กฏของการนั่งรอรถในศาลาข้างทางสุดหลอนยามค่ำคืน

กฏการนั่งรอรถที่ศาลาข้างทาง

ถ้าใครขับรถออกไปในเส้นทางต่างจังหวัดสายเอเชีย ขึ้นเหลือ ลงใต้ หรือภาคอีสาน เราจะสังเกตเห็นศาลาริมทางเป็นระยะ ๆ ไปตลอดเส้นทาง ซึ่งมีไว้สำหรับให้ชาวบ้านนั่งรอรถทัวร์หรือรถโดยสารประจำทาง หากเวลากลางวันมันก็ดูปกติดี แต่ถ้าคุณต้องมานั่งรอรถอยู่ในศาลาเหล่านี้ยามค่ำคืน แล้วต้องเจอกับเรื่องราวสุดสยอง และกฎประหลาดมากมาย คุณจะทำอย่างไร 

เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของคุณ Panuwat Wattananukul ที่ได้เล่าถึง ประสบการณ์สุดสยองเกี่ยวกับการนั่งรอรถที่ศาลาแห่งหนึ่งในยามค่ำคืน และต้องเจอกับกฎประหลาด ๆ เพื่อเอาตัวรอดจากศาลแห่งนี้ให้ได้ เรื่องราวจะหลอนขนาดไหนนั้น เชิญไปอ่านก็ได้เลยครับ…

ผมนั่งรอรถอยู่ที่ศาลาข้างทาง  นั่งคิดถึงตัวเองที่วันนี้ต้องมาทำธุระที่ชานเมือง และต้องการจะกลับบ้านให้เร็วขึ้นจึงเลือกเส้นทางอื่น แทนที่จะเส้นทางที่รู้จักดีอยู่แล้ว จนมาลงเอยอยู่ตรงนี้.. หลงมาอยู่ในที่ที่ไม่รู้จัก  

แม้จะเป็นชานเมือง แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันดูเหมือนชนบทมากกว่า นอกจากศาลารอรถที่นั่งอยู่ ด้านซ้ายและขวาก็ไม่มีบ้านคนเลย ไม่คิดว่าตัวเองจะเดินใจลอยมาถึงตรงนี้ได้  ผมหวังว่าจะมีรถประจำทางสักคันผ่านมาบ้าง หรือถ้าหมดทางแล้วจริงๆค่อยหาทางเดินเอา 

นั่งอยู่บนศาลาก็ยังดีกว่ารอรถอยู่ข้างถนนเปล่าๆ   แต่ก็ยังมีรถผ่านไปมาอยู่บ้างแม้จะดูเร่งรีบก็ตาม แต่หลังพระอาทิตย์ตกดินก็แทบไม่มีรถแล้ว 

ในขณะที่รู้สึกลังเลว่าจะยังมีรถผ่านมาหรือไม่  ตาผมก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษบางอย่าง แปะอยู่ที่เสาต้นหนึ่งของศาลา “มันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ” 

“สวัสดี คุณโชคไม่ค่อยดีเลยนะที่รถประจำทางคันที่คุณต้องการยังไม่มาเสียที แต่มีสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ เนื่องจากต่อจากนี้มันจะสำคัญต่อคุณมาก   ถ้าคุณยังต้องนั่งอยู่ที่นี่ต่อล่ะก็ มันจะมีกฏที่คุณจำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”

ผมหัวเราะพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่องไฟแฟรชอ่านตัวหนังสือ ความจริงแบตเตอรี่มันเหลือ

ไม่มากเท่าไหร่ ผมควรจะเอามาทำอะไรที่สนุกกว่านี้ระหว่างรอรถ แต่ก็นะ..ลองอ่านดูหน่อยก็แล้วกัน

“กฏในการนั่งรอที่ศาลารอรถยามค่ำคืน”

