ที่มาของการเห็นผี อย่ายุ่ง!! กรรมของเขาไม่ใช่กรรมของเธอ

ที่มาของการเห็นผี

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคุณอ้วน สิริ ที่เล่าเอาไว้ในรายการอังคารคลุมโปงถึงสาเหตุที่ทำให้ชีวิตเขาต้องมาพบเจอกับผีสาง คุณอ้วน สริ เล่าว่า คุณอ้วนนั้นเป็นคนจังหวัดนครปฐม มีคุณพ่อเป็นคนเชื้อสายมอญ  อย่างที่รู้กันดีว่าคนมอญมักจะมีพิธีกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพิธีฟ้อนผี เลี้ยงผี หรือพิธีอะไรก็ตามนั้น มักจะข้องเกี่ยวกับผีสาง เทวดา 

ด้วยความที่คุณอ้วนเป็นกระเทยตั้งแต่เด็ก แก่นซน อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่อง พอช่วงประมาณอายุ 10 กว่าขวบ อยู่ป.4 -ป.5 ก็เริ่มอยากจะรู้ อยากจะเห็นว่าเวลาที่คนเขาทำพิธีกรรมต่างๆ มันเป็นยังไง คนทรงมีองค์มาประทับจริงไหม ใช่เรื่องจริงหรือไม่

ในสมัยก่อนคนจีนเวลาจะฝังศพ เขาจะมีพิธีการแห่ศพ ตีกอง ตุงแช่ ชาวบ้านระแวกนั้นก็จะไล่ให้ลูหลานเข้าบ้าน เพื่อไม่ให้เห็นขบวนแห่ แต่สำหรับคุณอ้วน ผู้ที่อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่่อง ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ พอถูกไล่ให้เข้าบ้าน ก็แอบวิ่งออกไปหลังบ้าน  เพื่อออกมายืนแอบดูอยู่ข้างรั้ว

จนคุณอ้วนเรียนอยู่ชั้นมัธยม ความอยากรู้ก็ข้ามขั้นขึ้นมากกว่าเด็กทั่วไปอีก คืออยากเห็นผี อยากรู้ว่าผีมีจริงไหม? เพราะด้วยความที่ชอบอ่านพวกเรื่อง คนนั้นเห็นผี คนนี้เห็นผี วิธีทำให้เห็นผีต่าง ๆ จึงลองทำตาม เอาขี้เถ้ามาป้ายตา ก้มมองลอดหว่างขา วิธีตามหนังสือพวกนี้คุณอ้วนลองมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยพบเห็นผีเลยสักที

ถึงขนาดไปยืนเคาะถ้วยชามตรงทางสามแพร่ง เคาะจนโดนชาวบ้านด่าว่า “มึงจะเคาะทำไม เคาะอะไรหนักหนา คนจะหลับจะนอน หัวจะปวด” แต่ก็ยังไงก็ไม่เจอ 

จนกระทั่งคุณอ้วนไปได้วิธีเด็ดมาวิธีนึง เขาบอกมาว่า ให้ไปที่ศพคนตายโหง เอาเลือดเขามา คุณอ้วนก็คิด แล้วกูจะต้องทำยังไงว้าาา จะไปเอาเลือดคนตายโหงมาจากไหน 

จนในที่สุดคุณอ้วนก็คิดออก คุณอ้วนขี่่มอเตอร์ไซค์ไปตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตรงหัวโค้งแถวบ้าน ซึ่งตรงนั้นมักจะเกิดอุบัติอยู่บ่อยครั้ง หลายครั้งที่มีคนเสียชีวิต จากนั้นคุณอ้วนก็ได้เอาสำลีชุบน้ำไปแปะที่รอยเลือดแห้งๆที่ติดอยู่ตรงโคนต้นไม้  แล้วนำมาแปะที่หน้าผากตัวเอง แล้วอธิฐานว่า “สาธุให้ ชั้น ได้เห็นเถอะ ชั้นอยากจะรู้จริงๆเลยว่าผีจริงๆ มันเป็นยัง”

หลังจากอธิฐานเสร็จ คุณอ้วนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาและก็ต้องตกใจสุดขีด!!! 

ไม่เจออะไรเลยสักอย่าง…!!  

