื่อนคนนึงตอบกลับมาอย่างไวเลยว่า “โดนผีหลอกอ่ะดิ..!!” ผมจึงไต่ถามว่าเจอยังไง ให้เล่าให้ฟังสิ

เพื่อนมันก็เล่าว่า เมื่อคืนหลังจากที่เล่นไพ่เสร็จ แล้วเข้าไปนอนในห้อง ปรากฏว่าขณะที่หลับ ได้ฝันเห็นเป็นผู้หญิงแก่คนนึงเดินเข้ามาในห้อง แล้วถามว่า “พวกมึงมานอนทับที่กูทำไม?”

เพื่อนคนที่เล่าจัดเป็นพวกไม่ค่อยกลัวผีอยู่แล้ว และอีกอย่างคงเป็นในความฝันด้วย มันจึงตอบกลับไปว่า “อย่าหวงที่ให้มากเลย”

พอพูดจบเท่านั้นแหละครับเป็นเรื่องเลย  มารู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกที  ผีคนแก่มันดึงเท้าและลากมาอยู่หน้าบ้านเฉยเลยครับ..!!

เอาเข้าไปสิ..นั่นไม่เท่าไร นอกจากนั้นยังมีพรรคพวกที่เดินป่าตามหลังมาตอนหลัง 2 ทุ่มเมื่อคืน  ก็เดินเข้ามาสมทบในวง..ต่างเล่าตรงกันเลยว่า…

ช่วงที่เดินป่ากันมาเมื่อคืนนี้ เห็นกับตาเลยว่าระหว่างทางนั้นมีคนแก่ผู้หญิงแต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วไป เดินตามหลังมา หรือบางทีก็กวักมือเรียกพวกเราอยู่เป็นระยะๆ..

แต่พอไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานว่ายายแก่คนนั้นที่เห็นคือใคร  ทำไมดึกๆดื่นๆถึงมาเดินแบบนี้  เขาก็บอกว่าแกเป็นคนแถวนั้นแหละ  อย่าคิดอะไรมาก..ทั้งที่จริงๆดูแล้วไม่น่าจะใช่คน..!!

พอฟังไปผมนี่ขนลุกซู่เลยครับ เพราะเท่าที่ถามไถ่ดูปรากฏว่าลักษณะของหญฺิงแก่ที่เพื่อนๆ เจอกัน  ทั้งในความฝันและเห็นกับตานั้นมันเหมือนกันและน่าจะเป็นคนเดียวกันด้วย..!!

เรื่องสยองเมื่อคืนผ่านไป  จากนั้นชาวคณะก็นั่งกินข้าว  พอเสร็จจึงเก็บของเดินทางต่อไปอีกประมาณ 2-3 กิโล เพื่อขึ้นไปดูน้ำตกทีลอซู

เมื่อขึ้นไปถึง  ต้องยอมรับเลยครับว่าทีลอซูเป็นน้ำตกที่สวยมาก แถมในยุคนั้นก็ดูเป็นธรรมชาติมากๆ น้อยคนถึงจะเดินทางไปถึง

พอเที่ยวชมความงามจนเป็นที่หนำใจ จากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับกัน ซึ่งจำต้องเดินด้วยเท้าอีก 20 ก.ม. แต่ดีหน่อยที่ว่าขากลับนั้นไม่ต้องล่องแก่งกลับ  แต่ว่ามีรถบุกป่าเข้ามารับถึงข้างในเลย

แต่ก็อีกนั่นแหละ รถขับเสียวน่าดูเลยเพราะทางมันแย่มาก เอาเป็นว่าถือเป็นทริปที่สนุกสุดเหวี่ยงที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ

ยังๆ เรื่องยังไม่จบครับ เพราะระหว่างที่เรานั่งรถเจ้าหน้าที่อุทยานกลับนั้น  ก็ได้พูดคุยรวมถึงเล่าเรื่องหญิงแก่ที่เราเจอมาเมื่อวานให้เจ้าหน้าที่ฟัง

เรื่องมาช็อคก็ตรงที่เจ้าหน้าที่อุทยานเขาเล่ากลับมาว่า..เรื่องหญิงแก่ที่เห็นริมทางนั้นคือเรื่องจริง

เพราะในอดีตเคยมีคนแก่ที่เป็นชาวบ้านในละแวกนี้แหละ  แกเดินเท้าไปน้ำตกทีลอซู แต่ปรากฏว่าระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุอะไรไม่ทราบ ทำให้เสียชีวิตตรงกลางระหว่างทาง

แล้วหลังจากนั้น พวกคนที่เดินป่าเพื่อมาเที่ยวก็มักจะเจอวิญญาณของหญิงแก่ผู้นี้อยู่เป็นประจำ ไม่เว้นกระทั่งพวกเจ้าหน้าที่อุทยานด้วย..!!

และที่ตอนแรกเจ้าหน้าที่เขาไม่บอกพวกเราตรงๆ แต่เลือกที่จะบอกตอนกลับ  เพราะเขาเกรงว่าพวกเราจะกลัว  จนไม่กล้าเดินทางไปเที่ยวต่อนั่นเองครับ.!!

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก “mcfc.in.th” 

เรียบเรียงโดยลุงเชิงโกดังหลอน สยองขวัญวาไรตี้

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here