1. กฏข้อแรก อย่าไปไกลกว่านี้ อย่าคิดพยายามเดินไปตามถนนเพื่อหาทางไปจากที่นี่เด็ดขาด เพราะที่ที่คุณไป จะไม่ใช่ทางออกจากที่นี่ หรือแม้กระทั่งทางที่คุณเคยมา แต่คุณจะเข้าไปยังส่วนที่ “ลึก” กว่าเดิม

ซึ่งจะทำให้คุณรอดยากขึ้นไปอีก

จำไว้ว่าที่ศาลานี้คือสถานที่ปลอดภัยที่สุด อย่างน้อยก็ก่อนเที่ยงคืน คุณสามารถนอนงีบเพื่อเอาแรงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่อย่านานนัก มันไม่ดีแน่ถ้าเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไป มันมาเกิดขึ้นตรงหน้าคุณโดยที่คุณยังไร้สติสัมปชัญญะ

2. ในยามกลางคืน จะมีไฟถนนส่องสว่างเพียงแค่สามดวง หนึ่งคือไฟเหนือศาลาแห่งนี้ และถัดไปซ้ายขวาอย่างละหนึ่งดวง ถ้าไฟซ้ายขวาดับไปสองดวง แต่เหลือเพียงดวงเดียวคือตรงศาลานี้  ให้ปิดอุปกรณ์ทุกอย่างและนั่งอย่างเงียบเชียบที่สุด

จะมีเสียงคล้ายกับวิทยุที่เปิดจากเครื่องเล่นจากที่ไกลๆ แต่คุณจะฟังมันไม่รู้เรื่อง เพราะเสียงของมันเหมือนเล่นเทปกลับด้าน คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากไปกว่านี้ ไฟทั้งหมดจะกลับมาสว่างขึ้นเอง  

3. ราวๆสองทุ่ม คุณอาจจะมองเห็นเงารางๆของคน ซ่อนอยู่ในมุมมืดในระยะสายตาที่คุณพอจะสังเกตได้  อาจจะเป็นหลังต้นไม้อีกฟากหนึ่ง หรือหลังพุ่มไม้ หรือกอหญ้าฝั่งเดียวกับศาลาที่คุณนั่ง อย่าไปสนใจ หรือทำท่าหวาดระแวงให้มันเห็น ..มันชื่นชอบที่คุณกลัว มันจะหายไปเองถ้าคุณยังนั่งอยู่ที่เดิม 

4. ถ้าไฟทั้งสามดวงดับลง  ทั้งไฟถนนด้านซ้าย ขวา และไฟเหนือศาลาแห่งนี้ และคุณตกอยู่ในความมืด.. เช็คตำแหน่งที่นั่งของคุณ หากคุณนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับถนน ติดกับป่าด้านหลัง ให้ย้ายที่นั่งไปด้านข้างทันที แล้วนอนราบลงบนที่นั่ง หากเป็นไปได้ให้นอนหงาย จะมีแสงสว่างคล้ายไฟฉาย ปรากฏขึ้นจากในป่า แสงนั้นจะสลัวๆแต่จะเห็นได้ชัดเจนเพราะไฟรอบๆดับหมดแล้ว

แสงนั้นจะสอดส่องไปมาและเข้าใกล้ศาลามากขึ้นเรื่อยๆ  หากคุณนอนหงายอยู่คุณจะเห็นแสงนั้นได้ชัดเจนว่ามันส่องมายังศาลาตรงนี้  แสงเหล่านั้นจะส่องอยู่สักพักหนึ่ง หลังจากนั้นมันจะจากไป อย่าเพิ่งลุกขึ้นจนกว่าไฟถนนจะติด

5. ไม่เกินสามทุ่ม จะมีรถโดยสารผ่านมาหนึ่งคัน นี่คือโอกาสสำคัญของคุณ ให้คุณสังเกตว่ามันคือรถแบบไหน