ณ ตอนคือคุณอ้วนไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ นอกจากสุนัขสองสามตัววิ่งเล่นกันอยู่บริเวณต้นไม้ใหญ่ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุ  คุณอ้วนก็ไม่ได้อะไร กลับเข้าบ้านมา คิดในใจว่า “หุ้ย ไม่เห็นมีอะไรเลย” 

ตกเย็นประมาณ 4-5 โมง เพื่อนโทรมาหาคุณอ้วน “เฮ้ย กูมาเที่ยวที่บ้านเมีย มึงมาหากูสิ” คุณอ้วนจึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปหา ระหว่างที่ขี่ไปบ้านเพื่อน ถนนจะเป็นถนนแปดเลน ที่มีเกาะกลางถนน คุณอ้วนจะอยู่ฝั่งทางที่ยังไม่ถึงถนนเพชรเกษม ที่จะไปทางบ้านโป่ง ซึ่งต้องไปยูเทิร์นไกลมากกกก

ด้วยความขี้เกียจ ไม่อยากไปอยู่เทิร์นไกล คุณอ้วนจึงตัดสินใจลักไก่ ตัดข้ามถนนแปดเลนตรงไปอีกฝั่งเลย โดยอาศัยรอจังหวะรถว่าง เพราะใครๆ เขาก็ทำกับแบบนี้ 

ในจังหวะที่กำลังขี่รถข้ามไปตรงเกาะกลางถนน ด้านหลังได้มีวัยรุ่นขี่รถมอเตอร์ไซค์ 4 คันตามมาเทียบข้างๆ ห่างออกไปประมาณ 3-4 ก้าว 

พอขี่ข้ามมาอยู่บนเกาะกลางถนน วัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ขี่ตามมาด้วย คุณอ้วนเตรียมตัวข้ามไปอีกฝั่ง มองไปทางซ้ายเพื่อดูว่ามีรถมาไหม เมื่อเห็นว่าไม่มีรถมา จึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ลงจากเกาะกลางไป แต่ช่วงจังหวะที่บิดมอเตอร์ไซค์ลงไป   จู่ๆ วัยรุ่นคันที่ขี่มาข้างๆ ก็บีบแตรขึ้นมา ปื้นนนนนน…

แต่คุณอ้วนไม่ได้สนใจ เพราะไม่รู้ว่าเขาบีบแตรทำไม คิดในใจว่า สงสัยเขาคงจะบีบแตรเรียกเพื่อนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหรือเปล่า จึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปต่อเรื่อยๆ พอจังหวะใกล้จะถึงเลนสุดท้าย ก็ได้มีรถพ่วงคันใหญ่มากพุ่งตรงมาทางคุณอ้วน แต่ด้วยความที่คุณอ้วนขี่ใกล้ถึงฟุตบาท ทางเข้าหมู่บ้านเพื่อน รถสิบล้อก็พุ่งชนท้ายรถมอเตอร์ไซค์คุณอ้วน จนตัวคุณอ้วนกระเด็นขึ้นมาอยู่บนฟุตบาทเลย 

ตอนนั้นคุณอ้วนตกใจมาก นั่งตัวสั่น คิดในใจว่ามองดีแล้วนะ แล้วรถสิบล้อคันก็ใหญ่ทำไมตัวเองถึงมองไม่เห็น ถนนโล่งมาก กลุ่มวัยรุ่นที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังมาก็เข้ามาดูคุณอ้วนว่าเป็นอะไรไหม เขาบอกว่า เขาอะบีบแตรเรียกคุณอ้วนแล้ว ไม่เห็นหรือไงว่ามีรถสิบล้อขับมา คุณอ้วนก็บอกว่า ไม่เห็นจริงๆ ถ้าเห็นก็คงไม่ขี่รถลงไปหรอก ใครจะไปอยากตาย หลังจากเคลียเรื่องรถเสร็จอะไรเสร็จคุณอ้วนก็กลับบ้านเลย สรุปไม่ได้ไปหาเพื่อน 

เช้าวันรุ่งขึ้นคุณอ้วนไปทำบุญที่วัดพร้อมกับเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อคืนให้หลวงตาฟังว่า เมื่อคืนไปเจอเหตุการณ์แบบนี้มา หลวงตาท่านก็ถามว่า “ไปทำอะไรแผลงๆ มาละ… มีคนตามเอ็งอยู่ เอ็งไปทำอะไรไว้…ไปเรียกเขามาทำไม…” คุณอ้วนเริ่มนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไปทำอะไรมา จึงบอกหลวงตาว่า “อ่อ ใช่หนูไปเอาเลือดเขามาแปะที่หน้าผาก เพราะหนูอยากจะรู้ว่าผีมีจริงไหม” 

หลวงตาท่านก็พูดขึ้นมาว่า “ก็นี่ไง เขาก็เลยอยากจะให้เอ็งรู้ว่าผีอะไรมีจริงไหม เพราะถ้าเอ็งตายไปเอ็งก็จะได้รู้ว่าผีมันมีจริง” คุณอ้วนก็เลยคิดว่านี่คงเป็นเพราะผีบังตาแน่นอน หลวงตาจึงไปเอาน้ำมนต์มาอาบทำพิธีให้

หลังจากรดน้ำมนต์เสร็จ คุณอ้วนก็คิดว่าคงรอดแล้วล่ะจึงขอตัวลากลับบ้าน ก่อนกลับ หลวงตาท่านก็ได้พูดบอกว่า “กลับบ้านเลยนะ กลับไปหาแม่ อย่าไปแวะที่ไหน”  

