แรงรักแรงอาฆาต  มึง!! อีนางดาว หยุดสร้างเวรกรรมต่อกันได้แล้ว

แรงรัก

ชายคนหนึ่งเปิดร้านซ่อมคอมอยู่ในบ้าน 2 ชั้น กับภรรยา เขาเป็นคนหน้าตาดี แต่ข้อเสียของเขาคือชอบดื่มเหล้าเมาและทะเลาะกับภรรยาถึงขั้นตบตี จนภรรยาทนไม่ไหวหนีออกจากบ้านไป กระทั่งเขามีแฟนใหม่ ซึ่งนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวหลอน ๆ ทั้งหมด

เรื่องนี้คุณเนตร ช่องพาเที่ยวเลี้ยวไปหลอน ได้รับฟังมาจากน้องโจ เรื่องมีอยู่ว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน น้องโจ้นั้นทำงาน อยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อว่า เล็ก โจ้กับเล็กทำงานอยู่ที่ร้านซ่อมแห่งนึง แถวๆ ต่างจังหวัด ทั้งคู่พักอยู่ไม่ไกลกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ จนสนิทและกลายเป็นเพื่อนรักกัน  จนทั้งคู่ได้มารู้จักกับพี่โต 

พี่โตเป็นรุ่นพี่ที่อายุเยอะสุดในบรรดาทั้ง 3 คน แกเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ โดยใช้บ้านตัวเองที่เป็นบ้าน 2 ชั้น แล้วกั้นห้องกระจกบริเวณชั้น 1 เพื่อเปิดเป็นร้านซ่อมคอมของแก 

พี่โตแกเป็นคนที่ติดดื่มสุรามาก เกือบทักวัน ช่วงเย็นหลังจากปิดร้านแกมักจะชอบชวนโจ้และเล็กมาดื่มกันที่บ้านจนเมากันเป็นประจำ

พี่โตมีภรรยาชื่อว่า พี่วรรณ ทุกครั้งที่พี่วรรณเห็นพี่โตดื่มเหล้า พี่วรรณก็จะบ่นว่าพี่โตตลอด เพราะไม่อยากให้สามีดื่ม 

เอาเข้าจริง ๆ พี่โตแกหน้าตาดีนะ ถ้าไม่ดื่มเหล้าแกจะเป็นคนที่มีนิสัยเรียบร้อย พูดจาดี เป็นกันเองกับลูกค้ามาก แต่ถ้าเหล้าถึงปากเมื่อไหร่จะกลายเป็นอีกคนเลย เหมือนน้ำเปลี่ยนนิสัย อารมณ์เสียง่าย พูดจาโผงผาง หยาบคาย ตามประสาคนเมา

ด้วยความที่พี่วรรณชอบบ่น ชอบว่าพี่โตนี่แหละ ทำให้ผัวเมียคู่นี้ทะเลาะกันบ่อย จนพักหลังมาโจ้กับเล็ก ก็เหมือนจะเกรงใจ เวลาพี่โตชวนให้เข้าไปกินเหล้าที่บ้าน จึงไม่ค่อยจะอยากไปสักเท่าไหร่ เพราะพอไปทีไรก็จะเจอผัวเมียคู่นี้ทะเลาะกันตลอด 

จนอยู่มาวันหนึ่ง โจ้ขี่มอเจอร์ไซค์ไปหาพี่โตที่บ้าน โจ้ก็ตกใจ เมื่อเห็นพี่วรรณเดินออกมา เป้าตาเขียวช้ำตาเขียว ปากแตก ดูแล้วทั้งคู่น่าจะทะเลาะกันหนักมาก พอเห็นอย่างนั้นโจ้ก็เลยไม่ค่อยอยากไปบ้านพี่โตอีก เพราะเวลาที่พี่โตเมาทีก็มักจะซ้อมพี่วรรณบ้าง ทะเลาะพี่วรรณบ้าง