– หากเป็นรถโดยสารคันใหญ่และเก่ามาก และคนขับไม่เปิดกระจกออกมา ให้รีบขึ้นไปทันที นี่คือโอกาสเดียวที่คุณจะได้ออกจากที่นี่ยามกลางคืน 

เมื่อคุณนั่งถึงปลายทาง เขาจะจอดดับเครื่องเพื่อให้คุณลงเอง แม้ว่ารอบๆจะมืดแค่ไหนคุณก็ต้องลง และเมื่อคุณเดินผ่านหน้ารถ คุณจะเห็นกระจกข้างคนขับเปิดออกเล็กน้อย คุณควรจ่ายค่ารถให้เขาเท่าที่จะให้ได้ แล้วเดินต่อไป

หากไม่มีอะไรผิดพลาด คุณจะเดินต่อไปอีกหน่อน และพบว่าตัวเองอยู่บนถนนเข้าเมืองที่มีรถพลุกพล่าน ..คุณโชคดีแล้วสำหรับค่ำคืนนี้

– แต่หากเป็นรถโดยสารคันเล็ก และคนขับเปิดกระจก มันจะเคลื่อนที่มาอย่างช้าๆ เหมือนกับรอให้คุณโบก แต่ไม่ว่าคุณจะสนใจหรือไม่ มันจะจอดต่อหน้าคุณอยู่ดี คนขับจะหันมาพยักหน้าให้คุณขึ้น หรือบอกว่านี่คือรถเที่ยวสุดท้ายที่คุณจะได้พบในวันนี้แล้ว ให้คุณปฏิเสธไปซะ  แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่คิดค่าโดยสารก็ตาม

หากคนขับถามว่าคุณต้องการจะไปไหน  ให้ถามสวนกลับว่ารถของเขากำลังจะไปที่ไหน  ไม่ว่าเขาจะตอบอะไรมา ให้คุณตอบว่า มันไม่ใช่ที่ที่คุณต้องการจะไป  หากคุณถูกถามว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานไหม ให้ตอบว่าไม่  หลังจากนั้นให้กลับลงมานั่งในศาลาโดยไม่สนใจเขาอีก จนกว่าเขาจะออกรถไป

6. ช่วงราวๆสามถึงสี่ทุ่ม จะมีหญิงชราสองคนถือตะเกียงเดินผ่านมา คุณไม่จำเป็นต้องทักทายเลยด้วยซ้ำ แล้วปล่อยให้พวกเธอเดินผ่านไป เธอจะเดินผ่านคุณไปอย่างช้าๆพร้อมกับเข็นรถเข็นที่มีถุงใบใหญ่หลายถุงกองอยู่   

แต่หากคุณอดไม่ได้ที่จะช่วยเหลือพวกเธอ ก็ขอให้ไปช่วยเข็นรถ แต่อย่าไปไกลกว่าจุดที่มีแสงไฟสว่างเด็ดขาด แล้วขอให้กลับมายังศาลาโดยเร็วที่สุด คนเหล่านั้นจะชวนให้คุณไปค้างที่บ้าน ขอให้ปฏิเสธอย่างสุภาพไม่ว่าจะถูกเซ้าซี้แค่ไหน แต่ถ้าได้ของตอบแทนเป็นอาหาร ให้รับไว้ซะ แล้วโยนทิ้งลงข้างทางหลังจากพวกเธอลับสายตาไป

7. ก่อนเที่ยงคืน ไม่ระบุเวลาที่แน่นอน จะมีครั้งหนึ่งที่ไฟถนนตรงศาลาที่คุณนั่งอยู่ดับลง แต่ไฟถนนด้านซ้ายและขวายังส่องสว่างอยู่ ให้รีบลุกไปยืนใต้แสงไฟ ดวงที่ยังสว่างแทน อย่าเพิ่งกลับมาจนกว่าไฟที่ศาลาจะติดอีกครั้ง