คุณอ้วนขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากวัดกลับบ้าน จนกำลังจะถึงทางเลี้ยวเข้าบ้าน จะมีบ้านของเพื่อนป้าอยู่ แกชื่อป้าเดือน แกตะโกนบอกว่า  “อีอ้วนนนน…มึงมานี่ก่อน” แต่คุณอ้วนรีบโบกมือขึ้นมาบ๊ายบาย เพราะหลวงตาท่านสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้แวะที่ไหน

พอกลับมาถึงบ้านคุณอ้วนก็รีบเข้าไปจุดธูปไหว้ศาลเจ้า แล้วไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา ป้าก็ทักเลยว่า

ป้า: “อ้าว…เมื่อกี้มึงไปเอาคนแก่ที่ไหนซ้อนมาด้วย กูเห็นตอนมึงออกไปมึงไปคนเดียว พอตอนกลับมามึงไปเอาใครกลับเข้ามาในบ้านด้วย…” 

คุณอ้วน: “ป้าอย่ามาโกหกชั้นนะ ชั้นยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ รู้ใช่ไหมว่าชั้นโดนอะไรมา”

ป้า: “ก็รู้ไง เนี่ย…กูไม่ได้เห็นคนเดียว ป้าเดือนก็เห็น ว่ามึงอะเอาใครมาเป็นผู้ชายสูงๆ แก่ๆ”

คุณอ้วน: “ก็ไม่มีนะ ชั้นเข้าบ้านไปคนดนเดียว ไม่มีใคร”

ป้า: “ก็กูเห็นกันเนี่ย… จริงๆ”

ตอนนั้นคุณอ้วนรู้สึกกลัวมากๆ รู้แล้วว่าคนตาม แต่ทำไมมองไม่เห็นหรือรู้สึกอะไรเลย ทีนี้ป้าสองคนก็เดินเข้ามาจูงคุณอ้วนเข้าบ้าน คิดกันว่าจะเอายังไงกันดี จนตกลงกันว่าพรุ่งนี้จะพาคุณอ้วนไปที่ศาลเจ้าที่หนึ่งซึ่งเป็นคนรู้จักกัน เขาเป็นร่างทรงเจ้าพ่อกวนอู  

วันรุ่งขึ้น พอไปถึง ร่างทรงเริ่มทำพิธีและบอกรูปพรรณสันฐานว่า ผู้ชายคนนี้สูง ลักษณะนี้ หน้าตาประมาณนี้  ซึ่งป้าก็บอกว่า ถูกต้องเลย มีหนวดตรงนั้นตรงนี้ 

ร่างทรงเริ่มทำพิธีต่อ โดยให้คุณอ้วนไปยืนกลางแจ้ง จุดเทียนสองอัน และให้อธิฐานบอกว่า ถ้าเกิดว่าเขาคนนี้อยากจะไปจากที่นี่หรือต้องการอะไร ขอให้มาสื่อสารบอก โดยการนำเทียนไปหยดในอ่างน้ำมนต์ แล้วดูว่ามันขึ้นว่าอะไร

คุณอ้วนก็เอาไปหยดตามที่ร่างทรงบอก ปรากฎว่ามันขึ้นเป็นวงกลมวนไปวนมา แล้วน้ำในอ่างน้ำมนต์มันก็เริ่มค่อย ๆ หมุนไปเอง คุณอ้วนก็งง เพราะตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ยืนอยู่เฉย ๆ จนร่างทรงพูดขึ้นมาว่า “เขาไม่ยอมว่ะ มึงไปท้าทายเขา” ร่างทรงจึงพาคุณอ้วนไปทำพิธิขอขมา ณ สถานที่ตรงนั้นเลย พร้อมกับไปซื้อโลงศพทำบุญให้เขา เพราะไม่รู้ว่าเขาคือใคร 

หลังจากทำพิธีขอขมาเสร็จคุณอ้วนก็กลับมาบ้าน และเหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น แต่ว่าก็ไม่ได้ดีถึงที่สุดเพราะคุณอ้วนยังมีอาการหวาดผวา กลัวๆ อยู่บ้าง รู้สึกว่ามันยังหลุดไม่ 100% จนกระทั่งสุดท้ายที่รู้สึกว่าหลุดจริงๆ คือได้มีญาติของผู้เสียชีวิตเป็นข้าราชการได้รับฟังเรื่องราวมาจากที่ศาลเจ้า จึงเดินทางมาหาคุณอ้วนและพาคุณอ้วนไปที่บ้านของเขา 

โดยคุณอ้วนนั่งรถไปกับคุณป้า พอไปถึง เดินเข้าไปในบ้านของเขา เห็นรูปของผู้ชายคนนั้นตั้งอยู่กลางบ้าน ป้าก็พูดขึ้นมาว่า “คนนี้แหละๆ ที่นั่งซ้อนรถมึงไปวันนั้น” คุณอ้วนจึงเข้าไปจุดธูปขมาขอโทษขอโพยต่อหน้ารูปผู้ชายคนนั้น หลังจากนั้นมาก็ไม่เจออะไรอีกเลย… นี่คือเรื่องที่คุณอ้วนเจอและรู้สึกว่า คำว่า ผี มันมีอยู่จริง…

แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ ถึงแม้เรื่องนี้จะผ่านไปแล้ว แต่คุณอ้วนก็ยังมีความอยากรู้อยู่ว่า คนทรงเจ้านั่นมีอยู่จริง ๆ ไหม ทำไมเวลาไปถามอะไรคนทรงเจ้าถึงบอกหรือรู้เรื่องราวอะไรทั้งหมด… (ปัจจุบันคุณอ้วนเป็นม้าทรงของพระแม่กาลี) 

จุดเริ่มต้นของการที่คุณอ้วนมาเป็นม้าทรงของพระแม่กาลี สืบเนื่องมาจากตอนที่คุณอ้วนเรียนชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่เป็นกระเทยอะเนาะ คุณอ้วนก็เลยไปเข้าชมรมนาฎศิลป์ จนอาจารย์ในชมรมเห็นว่าคุณอ้วนพอรำได้ มีความรับผิดชอบดี จึงมอบหมายให้คุณอ้วนคอยดูแลเด็ก ๆ จัดแจงท่ารำในแต่ละวัน หรือเวลาออกงาน

พอถึงวันไหว้ครู อาจารย์และคุณอ้วนก็ได้พาเด็กๆชมรมนาฎศิลป์ชุดนี้ไปไหว้ครูที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งทางคณะได้มีการพาเด็กที่เล่นดนตรีไทยและเด็กที่รำนาฎศิลป์มาร่วมกันทำพิธีครอบครูด้วยกันตรงนั้น ซึ่งในพิธีก็จะมีพราหมณ์เป็นคนทำพิธี 

ด้วยความที่คุณอ้วนไม่ได้เป็นนางรำ รำไม่เก่งอะไร เล่นดนตรีก็ไม่เป็น จึงไม่อยากจะเข้าไปร่วมพิธีด้วย แต่อาจารย์ที่มาด้วยกันได้บอกคุณอ้วนว่า “อ้วน!! ไหน ๆ ก็มาแล้ว เราก็เป็นลูกศิษย์พ่อแก่เหมือนกัน อยู่ชมรมนาฎศิลป์เหมือนกัน เข้าไปครอบสักหน่อยนะ”  คุณอ้วนจึงยอมตกลง และได้เข้าไปครอบครูเป็นคนสุดท้าย 

การครอบครูนั้น จะมีค่าครู 12 บาท มีพวงมาลัย ผ้าขาว ธูป อยู่ในขัน และใบไม้สำหรับเอาไว้ทัดหู จังหวะที่พราหมณ์ครอบครู คุณอ้วนก็ก้มหัวลง พนมมือ อธิฐาน “สาธุ…ขอให้ลูกเรียนดีๆ” แต่จังหวะที่เศียรพ่อแก่ครอบลงไป คุณอ้วนมีอาการวิ้งๆอยู่ในหนู… เบลอๆ ขึ้นมาทันที คล้ายคนพึ่งตื่นนอน รู้สึกเหมือนอยู่ในห้องโล้งๆ กว้างๆ 

คุณอ้วนรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยไม่รู้สึกตัว แต่รู้สึกว่ามีคนเข้ามาเขย่าเรียก จนพราหมณ์ถอดเศียรพ่อแก่ออกและเจิมหน้า อาจารย์ก็เข้ามาถามว่า “อ้วน เป็นอะไร” คุณอ้วนก็ตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน หนูรู้สึกวิ้งๆ ที่หัว ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่ตอนนี้รู้สึกมึนมาก” 

หลังจากนั้นคุณอ้วนก็กลับมานั่งอยู่สักพักนึง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งช่วงเย็นทุกคนเดินทางกลับถึงโรงเรียน ซึ่งจะต้องมีการเชิญเศียรพ่อแก่กลับมาไว้ที่ห้องนาฎศิลป์  จังหวะนั่งลงกำลังจะเอาเศียรพ่อแก่วางไว้บนโต๊ะหมู่บูชา คุณอ้วนรู้สึกเหมือนมีใครมากดที่ไหล่ คุณอ้วนตกใจ จนอุทานว่า “เฮ้ยยย ใครกดวะ” และรีบหันกลับไปมองข้างหลัง แต่ปรากฏว่าทุกคนยืนอยู่ข้างหลังกันหมด ไม่มีใครอยู่ใกล้คุณอ้วนแม้แต่คนเดียว

แแล้วอยู่ๆ คุณอ้วนก็ร้องวี๊ดขึ้นมา เริ่มสั่นไปทั้งตัว คุณอ้วนไม่รู้สึกตัว ในใจก็คิดแต่ว่า ชั้นเป็นอะไร! ชั้นเป็นอะไร! ปากก็ร้อง ว้ายยยย…. ออกมาตลอดเวลา จนอาจารย์ต้องเดินมาหยิบเศียรพ่อแก่ออกจากมือและบอกให้ตั้งสติ ถามว่าเป็นอะไร 