จนพักหลัง ๆ มาก พี่โตกับพี่วรรณเริ่มจะทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้น ทำให้พี่วรรณทนไม่ไหวเก็บเสื้อผ้าหนีพี่โตไป หลังจากที่พี่วรรณไม่อยู่แล้ว คราวนี้พี่โตดื่มหนักกว่าเดิมอีก จากคนที่เป็นคนรักงาน เปิดร้านทุกวันไม่มีวันหยุด กลายเป็นเปิดบ้างปิดบ้าง และไม่ค่อยจะรับลูกค้าเยอะเหมือนแต่ก่อน ที่สำคัญชอบชวนเจ้าโจ้กับเจ้าเล็กเข้ามาดื่มที่ร้านกันเป็นเป็นเพื่อนประจำ คงเพราะแกรู้สึกเสียใจที่พี่วรรณทิ้งแกไป เพราะตัวแกเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้

3 เดือนต่อมา พี่โตก็มีแฟนใหม่ชื่อว่าน้องดาว เป็นคนต่างด้าว น้องดาวชอบพี่โตมาก เพราะเวลาอยู่ด้วยกันพี่โตจะเป็นคนที่พูดจาดี สุภาพเรียบร้อย และที่สำคัญแกเป็นคนหน้าตาดี คบกันได้ไม่นานน้องดาวก็ย้ายอยู่กับพี่โตที่บ้าน

ข้อดีของน้องดาวคือไม่เคยขัดใจพี่โตเลย ไม่ว่าพี่โตจะดื่มเหล้าหรือทำอะไรก็ไม่เคยมาว่ามาบ่น แถมยังทำกับข้าวกับปลา ซื้อน้ำแข็งนู่นนี่นั่นให้อีกต่างหาก ประจวบเหมาะทำให้เจ้าโจ้กับเจ้าเล็กชอบเข้าไปนั่งดื่มนั่งคุยด้วยทุกวันเป็นประจำ ไม่เหมือนตอนที่พี่วรรณยังอยู่ เป็นอันว่าลงตัวสำหรับพี่โตมาก ที่ไม่ต้องมีคนมาคอยบ่นคอยว่าอะไร 

เหตุการณ์ดำเนินการไปได้สัก 3-4 เดือน พี่โตยังคงใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้ ดื่มเหล้าเป็นประจำทุกเย็น จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่ อยู่ดี ๆ พี่โตก็น้ำตาไหลร้องไห้ออกมา เจ้าโจ้กับเจ้าเล็กเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าถามอะไร 

สักพักพี่โตบอกว่า “พวกมึงกลับบ้านไปเถอะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน” เจ้าโจ้กับเจ้าเล็กก็เลยกลับ 

จนกระทั่งช่วงเช้าเจ้าโจ้กับเจ้าเล็กขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าร้านของพี่โต ก็เห็นว่าร้านของพี่โตนั้นปิดอยู่ แต่แผงประตูที่ดึงลงมาปิดไม่สนิทและไม่ได้ล็อคกุญแจไว้ 

เจ้าโจ้ก็คิดว่าพี่โตคงเมาจนเปิดร้านไม่ไหว จึงไม่ได้คิดอะไร ซึ่งโดยปกติแล้วพี่โตจะเปิดร้านแต่เช้า พอเจ้าโจ้กับเจ้าเล็กขี่รถผ่านร้านพี่โต ก็จะทักทายเป็นประจำ 

พอผ่านไปอีกวันหนึ่ง เจ้าโจ้กับเจ้าเล็กขี่รถผ่านรร้านพี่โต ก็เห็นว่าร้านของพี่โตยังคงปิดอยู่ แต่พอมองไปบนชั้น 2 ก็เห็นว่าคอมเพรสเซอร์แอร์ยังทำงานอยู่ เจ้าโจ้เลยคิดว่าพี่โตกับน้องดาวคงนอนอยู่ด้านบนละมั้ง 

พอเข้าวันที่ 3 เจ้าโจ้ขี่รถกลับมาจากที่ทำงาน ก็ยังเห็นร้านพี่โตปิดอยู่เหมือนเดิม ความเป็นห่วงก็เลยไปกดกริ่งเรียก กดอยู่พักหนึ่งก็ไม่มีใครลงมาเปิดประตูให้ เจ้าโจ้ก็เลยตัดสินใจดึงแผงประตูขึ้น เปิดประตูกระจกเข้าไปในร้าน 

พอเข้าไปในร้านก็เห็นว่ารองเท้าของพี่โตนั้นยังถอดอยู่ด้านใน จึงคิดว่าพี่โตนั้นน่าจะอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน  ก็เลยดันประตูกระจกด้านในเข้าไป เพื่อจะเข้าไปในบ้าน 