กฏหลังเที่ยงคืน 

8. ราวๆเที่ยงคืน จะมีกระดาษกฏใบใหม่ปรากฏขึ้นบนเสาข้างใดข้างหนึ่งของศาลา มันจะเป็นกระดาษที่ค่อนข้างโทรม มีรอยเลอะโคลน  คุณจะอ่านมันก็ได้ แต่..ห้ามเชื่อกฏที่เขียนบนกระดาษใบนั้นเด็ดขาด 

กฏที่เขียนไว้ในกระดาษนั้น จะตรงกันข้ามกับสิ่งที่แนะนำในกฏที่คุณกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ และมันจะยั่วยุให้คุณเกิดความหวาดระแวงและคลางแคลงขึ้นในตัวคุณ  แสร้งทำเป็นเตือนภัยและทำตัวเป็นความหวังเดียวของคุณ หรือพยายามบอกว่าศาลานี้คือสถานที่อันตราย ให้รีบหนีโดยเร็วที่สุด อย่าเชื่อมันเด็ดขาด  

แต่ถ้าคุณกำลังเกิดความไม่ไว้ใจว่าอะไรคืออันตรายต่อคุณกันแน่ ให้คุณนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ว่ากฏใบนี้ช่วยคุณไว้มากแค่ไหน มันคงจะดีกว่าถ้าคุณไม่อ่านมันเลย เพราะอาจจะสับสนต่อความจำของคุณ และมันคงไม่ดีแน่ๆถ้าคุณพลาดข้อใดข้อหนึ่งในช่วงเวลาหลังจากนี้

9. ช่วงตีหนึ่ง  ไฟจะหรี่ลงทุกดวง แต่ไม่ดับ มันจะทำให้คุณเห็นไม่ชัด ให้รีบยกขาของคุณขึ้นมาบนที่นั่ง อย่าให้ขาคุณห้อยกับพื้นเด็ดขาด

คุณจะได้ยินเสียงคืบคลานใต้ที่นั่งของคุณ  ทุกที่บนพื้น คุณจะรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างคืบคลานอยู่เต็มไปหมด  และหากที่นั่งของคุณมีซอกหลืบใดๆก็ตาม มีโอกาสที่คุณจะถูกคว้าด้วยมือหรืออะไรบางอย่างที่โผล่มาจากซอกนั้น ให้ถอยห่างจากมัน เอาสัมภาระจำเป็นขึ้นมาอยู่กับคุณด้วย ไม่เช่นนั้นคุณอาจเสียมันไป

…ในช่วงเวลาตีสาม หวังว่าคุณจะยังตื่นอยู่ หรือเหลือแรงมากพอนะ

10. เมื่อใกล้ถึงเวลาตีสามแล้ว คุณจะต้องรีบเก็บข้าวของของคุณ แล้วโยนขึ้นไปบนหลังคาศาลา และตัวคุณจะต้องปีนขึ้นไปบนนั้นด้วย  มีส่วนต่อเติมของท้ายศาลานี้ที่ยื่นมานิดหน่อยให้คุณสามารถใช้ปีนขึ้นไปบนหลังคาได้ หรือคุณสามารถใช้ต้นไม้ใหญ่ข้างๆนี้ในการปีนขึ้นไป จะด้วยวิธีใดก็ตาม แต่คุณต้องขึ้นไปบนหลังคานั้นให้ได้

ห้ามทิ้งข้าวของหรือสิ่งใดก็ตามที่เป็นร่องรอยของคุณไว้เด็ดขาด คุณมีเวลาเตรียมพร้อมจนกว่าแสงไฟทุกดวงจะเปลี่ยนไปทีละน้อย จากสีขาว ไปเป็นแสงสีส้ม และกลายเป็นสีแดงขมุกขมัว จะมีสิ่งหนึ่งแล่นมาตามถนน