คุณอ้วนตอบอาจารย์ไปว่า “หนูไม่รู้ค่ะอาจารย์ หนูไม่ได้ทำอะไรผิดนะ หนูก็ไม่ได้ปากไวกับพ่อแก่ หรือว่าปากไวกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เพราะหนูเชื่อว่ามีจริง” ด้วยความที่อาจารย์ท่านอยากช่วยหาที่มา จึงบอกให้คุณอ้วนนั่งสมาธิตั้งจิต ลองนึกสิว่าวันนี้ทำอะไรมา 

คุณอ้วนก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนสุดท้ายอาจารย์ก็พูดขึ้นมาคำนึงว่า “ไปทำอะไรเกี่ยวกับเศียรพ่อแก่มาไหม” คุณอ้วนก็บอกว่า ก็ไม่นี่ค่ะ ตอนหนูไปหนูก็นั่งหน้ารถอุ้มเศียรไปกับตัวหนูตลอด” อาจารย์ก็ถามต่อว่า แล้วขาตั้งเศียรเอาไปไว้ที่ไหน คุณอ้วนก็ตกใจนึกขึ้นได้ว่าเอาวางไว้ที่เท้าตัวเอง 

คุณอ้วนบอกว่า ตอนแรกก็ถือทั้งขาตั้งและเศียรพ่อแก่แหละ แต่ด้วยความที่เศียรโยกไปโยกมา กลัวจะหล่น ก็เลยยกเศียรออกจาขาตั้งแล้วทิ้งลงไปไว้ที่เท้า ซึ่งคุณอ้วนไม่รู้ว่าขาตั้งก็เป็นของสูงเหมือนกัน

อาจารย์จึงให้ทำพิธีขอขมา เอาธูปเทียน หญ้าแพรก ดอกเข็ม หลังจากทำพิธีขอขมา ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากนั้นมาคุณอ้วนก็เริ่มเจอกับเรื่องลี้ลับหรือเห็นอะไรแปลก ๆ 

มีอยู่วันนึงคุณอ้วนเห็นอาจารย์ น เดินยิ้มมาแต่ไกล แต่อยู่ดีๆคุณอ้วนกลับเห็นภาพอาจารย์ น กำลังขี่รถมอเตอร์ไซด์สีน้ำเงิน มันเหมือนไม่ใช่ภาพปัจจุบันที่เป็นอยู่ เหมือนภาพซ้อนภาพ คล้ายกับเป็นนิมิต ซึ่งตอนแรกคุณอ้วนไม่กล้าที่พูดกับใครเพราะกลัวคนจะหาว่าบ้า 

แต่คุณอ้วนจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้กับเพื่อนคนนึงฟัง ชื่อว่า คุณโอ ว่าตัวเองเห็นอะไรมา คุณอ้วนเล่าให้คุณโอฟังว่า “โอ ๆ ชั้นเห็นอาจารย์ น ขี่รถมอเตอร์ไซด์คันสีน้ำเงินนี้ไปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต” คุณโอก็บอกว่า “มึงเริ่มบ้าละ เดี๋ยวกูจะพามึงไปหาหมอ” 

หลังจากนั้นผ่านไป 2 วัน วันนี้คุณอ้วนมีคาบวิชาที่ต้องเรียนกับอาจารย์ น ปรากฏว่า อาจารย์ น ไม่ได้มาสอน แต่มีอาจารย์ท่านอื่นมาสอนแทน พออาจารย์เข้ามาในห้องก็แจ้งข่าวว่า พอดีอาจารย์ น ประสบอุบัติเหตุเมื่อช่วงเช้าระหว่างขี่รถมาที่โรงเรียน ขาหักสองท่อน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนั้นคุณอ้วนกับคุณโอหันมามองหน้ากันทันที เพราะเรื่องราวทั้งหมดมันตรงกับที่คุณอ้วนเล่า 

“โอมึงจำที่กูพูดได้ไหมวะ ว่าอาจารย์ น จะโดนรถชน”

“อีอ้วน มึงเห็นกูไหม ว่าตอนนี้กูเป็นอะไร”  

“อีโอ เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เอาเรื่องของอาจารย์ก่อน”

จากนั้นคุณอ้วนก็ได้ไปเล่าให้อาจารย์ชมรมนาฏศิลป์ฟังว่า “อาจารย์คะ เมื่อ 2 วันที่แล้วหนูเห็นเหตุการณ์แบบนี้มา แล้วปรากฏว่าเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว” อาจารย์บอกคุณอ้วนว่า “อาจจะเป็นเพราะว่าเธอไปครอบครูมาด้วยหรือเปล่า จึงทำให้เธอเห็นนิมิต เห็นอะไรแบบนี้ เธอก็ตั้งจิตอธิฐานบอกเขาสิว่า  มีอะไรให้บอกเราเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้น ก็ให้มาสื่อสารบอกกับเราตรง ๆ เราจะไปเตือนเขา ท่านก็จะได้บุญ เขาคนนั้นก็จะได้ไม่เป็นอะไร…” 