เจ้าโจ้ตะโกนเรียกชื่อพี่โตจากชั้นล่าง “พี่โต…พี่โตอยู่มั้ย” สักพักมีเสียงพูดดังลงมาจากชั้น 2 ว่า “ไอ้โตไม่อยู่หรอก มันไม่กล้าอยู่กับกูหรอก” เจ้าโจก็จำได้แม่นเลยว่าเสียงนั้นคือเสียงของน้องดาว แต่ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะโดยปกติแล้วน้องดาวจะพูดเพาะ ไม่เคยพูดจาแบบนี้ 

แต่ในเมื่อเขาบอกว่ามีอยู่ เจ้าโจก็เลยเดินออกจากร้านมา และกลับไปปรึกษากับเจ้าเล็กกว่า “เฮ้ย พี่โตไม่อยู่บ้านตั้ง 3 วันแล้ว ไม่รู้พี่เขาไปไหนว่ะ” ทำให้ทั้งสองคน เกิดความคล่องใจ เจ้าโจ้กับเจ้าเล็กก็เลยขับมอเตอร์ไซค์มาที่ร้านพี่โตอีกครั้ง มาถึงก็พากันเดินเข้าไปในบ้านของพี่โต แล้วตะโกนเรียกพี่โตเหมือนเดิม 

“พี่โต พี่โต” แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับเหมือนเดิม โทรศัพท์ไปก็ไม่มีใครรับสาย วินาทีนั้นบรรยากาศภายในร้านเงียบมาก ทั้งสองยืนเรียกอยู่ในบ้านพักใหญ่ จนได้ยินเสียงน้องดาวพูดว่า

“อยู่ข้างบน ขึ้นมาเลย” 

หากมาเจ้าโจ้มาคนเดียวก็คงไม่กล้าขึ้นไปหรอก เพราะมันจะดูไม่ดี แต่ด้วยความที่ครั้งนี้มากันสองคน ก็เลยกล้าขึ้นไป  

เจ้าโจ้กับเจ้าเล็กพากันเดินขึ้นไปชั้น 2 พร้อมกับตะโกนถามว่าอยู่ห้องไหน เพราะชั้นบนของบ้านจะมี 2 ห้อง พอขึ้นมาถึงชั้น 2 เจ้าโจ้ก็เปิดประตูเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านซ้ายมือ ถึงกับผงะ ตกใจร้องเสียงหลง “เห้ย!! ไอ้เล็กน้องดาวตายแล้ว” สภาพศพน้องดาวนอนขึ้นอืด จนล่างแตก เขียวคล้ำน้ำเลือดน้ำหนองไหลเต็มเตียงอยู่ภายในห้อง ทั้งๆที่แอร์ยังเปิดอยู่ 

เจ้าโจ้กับเจ้าเล็กต่างมองหน้ากัน ชัดเจนศพที่นอนขึ้นอืดอยู่นั่นคือน้องดาว ด้วยความตกใจกลัว ทั้งสองคนพากันวิ่งลงมาชั้นล่างพร้อมกับตะโกนว่า “ผีหลอก ผีหลอก” แล้วก็ออกไปบอกให้คนนู้นคนนี้มาช่วยดูว่ามีศพอยู่บนชั้นสองของบ้าน 

คุณเนตรผู้ดำเนินรายก็ถามน้องโจ้ว่า สรุปแล้วบทสรุปมันคืออะไร เพราะตัวพี่โตนั้นก็ยังหาตัวไม่เจอ น้องโจ้จึงเล่าให้ฟังต่อว่า…

ย้อนกลับไปวันที่นั่งกินเหล้าอยู่แล้วอยู่ๆพี่โตแล้วนั่งร้องไห้กลางวง วันนั้นแหละ คือวันที่พี่โตได้พลั้งมือฆ่าน้องดาวไปแล้ว ก่อนที่จะมานั่งกินเหล้ากับเจ้าโจ้และเจ้าเล็ก 

พี่โตได้พลั้งมือเอาหมอนปิดหน้าปิดจมูกและบีบคอน้องดาวจนขาดลมหายใจ สาเหตุที่ทำลงไปเพราะพี่โตไปเห็นว่าน้องดาวกำลังคุยโทรศัพท์กับผู้ชายอื่น พี่โตแอบดูเมียตัวเองว่าคุยกับผู้ชายอื่นอยู่หลายวัน จนกระทั้งวันหนึ่ง ฟางเส้นสุดท้าย ทนไม่ไหว พี่โตดื่มเหล้าหนัก แล้วทะเลาะกัน แต่ด้วยความโมโหจึงพลั้งมือฆ่าน้องดาวไป