 ..รถประจำทาง  

มันจะจอดตรงหน้าศาลา เพื่อรอรับคุณ คุณสามารถมองลอดหลังคาผ่านช่องว่างเล็กๆระหว่างแผ่นไม้ได้  มันจะดีกว่าถ้าคุณรู้ว่าสิ่งนั้นกำลังทำอะไรบ้าง

จะมีการบีบแตรเรียกถึงสามครั้ง จากนั้นก็จะมีคนจากตรงที่ควรจะเป็นที่นั่งโดยสาร เดินลงมาเพื่อตามหาคุณ มันจะมีรูปร่างเหมือนคนธรรมดา แต่หากมองดีๆ ใบหน้าของมันบิดเบี้ยว เหมือนกับรูปปั้นที่ล้มเหลว เหมือนกับแผ่นกระดาษที่ถูกขยำจนเละ หรือหน้าเค้กที่ถูกปาดไปมาจนไม่เหลือรูปร่างเดิม

มันจะเดินลงจากรถมาและตรงมายังศาลาโดยไม่ส่งเสียงเรียก แต่จะมองไปรอบๆ อย่าไปหลบซ่อนในป่า คุณจะไม่มีทางรอด

ในกรณีที่คุณทิ้งร่องรอยไว้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของบางอย่างที่ขนติดตัวขึ้นไปไม่หมด เศษกระดาษจากกระเป๋า อาหารที่กินเหลือ  แสดงว่าคุณได้ทำบางอย่างพลาดลงไปแล้ว มันจะค้นหาคุณต่อไปจนกว่าจะเจอ

ในกรณีที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเลย มันจะมองหาอยู่สักพัก และจะทำเสียงแหลมขึ้นมาเบาๆ เสียงนั้นหวีดหวิวคล้ายเสียงลม แต่มันบาดหูชัดเจนกว่าที่จะเป็นเสียงลมพัดผ่านต้นไม้

ถ้าคุณได้ยินเสียงนั้นล่ะก็  แสดงว่ามันยังคิดว่าคุณยังอยู่ในบริเวณนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณอยู่ไหน  นี่คือโอกาสรอดเดียวของคุณ  ให้คุณพยายามหาทางรู้ตำแหน่งของมันให้ได้  เรื่องนี้สำคัญมาก

คุณอาจรู้ได้จากเสียงว่ามันอยู่ตรงไหน แต่เสียงขนหัวลุกนั่นอาจจะทำให้คุณเสียสมาธิจนไม่สามารถรู้ตำแหน่งได้ดีนัก เว้นแต่คุณจะมั่นใจในสมาธิของตัวเอง

คุณอาจจะต้องเสี่ยงอันตรายชะโงกหน้าหรือหาช่องว่างของแผ่นไม้สักแผ่นที่จะมองเห็นตำแหน่งยืนของมันให้ได้ ถ้าต้องทำจริงๆให้ทำโดยเร็วที่สุด คุณไม่มีเวลาคิดนาน

เมื่อคุณรู้ตำแหน่งยืนของมันแล้ว ให้คลานอย่างช้าๆไปยังหลังคาฝั่งตรงข้ามกับตำแหน่งยืนของมัน  อย่าลืมเอาสิ่งของของคุณตามมาด้วย

เสียงหวีดหวิวและเสียงเครื่องยนต์ของรถโดยสารนั้นจะกลบเสียงคลานของคุณได้ แต่คุณต้องไม่ทำเสียงดังจนเกินไป หรือทำสิ่งของใดๆหล่นลงพื้น  

เมื่อคุณคลานไปจนถึงตำแหน่งที่ปลอดภัยแล้ว ให้นอนราบลงไปกับพื้นหลังคาให้แนบชิดที่สุด  ความมืดจะช่วยคุณ 

หลังจากนั้น..จะมีใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นมา นั่นคือหัวของสิ่งเดียวที่กำลังตามหาคุณ มันอยู่ในระนาบเดียวกับหลังคาที่คุณซ่อนตัวอยู่  