คุณอ้วนจึงตั้งจิตอธิฐานบอก หลังจากนั้นเวลาคุณอ้วนเห็นภาพเหตุการณ์อะไร ก็มักจะบอกเตือนกับคนคนนั้นแบบทีเล่นทีจริง ประมาณว่า…

“เธอขี่รถขี่ลาอะไรระวังอุบัติเหตุนะ”…

“เธอวิ่งแตะบอลอะไร ระวังๆหน่อย…อย่าวิ่งเยอะ เดี๋ยวขาเจ็บนะ”

จนมาวันนึงช่วงที่โรงเรียนจัดกิจกรรมกีฬาสี ทุกคนต้องมาอยู่ช่วยกันทำสแตน ป้ายเชียร์ ด้วยความที่ต้องอยู่กันดึก จึงนอนค้างที่โรงเรียน ตกดึกคุณอ้วน คุณโอ เพื่อนๆ และน้อง ๆ ที่เป็นรีดเดอร์จะมานอนรวมกันอยู่ในห้องเรียนใหญ่ คุณอ้วนก็พูดขึ้นมาว่า “โอ…ทำไมวันนี้ชั้นรู้สึกเหมือนร้อนๆหนาวๆอย่างไงไม่รู้ว่ะ หรือว่าชั้นจะไม่สบาย” คุณโอก็ตอบว่า “ใช่ ก็มึงทำงานโน่นนี่นั่นทั้งวัน”

จนคุณอ้วนผลอยหลับไป คืนนั้นคุณอ้วนฝันว่า มีคนมาบอกว่า “ไม่ต้องเสือกเรื่องของกูได้ไหม” ในความฝันคุณอ้วนก็ถามกลับไปว่า “แล้ว ชั้น ไปเสือกเรื่องอะไรของคุณเนี่ย ชั้นไม่เคยรู้จัก ชั้นไม่เคยเห็นคุณ”  สักพักเขาก็ลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้าคุณอ้วน แล้วเอามือชี้ พร้อมกับพูดว่า “มึงจำไม่ได้หรือ” และคุณอ้วนก็สะดุ้งตื่นขึ้น

คุณอ้วนสะกิดคุณโอให้ตื่น และเล่าเรื่องที่ฝันให้ฟัง แต่คุณโอกลับบอกว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าไปถามอาจารย์ใหญ่ ตอนนี้มึงสวดมนต์ แล้วก็เอาเหรียญบาทอะใส่ไว้ใต้หมอนก่อน แล้วกลับหมอน นอนต่อไปก่อน” (เป็นการแก้เข็ดเพราะคุณอ้วนเคยถูกสอนเอาไว้ว่า ถ้าฝันไม่ดีให้เอาเหรียญใส่ไว้ใต้หมอน กลับหมอน แล้วค่อยนอนต่อ) 

เช้าวันรุ่งขึ้นคุณอ้วนเอาเรื่องความฝันเมื่อคืนมาเล่าให้อาจารย์ใหญ่ฟัง อาจารย์บอกว่า “คงจะไม่มีอะไรหรอก เธอคงจะคิดมากแล้วเก็บเอาไปฝันหรือเปล่า  เพราะช่วงนี้เธอมักจะเห็นอะไรที่ไม่ควรจเห็น” คุณอ้วนเลยไม่ได้คิดอะไร 

กิจกรรมกีฬาสีวันแรกผ่านไปแบบสนุกสนานเฮฮา ตกเย็นช่วงประมาณ 5-6 โมงช่วงกำลังโพล้เพล้ ต้องมีการตกแต่งสแตนกันใหม่ คุณอ้วนอยู่ข้างบนรู้สึกเหนื่อยมาก เมื่อคืนก็ฝันไม่ดีรู้สึกว่านอนไม่พอ จึงของีบนอนบนสแตนสักพักนึง 

คุณอ้วนพลิงหลังไปได้พักนึง คุณอ้วนก็หลับไปเพราะความเพลีย แต่น้อง ๆ ทุกคนที่อยู่ข้างล่างสแตนกำลังซ้อมเชียร์ มองขึ้นมากลับเห็นว่าคุณอ้วนกำลังนั่งคุยกับใครอยู่ไม่รู้อยู่พักนึง ซึ่งมีเด็กตรงนั้นประมาณ 17-18 คน ทุกคนเห็นเหมือนกันหมด แต่ความรู้สึกของคุณอ้วนคือนอนหลับอยู่เฉย ๆ 