หลังจากที่ฆ่าน้องดาวไปแล้ว ตกเย็นวันนั้นพี่โตก็นั่งกินเหล้ากับเจ้าโจ้ เจ้าเล็ก และร้องไห้ออกมากลางวงเหล้านั่นแหละ 

และในคืนนั้นเอง ถึงแม้น้องดาวจะตายไปแล้ว แต่วิญญาณของน้องดาวก็ยังวนเวียนอยู่ภายในบ้าน คอยตามหลอกหลอนพี่โตอยู่ทุกคืน จนกระทั่งพี่โตทนความเฮี้ยนของน้องดาวไม่ไหว จนต้องวิ่งหนีไปหาหลวงพ่อที่วัดใกล้บ้าน ซึ่งระหว่างทางที่พี่โตวิ่งไปวัด น้องดาวก็ลอยไปลอยมาพร้อมกับส่งเสียงเรียกตามพี่โตไปตลอดทาง 

ด้วยความที่พี่โตกลัวสุดขีด พอวิ่งเข้าไปในบริเวณวัด ก็ปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนชี้นิ้วไปยังผีน้องดาว พี่โตก็เลยไปหลบอยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนั้นพร้อมก็บอกว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ผู้หญิงคนนั้นก็ตะโกนบอกว่า 

“มึง!! อีนางดาว หยุดได้แล้ว มึงสองคนเนี่ยสร้างเวรสร้างกรรมกันมาตั้งแต่ภพชาติไหนแล้ว มึงก็ยังมาจองเวรในชาตินี้อีก เราทำเวรทำกรรมร่วมกันมา ก็ขอให้อโหสิกรรมกันเถอะ” พร้อมกับชี้หน้าไปที่ผีนางดาวได้อีกครั้ง 

แล้วพี่โตก็วิ่งไปหมอบอยู่หลังท่อนไม้ท่อนหนึ่ง สักพักก็มีพระรูปนึง เดินมาตรงท่อนไม้ที่โตหมอบอยู่ แล้วท่านก็กล่าวว่า “มีผู้หญิงคนหนึ่งไปเรียกว่าให้มาดูโยมหน่อย ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ ๆ  อาตมาก็ไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เพราะปกติในวัดก็ไม่มีผู้หญิงอยู่แล้ว อาตมาก็เลยออกมาดูโยม” 

พี่โตเพิ่งมาทราบภายหลังว่า ไม้ท่อนนั้นเป็นไม้ตะเคียน ที่ชาวบ้านเพิ่งดึงขึ้นมาจากสระน้ำได้ 3 วัน หลวงพ่อบอกว่า นางตะเคียนที่อยู่ในไม้ท่อนนี้ได้ไปเข้าฝันหลวงพ่ออีกรูปหนึ่ง ว่าให้ดึงฉันขึ้นมาหน่อยฉันอยู่ในน้ำมานานแล้ว ก็คาดว่าแม่ตะเคียนท่านนี้น่าจะไปช่วยชีวิตพี่โตไว้ 

หลังจากนั้นพี่โตก็เลยถูกดำเนินคดี รับโทษตามกฎหมาย 

หลังจากที่พี่โตรับโทษจนเสร็จสรรพ จนได้ออกมาจากคุก น้องโจ้ก็ได้เดินทางไปหาพี่โต พี่โตจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้น้องโจ้ฟัง และนี่คือบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดที่น้องโจ้ได้ฟังมาจากพี่โต 

ขอขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเนตร ธนัชพงศ์ ช่องพาเที่ยว เลี้ยวไปหลอน เรื่อง แรงรักแรงหลอน 

บทความ Rewrite ห้ามคัดลอก หรือนำไปเล่าลง Youtube หรือ พอดแคสต์

Previous articleผีกะแฝงป้าทอ เจอผีกะตัวแม่  ไล่ยังไงก็ไม่ไป..! เหตุเกิดที่จังหวัดนึงทางภาคเหนือ ” 
Next articleพนักงานกะดึก ประสบการณ์เข้ากะกลางคืน