คุณไม่ต้องสงสัยว่าใบหน้านั้นขึ้นมาอยู่ตำแหน่งเดียวกับหลังคาได้ยังไง แต่มันกำลังมองหาคุณ เงียบให้มากที่สุดแล้วสัญญากับตัวเองว่าหากเผลอเห็นใบหน้านั้นตัวเองจะไม่แหกปากออกไป

ถ้ามันมองเห็นคุณ ผมเสียใจด้วย  คุณอาจจะอยากตายไปก่อนหน้านั้นมากกว่า ผมเองก็ไม่อยากสาธยายถึงใบหน้าของคนที่ตกเป็นเหยื่อของมัน มันแย่มากๆ

กรณีที่มันมองไม่เห็นคุณ หรือคุณเองก็มองไม่เห็นมันเนื่องจากคุณอยู่ในมุมที่ไม่สามารถมองเห็นหรือแอบมองได้ ให้อยู่นิ่งๆไว้  มันจะสอดส่ายสายตาไปสักพัก แล้วใบหน้านั้นจะค่อยๆเลื่อนลงไป

บางครั้งใบหน้านั้นจะโผล่พรวดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อย่าตกใจ  ไม่มีอะไรถ้าคุณไม่ขยับ สิ่งที่กำลังมองหาคุณอยู่ มันจะเดินกลับขึ้นรถไป แล้วรถก็จะแล่นออกไปช้าๆ ให้รอจนลับสายตาแล้วค่อยลงมาได้ 

เอาล่ะ  ตอนนี้คุณเป็นอิสระแล้ว …แต่คุณยังไม่ได้ผ่านคืนนี้ไปอย่างสมบูรณ์

11. ไม่ใช่แค่สามดวง..  ไฟถนนทุกดวงจะกลับมาใช้งานได้ คุณสามารถมองเห็นถนนเส้นยาวไกลสุดสายตาของคุณ แต่ไฟทุกดวงกำลังค่อยๆหรี่ลง คุณมีเวลาไม่มาก

-ให้คุณทิ้งสิ่งของไว้ชิ้นหนึ่งตรงที่นั่งบนศาลา ต้องเป็นสิ่งของที่คุณมั่นใจว่าถ้าวางไว้มันจะไม่โดนลมปลิวหายไปไหน สิ่งที่คุณต้องทำคือ เดินไปตามถนน หรือถ้าคุณคิดว่ามีแรงเหลือเฟือ จะวิ่งก็ได้ แต่ถนอมแรงไว้บ้างดีกว่า 

เมื่อคุณเดินทางไปตามถนนราวๆสิบนาที คุณจะเจอศาลาที่ข้างทาง  รูปร่างมันเหมือนกันกับศาลาที่คุณเพิ่งจากมา  มันคือศาลาเดียวกันกับที่คุณเคยนั่งอยู่ทั้งคืน สิ่งที่คุณต้องทำ  ให้คุณสังเกตรอบๆพื้นที่นั้นว่ามีสิ่งของที่คุณวางทิ้งไว้หรือไม่ 

-ถ้าไม่มี ให้เดินต่อไป  คุณอาจจะต้องเร่งฝีเท้าสักหน่อย เพราะไฟถนนทุกดวงกำลังหรี่ลงเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป

-ถ้ามีสิ่งของวางอยู่ และเป็นของที่คุณทิ้งไว้  เช็คสิ่งของให้แน่ใจอีกครั้งว่ามันเป็นของคุณ ดูตำหนิ และรูปร่างของมันให้แน่ใจอีกครั้ง  ถ้ามีสิ่งผิดปกติกับสิ่งของคุณ เช่น มันกลับด้าน หรือรูปร่างเปลี่ยนไป ให้ตัดสินใจเดินต่อ 