จนคุณโอเดินเข้ามาเขย่าเรียก “อ้วนๆ ๆ ๆ” คุณอ้วนก็ตื่นขึ้น คุณโอถามคุณอ้วนว่า “เมื่อกี้มึงคุยกับใครอะ” คุณอ้วนบอกว่า “คุยกับใครอะ ชั้นกำลังนอนหลับสบายเลย ไม่ได้คุยกับใครนะ” คุณโอบอกว่า “แต่น้อง ๆ เห็นว่ามึงนอนแล้วหันไปคุยกับใครก็ไม่รู้”

พอตกกลางคืน เหตุการณ์เมื่อกลางวันทำเอาทุกคนในห้องไม่มีใครนอนหลับเลย คุณอ้วนเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆเหมือนเดิม และรู้สึกกลัว ผู้ชายในฝันเมื่อคืนจะตามมาเข้าฝันอีก แล้วบังเอิญว่ามีน้องที่เป็นเชียร์รีดเดอร์ดันมาเล่าเรื่องผีกัน เล่าเรื่องผีกันไม่พอ มีน้องคนนึงไปหากระดาษมาวาดเป็นผีถ้วยแก้ว หาเรื่องกันแท้ ๆ สนุกกันใหญ่เลย 

คุณอ้วนเลยเข้าไปบอกน้อง ๆ ว่า “หยุดไม่ต้องเล่นกันได้ไหม ชั้นกำลังรู้สึกไม่ดี” น้องก็พูดชึ้นมาว่า “ไม่มีอะไรหรอกเจ๊ แหมมม ขำ ๆ ผีถ้วยแก้ว ถ้าหนูไม่ดัน มันก็ดันหนู มีอยู่สองอย่างเท่านั้นแหละเจ๊” คุณอ้วนก็เลยบอก โอเคไม่เป็นไร แล้วเดินไปเข้านอน 

ทุกคนนั่งเล่นกันสักพักนึงจนเหลือกันอยู่ประมาณ 5 คนรวมคุณโอด้วย แล้วไอ้ 5 คนที่เหลือเนี่ย ก็ดันปากดีกันทุกคนเลย คุณโอพูดขึ้นมาว่า “ไหนลองดูสิ อีคนที่เมื่อคืนมาเข้าฝันอีอ้วนอะ เป็นใคร” คุณอ้วนที่นอนอยู่พอได้ยินเพื่อนพูดอย่างนั้นก็รีบเอาเท้าไปสะกิด และบอกว่า “ทำไมปากดีกันนัก ไม่ใช่พวกมึงหรอกที่จะโดน กูนี่!!” แต่คุณโอก็ไม่ฟัง ทุกคนยังคงนั่งเล่นผีถ้วยแก้วกันต่อไป

เล่น ๆ เขี่ยกันไปเขี่ยกันมา อยู่ๆแก้วก็ไปหยุดอยู่ตรงคำว่า ตาย แล้วพอแก้วจะเลื่อนจากคำว่า “ตาย” ขึ้นไปคำว่า “เป็น” กระดาษตรงคำว่าตายก็ขาดเลย!!!  ทั้งๆ ที่เป็นกระดาษแข็ง ๆ และหนามาก

ทีนี้กระเทยทำไงละ คุณอ้วนลุกเข้าไปพับกระดาษเก็บทันที ไม่ต้องลงต้องเล่นกันแล้ว เลิกโดยที่ไม่มีการเชิญออกหรือขอขมา 

คุณอ้วนคิดในใจเอาละ ซวยกูแน่ ๆ ทีนี้กูเอาไง ทำยังไงดีละ เริ่มรู้สึกไม่ดี ก็เลยนึกถึงพ่อแก่ตั้งสตินั่งสมาธิ ซึ่งห้องที่เก็บเศียรพ่อแก่จะอยู่ที่ชั้น  2 อีกฝั่งนึง คุณอ้วนอยู่ชั้น 1 อีกฝั่ง คุณอ้วนก็หลับตานั่งสมาธินึงถึงงพ่อแก่ นั่งอธิฐานอะไรไปอยู่ครู่นึง 

สักพักอีคนที่ดันถ้วยแก้วจนกระดาษขาด อยู่ๆ ก็ร้อง กรี๊ดดดด ขึ้นมา คล้ายตนโดนผีเข้า คุณอ้วนนึกในใจ “เอาแล้วไงกู คืนนี้แหละโดนกันถ้วนหน้าแน่ๆ” คุณโอหันมาสะกิด “อ้วน เอาไง ๆ” คุณอ้วนก็เลยตัดสินใจถามเขาไปตรงๆเลยว่า จะเอายังไง แต่เขาไม่พูดอะไร จึงยืนปากกาให้เขียน เขาก็เขียนเป็นรอยปากกายึกๆยือๆยาวติดๆกัน ประมาณว่า อย่า ยุ่ง!! 

ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี 1 เกือบจะตี  2 แล้วคุณอ้วนก็คิดว่าจะเอายังไงดี นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีพระอยู่องค์หนึ่งที่พกติดตัวอยู่ในกระเป๋าสตางค์ คุณอ้วนรีบตั้งจิตอธิฐานเอาเส้นด้ายมาคล้องพระและเริ่มอธิฐาน “สาธุ หลวงพ่อจ๋า ถ้าเกิดว่าพวกลูกทำอะไรผิดไป ก็ขอให้หลวงพ่อช่วยด้วยนะ อย่าให้ใครเป็นอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะทำพิธีขอขมาละกัน” และก็เอาพระคล้องคอไป ปรากฏว่าน้องเขาก็ค่อย ๆ ดีขึ้น  

ตอนเช้าตื่นขึ้นมา น้องเขายังเหมือนคนไม่ค่อยมีแรง คุณอ้วนก็ไปเล่าให้อาจารย์ใหญ่ฟัง อาจารย์ใหญ่ก็บอกว่า “พวกมึงทำอะไรกันไว้ ให้ไปจุดธูปขอขมากกันนะ” 

หลังจากทุกคนขอขมาเสร็จ ด้วยความที่พรุ่งนี้จะเป็นวันกีฬาสีวันสุดท้าย คุณอ้วนจึงบอกทุกคนว่า “เอาอย่างนี้นะ แยกย้ายกันกลับไปนอนบ้านใครบ้านมัน เพราะเมื่อคืนเกิดเรื่องไม่ดีไปแล้ว” แล้วเรื่องนี้ก็จบกันไป 

ตอนนั้นคุณอ้วนยังรู้สึกค้างคาในใจคิดว่าทำไมเขาถึงมาบอกว่า อย่า ยุ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนผ่านงานกีฬาสีไปได้ประมาณ 2-3 วัน คุณอ้วนก็ไปเจอป้าแม่บ้านขี่มอเตอร์ไซด์มาที่โรงเรียน เพื่อกวดโรงเรียน ทำความสะอาดทุกเช้า 

ปรากฏว่า ขณะที่คุณป้ากำลังกวาดพื้นอยู่  คุณอ้วนเห็นภาพซ้อนขึ้นมาว่าป้าคนนี้ไม่มีแขนขวา และเอามือซ้ายมาจับตรงไหล่ขวา ทำท่าเหมือนเจ็บแผล 

ด้วยความเป็นห่วง คุณอ้วนก็เดินเข้าไปทักทายบอก “ป้าาาา ช่วงนี้ทำอะไรก็ระวังๆ หน่อยนะ อายุเยอะแล้ว แขนเขินอะระวังให้ดี ดงเดินอะไร ขี่รถระวังด้วยนะ” ป้าก็ตอบรับกลับมาว่า “จร้า ขอบใจนะ” แล้วก็เดินผ่านป้าไป ยังไม่ทันไร อยู่ ๆ คุณอ้วนก็ได้ยินเสียงพูดแว่ว ๆ เข้ามาในหูว่า “อย่า ยุ่ง” 

คุณอ้วนรีบหันกลับไปทางคุณป้า ปรากฏว่าเห็นเป็นเงาผู้ชายยืนอยู่ข้างหลังป้า คราวนี้คุณอ้วนเริ่มอยากจะรู้แล้วว่าทำไมตัวเองถึงเห็น จึงไปถามอาจารย์ท่านนึง คุณอ้วนพึ่งมาทราบภายหลังว่าอาจารย์ท่านนี้เป็นร่างทรงของพระพิลาภ อาจารย์ท่านบอกว่า “การที่หล่อนเห็นว่าคนอื่นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันดี เพราะเราได้เตือนเขา แต่เจ้ากรรมนายเวรของเขาจะมาเล่นงานหล่อน เพราะถือว่ากรรมของเขาไม่ใช่กรรมของเธอ” 

หลังจากนั้นมาคุณอ้วนก็ไม่เคยทักใครอีกเลย เพราะคุณอ้วนรู้สึกว่า ตัวเองมีของดีเขาทำอะไร คุณอ้วนไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาจะไปทำกับคนอื่น เหมือนที่เพื่อนโดน ซึ่งถ้าคุณอ้วนอยากจะช่วยใครให้ดูเป็นเคสๆ ไป ถ้าเตือนแล้ได้ยินเสียงมาบอกว่า “อย่า ยุ่ง” ก็ไม่ต้องไปยุ่ง ให้หยุด แค่นั้น…เรื่องราวของคุณอ้วน สิริ ก็จบลงเพียงเท่านั้น 

ขอขอบคุณที่มาเรื่องเล่าจากช่อง AtimeOnline อังคารคลุมโปง  เปิดที่มาทำไมถึงเห็นผีของคุณอ้วน สิริ! เรียบเรียงโดย  คลังหลอน

กดฟัง :  เปิดที่มาทำไมถึงเห็นผีของคุณอ้วน สิริ อังคารคลุมโปง

บทความ Rewrite ห้ามคัดลอก หรือนำไปเล่าลง Youtube หรือ พอดแคสต์

Previous articleบ้านพักต่างจังหวัด เรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้น ณ หลังนี้
Next articleเสียงเรียกหา คืนหลอนที่บ้านป้า