วัลลี ยากุ ตำนานสุดสยอง..! ผีสาวแม่ลูกอ่อน ที่วัดกำพร้า จ.สมุทรสาคร”

วัลลี ยากุ

ในบรรดาเรื่องผีที่เล่าสู่กันฟังอยู่ทุกวันนี้  ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องที่พบเห็นแล้วเล่าลือต่อๆกันมา  และมักไม่ค่อยมีหลักฐานอ้างอิงว่าจริงเท็จประการใด

แต่กับเรื่องราวของ “วัลลี ยากุ” ผีสาวแม่ลูกอ่อนสุดเฮี้ยนแห่งจ.สมุทรสาคร นั้น..  ถือเป็นเรื่องราวสุดหลอนที่มีหลักฐานชัดเจน  ถึงขนาดที่ว่าภายในวัดทำเป็นศาลให้คนไปกราบไหว้เลยทีเดียว

เรื่องราวของ  “วัลลี ยากุ” เป็นเรื่องเล่าชวนสยองขวัญ ที่ชาวบ้านแถวๆ วัดกำพร้า ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ในช่วงนึงต่างร่ำลือกันว่าคือเรื่องจริง  และหลายคนก็เคยมีประสบการณ์จริงจากการพบเห็นด้วยตนเองมาแล้วด้วย  เรื่องนี้จึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง..!

“วัลลี ยากุ”  หญิงสาวผู้น่าสงสารวัย 19 ปี พร้อมลูกน้อยวัย 3 ขวบ และลูกที่อยู่ในท้องอีกคน  เธอไม่ใช่คนไทย  และไม่ทราบสัญชาติตนเองด้วยซ้ำ  เพราะเธอเกิดมาพร้อมสถานะเป็นคนต่างด้าว  และเมื่อวัลลีมีครอบครัวได้ไม่นาน  สามีก็ออกไปทำงานนอกบ้าน  ก่อนจะหายตัวไป  ทราบแต่เพียงว่าอยู่ใน จ.สมุทรสาคร

จนมาวันนึง  วัลลี ยากุ  ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อตามหาสามีตนเอง  แต่ไม่ทันพบหน้าเพราะเธอกลับถูกรถชนตายอย่างอนาถ  กลายเป็นศพที่ไร้ญาติ  ก่อนที่จะมีคนช่วยนำศพเธอมาไว้ที่ “วัดกำพร้า”จากนั้นเรื่องราวหลอนๆของ วัลลี ยากุ ก็เริ่มขึ้นนับแต่ตอนนั้น..

วิญญาณมาเดินจูงมือลูก…

วัดกำพร้า  คือวัดเก่าแก่แห่งนึง  ยิ่งพอตกดึกด้วยแล้วบรรยากาศแถวนั้นก็ยิ่งน่ากลัว เส้นทางที่จะไปวัดกำพร้า ว่ากันว่าชาวบ้านแถวนั้นมักเห็นวิญญาณของวัลลีกับลูก  เดินอยู่ที่นั่นเป็นประจำ โดยเฉพาะตรงหน้าวัด..

ซึ่งปกติเดิมทีแถวนั้นจะมีร้านค้ามากมาย  แต่ช่วงที่มีข่าวแพร่สะพัดออกไปถึงความเฮี้ยนของ วัลลี ยากุ ทำให้ร้านค้าแถวนั้นต่างต้องรีบปิดร้านกันตั้งแต่หัววันเพราะกลัว..

…เสียงกล่อมเด็กในทุกๆคืน…

เสียงแว่วโหยหวนที่ดังฝ่าความมืดมาในยามดึก  พอจับใจความได้ว่ามันเป็นเพลงกล่อมเด็กที่เย็นยะเยือก  ดังแว่วมากับเสียงลม  ช่างชวนหลอนสั่นประสาทดีเหลือเกิน

คนละแวกนั้นต่างทราบดีว่าต้นเสียงนั้นไม่ใช่ใคร  คือผีแม่ลูกอ่อน วัลลี ยากุ นั่นเอง..