แต่ถ้าสิ่งของนั้นถูกต้องแล้ว ให้มองไปยังเส้นทางทั้งสองข้าง จะมีเส้นทางหนึ่งแตกต่างออกไปจากถนนที่คุณเดินผ่านมาเมื่อครู่ มันไม่ตายตัวว่ามันจะเป็นเส้นทางที่คุณเพิ่งเดินมา หรือเส้นทางที่คุณยังไม่ได้เดินไป  แต่ถ้าถนนฝั่งไหนรูปร่างแตกต่างไปจากเดิม มันดูบิดเบี้ยวแปลกตาล่ะก็… 

อย่า ไป ทาง นั้น!!  

แน่นอนว่ามันอาจจะสังเกตยากสักนิดจากความมืด แต่คุณจะรู้ได้ไม่ยาก คุณจะใช้ไฟจากอุปกรณ์ที่คุณติดตัวมาช่วยก็ได้

-จะไม่มีเหตุการณ์จากข้ออื่นๆเข้ามาแทรกในเหตุการณ์นี้

-จะไม่มีแสงสว่างอื่นอีกต่อไปหลังจากนี้ นอกจากแสงไฟข้างทาง และแสงจากอุปกรณ์ต่างๆของคุณ  แม้นาฬิกาจะบอกเวลาเท่าไหร่แล้วก็ตาม 

เดินทางต่อไป ในทางที่เป็นเส้นทางปกติ หลังจากนี้ ถนนจะมืดลงเรื่อยๆตามแสงไฟที่ใกล้ดับ  ในกรณีที่มืดที่สุดคุณอาจจะมองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเองที่ยื่นออกไปข้างหน้า หากมีเสียงจากข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรก็ตามขอให้เดินต่อไป 

เสียงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้แก่

-เสียงรถที่กำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง   เดินเข้าไหล่ทางอย่างระมัดระวัง จะมีรถผ่านไปอย่างเร็วมาก

-เสียงคนที่เดินตามหลังคุณ อย่าหันกลับไปมอง แม้ว่าเสียงนั้นจะใกล้คุณแค่ไหนก็ตาม

-เสียงกรีดร้องจากข้างทาง ให้หยุดอยู่เฉยๆสักครู่ แล้วค่อยเดินผ่านไป

12. ถ้าคุณเดินจนเจอทางแยกหรือถนนเส้นอื่น ยินดีด้วย ค่ำคืนยาวนานนี้จบลงแล้ว มันอาจจะยังไม่เช้าเสียทีเดียวหรอก  แต่ก็ยังดีที่มีแสงไฟถนนและรถ (ของจริง) อยู่

หวังว่าศาลาข้างทางที่ปลอดภัยที่สุดแห่งนี้  จะได้รับใช้คุณในยามต้องการที่พักพิง สำหรับการรอคอยอันยาวนาน

ขออวยพรให้กับคุณ หลังจากอ่านกฏบนกระดาษใบนี้จบแล้ว ให้คุณขยำมันทิ้งแล้วโยนไปไกลๆ มันไม่จำเป็นกับคุณแล้ว

กฏนี้จะเริ่มใช้เมื่อหนึ่งทุ่ม 

ผมอ่านบรรทัดสุดท้ายจบแล้ว ก็เกาหัวให้กับกฏบ้าบอที่เพิ่งอ่านไป  และตัวเองก็อุตส่าห์อ่านมันจนจบ และหัวเราะให้กับนาฬิกาที่เพิ่งหยิบขึ้นมาดู  เพราะตอนนี้มันหนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว  และไฟถนนจากที่ไกลๆก็เริ่มทยอยดับลง..

Cr. เจ้าของเรื่อง Panuwat Wattananukul 

Previous articleพนักงานกะดึก ประสบการณ์เข้ากะกลางคืน
Next articleกฏในการนั่งรอรถที่ศาลาข้างทางยามค่ำคืน ตอนจบ