มายืนโบกรถให้ใครๆเห็น…

มีอยู่คืนหนึ่ง  วินมอเตอร์ไซค์เกิดดวงซวย  ระหว่างขี่รถมาเกิดเห็นผู้หญิงท้องและลูกน้อยกำลังยืนโบกรถ  จากหน้าวัดให้ไปส่งที่ท่ารถ  คนขี่วินที่ไม่รู้เรื่องนี้และไม่คิดว่าตนเองจะซวยก็รับทั้งสองขึ้นมา  และพอขี่ไปยังไม่ทันถึงจุดหมาย  ปรากฎสองแม่ลูกนั้นกลับหายไปราวกับไม่มีใครนั่งมาแต่แรก  ทำเอาวินมอเตอร์ไซค์หลอนจนแทบจะขี่รถต่อไม่ไหวเลยทีเดียว..

เฮี้ยนขนาดไปปรากฎกายบนชิงช้าสวรรค์…

ในงานวัดปีหนึ่งซึ่งจัดขึ้น ทางวัดจัดให้มีชิงช้าสวรรค์มาให้เด็กๆได้ขึ้นไปนั่งเล่นชมวิวกัน  แต่ทว่าชิงช้านั้นกลับมีสองแม่ลูกขึ้นไปนั่งในนั้นด้วย  และเมื่อชิงช้าวนลงมาครบรอบ  พอเปิดประตูกลับไม่เห็นสองแม่ลูกคู่นั้นแล้ว  พวกเขาพากันงงว่าหายไปไหน?  และทำให้ต้องเก็บชิงช้าสวรรค์หนีกลับชนิดแทบไม่ทัน

ออกมาเอ็ด  ห้ามส่งเสียงหนวกหู..

เรื่องนี้เป็นอะไรที่ถือว่าหลอนสุดๆ  เพราะมีพยานรับรู้กันร่วมร้อยชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เนื่องจากในช่วงที่มีงานวัดจะมีการเปิดเสียงเพลงอึกทึกครึกโครม  และในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับเครื่องเล่นและดนตรีต่างๆ  อยู่ดีๆ ก็มีเสียงหนึ่งแทรกออกมาจากลำโพงภายในงานว่า  “หนวกหู  ลูกกูจะนอน..!”

เสียงนั้นคือเสียงผู้หญิงที่ตะโกนออกมาด้วยความโมโห  และพอสิ้นเสียงเท่านั้นแหล่ะ  คนในงานต่างเผ่นกลับบ้านไปคนละทิศละทาง  จนงานวัดที่เพิ่งเริ่มต้องหยุดลงทันที..เพราะต่างรู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของผีแม่ลูกอ่อน  นางวัลลี นั่นเอง

ว่ากันว่าในเวลานั้นความหลอนของ วัลลี ยากุ  ชัดเจนเกินกว่าใครจะปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องจริง  ก่อนที่จะมีชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นเขียนเรื่องราวไปเล่าให้รายการ “คนอวดผี” ฟัง เพื่อหวังจะหาคนมาช่วยทำพิธีกรรม  สวดส่งวิญญาณผีสาว  และทำให้ความสงบกลับมาอีกครั้ง

จนเมื่อ “ริว จิตสัมผัส” ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ด้านวิญญาณแห่งรายการคนอวดผี  ได้เสนอแนะวิธีแก้ไขให้  โดยการประกาศให้ผู้ที่ขับรถชน วัลลี ยากุ รีบมาขอขมาดวงวิญญาณ  และทางรายการก็จะได้ทำพิธีศพของเธอให้อย่างถูกต้อง

พอหลังจากพิธีกรรมต่างๆ จบสิ้นไป  ก็เหมือนว่าจะได้ผล  เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านในละแวกวัดหรือชุมชนใกล้เคียงต่างใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ  ไม่มีใครเจอนางวัลลี ออกมาเที่ยวหลอกหลอนอีกแล้ว  ทิ้งไว้เพียงเรื่องเล่าในตำนานของชาวบ้านย่านวัดกำพร้ากับศาลเล็กๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับ วัลลี ยากุ

ชนิดที่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใด  ก็คงไม่มีวันลืมเลือนความเฮี้ยนของผี วัลลี ยากุ  อย่างแน่นอนครับ.

ขอขอบคุณที่มาเรื่องเล่าจาก “คุณเอกคนพื้นที่ ,ไกด์ชุมชนวัดกำพร้า.คนอวดผี”

ถ่ายทอดและเรียบเรียงโดย  สยองขวัญวาไรตี้

Previous articleเปิดเรื่องหลอน ม.ขอนแก่น มหาลัยที่เก่าแก่แห่งภาคอีสาน
Next articleสีกาดาวเรือง กุฏิร้าง กับ พระบวชใหม่